ตอนที่ 1221 ตกใจหนี
เพราะเขารู้ว่าตอนที่สวี่ฮุ่ยตื่นขึ้นอย่างแท้จริงจะเป็นช่วงเวลาที่จิตสำนึกที่สองหายไป เขารับเรื่องนี้ไม่ได้ และก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ดังนั้น…เขาจึงขัดคำร้องขอของสวี่ฮุ่ยที่ให้เขาไว้ตอนนั้น
เขาระวังตัวมาตลอด ระวังไม่ให้สวี่ฮุ่ยรู้จักกับคนนอกมากเกินไป และยังไม่ช่วยตามหาซูหมิง ในมุมมองเขา หลังจากผ่านช่วงเวลาแบบนี้นานๆ ไป จิตสำนึกที่เกิดใหม่ของนางจะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งควบคุมวิญญาณเดิมแล้ว เขาก็จะทำสำเร็จ
อีกอย่างเขายังพบว่าจิตสำนึกใหม่ที่เกิดขึ้นในตัวสวี่ฮุ่ยมีความรู้สึกแปลกกับตนตลอดหลายปีมานี้เหมือนกัน นี่ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นและมั่นใจในความคิดตนมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้ นางเป็นของข้า เจ้าจะลบจิตสำนึกของนางไม่ได้!” เต๋อซุ่น ตาแดงก่ำ เขาคำรามพร้อมพุ่งกระโจนไปหาซูหมิง แต่นอกตัวซูหมิงกับสวี่ฮุ่ยกลับปรากฏม่านแสงหนึ่งชั้น เมื่อเต๋อซุ่นสัมผัสแล้วก็ถอยไปทันที
แต่เขาบ้าคลั่งจริงๆ แล้ว จึงพุ่งกระโจนเข้าไปหลายต่อหลายครั้งและถูกดีดออกมาเรื่อยๆ โลหิตไหลมาจากมุมปาก แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย ความบ้าคลั่งนั้นเหมือนซูหมิงกำลังจะสังหารคนรักเขา
เหตุการณ์นี้ทำให้ซูหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่เขายกมือขวาขึ้นจากระหว่างคิ้วสวี่ฮุ่ย นางหลับตาลง ผ่านไปพักหนึ่งเมื่อนางลืมตาขึ้น นางเพ่งมองซูหมิงด้วยความรัก
แม้หน้าตาซูหมิงจะเปลี่ยนไป แต่ในสายตานาง นิ้วมือของซูหมิงเมื่อครู่ที่สัมผัสระหว่างคิ้วทำให้นางเข้าใจตอนวิญญาณตื่นขึ้นว่าคนตรงหน้าคือซูหมิง
“ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้ว?” สวี่ฮุ่ยมองซูหมิงพลางถามเสียงเบา
“นานมาก” ซูหมิงตอบกลับช้าๆ ก่อนยกมือขึ้นลูบผมยาวของนาง
นอกม่านแสง เต๋อซุ่นเห็นภาพนี้แล้วนัยน์ตาฉายแววสิ้นหวังและยังมีความแค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความแค้น
ทั้งหมดลงที่ซูหมิง ถึงความแค้นจะไม่มีเหตุผล ถึงคนนอกจะไม่เข้าใจ แต่มันกลับฝังรากลงในใจเต๋อซุ่น และด้วยความที่แค้นมากขึ้นเรื่อยๆ มันเลยเข้ามาแทนที่จิตสำนึกเขา
เพียงแต่ว่าในความแค้นยังมีความเศร้าอยู่ลึกๆ เต๋อซุ่นมองสวี่ฮุ่ย ความเศร้านั้นข้นมากขึ้น กลายเป็นน้ำตาหลอมรวมกับโลหิตหยดลงบนอาภรณ์
เขามองสวี่ฮุ่ย ความเจ็บปวดในใจเหมือนร่างกายถูกฉีก เขาหมุนตัวกลับเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่ง เขาอยากไปจากที่นี่ ออกไปจากที่ที่ทำให้เขาเจ็บปวด ถึงเขาจะเข้าใจว่าสวี่ฮุ่ยไม่เคยเป็นของตนเลย แต่เขาก็รับไม่ได้ และเขายังเข้าใจอีกว่าตนไม่มีเหตุผล แต่ว่า…เขาก็ยังแค้นซูหมิง
ความแค้นนี้จะทำให้เขาล้างแค้นโดยไม่สนสิ่งใด ตามหาโอกาสทุกอย่างในการสังหารซูหมิงอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าตอนนี้เขายังอ่อนแอเกินไป เขาจึงรู้จักการอดทน และได้นำความแค้นฝังลึกไว้ในก้นบึ้งหัวใจแล้ว รอวันที่ปะทุออกมา
สวี่ฮุ่ยมองเต๋อซุ่นที่บินไกลออกไปด้วยแววตาซับซ้อน และยังมีประกายเย็นชาเล็กน้อย
“เรื่องของเขาเป็นเพราะความประมาทของข้าในตอนแรก ข้าจะไปจัดการ ในความทรงจำเหมือนมีสำนักเกี่ยวกับยอดเขาลำดับเก้าอยู่ นั่นคือสำนึกของเจ้ารึ?” สวี่ฮุ่ยมองซูหมิงแล้วถามขึ้นเบาๆ
ซูหมิงพยักหน้า
สวี่ฮุ่ยไม่พูดต่อ แต่ขยับไหวเดินออกจากม่านแสงกลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดตามเต๋อซุ่นไป ในตัวนางเต็มไปด้วยไอหนาว
“เจ้าอย่าสังหารเขา เพราะหากไม่มีเขา เจ้ากับข้าก็คงไม่เจอกันวันนี้” ซูหมิงกล่าวเนิบๆ ร่างเงาสวี่ฮุ่ยไม่หยุดแม้แต่น้อย และยังไม่ตอบกลับใดๆ แต่เป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป หายไปกลางฟ้า
ซูหมิงมองร่างเงาสวี่ฮุ่ยพลางถอนหายใจเบา เรื่องนี้ซับซ้อนอยู่เล็กน้อย ไม่มีถูกผิด เขาเองก็ไม่มีอำนาจไปจัดการ คนที่มีสิทธิ์จัดการเรื่องนี้จริงๆ มีเพียงสวี่ฮุ่ย
ขณะเงียบอยู่นี้ ซูหมิงก็กวาดสายตามองผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้ไปรอบๆ
“พวกเจ้าไปยอดเขาลำดับเก้า จากนี้ไปเป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า” เมื่อเสียง ซูหมิงดังก้อง ผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้ห้าแสนคนรอบๆ ต่างพากันคารวะแล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป พวกเขาย่อมรู้ตำแหน่งของยอดเขาลำดับเก้า เพราะเป้าหมายแรกสุดที่พวกเขามาที่นี่ก็คือทำลายยอดเขาลำดับเก้า
เมื่อผู้ฝึกฌานที่นี่บินไกลออกไป ครู่ต่อมากลางฟ้าเงียบลง ความรู้สึกรุนแรงของกฏชะตาที่ซูหมิงยับยั้งไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ลอยขึ้นมาในก้นบึ้งหัวใจท่ามกลางความเงียบจากรอบตัวอีกครั้ง เขาค่อยๆ มองไปกลางพายุหมุนไกลออกไป
‘อีกฝั่งของพายุหมุนยังมีผู้ฝึกฌานพันธมิตรใต้อีกไม่น้อย…’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว ขณะกำลังจะเดินหน้าไปยังพายุหมุนนั้น ในใจเขาพลันเกิดการตื่นตัวอย่างรุนแรง ความตื่นตัวนี้กลายเป็นภยันตรายเป็นตายที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนมาช่วงระยะหนึ่ง ทันทีที่ทั่วร่างเขาแผ่จิตสังหาร ชายชราวิญญาณสวรรค์ข้างๆ เงยหน้าตะโกนเสียงต่ำออกไป
“ไสหัวไป!”
เขาตะโกนไปเพียงคำเดียว แต่เมื่อคำนี้ดังขึ้น ผืนฟ้าบิดเบี้ยวประหนึ่งเปลี่ยนเป็นขุ่นมัว มวลอากาศหายไป ราวกับว่าทั้งมวลอากาศกลายเป็นหลุมดำ ระลอกคลื่น ฟ้ากระจ่างดาววงโคจร แรงกดดันไม่อาจบรรยายแผ่กระจายไปรอบๆ
พายุหมุมพังทลายลง ที่พังไม่ใช่จุดเดียว แต่เป็นมวลอากาศที่ซูหมิงมองเห็นได้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ชั่วพริบตาเดียวก็หายไป ดวงจิตสูงส่งลงมาเยือน ในดวงจิตนี้เผยเป็นความบ้าอำนาจ เหมือนทำลายทุกสิ่งมีชีวิตได้
กระทั่งซูหมิงยังมีความรู้สึกเหมือนว่าทั้งฟ้ากระจ่างดาวกลายเป็นเศษซากทั้งหมด แต่ชั่วพริบตาเดียวก็รวมขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ทำให้เขาใจสั่นไหว และยังได้ยินเสียง อู้อี้ดังแว่วมาจากในพายุหมุนพังทลาย
เป็นร่างเงาสตรีคนหนึ่งกระอักเลือดอยู่กลางเศษซากพายุหมุนนั้น นางถอยไปอย่างรวดเร็ว ชั่ววูบเดียวก็ไกลออกไปจนหายลับไป
เมื่อนางถอยไปไกลแล้ว ภยันตรายเป็นตายในใจซูหมิงจึงหายไปด้วย
ต่อมาชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ข้างกายซูหมิงยกมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนกวักไปทางเศษซากพายุหมุน ทันใดนั้นมีโลหิตกลุ่มหนึ่งเข้ามาลอยอยู่กลางมือชายชรา ตอนนี้เองโลหิตพลันบิดเบี้ยวกลายเป็นหงส์เหมันต์ตรงไปที่ดวงตาชายชราอย่างรวดเร็ว
ชายชราแค่นเสียงหึเย็นชา และก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรอีก แต่หงส์เหมันต์กลับแข็งตัวอยู่ตรงหน้าเขา แน่นิ่งไม่ขยับไหว
“เรียกจิตมายามังกรทำลายล้างกลางวิญญาณเจ้าออกมา สิ่งนี้คืออาหารเสริมที่ดีมากสำหรับจิตมายาของเจ้า” ชายชราเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“จิตมายามังกรทำลายล้าง?” ซูหมิงใจสั่น ทันใดนั้นมังกรทำลายล้างสีดำก็พุ่งออกมาจากกลางกระหม่อมเขา ตรงเข้าไปหาหงส์เหมันต์ เมื่อกินเข้าไปในทันใดแล้ว มังกรทำลายล้างถึงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ร่างกายขยายใหญ่ถึงสองร้อยกว่าจั้ง จากนั้นจึงกลับเข้าไปในวิญญาณซูหมิง
“ในสามรกร้าง คนที่มีจิตมายาธาตุน้ำแข็งมีเพียงเผ่าวิญญาณในแคว้นอู๋ วิญญาณของเผ่านี้เหมือนกับจิตใจ ถูกเรียกกันว่าจิตมายา แต่มังกรทำลายล้างสีดำตัวนั้นของเจ้าอยู่สูงส่งยิ่งในเผ่าวิญญาณ เพราะในสามเทพบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ที่เผ่าวิญญาณบูชา ก็มีคนที่มีกายเป็นมังกรทำลายล้างเหมือนกัน
คนที่ลงมือกับเจ้าเมื่อครู่คือคนจากเผ่าวิญญาณ แม่นางน้อยคนนี้หนีไปด้วยเสียงคำรามข้า ไม่อยากเชื่อว่ายังคิดจะจู่โจมสวนกลับอีก เห็นได้ว่ามีพลังไม่ธรรมดา เจ้า…นอกจากใช้เปลี่ยนเทพหมานสู้กับนางแล้ว ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้นาง อยากให้ข้าช่วยถอนรากถอนโคนหรือไม่?” ชายชราวิญญาณสวรรค์มองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นเสียงเบา
ซูหมิงเงียบ ด้วยสติปัญญาของเขาจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่าในเมื่อนางคนนั้นเป็นเผ่าวิญญาณ ในเมื่อวิญญาณตนให้กำเนิดมังกรทำลายล้างตรงแกนกลาง เช่นนั้นทุกอย่างก็อธิบายได้แล้วว่าพลังวิญญาณส่วนของสายเลือดมารดาได้ตื่นขึ้นแล้ว
บางทีนี่คือสาเหตุที่ให้นางมา ดูจากท่าทางแล้วคงจะมีเจตนาร้ายต่อตน ซูหมิงส่ายศีรษะเงียบๆ เขาวางเรื่องนี้ไว้ในก้นบึ้งหัวใจแล้ว
“ผู้เยาว์จะจัดการเรื่องนี้เอง ในเมื่อข้าในตอนนี้ใช้เปลี่ยนเทพหมานสู้กับนางได้ เช่นนั้นหลังจากข้ายึดครองโลกดาราสัจธรรมแล้ว…” ซูหมิงตอบกลับช้าๆ
ชายชราเผ่าวิญญาณสวรรค์ยิ้มเล็กน้อย เขาไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่มองไปทางหญิงคนนั้นที่หายไปอย่างมีความคิด
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเร่งเรื่องการยึดครอง โลกดาราสัจธรรม เช่นนั้นเลยจะข้ามผ่านพายุหมุนไปอย่างไม่ลังเล มุ่งหน้าไปจัดการ ผู้ฝึกฌานที่เหลือ เปลี่ยนทุกคนให้เป็นกฏชะตาของตัวเอง
เมื่อซูหมิงเดินหน้าไกลออกไป ช่วงที่เขาก้าวเข้าไปในพายุหมุน ใต้เท้าปรากฏระลอกคลื่นของสมบัติล้ำค่าแหวนสีขาว ทำให้เขารวดเร็วขึ้น วูบเดียวก็หายวับไป
……………
ภายในพื้นที่แห่งหนึ่งของฟ้ากระจ่างดาวโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มีสตรีคนหนึ่งเดินออกมาจากมวลอากาศบิดเบี้ยว นางสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้า ใบหน้างดงาม แต่ตอนนี้ขาวซีด หลังปรากฏกายแล้วมีโลหิตไหลจากมุมปากทันที
นางโซเซเดินออกไปอีกหลายก้าว ตอนที่หันไปมองข้างหลัง นัยน์ตาฉายแววชั่วร้าย แต่ในความชั่วร้ายกลับมีความหวาดกลัวและตกใจ
‘ชายชราคนนั้นเป็นใคร!’
‘มีพลังน่ากลัว ต่อให้อยู่ในหนึ่งร้อยแปดสิบโลกของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณก็หายากยิ่ง คำรามครั้งเดียวทำให้ฟ้ากระจ่างดาวพังลงและรวมกลับมาใหม่ได้ ทำให้ข้าบาดเจ็บถึงแก่นวิญญาณ…นี่แทบจะเทียบได้กับสามจักรพรรดิรุ่งอรุณ!’
‘เขา…จะต้องเป็นบรรพชนวิญญาณแน่!’ นางหน้าขาวซีด สีหน้าดูตื่นกลัวอยู่นานถึงจะหายไป แต่ขณะเดียวกับที่ความตื่นกลัวหายไป นางพลันหน้าเปลี่ยนสีและกระอักเลือดมาอีกครั้ง
‘จิตมายาข้าถูกหลอมรวม…ถูกมังกรทำลายล้างกินไปแล้ว!’ นางกัดฟันงามด้วยสีหน้าแค้นเคือง เมื่อครู่นางไม่ได้ลงมือ เพียงแค่เผยจิตสังหารเสี้ยวหนึ่งโดยไม่รู้ตัวตอนที่ ซูหมิงจะเข้าไปในพายุหมุนก็เท่านั้น
แต่ในจิตสังหารนี้แท้จริงแล้วยังมีความลังเลและซับซ้อน แต่พอซูหมิงสังเกตเห็น เลยทำให้ชายชราลงมือจนตนต้องหนีมาด้วยความตกใจ
‘ด้วยความแกร่งของชายชราคนนั้น จะต้องอยู่ข้างกายเด็กคนนี้ชั่วคราวแน่ ไม่น่าจะอยู่นานนัก คงมีสักวันหนึ่งที่ไป’ นางเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนใช้มือขวาหยิบเม็ดยาออกมากินเล็กน้อย จากนั้นขยับไหวเป็นไอหนาวหายไปฟ้า นางต้องหาที่พักฟื้นให้ เร็วที่สุด เพราะเสียงคำรามของชายชราทำร้ายถึงแก่นวิญญาณ และยังทำให้นางเกิดความคิดว่าต้องหลบหลีกชั่วคราว