Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1246

ตอนที่ 1246 สังหารคนชุดคลุมขาว

กลิ่นอายพลังของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมพลันแผ่ออกจากรอบตัวซูหมิง ผืนฟ้าเกิดเสียงดังสนั่น แผ่นดินสั่นสะเทือน นี่เป็นครั้งแรกที่กลิ่นอายพลังของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมาปรากฏอยู่ในน้ำวนมรณะหยิน วนเวียนรอบตัวเขา ทำให้เส้นผมยาวปลิวไสว อาภรณ์โบกสะบัด ลูกตาในดวงตาที่สามหดลงและขยายออก ซ้ำยังให้ซูหมิงในตอนนี้มีพลังแห่งเทพหมานพร้อมกับความชั่วร้ายแปลกประหลาด

ความชั่วร้ายนั้นมากพอจะทำให้คนมองแวบเดียวก็ยากจะลืมไปชั่วชีวิต!

“โลกแท้จริงดาราสัจธรรมคือข้า ข้า…ก็คือโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!” เห็นดวงจิตสามดวงตื่นตะลึงกับฐานะเขา ซูหมิงจึงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา ทั้งยังมีเสียงฟ้าผ่าดังก้องไปรอบๆ เป็นการตอบคำถามข้อนี้

คำพูดเขาดังกังวานทีละคำ ดังชัดขึ้นทีละคำ จนเมื่อเอ่ยคำสุดท้าย ฟ้าดินเกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ฝ่ามือยักษ์ตรงหน้าเขาพังทลายลง ชายชราชุดคลุมเทา หน้าเปลี่ยนสี ร่างเซถอยไปหลายร้อยจั้ง หมอกขาวดำสองกลุ่มข้างๆ ยังถูกพายุคลั่งถาโถมจนคืนสภาพคนด้วยสภาพย่ำแย่มาก

พวกเขาสามคนมองซูหมิงอย่างหวาดกลัว จนถึงตอนนี้สีหน้ายังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“ยึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรม…แล้วอย่างไร!” ชายชราชุดคลุมดำดวงตาวาววับ ตอนที่ยกสองแขนขึ้น ชายชราชุดคลุมดำกับขาวพลันประสานมุทรา ร่างขยับไหว เขาสองคนกลายเป็นหมอกขาวกับดำอีกครั้งแล้วถาโถมไปรอบๆ พร้อมกับ ชายชราชุดคลุมเทาเดินหน้าหนึ่งก้าว หลังกลายเป็นหมอกเทาในชั่วพริบตาแล้วก็ ตัดสลับกับหมอกดำกับขาว รวมเข้าด้วยกันและยังผสมกับอากาศธาตุจนเกิดเป็น ดวงจิตที่แกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ผืนฟ้าซางมิใช่ขอบเขต!” เสียงเลือนรางดังมาจากหมอกที่รวมสีดำขาวเทาด้วยกัน ดวงจิตมหึมาที่ปรากฏนั้นเอ่ยขึ้น ทันทีที่เสียงดังกังวาน ทั้งผืนฟ้า…เป็นสีแดงฉาน

กลางฟ้าสีแดงฉานเหมือนเกิดเส้นใยคล้ายกับใยแมงมุมขึ้นปกคลุมฟ้าไปกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด ตอนที่มองไปแวบแรกจะเกิดความรู้ว่าฟ้าดินกลายเป็นหลุมพราง ให้ความรู้สึกถูกผนึกเอาไว้

โดยเฉพาะเส้นใยกลางสีแดงฉานบนฟ้านั้น มองไปแวบแรกเหมือนใยแมงมุม แต่หากมองดีๆ จะเหมือนมีความต่างกัน เวลานี้ยากจะแยกออกว่าสิ่งที่ปกคลุมฟ้าคือสิ่งใดกันแน่

“เปลี่ยนแปลงไร้การเคลื่อนไหว!” ดวงจิตในหมอกสีดำขาวเทารวมกันพูดเสียงดังอีกครั้ง ระหว่างที่เสียงดังกึกก้อง ระหว่างฟ้าดินเหมือนหยุดนิ่ง พลังแห่งการหยุดนิ่งคล้ายว่าเหนือกว่าวิชาคงที่กายาที่ซูหมิงเคยพบ นี่ทำให้ทั้งโลกหยุดนิ่งได้อย่าง สมบูรณ์แบบ

หมื่นสรรพสิ่งโดยรอบ กระทั่งเพลิงแห่งชีวิตยังหยุดนิ่ง

เหมือนกับประโยคนั้นจริงๆ เปลี่ยนแปลงไร้การเคลื่อนไหว!

ซูหมิงมีสีหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก รอบตัวเขาล้อมไปด้วยกลิ่นอายพลังโลกแท้จริง ร่างกายยังเหมือนเลือนรางและชัดเจนเป็นบางครั้ง นี่เป็นเพราะการต่อต้านระหว่างกลิ่นอายพลังโลกแท้จริงกับน้ำวนมรณะหยิน

“ปีกซาง…ปริร้าวครั้งแรก!” ตอนที่เสียงคำรามต่ำของดวงจิตกลางหมอกดังแว่วมา ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น ซูหมิงเห็นกับตาว่าเส้นใยสีแดงฉานดั่งใยแมงมุมที่ปกคลุมฟ้าในโลกหยุดนิ่งเกิดการเคลื่อนไหวในตอนนี้

นั่นคือการกวัดแกว่งเหมือนกับ…กระพือปีก เมื่อมันขยับก็เกิดสายลมเบา นี่เป็นสายลมเบาที่ดูไม่มีอำนาจคุกคามใด แต่กลับทำให้ซูหมิงหรี่ตาลง

เส้นใยที่ปกคลุมฟ้าไม่ใช่ใยแมงมุมเลย แต่นั่นคือปีก! ดูจากลักษณะแล้ว ยังเหมือนกับปีกของแมงมุม!

ความรู้สึกเป็นตายร้ายแรงลอยขึ้นมาในใจซูหมิง ตอนนี้เขายกมือขวาโบกไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลอีก ตะโกนไปสามคำ

“เปลี่ยนเทพหมาน!”

ใช้เปลี่ยนเทพหมานในโลกของเผ่าหมาน!

แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงเอ่ยจบ มือขวาที่ยกขึ้นเกิดเสียงสนั่นพร้อมกับมี วิญญาณเผ่าหมานใหญ่สิบล้านดวงพุ่งออกมา แต่ละดวงคำรามไร้เสียงพร้อมพุ่งไปยังมือขวาเขา หลอมรวมเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มือขวาขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา จากนั้นเขายกมือซ้ายขึ้น วิญญาณเผ่าหมานใหญ่อีกหลายสิบล้านดวงปรากฏอีกครั้งต่อมาเป็นขาสองข้าง ร่างกาย ขั้นตอนการเปลี่ยนเทพหมานเสร็จสิ้นในพริบตา ร่างซูหมิงใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาที่อยู่กลางฟ้าดินคือเทพเจ้าของเผ่าหมานใหญ่อย่างแท้จริง!

เปลี่ยนเทพหมาน เทพหมานเปลี่ยน!

การหลอมรวมด้วยวิญญาณเผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านกว่าดวงทำให้ร่างซูหมิง ขยายใหญ่ขึ้น พลังแห่งเผ่าหมานปะทุถึงขีดสุด ทำให้เขาในยามนี้เหมือนมีพละกำลังฉีกฟ้าดิน ความรู้สึกมีพลังแก่กล้ายากจะบรรยายอยู่ในมือทำให้เขารู้สึกว่าต่อให้เจอกับขั้นไม่อาจกล่าวก็ยังลงมือได้

นี่คือร่างของเผ่าหมานใหญ่ที่สมบูรณ์ที่สุด ต่อให้อยู่ในสมัยของบรรพชนวิญญาณ เผ่าหมานใหญ่ก็ไม่มีร่างกายที่แกร่งขนาดนี้ นี่คือการรวมวิญญาณนับไม่ถ้วนของ เผ่าหมานใหญ่ตลอดไม่รู้กี่ปีมานี้ ถึงรวมออกมาเป็น…เทพหมานที่มีเพียงหนึ่งเดียว!

เทพหมานเปลี่ยนแปลง ฟ้าดินสั่นไหว พลังไร้รรูปของโลกหยุดนิ่งนั้นก็เหมือนจะไม่เสถียร

เมื่อซูหมิงเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า เสียงเขาดังสนั่นฟ้าดิน นั่นคือความบ้าคลั่งที่สูสีกับเสียงคำรามของเทพโบราณ ทันทีที่เสียงดังก้อง พลังไร้รูปที่หยุดเผ่าหมานพังลง ชาวเผ่าหมานหกแสนคนรอบๆ มองซูหมิงอย่างตื่นเต้น ตอนนี้พวกเขารู้สึกถึงการ คุกเข่าคารวะของสายเลือดรุนแรงยิ่งกว่าเดิมต่อซูหมิง

หากบอกว่าซูหมิงก่อนใช้เปลี่ยนเทพหมานทำให้ชาวเผ่าหมานทั้งหมดฮึกเหิม เลื่อมใส สามารถเหนี่ยวนำสายเลือดพร้อมกัน เช่นนั้นซูหมิงหลังใช้เปลี่ยนเทพหมาน ในความรู้สึกของชาวเผ่าหมานทั้งหมดไม่ใช่สายเลือดร่วมกันอีก แต่เหนือกว่านั้น เหมือนกับพบบรรพบุรุษรุ่นแรก!

“เทพหมาน!”

“เทพหมาน!”

“เทพหมาน!” ชาวเผ่าหมานหกแสนคนคุกเข่าคารวะซูหมิงพร้อมกัน ระหว่างที่คลื่นเสียงดังสนั่นฟ้า ปีกซางที่ปกคลุมฟ้าพุ่งตรงไปหาซูหมิงพร้อมกับสายลมที่เหมือนจะทำลายโลกได้

สายลมนี้ไม่ได้จะทำลายเพียงซูหมิง แต่ยังรวมทั้งโลกหมานด้วย ตอนที่เข้ามาใกล้ นัยน์ตาซูหมิงที่ใช้เปลี่ยนเทพหมานเลยมีร่างกายมหึมาฉายแววเย้ยเยาะ การเย้ยเยาะนี้มาจากความมั่นใจเขา และมาจากพลังสูงสุดของเผ่าหมานใหญ่ที่บ้าคลั่งอัดแน่นอยู่ในร่างกาย

“นี่ที่คือโลกหมาน” ซูหมิงยกมือขวาขึ้น

“ข้าคือ เทพหมานของเผ่าหมาน”

“หากเป็นปีกซางในตำนานก็แล้วไป แต่ปีกมายาของพวกเจ้ายังกล้ามาสู้กับข้าอีกรึ!” ซูหมิงไม่รอให้ปีกซางเข้ามาใกล้ แต่กลับเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ยกสองมือขึ้น ร่างกระโดดไปทางปีกซาง เอาสองมือชิดกันแล้วก็ปะทะเข้าไป

การปะทะเข้าไปครั้งนี้ไม่ได้ใช้อภินิหารใดๆ เลย แต่รวมพลังทั้งหมดหลังใช้เปลี่ยนเทพหมาน และยังรวมความแน่วแน่และคลุ้มคลั่งของวิญญาณเผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านกว่าดวงที่จะปกป้องเผ่าหมาน

และยังมี ดวงจิตโลกแท้จริงที่รวมอยู่ตรงดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วเขา ทุกอย่างนี้หล่อหลอมเข้าด้วยกันเป็นการปะทะแบบง่ายๆ

การปะทะครั้งนี้คล้ายกับว่าฉีกกฏทุกอย่าง สร้างกฏฟ้าดินของโลกหมาน ตอนที่โบกมือไปก็ปะทะกับปีกซาง ทำให้ฟ้าดิน…เหมือนกลายเป็นนิรันดร์

“จงแหลกไปเสีย!” ดวงตาซูหมิงเป็นสีแดงฉาน เขาคำรามเสียงต่ำ ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นจากสภาวะนิรันดร์ แผ่นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าบิดเบี้ยว ปีกซาง สีแดงฉานส่งเสียงดังกึกๆ ก่อนแตกออกทั้งหมดตรงหน้าซูหมิง

สายลมที่ทำลายทุกอย่างได้กลับไม่อาจทำลายร่างซูหมิง ไม่อาจทำลายดวงจิตเขา และยังทำลายเผ่าหมานที่เขาปกป้องไม่ได้

ปีกซางพังลง หมอกที่รวมสีดำขาวเทาสามสีม้วนถอยไปด้วยการปะทะแห่ง เทพหมานอันบ้าคลั่ง มันกระจายไปรอบๆ แล้วกลายเป็นชายชราสามคน สามคนนี้หน้าขาวซีด ต่างถอยไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าหวาดกลัว

ดวงจิตพวกเขาสั่นสะท้าน ในใจเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เป็นที่รู้กันว่าปีกซางปริร้าวครั้งแรกนั่นคืออภินิหารที่พวกเขาสามคนต้องร่วมมือกันถึงจะใช้ได้ นั่นคือพลังสูงสุดที่ทำลายหนึ่งโลกได้ แม้จะไม่ใช่ปีกของซางเซียงในตำนาน แต่ก็อาศัยรูปลักษณ์ของมันได้พลังในตำนานมาเสี้ยวหนึ่ง แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้นกลับไม่อาจทำอะไรซูหมิงได้เลย

โดยเฉพาะเปลี่ยนเทพหมานของซูหมิงยังทำให้ชายชราสามคนตกใจและ เกิดความหวาดกลัวอย่างพบเห็นได้ยาก

แต่ชั่วขณะที่พวกเขาถอยไป ซูหมิงกลางอากาศหันมามอง ดวงตาสองข้างตอนนี้เป็นสีแดงฉาน เวลาของเปลี่ยนเทพหมานใกล้จะหมดลงแล้ว ช่วงที่จะหมดลงนั้น ซูหมิงมองไปยังชายชราชุดคลุมขาว

คนนี้คือดวงจิตโบราณที่เคยบีบบังคับเขา ดังนั้นจึงมีจิตสังหารต่อชายชราชุดคลุมขาวมากที่สุด ตอนนี้ที่มองไป เขาก็ยกมือขวาชี้ไปยังชายชราชุดคลุมขาว

“ด้วยเกียรติแห่งโลกแท้จริง ด้วยอำนาจแห่งเทพหมาน ด้วยเจ้าปกครองของฟ้าดิน ข้าขอพิพากษาเจ้า…จงสูญสิ้นไป!” สิ้นเสียงซูหมิง พลันเกิดเสียงครึกโครมขึ้นรอบตัว กลิ่นอายพลังโลกแท้จริงโหมกระหน่ำ พลังแห่งเทพหมานวนเวียนไปรอบๆ จนเมื่อรวมด้วยกันแล้วจึงกลายเป็นเจตนารมณ์สวรรค์มหึมา เจตนารมณ์สวรรค์นี้อบอวลไปปกคลุมตัวชายชราชุดคลุมขาว

ชายชราชุดคลุมขาวหน้าเปลี่ยนสี ก่อนใช้สองมือประสานมุทราหมายจะต่อต้าน

“จง…ตาย!” จากที่ซูหมิงชี้มาเปลี่ยนเป็นฝ่ามือคว้าไปทางชายชราชุดคลุมขาวอยู่ไกลๆ จากนั้นเปลี่ยนฝ่ามือเป็นหมัด เหมือนว่ากุมวิญญาณชายชราชุดคลุมขาวในฝ่ามือ เมื่อเขาบีบเอาไว้แน่น ชายชราชุดคลุมขาวร้องโหยหวน สีหน้าดูหวาดกลัวและสิ้นหวัง ซ้ำยังมีความเหลือเชื่อตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้

‘นี่เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางสังหารข้าได้ ต่อให้เขายึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ก็ไม่มีคุณสมบัติสังหารข้า นี่…’ ชายชราชุดคลุมขาวร่างบิดเบี้ยว เกิดเสียงระเบิดขึ้นท่ามกลางเสียงตะโกนแหลม ร่างเขาระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นหมอกขาวกำลังจะหนีไปรอบๆ แต่ทันใดนั้นเหมือนสีสายลมอ่อนพัดมาจากกลางอากาศ ในสายตาทุกคน หมอกขาวจากชายชราคนนี้หายวับไปปานถูกลบ

สามดวงจิตใหญ่แห่งน้ำวนมรณะหยินที่อยู่มานานแต่โบราณ ยามนี้ขณะกำลังรู้สึกเหลือเชื่อก็สูญสิ้นตายไปอย่างที่ซูหมิงว่าไว้ จากนี้จะไม่มีร่องรอยชีวิตอีก กระทั่งกลับชาติมาเกิดก็ยังไม่มี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!