ตอนที่ 1308 วิญญาณหวนคืนลำดับเจ็ด
นี่คือการลงโทษคนประหลาดของซูหมิง!
เหตุการณ์คล้ายกันแทบจะเกิดขึ้นหลายร้อยแห่งพร้อมกันในโลกแท้จริงที่สี่… โดยดำเนินการไปตามวิธีที่ต่างกัน บ้างถูกซูหมิงลบ บ้างถูกเตือน ไม่มีข้อยกเว้น
ระหว่างบรรพชนวิญญาณที่ถูกปล่อยมาจากโลกแท้จริงที่สี่มีการเชื่อมต่อทางจิตใจกันอยู่ ในตอนนี้ เมื่อมีบรรพชนวิญญาณถูกซูหมิงลบไป ตอนที่สิ้นชีพลง บรรพชนวิญญาณทั้งหมดจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจน
หากเพียงแค่ตายไม่มากก็คงไม่สร้างความตื่นตกใจมากนัก แต่ว่าในสิบลมหายใจสั้นๆ กลับมีบรรพชนวิญญาณสามสิบสองคนถูกลบ ความน่ากลัวจากเรื่องนี้ สร้างความหวาดหวั่นแก่บรรพชนวิญญาณคนอื่นทั้งหมด โดยเฉพาะแทบจะเพิ่งหวาดหวั่น บรรพชนวิญญาณที่มีชีวิตเหล่านั้นพลันรู้สึกว่ารอบตัวตนเองมีดวงจิตน่าสะพรึงของซูหมิงมาเยือน ทุกคนได้รับการลงโทษในระดับต่างกัน จึงต่างพากันตกใจกลัว
ในใจจดจำคำว่ายอดเขาลำดับเก้าเอาไว้อย่างแม่นยำ
ณ โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ เมื่อดวงจิตซูหมิงมาเยือน บรรพชนวิญญาณที่ถูกปลดผนึกหลายสิบคนในโลกนี้ต่างใจสั่นสะท้าน ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนถูกความหนาวเยือกปกคลุม
แทบทุกช่วงเวลาจะมีเสียงดังแว่วมาข้างหูพวกเขา
“ชั่วร้ายเช่นนี้ จงถูกลบไป!” เมื่อเสียงดังก้องในใจบรรพชนวิญญาณทุกคนใน โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพลันรู้สึกว่ามีกลิ่นอายพลังของสหายคนหนึ่งหายไป การหายไปแบบนี้หมายถึงความตาย
“เห็นแก่ที่เจ้าทำผิดครั้งแรก ครั้งหน้าจะไม่ใช่การเตือนอีก!”
“สังหารด้วยความสนุก เตือนหนึ่งครั้ง!”
“อำมหิตอย่างยิ่ง ลบหายไป!”
ระหว่างที่เสียงซูหมิงดังอยู่ภายในหลายลมหายใจนี้ มีบรรพชนวิญญาณทั้งหมดสามคนถูกลบไป พลานุภาพที่เกิดขึ้นจากความตกตะลึงทำให้บรรพชนวิญญาณใน โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างตัวสั่นและมีสีหน้าตื่นกลัว
“ยอดเขาลำดับเก้า หากใครกล้าล่วงเกินยอดเขาลำดับเก้าแม้แต่น้อย จะถูกลบทั้งหมด!” ช่วงที่คำพูดสุดท้ายของซูหมิงดังก้องหูบรรพชนวิญญาณเหล่านี้ บรรพชนวิญญาณทั้งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เงียบ ซ้ำยังรู้สึกถึงความน่ากลัวและ บ้าอำนาจจากซูหมิง
โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกก็เช่นกัน เมื่อดวงจิตซูหมิงมาเยือน ตอนที่ดวงจิตเขาจากไปนั้น บรรพชนวิญญาณที่หลั่งทะลักเข้ามาในโลกนี้หายไปสี่คนชั่วนิรันดร์
สุดท้ายเป็นโลกแท้จริงดาราสัจธรรม บรรพชนวิญญาณที่ก่อความวุ่นวายในโลกนี้มีทั้งหมดสิบสามคน สิบสามคนนี้ กลอุบายที่ซูหมิงใช้ต่างจากของโลกแท้จริงอื่น อย่างสิ้นเชิง ไม่มีคำพูด แต่กวาดล้างด้วยดวงจิตโดยตรง ท่ามกลางเสียงดังสนั่น บรรพชนวิญญาณสิบสามคนที่ตื่นกลัวเพราะสหายตายตกไปทีละคนล้วนวิญญาณ สูญสิ้นไปในเวลานี้
มังกรมีเกล็ดย้อนด้าน พูดได้ว่าโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเป็นจุดที่มีเกล็ดย้อน ด้านของซูหมิง เขาจะไม่ยอมให้ที่นี่เกิดเหตุไม่คาดคิดใดๆ ดังนั้นขอเพียงกล้าบุกมาที่นี่จะต้องตายทั้งหมด
ทุกอย่างพูดเหมือนนาน ทว่าความจริงเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป ซูหมิงที่นั่งตรงข้ามกระดานหมากลืมตาขึ้น สีหน้าเฉยเมย มองท่านปู่ที่กำลังเล่าเรื่องวัยเยาว์ของตน มองอวี่เซวียน ชางหลัน สวี่ฮุ่ยที่กำลังฟังอย่างออกรส ซูหมิงยิ้ม ตอนที่ก้มหน้ามองกระดานหมาก เขาใช้มือขวาหยิบตัวหมากสีดำขึ้นแล้วนิ่งอึ้งไป
เขาจำได้ว่ามีหมากสีขาวตัวหนึ่งไม่ได้อยู่ในตำแหน่งตอนนี้…ขณะมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย กระเรียนขนร่วงเงยหน้าขึ้นจากพื้นมองซูหมิงอย่างเฉยเมย แล้วก็มองอวี่เซวียนก่อนกลอกตา ขณะกำลังจะแสดงตนเหมือนอยากประจบนั้น อวี่เซวียนยิ้มหยีตาเอียงศีรษะมองกระเรียนขนร่วงแวบหนึ่งอย่างเย็นชา
เพียงแวบเดียวทำให้กระเรียนขนร่วงตัวสั่นไปทั่วร่าง มันเห็นอำนาจคุกคามจากสายตาอวี่เซวียนชัดเจน…จึงรีบทำสีหน้ามึนงงก่อนวิ่งไปทางมังกรยมโลกอย่างรวดเร็ว
ส่วนมังกรยมโลกอยู่ข้างทะเลสาบห่างไปไม่ไกลนัก กำลังเหม่อมองทะเลสาบ บ้างก็คำรามไปทางผิวทะเลสาบ ตอนที่กระเรียนขนร่วงมาถึงก็ตบไปที่หัวมันอย่างแรงทีหนึ่ง
“มองอะไร ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ”
“เจ้าตีข้าอีกแล้ว…ขะ…ข้าเห็นว่าในทะเลสาบเหมือนยังมีตัวข้าอีกตัว…” มังกรยมโลกลูบหัวแล้วตอบกลับอย่างคับอกคับใจ มันคิดมาตลอดว่าตนโง่เขลากว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ไม่ว่าใครหากถูกตบหัวมาตลอดพันปี จากการกระทบกระเทือนหลายต่อหลายครั้งจะต้องเกิดกิริยาท่าทางที่คนอื่นไม่เข้าใจบ้างแน่ๆ…
“จะ จะ เจ้า…เจ้ามังกรโง่ ในทะเลสาบก็คือเจ้าเอง เฮ้อ…” กระเรียนขนร่วง ส่ายหน้า มองมังกรยมโลกด้วยความสงสาร บ่นในใจว่าจากนี้หากไม่ชอบหน้าใครก็ให้ตบหัวมันตลอดทั้งปี…
พอนึกถึงตรงนี้ กระเรียนขนร่วงตาเป็นประกายทันที เกิดความลำพองใจขึ้นมา เหมือนรู้สึกว่าตนคิดอภินิหารที่มีพลานุภาพไร้ขีดจำกัดได้อย่างหนึ่ง ยามนี้มันที่กำลังลำพองใจไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเงามังกรยมโลกที่สะท้อนบนผิวทะเลสาบมีสีหน้าลำพองใจเหมือนกันในความทึ่มทื่อ
‘หึหึ กระเรียนโง่ตัวนี้คิดจริงๆ ว่าข้าไม่รู้ ท่านมังกรยมโลกฉลาดกว่ามันเยอะ มันคิดว่าข้าโง่ ข้าก็จะเล่นกับมัน’
เวลาก็ผ่านไปท่ามกลางความอบอุ่นจากที่ไม่ได้พบกันมานานสำหรับซูหมิง หนึ่งปีต่อมา…ซูหมิงอยู่ที่ยอดเขาลำดับเก้าครบสิบปีเต็มแล้ว
เขาไม่ได้เลือกอยู่ในความสงบภายในยอดเขาลำดับเก้าต่อ แต่เลือกจากไป เขาจะไปทำเรื่องที่สามให้เสร็จ ไปฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ไปยังเผ่ามารดาของตน และก็ตามหา…ร่องรอยของอาจารย์เทียนเสียจื่อ
บางทีอาจยังมีเทพหมานคนนั้น เลี่ยซานซิว
วันนี้ ท่านปู่ยืนอยู่นอกบ้าน มองฟ้า เหมือนเห็นรางๆ ว่าซูหมิงกลางอากาศ หันกลับมามองยอดเขาลำดับเก้า
“เส้นทางของเจ้ายังอีกยาวไกลมาก…ได้เห็นเจ้าเติบใหญ่มาจนถึงวันนี้ ปู่ก็พอใจมากแล้ว…” ท่านปู่พึมพำ รอยยิ้มบนใบหน้าเมตตายิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ในความเมตตามีกลิ่นอายมรณะจางๆ เขา…มาถึงช่วงเวลาที่ควรลาลับแล้ว วัฏจักรนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดครั้งนี้ก็สำเร็จความปรารถนาของเขา
ซูหมิงอยู่กลางฟ้าหันกลับมามองยอดเขาลำดับเก้า มองพวกศิษย์พี่ใหญ่ มองพวกอวี่เซวียนสามคน และก็มองกลิ่นอายมรณะในตัวท่านปู่ กลิ่นอายนี้ไม่เข้มข้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เกิดแก่เจ็บตาย เดิมทีเป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว แต่ว่า…ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าร้อยปีจากนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
ซูหมิงหมุนตัวกลับเดินไปทางมวลอากาศเงียบๆ กระเรียนขนร่วงติดตามอยู่ ข้างหลัง บ้างก็หันกลับไปมองมังกรยมโลกด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย มันอาลัยที่จากนี้จะไม่ได้ตบหัวมังกรยมโลกทุกวันแล้ว ขณะกำลังเสียดายก็ตัดสินใจว่าหลังจากไปเงามืดรุ่งอรุณแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาตัวแทนให้ได้ จะไม่มีทางยอมให้อภินิหารอันร้ายกาจของตนต้องห่างเหินไปนาน
ฟ้ากระจ่างดาวไม่มีสิ้นสุด มองไปสุดลูกหูลูกตา แสงพร่างพราวของดาราบางครั้งก็ประดับเหมือนผืนฟ้าแห่งนี้เป็นภาพวาด ไม่รู้ว่าตอนนั้นใครดื่มสุราแล้วสาดหมึก วาดฟ้าแห่งนี้ขึ้นมา…
ซูหมิงเดินทางในผืนฟ้า มุ่งหน้าไปยังช่องโหว่สามรกร้างในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ที่นั่นคือจุดมาเยือนของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน และก็เป็นทางเข้าสู่ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
กระเรียนขนร่วงพูดไม่หยุดมาตลอดทาง มันพูดฉอดๆ ว่าไปฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณแล้วจะหาหินผลึกอย่างไร พูดไปพูดมาซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วหันมามองกระเรียนขนร่วง
“ย่ากระเรียนมันเถอะ ถึงที่นั่นแล้วข้าจะต้องรีดไถหินผลึกมาให้ได้ จะต้อง…หืม?” กระเรียนขนร่วงเห็นซูหมิงหันกลับมาจึงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนมองไปข้างหลังแล้วหมุนตัวกลับมามองซูหมิง
“เป็นอะไร?”
ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงพลางยิ้มขึ้นมา
“อย่ากลัว ข้าจะพาเจ้ากลับไป ที่นั่น…ไม่มีใครขวางไม่ให้เจ้าไปหาตัวเองได้” ซูหมิงพูดเสียงเบา สิ้นเสียง กระเรียนขนร่วงตัวสั่นสะท้าน มันก้มหน้าลงเงียบ
ซูหมิงมองออกว่าที่มันพึมพำมาตลอดทางนั่นเป็นเพราะว่ามันกำลังกลัว การกลับไปฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน ไม่ใช่ที่นั่นมีเรื่องน่ากลัวอะไร แต่เป็นเพราะว่าที่นั่น…อาจเป็นบ้านเกิดของมัน
ผ่านไปพักใหญ่ ตอนที่กระเรียนขนร่วงเงยหน้าขึ้น มันยังคงมีสีหน้าเหมือนไม่ได้คิดอะไร ซ้ำยังบ่นพึมพำเรื่องจะรีดไถหินผลึกข้างกายซูหมิงต่อ
นานมากมาแล้วมีปีหนึ่งกระเรียนขนร่วงมองผืนฟ้า พยายามนึกถึงอดีตของตน แต่กลับหาการคงอยู่ของตนไม่พบ ทว่า…ในความทรงจำสับสนของมันจะมีร่างเงา ชุดคลุมขาวในฟ้ากระจ่างดาวลอยขึ้นมาเป็นบางครั้ง บอกกับตนว่าอย่ากลัว
ทุกครั้งมันจะเกิดความเศร้าโศก เพียงแต่ความโศกเศร้าที่หาต้นตอไม่พบนั้นคือจิตใจห่อเหี่ยวที่ไม่ว่ามันจะหาอย่างไรก็หาร่องรอยไม่พบ ทำได้เพียง…ยืนอยู่บนยอดเขา มองฟ้า แม้จะมีสำนักของตัวเอง แม้จะไม่ยึดมั่นต่อหินผลึกอีก แม้จะมีผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วนคารวะ แต่มันก็ยัง…อยากตามหาตัวเองที่เสียไป ตามหาอดีตที่หาไม่พบ
มันจำได้รางๆ ว่าเคยมีอยู่คนหนึ่งพามันผ่านชีวิตช่วงหนึ่ง…
ขณะกระเรียนขนร่วงยังคงพึมพำไม่หยุด ซูหมิงพามันจากไปไกล มุ่งหน้าไปยังช่องโหว่สามรกร้าง จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยมาถึงที่นี่นานแล้ว ปฏิบัติตามเสียง ซูหมิงที่ดังก้องข้างหูเขาเมื่อสิบปีก่อน กระทั่งมาที่นี่ก่อนเวลาหลายเดือน รอจนซูหมิงมาถึง
ตอนที่ซูหมิงมาถึงช่องโหว่สามรกร้าง ณ นอกมหาโลกสามรกร้าง หรืออาจพูด ได้ว่า…เป็นกลางจักรวาลกว้างใหญ่ที่ผีเสื้อซางเซียงตัวนั้นหลับใหล เป็นนอกสี่ปีก ผีเสื้อซางเซียง …
ในจักรวาลนี้ไม่มีฟ้ากระจ่างดาว มีเพียงหมอกขมุกขมัวกว้างใหญ่ที่เหมือนกับจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ยามนี้พลันปรากฏแสงสีขาวส่องสะท้อนไปรอบๆ ภายในหมอกนี้ ทำให้หมอกโดยรอบม้วนถอยไป เผยเป็นภายใน…
มันคือเข็มทิศลักษณะกลมยักษ์อันหนึ่ง บนเข็มทิศนี้มียันต์แกะสลักอยู่นับไม่ถ้วนแน่นขนัด เป็นแสงจากพวกมันที่เกิดแสงสีขาว ส่องสะท้อนฟ้าจักรวาลแห่งนี้
ตอนนี้บนเข็มทิศมีชายหนุ่มสวมชุดคลุมดำคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ชายหนุ่มคนนี้ มีเส้นผมยาวสีดำ ทั่วร่างดูเหมือนเต็มไปด้วยความเย็นชาที่มืดทึมน่ากลัว
มือเขาถือไข่มุกพวงหนึ่ง มีทั้งหมดเก้าเม็ด ในนั้นมีหกเม็ดขยับแสงวาววับ มีสามเม็ดอ่อนแสง เพียงแต่เวลานี้ ไข่มุกอ่อนแสงสามเม็ดมีหนึ่งเม็ดเปล่งแสงอ่อน ภายในแสงนั้นเห็นรางๆ เหมือนมีร่างเงากระเรียนตัวหนึ่ง…
ตอนที่ไข่มุกพวงนั้นหมุนโคจรในมือชายหนุ่มชุดคลุมดำช้า เขาเงยหน้าขึ้นเนิบๆ มองฟ้าไกลๆ ตรงนั้น…คือจุดที่ซางเซียงหนึ่งในเก้าผีเสื้อหยุดพักในตอนนั้น
“ในที่สุด…ก็หาวิญญาณหวนคืนลำดับเจ็ดพบ!”