ตอนที่ 1323 ความโกรธของขนร่วง…
หากเป็นซูหมิงเมื่อพันปีก่อน ตอนนี้จะต้องหน้าแดงแน่ๆ แม้จะไม่สนใจเรื่อง ชายหญิงมากนัก แต่เขาก็เข้าใจหลักในการฝึกฝนแบบคู่ประสานอยู่เล็กน้อย…
แต่ซูหมิงในยามนี้ต้องบอกว่าเขาเป็นตัวประหลาดถึงจะเหมาะสม แม้จะรู้สึก ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่กลับไม่เผยมาทางสีหน้าเลย หลังกวาดสายตามองเกี้ยวที่รวมจากสตรีงามกลุ่มนั้นแล้วก็สะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่ เดินขึ้นไปนั่งอยู่บนเกี้ยวงาม
โดยเฉพาะเตียงตั่งจากร่างอ่อนนุ่มของสตรีสิบกว่าคนนั้นใต้ร่างเขา พอซูหมิงนั่งขัดสมาธิลงพลันรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มข้างใต้ แต่ก็ไม่ได้สนใจนักว่านั่นเป็นส่วนใดของร่างสตรี เขาหลับตาลงนั่งฌานกำหนดลมหายใจ
พอซูหมิงนั่งลง นัยน์ตากระเรียนขนร่วงฉายแววเหยียดหยามทันที บินตามไปเหมือนไม่สมัครใจยิ่ง ก่อนหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ พอมองซ้ายมองขวาเหมือนจะ จับผิดแล้ว ก็มีสีหน้าเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม
“แค่เนื้อหนังกลุ่มหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้โอ้อวดกัน หึหึ รอท่านกระเรียนขนงอกก่อน พวกนางจะได้เห็นดีกัน!” กระเรียนขนร่วงบ่นพึมพำหลายประโยค มันตบปาบเข้าที่บางแห่งที่นูนขึ้นของร่างสตรีคนหนึ่งข้างๆ
“นุ่มจริงๆ…แต่ก็ไม่น่าดูจริงๆ เหมือนกัน ทั่วร่างไม่มีขน ไม่น่าดูๆ…เฮ้อ เมื่อไรหนอ ข้าจะได้เจอกับกระเรียนเพศเมียที่งดงามจนคู่ควรกับข้า” ขณะกระเรียรนขนร่วงปลงอนิจจังก็บีบกงเล็บไปโดยไม่รู้ตัว ยังคงเผยสีหน้าเหยียดหยามไม่หยุด…
ซูหมิงไม่ได้สนใจกระเรียนขนร่วง พอเกี้ยวเคลื่อนตัว กลิ่นหอมโชยเข้ามา หญิงงามสองกลุ่มยกซูหมิงแบบนี้เดินหน้าไกลออกไป ตอนแรกยังไม่ค่อยชินเท่าไร แต่ไม่นานเขาลืมตาขึ้น นั่งอยู่บนเกี้ยวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มองฟ้าสีชมพูรอบๆ ไม่นานเขาก็ไม่นั่งฌานอีก แต่เอาหลังพิง ข้างหลังพลันมีหญิงคนหนึ่งนั่งตัวตรงอย่างว่าง่าย ใช้หลังยันร่างซูหมิงเอาไว้
ตั้งแต่ที่ซูหมิงจำได้ เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติและเสวยสุขแบบนี้มาก่อน กระทั่งเมื่อเขาพิงไปข้างหลัง พลันมีมือเล็กๆ ยื่นมาจากรอบๆ คอยนวดตัวเขาเบาๆ ความรู้สึกนั้น…หากมิใช่ว่าเขามีดวงจิตที่มากพอ เกรงว่าคงจะสับสนไปแล้ว
แม้แต่กระเรียนขนร่วงยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ตามซูหมิงไปด้วย แต่ตัวมันค่อนข้างเล็ก…ดังนั้นตอนที่มือเล็กๆ บีบนวดเบาๆ ร่างมันจึงถูกจมอยู่ในเนื้อหนังที่มันเหยียดหยามก่อนหน้านี้…
ซูหมิงไม่ได้ปฏิเสธการปฏิบัติเช่นนี้ นิสัยเขาเปลี่ยนไปมาก ตามใจมาตลอด ไม่ได้มีข้อผูกมัดมากนัก ในเมื่อนั่งบนเกี้ยวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีเคร่งขรึม
แต่เขาจะไม่แสดงอาการออกนอกกรอบใดๆ ถึงอย่างไร…เขาก็ไม่รู้ว่าการกระทำใดถึงจะนับว่าเป็นการนอกกรอบ เขานั่งพิงหลังอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เกี้ยวเคลื่อนตัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม เขาเห็นวงแสงยักษ์วงหนึ่งตรงหน้า
วงแสงนี้เปล่งแสงสีชมพู เมื่อแสงสว่างจ้า ภายในมีหญิงสวมกระโปรงผ้าโปร่งบางสีชมพูคนหนึ่ง การปรากฏตัวของนางมากพอจะดึงดูดสายตาทั้งหมด กระทั่ง ชั่วพริบตาที่นางปรากฏตัว ต่อให้เป็นหญิงงามจำนวนมากรอบตัวซูหมิง ยามนี้กลับ มัวหมองลงพร้อมกัน
เหมือนว่าเมื่อเทียบกับหญิงปกติแล้วพวกนางคือพระจันทร์สุกสกาว แต่เมื่อเทียบกับหญิงชุดกระโปรงยาวสีชมพูคนนั้น พวกนางเป็นแสงหิ่งห้อย
สตรีในชุดกระโปรงยาวสีชมพูสูง รูปร่างเล็ก ไม่ได้มีส่วนเว้าโค้งน่าตกใจเกินไป แต่กลับมีความบอบบางเสี้ยวหนึ่งเผยมาอย่างชัดเจน พอมองไปแล้วยากจะไม่เกิดความรู้สึกรักน่าทะนุถนอม
ผลึกสีม่วงประดับตรงระหว่างคิ้วหญิงคนนี้ ขณะยิ้มยังเผยท่วงท่าที่บอกไม่ถูกออกมาโดยไม่รู้ตัว พอมองไปแวบแรกจะยากลืมเลือนไปชั่วชีวิต
ความงดงามของนาง ผิวที่ขาวเนียนกว่าผ้าโปร่งบาง ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยคลื่น น้ำใสในฤดูใบไม้ผลิชายตามองไป นิ้วมือราวกับหัวรากต้นหอมที่ถูกตัดและแฝงไว้ด้วยเม็ดยาสีแดง ยิ้มคราหนึ่งทำให้จิตวิญญาณคนสั่นไหว
สตรีที่ซูหมิงพบมาตลอดชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเป็นไป๋หลิง ชางหลัน สวี่ฮุ่ยหรืออวี่เซวียน ในด้านความงามของใบหน้าล้วนไม่เท่าหญิงคนนี้ พูดได้ว่าหญิงงามตรงหน้าคนนี้คือหญิงที่งามที่สุดแห่งยุคเท่าที่ซูหมิงเคยเห็นมาในชีวิต!
รอยยิ้มอ่อนโยนนั้น ดวงตาที่เหมือนมาพร้อมกับความงามอย่างบอกไม่ถูก ความสวยที่แผ่กระจายมาทั้งตัวกับความยั่วยวนบางๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นความรู้สึกกระเทือนจิตใจ ทำให้ทุกชีวิตมัวหมองลงตรงหน้านางได้
คนที่ยืนคู่กับนาง ต่อให้เหยียนเผยเป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณก็ยังมัวหมองลงมาก ตอนที่มองไปจะอดมองข้ามไปมิได้ แต่เหยียนเผยก็รู้ในจุดนี้จึงไม่ได้เข้าใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เลี่ยงไม่พ้นการถูกมองข้าม
ชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์รอบตัวหญิงคนนี้มีแปดส่วนเป็นสตรี มีเพียงสองส่วนที่เป็นบุรุษ แต่ละคนเป็นหนุ่มรูปหล่อและหญิงงาม ล้อมอยู่รอบๆ แทบเป็นทันทีที่เห็นซูหมิง ทุกคนต่างคุกเข่าคารวะซูหมิงพร้อมกัน
“พวกเราขอคารวะผู้อาวุโสซู”
เสียงพวกเขายังคงดังก้อง หญิงชุดกระโปรงยาวสีชมพูคนนั้นยิ้มงดงาม ก้าวเดินหน้ามาเล็กน้อย กวาดสายตามองซูหมิงบนเกี้ยวพร้อมกับโค้งตัวกล่าวขึ้นเบาๆ
“น้องหญิงจื่อรั่ว คารวะผู้อาวุโสซู”
ตนเป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณ นี่คือการเลือกและใช้ท่าทีต่างกับชางซานหนูอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เอ่ยออกไปด้วยเสียงนุ่มนวล เหยียนเผยมองจื่อรั่วด้วยแววตา ประหลาดใจ ในใจเต้นระรัว ด้วยความเข้าใจต่อจื่อรั่ว เขาจึงมองเห็นอะไรรางๆ แต่ทันใดนั้นเขากลับตกใจกับเรื่องที่ตนมองออก
‘นะ…นี่จื่อรั่ว…นาง’ เหยียนเผยสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ เขารีบก้มหน้าลงคารวะซูหมิงทันที
ซูหมิงนั่งอยู่บนเกี้ยวเหล่าสตรี ยังคงพิงหลังไปข้างๆ กวาดสายตามองเหยียนเผยกับจื่อรั่วสองคน แม้ก่อนหน้านี้ซูหมิงจะไม่เคยพบจื่อรั่วมาก่อน แต่ตอนนี้จะเห็นได้ว่านาง…ก็คือจักรพรรดิรุ่งอรุณคนที่สามของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ
“พูดมาเถอะ ให้แซ่ซูมาที่นี่ มีอะไรก็ว่ามา” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ ยังคงพิงหลังอยู่ตรงนั้น ความจริงแล้วการพิงแบบนี้ ข้างหลังกับข้างล่างมีร่างอ่อนนุ่มอยู่จึงรู้สึก สุขสบายมาก
น้ำเสียงซูหมิงราบเรียบ แต่เมื่อเข้าถึงหูเหยียนเผยกลับทำให้ใจสั่นสะท้าน เขารีบลบความคิดยุ่งเหยิงในใจทุกอย่างไป เดินหน้าไปหลายก้าวด้วยสีหน้าซื่อตรง ก่อนประสานมือคารวะซูหมิงพร้อมพูดขึ้น
“นายท่าน เรื่องนี้…” เหยียนเผยเพิ่งกล่าวขึ้น จื่อรั่วหญิงชุดกระโปรงยาวสีชมพูข้างๆ พูดต่อเบาๆ ดวงตางามมองซูหมิง น้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนมีความกังวลเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสซูหมิงอย่ากล่าวโทษเลย เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เรื่องในตอนนั้น…เพราะยังไม่เปิดเส้นทางในทะเลดาราต้นกำเนิดของมหาโลกสามรกร้าง เลยมีหลายคนอาศัยพลังแห่งเส้นทางมาที่ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณจริงๆ
อีกอย่าง…ก็อยู่ในโลกของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ของข้าด้วย
แต่ข้าใช้ดวงชะตาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์สาบานได้เลยว่าข้าไม่เคยพบกับ คนเหล่านี้มาก่อน ตอนที่พวกเขาถูกส่งเข้ามาในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ก็ถูกดูดเข้าไปในแดนมหัศจรรย์แห่งหนึ่งในโลกจิ้งจอกสวรรค์ของข้า” จื่อรั่วมองซูหมิงพลางก้มหน้าลงพูดเสียงเบา นางไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย และก็ไม่กล้าปิดบังด้วย ถึงไม่รู้ว่าซูหมิง มีอภินิหารอะไรบ้าง แต่วิชาย้อนเวลาที่เหยียนเผยเล่าให้ฟังก็มากพอจะทำลายคำพูดโกหกทุกอย่าง
ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง อ่านอารมณ์ไม่ออก ทว่าเขาไม่พิงหลังอีก แต่ลุกขึ้นนั่ง มองจื่อรั่วพลางพูดต่อเนิบๆ
“พูดต่อไป”
สามคำง่ายๆ ทำให้จื่อรั่วใจสั่นไหว แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไร ในใจนางยิ่งเกิดความร้อนรุ่ม ความรู้สึกนี้อบอวลไปทั่วร่าง ทำให้นางมีความรู้สึกเหมือนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าผู้แข็งแกร่ง ความรู้สึกนี้ไม่ได้มีความอึดอัด แต่กลับมีความปลอดภัยที่ยากจะบรรยาย
แรงกดดันจากสายตาซูหมิงยังทำให้จื่อรั่วใจเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม ความคิดที่อยากจะได้ตัวซูหมิงพลันเด่นชัดถึงขีดสุด
“เป็นหลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงคือตำนานในอดีตของทุกโลกใน ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ ก่อนเขาสิ้นใจ สี่โลกในหนึ่งร้อยแปดสิบโลกได้สร้างหลุมศพ เขาขึ้นมา ในโลกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นี้ก็มีหลุมศพอยู่แห่งหนึ่ง
พวกคนที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตเหล่านั้น…ถูกดูดเข้าไปในหลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง” จื่อรั่วก้มหน้าลงตอบกลับซูหมิงด้วยเสียงเบา
‘หลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง!’ ซูหมิงยืนขึ้นจากเกี้ยวเหล่าสตรีช้าๆ ดวงตาขยับประกายวาววับ หากเป็นก่อนหน้าที่เขาจะได้เข้าใจเศษชิ้นส่วนนั้น ก่อนหน้าที่จะได้วิเคราะห์ว่าผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมาจากจักรวาลกว้างใหญ่ ซูหมิงคงไม่คิดอะไรมากกับคำพูดจื่อรั่วแน่ แต่ตอนนี้…
นัยน์ตาเขาขยับประกายวูบวาบก่อนหายวับไป หลังสงบนิ่งลงแล้วจึงเดินหน้าหนึ่งก้าวออกจากเกี้ยวงามเหล่าสตรี เดินมาอยู่ตรงหน้าจื่อรั่ว
พอซูหมิงเข้ามาใกล้ ในความรู้สึกจื่อรั่วมีกลิ่นอายพลังที่มากพอจะควบคุมนางแผ่กระจายเข้ามา ทำให้นางจะถอยไปโดยจิตใต้สำนึก แต่กลับฝืนเอาไว้ เงยหน้างามขึ้นมองซูหมิงเดินเข้ามา
ดวงตานางสวยมากราวกับดวงดารา แต่พอดวงตางามกลับเห็นว่าซูหมิงยังคงมี สีหน้าเย็นชา จนกระทั่งเดินมาอยู่ตรงหน้าตนแล้วเขาถึงพูดขึ้นเรียบๆ
“เจ้านำทางไปหลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง” ตอนที่ซูหมิงเอ่ยประโยคนี้ กระเรียนขนร่วงภายในเกี้ยวเหล่าสตรีข้างหลังร้องเสียงแหลมเล็กดังแว่วมา ขณะร้องเสียงแหลม มันยังต้องดิ้นรนอย่างยากลำบากถึงจะกระพือปีกบินออกมาจากมือสตรีเหล่านั้นได้ ตอนที่บินออกมาสภาพมันอนาถายิ่ง สีหน้าเหยียดหยามหายไปนานแล้ว แต่กลายเป็นหวาดกลัว
“สมควรตายๆ พวกเจ้าห้ามจับตรงนั้น พวกเจ้า…พวกเจ้า…” กระเรียนขนร่วงบินออกมาอย่างรวดเร็วด้วยสภาพอนาถ มันบินมาถึงซูหมิงทันที ซ้ำยังหันกลับไปมองเกี้ยวนั้นที่แยกตัวออกกลับมาเป็นสตรีที่ยิ้มงดงามจำนวนมากอีกครั้ง กระเรียนขนร่วงพลันตัวสั่นขึ้นมา
“เนื้อหนังกลุ่มนี้ เนื้อหนังสมควรตาย พวกนางกล้าปฏิบัติต่อท่านกระเรียน ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าพวกนางจะกล้าจับตรงนั้น…ข้า…ข้า…ข้า…” กระเรียนขนร่วงโมโหถึงขีดสุด แม้แต่ร่างไร้ขนยังแดงขึ้นมาเพราะความโกรธ