Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1328

ตอนที่ 1328 ดวงตาเลือนราง

“ไม่ถูกต้อง” ดวงตาซูหมิงขยับประกาย หลังกวาดสายตามองรังไหมแล้วพลันเกิดความลังเลขึ้นในใจ ผู้ฝึกฌานในรังไหมในเส้นทางที่นี่ หากบอกว่าเป็นผู้ฝึกฌานจากน้ำวนมรณะหยินทั้งหมด เช่นนั้น…จะอธิบายเรื่องจื่อรั่วอย่างไร

ตอนที่นางถูกเคลื่อนย้ายมาก็ถูกพันธนาการในรังไหมนั้น ดูแล้วก็ถูกสูบพลังชีวิตไปเล็กน้อยเหมือนกัน

ซูหมิงจื่อรั่วแวบหนึ่ง เขาไม่ได้บอกความสงสัยในใจ ยามที่มองนาง นางหน้าซีดขาว กำลังมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน

ด้วยประสบการณ์ของซูหมิง ต่อให้เป็นคนเจ้าแผนการกว่านี้อีก เขาก็ยังมองเงื่อนงำออกเล็กน้อย ทว่าในตัวจื่อรั่ว กลับไม่มีจุดที่เป็นแผนการร้ายเลย แม้สิ่งที่นางแสดงออกตลอดทางจะมีการวางแผนอยู่ในนั้นเล็กน้อย แต่กลับไม่มีจุดที่ออก นอกกรอบ และที่สำคัญที่สุดคือซูหมิงไม่เห็นถึงอันตรายจากตัวจื่อรั่ว ด้วยพลังเขารวมถึงระดับความแกร่งของดวงจิต เขาสามารถรู้ถึงอันตรายจากคนข้างกายได้ นี่คล้ายๆ กับลางสังหรณ์ แต่ของซูหมิงเหนือกว่าลางสังหรณ์

เขารู้สึกชัดว่าถึงจื่อรั่วจะดูเหมือนมีแผนการบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเป็นอันตรายถึงชีวิต และเพราะแบบนี้เองเขาถึงขมวดคิ้ว พอตรึกตรองอีกชั่วครู่แล้วก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ก่อนขยับวูบไหวพุ่งลงไปยังส่วนลึกของเส้นทาง ระหว่างทางจะแผ่กระจายดวงจิตให้หลอมรวมเข้าไปในทุกรังไหมเพื่อดูว่าในนั้นมีร่างเงาที่รู้จักหรือไม่

การตามหาอาจารย์ การผ่านที่นี่ไปโลกที่สี่ การได้เห็นช่องโหว่กลางจักรวาลกว้างใหญ่ รวมถึงออกตามหาร่องรอยของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่ซูหมิงต้องทำในตอนนี้ ส่วนเรื่องจุกจิกอื่นๆ เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้วเขาไม่อยากเสียเวลาตรึกตรองมากนัก

ส่วนแผนการของจื่อรั่ว ในมุมมองซูหมิงคงทำเพื่อเผ่านาง และก็ไม่ได้เจาะจงมาที่ตนเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นแล้วเขาไม่มีทางที่จะไม่เห็นเงื่อนงำ

นอกจากนี้แล้วหากจื่อรั่วมีแผนการที่เกินไปจริงๆ ด้วยนิสัยของซูหมิง เขาจะดูการแสดงของนางอย่างเย็นชาภายในใจ หลังแสดงจบแล้วก็จะสังหารเสีย

ตอนนี้จื่อรั่วที่อยู่ข้างหลังเขาเกิดความซับซ้อนเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะตอนที่ถูก รังไหมนั้นพันธนาการและเสียจิตสำนึกทั้งหมดไป นางเหมือนฝัน นั่นคือฝันที่ทำให้นางหัวใจเต้นแรง

ตอนตื่นจากฝัน หลังจากถูกซูหมิงกระชากออกมาจากรังไหมแล้ว นางสังเกตเห็นชัดว่าพลังชีวิตตนถูกสูบไปส่วนหนึ่ง อีกทั้ง…ในส่วนนี้ นอกจากพลังชีวิตแล้ว ยังมี…พลังพรสวรรค์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ด้วยเล็กน้อย

กระทั่งนางยังรู้สึกว่าตอนที่ตนฝันนั้น กลอุบายต่างๆ ที่นางวางไว้ในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ชาวเผ่าของนางได้ดำเนินการไปจนเสร็จแล้ว

‘เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ของข้าเซ่นไหว้หลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมาหลายปี เส้นทางนี้…ความจริงแล้วถูกชาวเผ่าค้นพบเมื่อนานมาแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นความลับสูงสุดของเผ่า ไม่มีใครรู้ ต่อให้เป็นคนในเผ่าก็ยังรู้ไม่มาก…

เส้นทางผนังเนื้อที่นี่ เดิมทีต่อต้านกลิ่นอายพลังอื่น ทว่าหลายปีมานี้ เผ่าข้าได้ดำเนินการในเส้นทางนี้ตลอดปี กระทั่งยังฝังศพชาวเผ่าไม่น้อยในเส้นทางนี้ ใช้วิธีนี้หลอมรวมกับเส้นทางนี้ ให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ของข้า…ควบคุมเส้นทางนี้ได้ส่วนหนึ่ง…สุดท้ายก็สูบพลังแห่งพรสวรรค์ของเผ่าจากเส้นทางเลือดเนื้อนี้ได้…ถึงขั้นหากใช้ พลังพรสวรรค์ที่นี่ จะมีพลานุภาพแกร่งกว่าเดิม…’ จื่อรั่วมองซูหมิงตรงหน้าพลาง กัดฟันงาม สตรีของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มีจำนวนมาก ทว่าการสืบสายเลือดต่อกลับค่อนข้างยาก

หลังจากบรรพบุรุษเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ของพวกนางในตอนนั้นพบเส้นทาง เลือดเนื้อนี้แล้วก็คิดวิธีออกมาอย่างหนึ่ง นั่นคืออาศัยพลังที่เส้นทางนี้สูบพลังชีวิตได้ ให้มันสูบพรสวรรค์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ จนเมื่อชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ถูกส่งเข้ามาหลอมรวมในเส้นทางนี้จำนวนมาก ดังนั้นในระดับบางอย่าง ชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กับเส้นทางเลือดเนื้อนี้จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน

ถึงอย่างไรหนึ่งในอภินิหารพรสวรรค์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์คือการหลอมรวม ใช้ตัวเองหลอมรวมกับทุกอย่าง จุดนี้คล้ายกับการยึดร่างของซูหมิง แต่นุ่มนวลกว่าการยึดร่างไม่น้อย แม้ผลสุดท้ายจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่หากให้เผ่าพันธุ์ดำเนินการ เมื่อเวลาผ่านไปจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างไร้รูป

จุดนี้ แม้แต่ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงก็ยังคาดไม่ถึง เพราะต่อให้เขามีพลังแกร่งกว่านี้อีกก็ไม่มีทางให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ ได้มากนัก และยังมีคนชุดคลุมดำหลายคนนั้น พวกเขาก็ไม่สังเกตเห็นการกระทำเล็กๆ ตลอดหลายปีมานี้ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เช่นกัน

ดังนั้นแล้ว ภายใต้การหลอมรวมกันระหว่างชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กับเส้นทางตลอดหลายปี ตอนนี้เมื่ออยู่สภาพการณ์ที่ต้องใช้วิธีเซ่นไหว้เปิดที่นี่จากโลกภายนอกได้ จึงส่งผลให้ที่นี่ปล่อยกลิ่นอายที่ปลุกเร้าอารมณ์ออกมาอย่างไร้รูป

ด้วยความที่เส้นทางนี้ปิดตาย กลิ่นอายนี้จึงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อถึงระดับที่มั่นคงแล้วจะทำให้ชายหญิงเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เสียจิตสำนึกที่นี่และปะทุอารมณ์ เร่าร้อนแห่งชีวิต ต้องอยู่ภายในการปลุกอารมณ์ที่ปิดผนึกหลายเดือนกระทั่งนาน กว่านั้น ภายใต้สภาพการณ์แบบนี้ จะทำให้เรื่องความยากในการสืบเชื้อสายของเผ่าได้รับการแก้ไขในระดับที่มั่นคง

และที่จื่อรั่วถูกรังไหมสูบพลังชีวิตเหมือนกับผู้ฝึกฌานน้ำวนมรณะหยินเหล่านั้นที่ซูหมิงเห็นก็เพราะสาเหตุนี้ เลยเกิดการสูบกินขึ้น

ถึงซูหมิงจะไม่ช่วย แต่เมื่อถูกสูบไปในระดับหนึ่งแล้ว นางจะตื่นขึ้นมาเอง ตอนนี้ในดาวจำนวนมากภายในเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์แทบทั้งหมด ต่างแยกกันอยู่บนดาวทุกดวง ต่างเต้นระบำล้อมรอบรูปปั้นจิ้งจอกเก้าหางยักษ์

ท่าระบำของพวกนางแฝงไว้ด้วยท่วงทำนองยั่วยวนอย่างยิ่ง ขณะล้อมไปรอบๆ ยังส่งเสียงหอบหายใจดังก้อง เสียงนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก ได้ฟังครั้งแรกก็ต้องหอบหายใจ แต่ตอนที่ตั้งใจฟังจะหัวใจสั่นไหว และเกิดภาพหลอนว่าเสียงนี้กลายเป็นคาถาบางอย่าง

บนดาวเจ็ดร้อยสามสิบเก้าดวงทั้งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะเห็นเช่นนี้ทั้งหมด สตรีเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บนดาวทุกดวงจะระบำเร็วขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีเหงื่อซึมและมี กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย สตรีทุกคนจะมีแสงสีชมพูสว่างขึ้น หากมองจากกลางฟ้าจะเห็นว่าดาวเจ็ดร้อยสามสิบเก้าดวงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ขณะเดียวกันยังทำให้ผืนฟ้า สีชมพูในโลกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์สว่างขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายปลุกอารมณ์ชนิดนี้ที่ทำให้ เสียจิตสำนึกกลายเป็นบ้าคลั่งก็เข้นข้นขึ้นตามไปด้วย เหมือนกับว่าภายในทั้งโลก เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์รัก อารมณ์นี้อัดแน่น ส่งผลไปถึงหลุมศพของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ส่งไปถึงจื่อรั่วในเส้นทางวงแหวนอาคมนั้น ดวงตานางเริ่มมีสติสลับ เลือนรางทีละน้อย

บนลำตัวใต้อาภรณ์ปรากฏจุดสีชมพูขึ้นทีละจุด จุดสีมพูเหล่านี้ขึ้นมาแน่นขนัดรวมทั้งหมดเจ็ดร้อยสามสิบเก้าจุด นั่นตรงกับรูปปั้นจิ้งจอกเก้าหางที่ชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นับไม่ถ้วนกำลังระบำล้อมรอบอยู่บนดาวเจ็ดร้อยสามสิบเก้าดวง

รูปปั้นเหล่านี้สูบกลิ่นอายพลังจากชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดไม่หยุด ก่อนใช้วิธีการพิเศษไปรวมอยู่ที่ตัวจื่อรั่ว ทำให้ผิวนางนางเริ่มไม่ขาวอีก แต่เมื่อจุดสีชมพู เจ็ดร้อยสามสิบเก้าจุดกระจายออก ภายใต้การหลอมรวมกันอย่างเนิบช้า เลยทำให้ผิวหนังนางเป็นสีชมพู

ขณะเดียวกันในเส้นทางเลือดเนื้อก็เริ่มเกิดกลิ่นอายปลุกอารมณ์ของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนเริ่มกลิ่นอายนี้จางมากจนไม่สังเกตเห็น ตอนที่สังเกตเห็นนั่นหมายความว่ามันเข้มข้นถึงจุดสูงสุดแล้ว

ซูหมิงเคลื่อนตัวไปเร็วมาก ระหว่างนั้นยังแผ่ขยายดวงจิต พอลากผ่านทุกหนึ่ง รังไหมแล้วก็จะห้อทะยานเดินหน้าไปยังส่วนลึกต่อ ตลอดทางมานี้ไม่พบร่างเงาของเทียนเสียจื่อในรังไหมเหล่านั้น ทว่าขณะพุ่งทะยานอยู่นี้ เขาเริ่มลมหายใจกระชั้น เกิดความรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น

ทันทีที่เกิดความรู้สึกนี้ ซูหมิงหน้าแดง ดวงตาสองข้างสับสนอย่างพบเห็นได้ยาก เพียงแค่พริบตาเดียวความสับสนก็หายไป กลายเป็นมีสติและเยือกเย็น

แต่ว่าสีหน้าเขาดูย่ำแย่เล็กน้อย เขาไม่ได้เพิ่งรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นแบบนี้เป็นครั้งแรก ความจริงแล้วเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขายังอยู่แผ่นดินหมานก็เคยประสบเหตุการณ์ยากจะยืมเลือนแบบนี้มาครั้งหนึ่ง

ครั้งนั้นเผชิญหน้ากับจีฮูหยิน…

เขาถูกพิษของจีฮูหยิน แต่ตอนนี้สำหรับเขาแล้วพิษนั้นเบาบางจนไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง ทว่าสำหรับเขาในตอนนั้นกลับรุนแรงจนจิตใจถูกตีแตกกระจายในพริบตา

ในความรู้สึกเขาตอนนี้เหมือนกับถูกพิษชั่วร้ายในตอนนั้น ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นภาพยุ่งเหยิงจำนวนมาก ดวงตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนหันกลับไปมองจื่อรั่ว แวบหนึ่ง เขาเห็นว่าจื่อรั่วก็ดูสับสนเช่นกัน อีกทั้งยังตัวสั่น มีเหงื่อหอมซึมออกมา ถึงขนาดที่ผิวหนังภายนอกกลายเป็นสีชมพูแล้ว มิหนำซ้ำซูหมิงยังเห็นความตื่นกลัวในสีหน้านาง

จื่อรั่วกำลังตื่นกลัว เพราะตามแผนการของนางแล้ว กลิ่นอายที่นี่จะไม่ส่งผลกับนางมากนัก ถึงอย่างไรนางก็เป็นชาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ คนที่ได้รับผลมากที่สุดควรจะเป็นซูหมิง

แต่ตอนนี้นางกลับพบว่าควบคุมกลิ่นอายของที่นี่ไม่ได้เล็กน้อยแล้ว ถึงขนาดที่ ตัวนางถูกกลิ่นอายนี้กัดกร่อน สติเริ่มสับสน

‘เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!’

‘มิน่าข้าถึงรู้สึกว่านางมีแผนการ แต่กลับไม่รู้สึกถึงอันตราย…’ ซูหมิงขมวดคิ้ว กลิ่นอายประหลาดที่นี่เหมือนกับที่เขารู้สึกในโลกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทุกประการ เพียงแต่ว่าระดับความเข้มข้นของที่นี่เหนือกว่าโลกภายนอก ตอนนี้เข้มข้นถึงขีดสุด

ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วสะบัดแขนเสื้อตัวใหญ่ พลันเกิดพายุหนาวขึ้นถาโถมไปรอบๆ ระหว่างนั้นซูหมิงเร่งความเร็วยิ่งกว่าเดิม มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเส้นทาง ทว่าทันทีที่บินไป กลิ่นอายปลุกอารมณ์ที่ทำให้เสียจิตสำนึกของที่นี่พลันเข้มข้นยิ่งขึ้น ส่งผลให้เส้นทางขมุกขมัวเป็นสีชมพู

ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตในรังไหมบนผนังเส้นทางเลือดเนื้อสั่นสะท้าน เกิดเสียงกึกๆ พร้อมกับศพแห้งเหล่านั้นถูกสูบเลือดเนื้อเสี้ยวสุดท้ายไป จากศพแห้งกลายเป็นเถ้าธุลี

“หืม?” ณ โลกที่นี่ ข้างช่องโหว่จักรวาลกว้างใหญ่ มีเสียงแก่ชราดังแว่วมาจากมวลอากาศ น้ำเสียงมีความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง เหมือนว่าในอากาศมีร่างเงาที่ มองไม่เห็นคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมองไกลออกไป

“ในที่สุดก็ถูกเห็นแล้วรึ…ดูท่าดวงจิตสามรกร้างคงยังไม่ถูกหลอมรวมไปอย่างสมบูรณ์แบบ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!