Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1334

ตอนที่ 1334 บางทีอาจลิขิตไว้…

หลายลมหายใจก่อนที่เทพสัตว์ห้าหน้าจะลงคำสาปใส่ผู้สูงส่งหวนคืนเฟยฮวา ส่งผลไปถึงเซียวซงผ่านเฟยฮวา รวมคำสาปที่เกิดขึ้นในร่างสองคนนี้แล้วเหนี่ยวนำให้เกิดผลย้อนกลับของคำสาปในตัวผู้สูงส่งหวนคืนเสวียนจิ่ว ทำให้กระดูกนั้นแตกของเหลวสีชมพูหายไปนั้น…

ภายในเส้นทางเลือดเนื้อ การโจมตีที่แกร่งที่สุดที่ซูหมิงรวมดวงจิต พลัง ชีวิตรวมถึงวิญญาณตรงไปหาชายหนุ่มสามรกร้างทันทีที่เขาหันหน้ากลับมา

สามรกร้างหลบไม่ได้ กระทั่งไม่อาจลงมือสวนกลับ เพราะการโจมตีครั้งนี้ซูหมิง กุมโอกาสในการลงมือก่อน ตอนที่สามรกร้างคิดจะขวางเทพสัตว์ห้าหน้า เขาก็เตรียมการเสร็จแล้ว เพียงแต่ว่าเขาคำนวณพลังต่อต้านของเทพสัตว์ห้าหน้าพลาดไป เช่นนั้นเขายังจะคำนวณซูหมิงพลาดด้วยหรือไม่…คำถามนี้ลอยขึ้นมาในใจสามรกร้างในตอนที่อภินิหารของซูหมิงเข้ามาใกล้

เกิดเสียงโครมดังสนั่นฟ้าดิน การโจมตีนี้ของซูหมิงปะทะใส่สามรกร้างทั้งหมด

การโจมตีที่แกร่งที่สุดนี้ มองไกลๆ ดูมีพลังยิ่งใหญ่ รวมทุกอย่างของซูหมิง แต่หากมองใกล้ๆ ความจริงแล้ว…การโจมตีครั้งนี้เป็นเพียงการชี้ไปตอนที่ซูหมิงยก มือขวาขึ้น!

นิ้วเล็กๆ แต่กลับรวมพลังน่าสะพรึงที่สามรกร้างต้องหรี่ตาลง กดไปที่ระหว่างคิ้วสามรกร้าง!

นิ้วกดที่ระหว่างคิ้วสามรกร้างทันที ไม่เกิดเสียงดังสนั่น ทั้งโลกตอนนี้หยุดนิ่ง หมอกรอบตัวไม่ม้วนตลบอีก เส้นทางเลือดเนื้อไม่เกิดเสียงดังกึกก้อง กระทั่ง ทุกอย่างข้างนอกเงียบสงบ มหาโลกสามรกร้างพลันสั่นไหว ฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนสั่นสะเทือนตาม

โลกแท้จริงดาราสัจธรรม โลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลก โลกแท้จริงพรรคเซียนที่เสื่อมโทรมและยังมีโลกแท้จริงดาราโบราณของซูหมิง ในเวลานี้…เกิดการหยุดนิ่งในทางตรงกันข้าม

การหยุดนิ่งครั้งนี้สิ่งมีชีวิตในมหาโลกไม่รู้ตัว ต่อให้เป็นตอนที่เทพสัตว์ห้าหน้าทะลวงผ่านไปทีละโลกก็ไม่สังเกตเห็น มีเพียงซูหมิงกับสามรกร้าง พูดได้ว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ระดับเดียวกัน เลยรู้สึกถึงการหยุดนิ่ง…

และยังมีอีกสองชีวิตที่รู้สึกได้ นั่นคือดวงจิตซางเซียงในมหาโลกซางเซียง มันสังเกตเห็นถึงการปะทะกันระหว่างซูหมิบกับสามรกร้างที่ปะทุขึ้นในตอนนี้ การปะทะกับแบบนี้ทำให้มันรู้สึกตึงเครียดและเฝ้ารอคอย

คนสุดท้ายที่สังเกตเห็นได้คือ…ในโลกแท้จริงที่สี่ตอนนี้ ข้างช่องโหว่ปีกซางเซียงที่สี่นั้น เขาคือ…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือโบราณที่หายไป

เขามองทอดไกล นัยน์ตาลุ่มลึก เขารู้สึกถึงการหยุดนิ่งของโลกนี้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ในบ้านเกิดในอดีตของข้ามีคำพูดประโยคหนึ่ง…หากฟ้าจะให้มันตาย จะต้องให้มันคลุ้มคลั่งก่อน…คำพูดนี้มีเหตุผลมาก ซางเซียงตัวนี้กำลังจะเดินบนเส้นทางของบ้านเกิดข้า ดังนั้น…ตอนนี้จึงคลุ้มคลั่ง หนึ่งเป็นโอรสสวรรค์แห่งยุคที่ยึดครองซางเซียงมาเป็นหมื่นๆ ยุค อีกหนึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ที่ลิขิตไว้ว่าน่าจะปรากฏตัวใน ยุคสุดท้ายก่อนซางเซียงจะถูกทำลาย

ข้าเฝ้ารอมากว่าเมื่อพวกเขาสองคนรู้ความจริงแล้ว ยามที่สำนึกเสียใจจะเป็นอย่างไร…เหมือนกับข้าในตอนนั้นหรือไม่…” ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงพึมพำ ผ่านไปพักใหญ่ถึงถอนหายใจ ตอนที่เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายแววยึดมั่น

“ข้าทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อบ้านเกิดข้า แม้ต้องสละชีพซางเซียงทั้งหมด สำหรับข้าแล้ว…คุ้มค่า!”

ระหว่างที่เสียงผู้เฒ่าเมี่ยเซิงดังก้อง ภายในเส้นทางเลือดเนื้อ ซูหมิงกับชายหนุ่มสามรกร้างจ้องตากัน นิ้วมือขวาซูหมิงกดระหว่างคิ้วสามรกร้าง สองคนแน่นิ่ง ยังคงรักษาท่าทางแบบนี้ไว้เหมือนคงอยู่นิรันดร์

“ข้าแพ้แล้ว…” ริมฝีปากสามรกร้างไม่ได้เปิดขึ้น แต่กลับมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากรอบตัวเขา

“ข้าคำนวณเทพสัตว์ห้าหน้าพลาด และก็คำนวณการโจมตีที่แกร่งที่สุดของเจ้าพลาด…ตอนนี้ในฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ไม่มีพลังสนับสนุนแล้ว หลุมพรางครั้งนี้…ถูกเจ้าทำลายแล้ว”

ซูหมิงไม่ตอบ แต่ในสีหน้าเฉยชามีความเย็นชาเพิ่มมา

“สัญญาร้อยปีของเจ้ากับข้าถูกยกเลิกได้แล้ว…” เสียงสามรกร้างมีการผ่านโลกมาเนิ่นนานเพิ่มมา ยามที่ดังก้อง ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ

“ต่อให้ไม่ยกเลิก ร้อยปีจากนี้ข้าก็จะสู้กับเจ้า”

“เจ้าไม่คิดเรื่องที่เราจะร่วมมือกันเลยรึ?”

“บนดาวจักรพรรดิยมโลกนั้น ต้นไม้โบราณที่เติบโตกลางมหาสมุทรเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณ มันจริงๆ…เสื่อมสภาพไปนานแล้ว ตายไปเมื่อไม่รู้กี่ยุคก่อน บางทีอาจมีวันหนึ่งที่เจ้านึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับมันในตอนนั้น เลยสร้างต้นไม้แบบนี้มา แต่เจ้าเปลี่ยนความยึดมั่นและการเฝ้ารอที่เจ้าสัญญาในสัญชาตญาณมันไม่ได้

คนแบบนี้ ข้าจะไปร่วมมือด้วยได้อย่างไร” ซูหมิงตอบกลับราบเรียบ

สามรกร้างเงียบ

ระหว่างนั้นเส้นทางเลือดเนื้อที่สองคนนี้อยู่เหมือนกลายเป็นต้นไม้โบราณใน ตอนนั้น หมอกโดยรอบกลายเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ เหมือนกับอยู่นอกทะเล ยาวเหยียด ข้างต้นไม้โบราณ สีเขียวเข้มเชื่อมกับฟ้า…

“ข้ามีสองคำถาม” ผ่านไปพักใหญ่ เสียงแก่ชราของสามรกร้างดังแว่วมาอีกครั้ง

“พูดมา” ซูหมิงพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง

“ด้วยดวงจิตของเจ้า เดิมทีไม่มีทางรวมดรรชนีเช่นนี้ออกมาได้…ความแกร่งของดรรชีนี้ไม่ขึ้นอยู่กับว่าดวงจิตแกร่งเท่าไร ไม่ขึ้นอยู่กับความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรม ของชีวิต ไม่ขึ้นอยู่กับความสูงต่ำของพลัง และก็ไม่เกี่ยวกับน้ำหนักของวิญญาณ…

จุดสำคัญของดรรชนีนี้คือ การตัดสินใจแน่วแน่ นั่นคือการตัดสินใจที่เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันแต่กลับไม่ตรึกตรองว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ อีกทั้งในดรรชนีนี้ ข้ารู้สึกถึงความกลัวและต่อสู้ดิ้นรนในอดีตของเจ้า นี่น่าจะเป็นหลังจากที่เจ้าเผชิญหน้ากับความตายบางอย่าง กระทั่งต้องสยบด้วยพลานุภาพใครบางคน เจ้าเลยปะทุพลังโจมตีที่แกร่งที่สุดในชีวิตเพื่อไม่ยอมต่อชะตา…

อีกทั้งข้ายังรู้สึกว่ารูปแบบนี้…เจ้ายังใช้ไม่หมด…ข้าอยากรู้ว่าเจ้าใช้รูปแบบนี้กับใครเป็นคนแรก” เสียงสามรกร้างดังก้อง เข้าถึงหูซูหมิงทำให้เขาเงียบ

“คนที่เจ้าไม่เชื่อข้าก่อนหน้านี้ เขาสวมชุดคลุมยาวสีดำ มีเส้นผมยาวสีดำ มือขวามีไข่มุกประหลาดพวงหนึ่ง…นั่งอยู่บนเข็มทิศยักษ์ ข้าเห็นกับตาว่าเขา…กินซางเซียง ตัวหนึ่ง” คำตอบซูหมิงทำให้สามรกร้างเงียบ

“ข้าไม่รู้ว่าคนที่เจ้าพูดถึงเป็นใคร…แต่หลังจากข้ายึดร่างซางเซียงแล้วก็รู้สึกว่าในความทรงจำมันเหมือนมีร่างเงาแบบนี้อยู่ร่างหนึ่ง แต่ว่าร่างเงานั้น ในความรู้สึก ซางเซียงคือสนิทสนมกัน

ดังนั้น…ไม่ว่าเจ้าเห็นอะไร เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลเลย” เสียงสามรกร้างดังก้อง มีความมั่นใจ แต่ซูหมิงเห็นความมั่นใจนี้แล้วก็ต้องส่ายหน้า

เขาเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น เชื่อในสิ่งที่วิเคราะห์ เขาไม่เชื่อคำตอบนี้

“คำถามข้อสอง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ เขา…เป็นคนที่ข้ารู้จัก เพียงแต่เหตุใดเจ้าถึงกังวลในตัวเขา?” เสียงสามรกร้างดังแว่วมาอีกครั้ง ยังคงแฝงไว้ด้วยกาลเวลาเนิ่นนาน และยังมีความเหนื่อยล้าเสี้ยวหนึ่ง

“คนที่หนีออกมาจากซางเซียงตัวที่ถูกทำลายในอดีต บุกเข้ามาในโลกของพวกเรา วางแผนอย่างลึกลับที่พวกเราไม่รู้ เจ้าว่า…ข้ากำลังกังวลอะไร” ซูหมิงตอบกลับอย่างเย็นชา สามรกร้างมั่นใจในตัวเองเกินไป ในมุมมองซูหมิงนี่คือสัญญาณการถูกทำลาย

“ไม่ต้องกังวล เขามาในยุคนี้ สี่ร้อยปีกว่าจากนี้ตอนที่สี่ปีกซางเซียงซ้อนทับกัน อีกครั้ง ยุคนี้จะถูกทำลาย ตอนที่ยุคใหม่มาถึง เขาจะถูกลบหายไป” เสียงสามรกร้างดังเข้ามา ยังคงแฝงไว้ด้วยความมั่นใจที่ซูหมิงขมวดคิ้ว

“หาก…ไม่มียุคต่อไปล่ะ” ซูหมิงถามขึ้นช้าๆ

“เป็นไปไม่ได้!” สามรกร้างตอบกลับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอนนี้เองชายหนุ่มร่างแปลงมองซูหมิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง

“สี่ร้อยปีจากนี้ ตอนที่ภัยพิบัติมาถึง เจ้ากับข้าคงได้พบกันอีก…ตอนนี้ ใช้รูปแบบนั้นของเจ้าให้จบได้แล้ว” สามรกร้างพูดถึงตรงนี้ก็ค่อยๆ เบาลง จนกระทั่งหายไป

“วิญญาณ” ดวงตาซูหมิงวาววับ เขาเอ่ยคำสุดท้ายออกไป และนี่ก็เป็น จุดสำคัญสุดท้ายในอภินิหารที่แกร่งที่สุดของเขา นั่นคือคำที่เขากล่าวขึ้นในช่วงที่ ดวงจิตแหลกสลายไปตอนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดคลุมดำระหว่างใช้วิชาย้อนไป ในอดีตตอนนั้น!

สิ้นเสียงคำว่าวิญญาณ ชายหนุ่มสามรกร้างที่ซูหมิงกดนิ้วลงไปร่างสั่นสะท้าน ทว่าไม่หาย แต่ปรากฏเงามายาซ้อนทับ เงามายานี้ปรากฏมาเป็นสิบ ร้อย จนทั่ง พันหมื่นร่าง…จำนวนซ้อนทับมากเกินกว่าขอบเขตตาเนื้อจะสังเกตเห็น ถึงอย่างไรการซ้อนทับกันแบบนี้ก็มากจนนับไม่ไหว

มีเพียงซูหมิงที่รู้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ในตัวชายหนุ่มสามรกร้างที่ไม่สลายไปนี้ปรากฏเงาซ้อนทับทั้งหมดแสนร่าง

ร่างเงาแสนร่างซ้อนทับกันในยามนี้ ทันใดนั้นระหว่างคิ้วสามรกร้างที่ซูหมิงกดนิ้วอยู่ส่งเสียงดังกึกๆ พร้อมเกิดรอยร้าว รอยร้าวลุกลามไปทั่วร่างสามรกร้างในพริบตา จนกระทั่ง…เกิดเสียงดังปัง ร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ เป็นเถ้าธุลีหายไป สิ่งที่หายไปด้วยยังมีเงาซ้อนทันแสนร่างนั้น

นี่เท่ากับว่าเงามายาสามรกร้างแสนร่าง…ถูกทำลายทั้งหมด!

สำหรับสามรกร้างที่ไม่มีร่างกายแล้ว นี่ถือเป็นการบาดเจ็บสาหัส การบาดเจ็บแบบนี้ทำให้เขาไม่มีแรงสู้กับซูหมิงอีก แต่ว่า…ซูหมิงไม่ได้ล่าสังหารตามไป เพราะยังไม่ถึงเวลา มีเพียงตอนที่สี่ปีกซางเซียงซ้อนทับกันและเกิดภัยพิบัติขึ้นเท่านั้นที่เป็นโอกาสในการยึดร่างเพียงอย่างเดียว

ทุกอย่างจบลงแล้ว ชั่วพริบตาที่ร่างสามรกร้างหายไป หมอกที่เกิดขึ้นจากพิษแห่งตัณหาชีวิตรอบตัวไม่เพิ่มขึ้นอีก แต่ค่อยๆ เกิดเค้ารางหายไป มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่ ซูหมิงเผยสีหน้าเหนื่อยล้า ดวงตาไม่รวดเร็วและดุดันอีก แต่เกิดความสับสนในจิตสำนึก พิษแห่งตัณหาที่เขาควบคุมไว้มาตลอดปะทุขึ้นในร่างกาย ดีที่ตอนนี้ไม่มี พิษแห่งตัณหาที่มากขึ้นอีก อีกทั้งยังค่อยๆ หายไป เขาจึงนั่งขัดสมาธิลงอย่างไม่ลังเล โคจรพลังในร่างกาย เก็บดวงจิตไว้ในร่างกายเพื่อควบคุมพิษแห่งตัณหาต่อไป หากไม่มีการกระตุ้นจากภายนอก อีกไม่นานตอนที่หมอกพิษแห่งตัณหาในเส้นทางเลือดเนื้อหายไป ซูหมิงจะกลับมาเป็นปกติ ไม่รับผลใดๆ อีก แต่ว่า…ซูหมิงลืมจื่อรั่วไป…

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่นานพลันมีเสียงหอบหายใจดังแว่วมาจากในหมอก ร่างคนเปลือยกายทั้งหมดพุ่งเข้ามากอดเขาจากในหมอก

ทันทีที่นางกอดซูหมิง พิษแห่งตัณหาในตัวซูหมิงเหมือนได้รับการดึงดูดและกระตุ้น จึงปะทุขึ้นในฉับพลัน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!