ตอนที่ 1419 เสียงเต๋าสะเทือนกู่จั้ง
จนถึงตอนนี้ เมื่อเสียงวิญญาณเต๋าที่ห้าของซูหมิงรวมกับสี่เสียงก่อนหน้านี้แล้วก็กลายเป็นดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นเสียงปกคลุมพื้นที่ทางเหนือเกือบครึ่ง และก็ปกคลุมพื้นที่ทางใต้เกือบครึ่งเช่นกัน และยังมี…ที่ราบตรงใจกลาง!
เวลานี้เสียงวิญญาณเต๋าที่ห้าเพิ่งค่อยๆ เสียพลังในการกังวาน กลายเป็นเสียงสะท้อนไม่หยุด ตอนนี้เองซูหมิงบนฟ้าสำนักเจ็ดจันทรามีสีหน้าคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม
“เสียงที่หก!” โลหิตไหลจากมุมปาก ดวงตาสองข้างมีรอยโลหิตมากขึ้น นี่คืออาการบาดเจ็บที่เกิดจากใช้ร่างกายเกินขีดจำกัด อีกทั้งยังถูกระลอกคลื่นกับการสะเทือนทำอันตรายต่อร่างกายและวิญญาณ ในเวลาเดียวกันเพราะคุณสมบัติของเขา เขาจึงคำรามเสียงวิญญาณเต๋าที่เจ็ดไม่ได้ ดังนั้นเสียงก่อนหน้านี้จึงเหมือนกับ… ทำลายกฏฟ้าดินบางอย่าง ส่งผลให้ระดับการใช้งานร่างกายเกินขีดจำกัดเหนือกว่าเสียงวิญญาณเต๋าที่ห้าของผู้ฝึกฌานทั่วไป!
ทว่า…ทุกอย่างนี้ก็หมายความว่าหากซูหมิงดึงทุกอย่างกลับมาตอนนี้ คุณสมบัติเขาจะถูกเปลี่ยน เพราะเขาเปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่ห้าแล้ว เขาจึงต้องมีคุณสมบัติที่จะเปล่งเสียงนี้ได้ หากไม่มี เช่นนั้นกฏฟ้าดินของแคว้นกู่จั้งจะให้เขามี!
เรื่องนี้ดูลึกลับและมหัศจรรย์ แต่ก็เข้าใจหลักการไม่ยาก
เพียงแต่สำหรับซูหมิงแล้ว เขาต้องทนรับสาหัสกว่าคนอื่นเล็กน้อย ทว่า… ในเมื่อมาถึงก้าวนี้แล้วก็จะไม่ยอมล้มเลิกอย่างเด็ดขาด เมื่อเสียงเขาดังก้อง ดวงจิตพรรคเซียนปะทุขึ้น ร่างเขาแห้งเหี่ยวลงเล็กน้อยในฉับพลัน พลังชีวิตเหมือนถูกสูบไปมากกว่าครึ่ง…ก่อนอ้าปากเปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่หกตามดวงจิตนั้น
หนึ่งคือเริ่มต้น สามคือลึกซึ้ง หกคือแข็งแกร่ง! ซูหมิงในตอนนี้ ทันทีที่เสียงเสียงวิญญาณเต๋าที่หกดังขึ้น เขาได้ก้าวสู่ระดับแข็งแกร่งแล้ว
ชั่วขณะที่เสียงวิญญาณเต๋าที่หกดังขึ้น เสียงกู่ไท่ดังเข้าถึงหูผู้ฝึกฌานทุกคนรอบสำนักเจ็ดจันทรา
“ยกระดับความตื่นตัว ห้ามให้ใครมารบกวน เสียงวิญญาณเต๋าที่หกสร้างความตื่นตกใจแล้ว จะต้องมีคนมารบกวนแน่!”
เสียงกู่ไท่ดังกึกก้องข้างหูผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราทุกคน ผู้ฝึกฌานเหล่านี้ดวงตาต่างขยับประกาย ยกระดับความตื่นตัวทั้งหมด ป้องกันในและนอกพื้นที่ล้านลี้ของสำนักเจ็ดจันทราราวกับเป็นปราการไร้พ่าย
ขณะเดียวกันช่วงที่เสียงวิญญาณเต๋าที่หกดังขึ้น สำนักทั้งทางตะวันตกแคว้นกู่จั้งเกิดเสียงฮือฮา นั่นคือเสียงอื้ออึงที่เกิดจากคนร้องด้วยความตกใจจำนวนมาก นั่นคือความตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นเพราะเสียงวิญญาณเต๋าที่หก
ในเวลาเดียวกันเมื่อเสียงวิญญาณเต๋าที่หกรวมกับห้าเสียงก่อนหน้านี้แล้วก็เกิดเป็นเสียงดังครึกโครมราวกับระเบิด ฟ้าดินมืดครึ้ม แผ่นดินสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิงปกคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งทางเหนือและทางใต้ อีกทั้ง… ยังไปมากกว่าครึ่งทางภาคกลาง!
ในพื้นที่นี้ ไม่นับรวมพื้นที่ทางตะวันตก มีทั้งหมดสามสำนักหกฝ่าย ตอนนี้ผู้ฝึกฌานสามสำนักหกฝ่ายต่างตกใจกับเสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิง โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่คาดการณ์ความอ่อนแอและแข็งแกร่งของเสียงวิญญาณเต๋าว่ามีกี่เสียงได้ ดังนั้นแล้วจึงเกิดความตื่นตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“นี่คือเสียงวิญญาณเต๋าที่หก! เขามาจากสำนักเจ็ดจันทรา…”
“ดูท่าสำนักเจ็ดจันทราคงจะมีผู้อาวุโสขอบเขตวิญญาณเต๋าเพิ่มมาหนึ่งคนแล้ว อีกทั้งเสียงวิญญาณเต๋ายังดังสนั่น…เกรงว่าเขาคงมีโอกาสได้บรรลุเต๋าสูงศักดิ์…”
“แต่ว่าสำนักเจ็ดจันทรามีเป้าหมายอะไรกันแน่ถึงไม่เคาะเสียงวิญญาณเต๋า ในแดนต้องห้ามของสำนัก แต่กระพือข่าวเช่นนี้!”
ขณะเดียวกับที่เสียงวิญญาณเต๋าที่หกดังก้องและเสียพลังในการขยายออกไป เสียงกู่ไท่ดังในสำนักเจ็ดจันทราอีกครั้ง มีความตื่นเต้นและผ่านโลกมาเนิ่นนาน
“ซูหมิง หากเจ้าเคาะได้เจ็ดเสียงจะสร้างความตื่นตกใจได้ หากแปดเสียงจะให้ทุกสำนักหวาดกลัว หากเจ้า…เคาะได้เก้าเสียงจริงๆ เสียงเจ้าจะไปทั้งแคว้นกู่จั้งจนจักรพรรดิได้ยิน!”
ตอนนี้ร่างซูหมิงเหมือนกลายเป็นชายชรา โลหิตไหลจากมุมปากเยอะขึ้น ดวงตามีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก เขาเหมือนไม่ได้ยินเสียงกู่ไท่ แต่สูดลมหายใจ เข้าลึก หมุนโคจรดวงจิตจักรพรรดิยมโลกอย่างไม่ลังเลในช่วงที่เสียงกู่ไท่ยังคง ดังกังวาน!
‘เสียงที่เจ็ด!’ ซูหมิงเงยหน้าเปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่เจ็ด
พริบตาที่เสียงดังขึ้นก็กลบเสียงของกู่ไท่ทันที นี่ไม่ใช่เพราะพลังซูหมิงเหนือกว่ากู่ไท่ แต่เป็นเพราะเสียงวิญญาณเต๋าในตอนนี้ปกคลุมเกือบหกส่วนของแคว้นกู่จั้งแล้ว จึงเกิดเสียงดังร่วมกัน
อ๊าก!
สิ้นเสียงร่างซูหมิงสั่นไหวพร้อมแห้งเหี่ยวลงกว่าเดิมจนแทบจะกลายเป็นซากศพ เส้นผมกลายเป็นสีเทา โลหิตเหมือนจะแห้งกรัง พลังชีวิตแทบจะหายไปทั้งหมด
แต่…เสียงวิญญาณเต๋าที่เจ็ดยังคงดังไปรอบๆ อย่างยึดมั่น เข้าปกคลุมทุกพื้นที่ทางเหนือและทางใต้ รวมถึงภาคกลาง ทำให้พื้นที่เกือบแปดส่วนของแคว้นกู่จั้ง… มีเสียงคำรามของซูหมิง!
ในพื้นที่นี้ มีเพียงเมืองหลวงจักรพรรดิตรงภาคกลางเท่านั้นที่มีความมหัศจรรย์อยู่ เสียงเลยเข้ามาไม่ได้ มีเพียงทุกสิ่งก่อสร้าง ทุกสำนัก ผู้ฝึกฌานทุกคนในที่นี้ที่รู้สึกถึงความบ้าคลั่งและยึดมั่นจากในเสียงวิญญาณเต๋าที่เจ็ด
ในเวลาเดียวกัน ในพื้นที่ทางภาคเหนือ ในฝ่ายอสุรา ช่วงที่เสียงวิญญาณเต๋า ครั้งที่เจ็ดของซูหมิงกังก้อง พลันมีผู้ฝึกฌานจำนวนมากเข้าไปกลางวงแหวนอาคมของหนึ่งโลกอสุรา ทันทีที่แสงวงแหวนอาคมขยับประกาย พวกเขามาปรากฏที่ทางเหนือแคว้นกู่จั้ง ก่อนมุ่งหน้าไปยังสำนักเจ็ดจันทรา
ผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อย ทว่าพวกเขาไม่ใช่มือสังหารจริงๆ แต่เป็น ผู้แข็งแกร่งจากฝ่ายอสุราที่มาปรากฏอยู่นอกสำนักเจ็ดจันทราแล้วต่างหาก ท่ามกลางเสียงดังสนั่น วงแหวนอาคมทั้งนอกสำนักเจ็ดจันทราเปิดออก กู่ไท่มองทุกอย่างด้วยความเยือกเย็น ผู้อาวุโสใหญ่สิบสองคนข้างกายล้วนกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไป รวมถึงผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ต่างบินออกไปด้วย
“คนสำนักเจ็ดจันทราสิ้นชีพได้ เพียงแต่…ห้ามให้ใครเข้ามาทำลายเสียงวิญญาณเต๋าขององค์ชายสาม!” กู่ไท่รู้ชัดว่าเมื่อเสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิงถึงระดับหนึ่งแล้วจะต้องมีคนมารบกวนอย่างแน่นอน เพียงแต่จะมาไม่มากนัก ผู้ลงมือนอกจาก ฝ่ายอสุราแล้วก็มีเพียงสำนักเอกะเต๋า
ส่วนสำนักอื่นๆ จะแค่มองอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันครั้งนี้จะส่งเสริมให้สำนักที่องค์ชายสามอยู่เด่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด พูดได้ว่าครั้งนี้ทำให้สำนักอื่นๆ ต้องใคร่ครวญว่าจะเข้าร่วมฝ่ายใด!
ซึ่งกู่ไท่มีการเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว ศึกครั้งนี้…ต่อให้มหาเต๋าสูงศักดิ์มาก็ อย่าหวังจะทำลายวงแหวนอาคมทั้งหมดที่เปิดอย่างเต็มกำลังของสำนักเจ็ดจันทราได้ในเวลาสั้นๆ!
การมาของเซินมู่ในตอนนั้นเป็นเรื่องไม่คาดคิด ทว่ากู่ไท่ก็สังเกตเห็นและจัดการเฉพาะหน้าเท่านั้น ตอนนี้…เขาลงมือควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีทางเกิดเหตุไม่คาดคิดอีก
ท่ามกลางเสียงดังโครมคราม มหาสงครามจากฝ่ายอสุราได้เริ่มขึ้นนอกสำนัก เจ็ดจันทรา ส่วนบนฟ้าที่ซูหมิงอยู่เต็มไปด้วยวงแหวนอาคมนับไม่ถ้วน มองไกลๆ มีร่างเงาเข้าไปใกล้ไม่หยุด แต่กลับทำลายวงแหวนอาคมเหล่านี้ไม่ได้ ประกอบกับมี กู่ไท่อยู่ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นร่องฟ้าที่ไม่อาจข้ามผ่าน!
ตอนนี้เอง เสียงวิญญาณเต๋าที่เจ็ดของซูหมิงกลายเป็นเสียงสะท้อน ร่างเขาสั่นไหว โลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด โลหิตนั้นเหนียวข้นเหมือนเป็นส่วนสุดท้ายในร่างกาย ใบหน้าซีดขาว ดวงตามัวหมองไร้ประกาย แต่ความยึดมั่นในดวงตากลับเหมือนกลุ่มเพลิงกำลังลุกไหม้โชตช่วง
‘เจ็ดเสียงรึ…ยังมีเสียงที่แปด!’ ซูหมิงมีนิสัยคลุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาทมิฬในตอนแรกสุดหรือการสังหารเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนในตอนสุดท้ายล้วนมีความบ้าคลั่งอย่างยิ่ง นี่คือความบ้าคลั่งเพื่อความยึดมั่น แต่ตอนนี้ความยึดมั่น เขาแกร่งขึ้น แม้ตอนนี้จะเป็นดั่งน้ำมันก้นตะเกียง แต่เขายังก็ให้ดวงจิตดาราโบราณหลอมรวมเข้าร่างแห้งเหี่ยว เปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่แปดสะเทือนแคว้นกู่จั้ง สะเทือนจิตใจทุกคน!
อ๊าก!
ทันทีที่ซูหมิงคำรามและเสียงวิญญาณเต๋าที่แปดดังกึกก้องนั้น เสียงพลันสะเทือนไปบนฟ้าแคว้นกู่จั้ง ทำให้ระลอกคลื่นบนฟ้าไร้ที่สิ้นสุด การสั่นสะเทือนบนแผ่นดินเหมือนจะแตกออก ทุกสำนักต่างรู้สึกได้อย่างชัดเจน
พร้อมกันนั้น เสียงวิญญาณเต๋าที่แปดยังขยายผ่านทางตะวันออกของแคว้นกู่จั้ง ปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ ทำให้แคว้นกู่จั้งที่ใหญ่ยักษ์ยิ่งดั่งท้องนภา ตอนนี้…นอกจาก เมืองหลวงจักรพรรดิแล้ว ดังก้องกังวานไปด้วยเสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิง!
เสียงเขา เสียงคำรามเขาหลอมรวมกับฟ้า ลึกลงดิน ภายใต้การแผ่กระจายของระลอกคลื่น ส่งผลให้ฟ้าของแคว้นกู่จั้งเหมือนรวมเป็นใบหน้าของซูหมิงที่ สมบูรณ์แบบ แต่ราวกับว่ายังขาดอีกเล็กน้อย ดูแล้วยังยุ่งเหยิง ไม่อาจก่อรูปขึ้นได้!
การสะเทือนของแผ่นดิน โดยเฉพาะเสียงโครมครามทางตะวันออกทำให้หนึ่งสำนักสองฝ่ายได้ยินเสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิงอย่างชัดเจน
ณ สำนักเอกะเต๋า ตอนนี้อารามที่มีรูปปั้นสามรูปมีเสียงวิญญาณเต๋าของซูหมิงกึกก้อง สะเทือนอารามแห่งนี้จนเหมือนจะพังลง รอยแตกของสามรูปปั้นนั้นเพิ่มมาอีกเล็กน้อย
ภายในรอยแยกเส้นหนึ่งในนั้น ในโลกภูเขาไฟ องค์ชายใหญ่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินยักษ์กลางหินหนืด ขณะหายใจทั้งภูเขาไฟเกิดเสียงโครมคราม แต่ยามนี้เองเสียงโครมครามที่นี่พลันถูกเสียงวิญญาณเต๋าที่แปดของซูหมิงที่ดังมาจากภายนอกกลบจนมิด
‘นี่มัน…’ องค์ชายใหญ่ลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววตกตะลึง
‘เสียงวิญญาณเต๋า เสียงวิญญาณเต๋าที่แปด เขา…แม้จะมีสายเลือดจักรพรรดิ แต่ก็ไม่มีทางเปล่งเสียงวิญญาณเต๋าที่แปดได้ เพราะข้าที่มีสายเลือดเข้มข้นที่สุด ยังเปล่งเสียงได้เพียงแปดครั้งเท่านั้น เขาเหมือนกับข้าได้อย่างไร!’