13. ผู้อาวุโสซุน
ผู้อาวุโสซุนเดินเข้าไปใกล้ๆ ภายใต้การตรวจสอบอย่างรอบคอบ เขาพบว่ากระทั่งดอกไม้ม่วงที่อยู่ตรงข้ามหญ้าน้ำเงินก็เหี่ยวไปด้วย ไม่ใช่แย่แค่หญ้าน้ำเงินซะแล้ว
เขาจำได้ว่าสมุนไพรเหล่านี้ยังดูดีและแข็งแกร่งเมื่อตอนเที่ยง แล้วมันจะกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงแค่ช่วงบ่ายเนี่ยนะ? ผู้อาวุโสหยิบหญ้าน้ำเงินและตรวจสอบขึ้นมา มันดูเหมือนเสียความชื้นไปจนหมดจึงทำให้เหี่ยวแห้งไป เขาแตะบนพื้นแต่ก็ยังมีความชื้นในการเจริญเติบโตของพืชอยู่เช่นเดิม นี่แปลกประหลาดมาก
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็คิดขึ้นได้ “บ่ายนี้มีเพียงคนเดียวที่มาเยี่ยมเรา แต่เขาเป็นแค่ศิษย์สายนอกแล้วจะเป็นตัวการให้สมุนไพรเหี่ยวเฉาได้เช่นไร?”
คิดดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมองเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งโดยไม่ได้พูดคำใด ผู้อาวุโสซุนถกแขนเสื้อขึ้นและทะยานร่างบินออกไป หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวเขาก็ถึงสถานที่ที่เหล่าศิษย์สายนอกได้มอบหมายงาน
ผู้อาวุโสซุนตะโกนด้วยเสียงดังลึก “ศิษย์คนไหนดูแลที่นี่?” น้ำเสียงราวฟ้าฝ่าดังขึ้นและทันใดนั้นศิษย์ชุดเหลืองที่ดูแลที่นี่ได้ออกมาอย่างรวดเร็วและคุกเข่าลงบนพื้นและมอบคลานไม่หยุด
ผู้อาวุโสซุนพูดอย่างใจร้อน “เจ้ามีใบลงทะเบียนของหวังหลินไหม?”
หัวใจของศิษย์ลิ่วหยุดเต้นชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีผู้อาวุโสระดับสูงเช่นนี้เข้ามาถามหาเกี่ยวกับขยะแบบหวังหลินเช่นนั้น เขาคิดถึงช่วงเวลาที่ได้รังแกวังหลินและใบหน้าก็ซีดขึ้น “ศิษย์คนนี้…มี….มีศิษย์น้องหวังหลินรับเรื่องลงทะเบียนไว้ ศิษย์น้องหวังหลินรักการเรียนรู้และตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งอย่างมาก ศิษย์คนนี้…ศิษย์คนนี้จะนำเขาเป็นแบบอย่าง”
ผู้อาวุโสซุนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ภายในใจเขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดี มีคนประสาทหลอนเพิ่มขึ้นเมื่อผู้อาวุโสคุยกับเขาแต่นี่ก็ทำให้เขามีคนเคารพเพิ่มมากขึ้น ตำแหน่งผู้อาวุโสของเขาความจริงเป็นสิ่งไร้ค่าในสำนักเหิงยั่ว ศิษย์รุ่นที่สองเกือบทั้งหมดมักจะถูกเรียกว่าผู้อาวุโสจากเหล่าศิษย์สายนอก แต่ศิษย์สายในทั้งหมดมักจะเรียกเขาเป็นลุงหรืออาจารย์ แม้ว่าเขาจะเห็นแววตาแห่งการนับถือภายในศิษย์สายนอก แต่เขาไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับศิษย์รุ่นที่สอง แม้กระทั่งศิษย์รุ่นที่สามก็ยังไม่เคารพเขามากนัก
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถูกมอบหมายงานให้จัดการกับคำขอศิษย์สายนอกเพื่อที่จะกลับบ้านของตนเอง
ผู้อาวุโสซันพูดขึ้น “ลานไหนที่หวังหลินอาศัยอยู่?”
“ที่…ที่ลานธาตุดินทิศเหนือครับ…”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบ ผู้อาวุโสซุนบินออกไปเป็นแสงสีรุ้งทางทิศเหนือและหายวับราวกระพริบตา
ศิษย์ลิ่วเริ่มจะประสาทกิน ลำไส้ปั่นป่วน เขาสาบานว่าเมื่อเห็นหวังหลินอีกครั้งเขาจะไม่เยาะเย้ยอีก แต่จะยกย่องเทิดทูนราวกับเป็นปู่ของตัวเอง นอกจากนั้นเขายังมีเรื่องบางอย่างที่ผู้อาวุโสต้องการคุยส่วนตัว
ผู้อาวุโสซุนมาถึงลานย่อยธาตุดินและไม่ได้เห็นหวังหลิน เขาเข้าไปดูเลขห้องที่หวังหลินจดทะเบียนไว้ จากนั้นก็มาถึงหน้าห้องหวังหลิน จางฮู่ยังคงหลับอยู่ เขากรนเสียงดังและไม่รู้ตัวว่าผู้อาวุโสซุนมาถึงที่นี่
ผู้อาวุโสซุนตรวจสอบห้องอย่างระมัดระวัง เขาขมวดคิ้วและพึมพำ “เขาออกไปเร็วจริงๆ หืมมม ข้าจะตรวจสอบเมื่อเขากลับมาละกัน”
หวังหลินกำลังเดินอยู่ภายในภูเขาด้วยยันต์เซียนบนขาตัวเอง ยันต์เซียนนี่มันน่าทึ่งมากๆ หลังจากวางมันไว้บนขาตัวเอง เขาก็รู้สึกถึงกระแสอบอุ่นผ่านเข้ามาในร่างกาย ประกายแสงแพรวพราวเต็มไปที่เท้าของเขาทำให้ราวเหมือนเป็นเซียน
เมื่อเหล่าสัตว์ภายในภูเขาเห็นแสงสีขาว พวกมันต่างอยู่ห่างๆ ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าใกล้
สายลมอันสดชื่นผัดผ่านใบหน้าหวังหลินอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นและอยากให้ถึงบ้านไวๆตามเส้นทางในความทรงจำของเขาเอง
หนึ่งคืนได้ผ่านไปแล้ว และรุ่งอรุณได้ขึ้นมาเป็นวันใหม่ เขาดื่มน้ำจากน้ำเต้าไปอึกหนึ่งและมันได้เติมเต็มพลังงานได้อีกครั้ง เขาสังเกตว่าได้ออกจากภูเขาเรียบร้อยแล้ว การที่จะไปให้ถึงหมู่บ้านนั้นเขาก็แค่ไปตามถนนเส้นเล็กเท่านั้น
หวังหลินไม่ได้หยุดพัก เขาได้มุ่งหน้าต่ออย่างรวดเร็วจนเข้าไปในเมืองตอนที่ดวงอาทิตย์ยังแจ่มใสและผู้คนยังคงเร่งรีบและจอแจกันอย่างหนาแน่น หวังหลินเดินไปรอบๆเล็กน้อยเพื่อซื้อของขวัญให้กับครอบครัวของเขาก่อนจะออกเดินทางต่ออย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นเวลาสาย ในที่สุดหวังหลินก็ถึงหมู่บ้าน เขาเห็นธงแดงข้างหน้าบ้านเขาตั้งแต่ไกลๆ
ข้างนอกมีรถเกวียนหลากหลายคันและผู้คนต่างคึกคัก
หวังหลินตกตะลึงเมื่อเขามาถึงหน้าบ้านตัวเอง การมาถึงของเขาดูโดดเด่นเกินไป เหล่าญาติของเขาที่มาที่นี่เห็นเพียงแต่แสงสีขาวและปรากฎเป็นหวังหลินขึ้นมา
ทุกคนมองอย่างอิจฉาขณะที่พวกเขายกย่องหวังหลิน
“พี่สอง หวังหลินกลับมาแล้ว มาดูว่าเด็กคนนี้หล่อเหลาแค่ไหน เขาดูเหมือนเป็นเซียนเลย!”
“อย่าไปคิดมากน่า แม้ว่าเหล่าเซียนจะไม่รับเขาและในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรับเลือกไว้ มองดูหวังหลินที่เป็นศิษย์คนนี้ ในอนาคตตระกูลหวังจะขึ้นอยู่กับเหล่าเด็กทั้งสามคนนี้แล้ว”
“นี่เพราะแววตาข้าแก่เกินไปที่มองไม่เห็นข้อดีในตัวเด็กพวกนี้ แต่ดูเขาตอนนี้สิ ตรงส่วนไหนที่เขาเปรียบกับหวังโจวกับหวังเฮ่าไม่ได้กัน? นี่มันมังกรในหมู่มนุษย์ชัดๆ! ดีมาก ดีมาก ดี!” ลุงสามตระกูงหวังร้องตะโกนขึ้น ราวกับเขาลืมเรื่องทั้งหมดที่เคยพูดไว้มาก่อนหน้านี้
“เด็กคนนี้ หวังหลินเขามักจะฉลาดตั้งแต่เด็กๆอยู่เสมอ ข้าพูดได้เลยว่าแม้กระทั่งเหล่าเซียนยังผิดพลาดได้เมื่อครั้งก่อน แล้วเราที่เป็นคนจะไม่ผิดพลาดได้เยี่ยงไร? หวังหลินข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เกลียดลุงห้า ลุงสี่ของเจ้าต้องการขอโทษ”
เหล่าญาติทั้งหมดต่างเปลี่ยนการแสดงออกไปหมดและเปิดเผยจิตใจดีและใบหน้ายิ้มแย้ม
หวังหลินถอยหายใจอย่างเยือกเย็น ณ ขณะนั้นพ่อของเขาก็ปรากฎตัวขึ้นและตกใจจนดึงแขนหวังหลินเข้ามาหาตนเอง “ไท้จู ทำไมเจ้าถึงได้กลับมาหล่ะ? ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าอยู่ที่สำนักเหิงยั่วหรอกหรือ? อย่ากังวลกับที่บ้านเลย”
หวังหลินมองไปที่พ่อของเขาและเป็นใบหน้าริ้วรอยของพ่อได้ลดลงอย่างมาก เขามองเช่นนั้นอย่างมีความสุขในเวลาเช่นนี้ “ท่านพ่อ อย่ากังวลไปเลย เหล่าศิษย์ของสำนักมีโอกาสสามครั้งต่อปีที่จะมาเยี่ยมบ้านได้ ครั้งนี้เป็นวันเกิดของท่านพ่อ ข้าจึงรีบกลับมา”
พ่อของหวังหลินมองเขาอย่างภูมิใจและเหล่าญาติรอบๆเขา จากนั้นดึงหวังหลินเข้าประตูก่อนจะโห่ร้องขึ้น “ภรรยาสุดที่รัก ดูซิว่าใครกลับมา!”
แม่ของหวังหลินล้อมรอบด้วยกลุ่มญาติผู้หญิง เมื่อเธอได้ยินเสียงสามีของตัวเอง เธอได้มองมาหาเขาและตกใจที่เห็นหวังหลินก่อนจะรีบเข้าไปหาและถามขึ้นถึงเรื่องราวของเขา