161. สัมผัสวิญญาณแปดกรงเล็บ
ร่างหลักหนึ่งร่างและสามร่างแยก แต่ละคนเชื่อมสัมผัสวิญญาณเข้าด้วยกันและคลุมลงซวนหวู่อย่างสมบูรณ์
เซียนคนใดที่เข้าหรือออกจากซวนหวู่จะต้องผ่านเส้นสัมผัสวิญญาณนี้ ด้วยวิธีนี้สุดยอดจอมมารลำดับที่แปดจะควบคุมได้เต็มที่
ชายชราถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ เขาไล่ล่าหวังหลินมาตลอดทางตั้งแต่ทะเลปิศาจ ผ่านฮัวเฝินและมาถึงซวนหวู่แต่ทว่าการคงอยู่ของหวังหลินหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แม้จะมีพลังของเขาก็ยังไม่อาจหาหวังหลินเจอ เขาคิดว่าหวังหลินคงซ่อนตัวลึกลงไปใต้ดินแต่ทว่าหลังจากตรวจสอบที่นี่แล้วก็ยังไม่พบอะไรอื่น
แต่เขาไม่ได้ยอมแพ้ หลังจากได้ยินมาว่าหวังหลินใช้มนต์แห่งความตายในเมืองหนานต้าว เขาจึงถูกล่อลวงมา แผนการใหญ่ของเขาส่วนหนึ่งจะง่ายมากๆหากมีคนที่ใช้มนต์แห่งความตาย
เป็นเหตุผลเดียวที่เขาใช้ความพยายามทั้งหมดไล่ล่าหวังหลิน ตามปกติแล้วด้วยความสามารถของเขา การจับหวังหลินควรจะง่ายดายนัก แต่หวังหลินไหลลื่นราวกับปลาไหลและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย คราแรกเขารอมา 97 วันแต่ในที่สุดหวังหลินก็ออกมาจนได้และเขากำลังจะเข้าไปหา เจ้าหนูนั่นกลับมุดลงใต้ดินโดยการใช้วิชาหลบหนีอีก
โชคดีที่เขายืมเรือปฐพีมา สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีวิชาหลบหนีปฐพีอันทรงพลังอยู่ดังนั้นมันคงทำให้เรื่องง่ายดายมากขึ้นแม้เขาจะไม่ได้ใช้วิชาใต้ดินจำนวนมากก็เถอะ เขาคิดได้ว่ามันคงจะดีขึ้นตราบใดที่เข้าใกล้เจ้าหนูนั่น ถึงกระนั้นดันไม่คิดว่าเป้าหมายของมันคือภูเขาของสมาพันธ์ฮัวเฝิน
แม้เขาจะสามารถทำลายค่ายกลป้องกันสำนักด้วยฝ่ามือเดียว แต่เขาสูญเสียการติดตามเจ้าหนูนั่นอีกแล้ว จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขาถึงเสี่ยงเกิดความขุ่นเคืองกับแคว้นเซียนอันดับสี่เบื้องหลังซวนหวู่และฮัวเฝินเพื่อที่จะควบคุมแคว้นด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเอง
ในความจริงเขาไม่ได้สังหารใครจากทั้งสองแคว้นส่วนใหญ่เนื่องจากแคว้นเซียนอันดับสี่ที่อยู่เบื้องหลัง ใครสักคนที่มีระดับฝึกตนสูงกว่ายิ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายดาวเคราะห์ซูซาคุ ทั้งซวนหวู่และฮัวเฝินต่างมีเบื้องหลังเป็นแคว้นอันดับสี่เดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันมากเท่าไหร่มันคงไม่เป็นไร แต่ว่าหากมีคนอื่นจากข้างนอกเข้ามาด้วยเมื่อนั้นพวกเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
หากเป็นเมื่อก่อนการสังหารเท่าที่จำเป็นคงไม่เป็นไร แต่ว่าตั้งแต่สถานที่แห่งนั้นกำลังจะเปิดขึ้นในไม่ช้านี้เขาจึงไม่ต้องการสร้างปัญหามากนักที่นี่
การควบคุมนี้ใช้เวลาสองปี ระหว่าสองปีนี้ทั้งซวนหวู่และสมาพันธ์ฮัวเฝินต่างถูกสัมผัสวิญญาณของชายชราตรวจสอบซึ่งอาจเกิดขึ้นหลายครั้งในแต่ละวัน
เกือบทุกคนรู้ต้นตอของสัมผัสวิญญาณทั้งหมดนี้ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดได้เตือนไว้ว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปทั้งสี่ทิศที่มีสัมผัสวิญญาณออกมา
สุดยอดจอมมารลำดับที่แปดยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นเพราะว่าสถานที่แห่งนั้นกำลังจะเกิดในอีกหนึ่งปี และหากเขาช้าไปผลกระทบคงไม่สามารถจินตนการได้ ความร้อนได้สุมอยู่ในใจขณะที่ตัดสินใจว่าจะรอเพิ่มอีกครึ่งปีหาก หากยังไม่อาจพบเจ้าเด็กสารเลวนั่นในครึ่งปีเมื่อน้นเขาคงต้องเสี่ยงให้แคว้นอันดับสี่โกรธเคืองและหลอมทั้งแคว้นเพื่อค้นหามัน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือน สองเดือน…จนกระทั่งห้าเดือนผ่านไป ขณะที่เวลาผ่านไปใบหน้าของสุดยอดจอมมารลำดับที่แปดมืดมนมากขึ้นและความเกลียดชังบนใบหน้าเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น
หวังหลินนั่งในท่านั่งดอกบัวภายในมิติของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ใบหน้ามีความน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าจอมมารที่แปด เขาตรวจสอบทุกสิ่งบนร่างกายและพบบางอย่างผิดปกติกับจิตวิญญาณโลหิตของซางก้วนโม่ ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ชายชราสามารถไล่ล่าเขาได้ไกลขนาดนี้เป็นเพราะจิตวิญญาณโลหิตนี้
ในวันนี้ขีดจำกัดของมิติฝืนลิขิตฟ้ากำลังใกล้เข้ามา เขารู้สึกได้ว่าหากไม่ออกไปในเร็ววันนี้จะไม่สามารถออกไปได้อีกเลย
เขาจึงต้องออกไปสามวันก่อนที่จะสามารถกลับเข้ามาใหม่ได้ ทว่าหากคนที่เขากำลังไล่ล่ายังอยู่ข้างนอกมันยากมากที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาสามวัน
หวังหลินไตร่ตรองเล็กน้อย ลำแสงภายในลูกปัดค่อยๆสลัวลง ขณะที่มันหายไปจนหมดเขาก็ออกมาจากลูกปัด
ขณะที่เขาปรากฎตัว สุดยอดจอมมารที่แปดลืมตาขึ้นทันทีและหายไปวับไปจากที่ที่เขาอยู่
ร่างหวังหลินค่อยๆรวมตัวกัน ทันใดนั้นเขารู้สึกวิงเวียนอย่างมากแต่เขาบังคับให้ตัวเองนำจิตวิญญาณโลหิตของซางก้วนโม่ออกจากคิ้ว เขาดึงมันขึ้นมาและยิงมันออกไปไกล
ในขณะเดียวกันสัมผัสได้ถึงอันตราย หวังหลินเยาะเย้ยขณะที่เหาะมุ่งหน้าไปทิศทางตรงกันข้าม
ชายชราติดตามการเชื่อมต่อของจิตวิญญาณโลหิตและมาถึงบนอากาศเหนือตำแหน่งของมัน เขายิ้มออกมาขณะกระแทกพื้นสร้างแรงสั่นสะเทือน ร่างกายเข้าไปในพื้นดินด้วยการใช้เรือปฐพี ทว่าในไม่ช้าเขาก็ออกมาจากพื้นพร้อมกับถือจิตวิญญาณโลหิตของซางก้วนโม่ไปด้วย ด้วยความโกรธเกรี้ยวเขาบีบมันแตกละเอียด
“เจ้าจะหนีไปไหนพ้น!” ชายชราร้องตะโกนขณะกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา มันปกคลุมทั่วทั้งซวนหวู่พลันหายใจก่อนจะรีบไล่ล่าตามหลังหวังหลิน
ขณะที่หวังหลินเดินทางผ่านชั้นดินทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงดินรอบด้านเต็มไปด้วยความผันผวนของพลังปราณ เขารู้ได้ว่าชายชราคนนั้นกำลังไล่ล่าด้านหลังมาแล้วและไม่อาจหนีรอดได้ในสามวัน หลังจากคิดเรื่องนี้เขารีบเหาะขึ้นและออกมาจากพื้นดิน
ขณะที่เขาก้าวขึ้นมาบนพื้น ทั้งสี่ร่างปรากฎรอบตัวเขา ชายชราจ้องหวังหลินอย่างเยือกเย็นขณะที่ร่างแยกค่อยๆรวมกลับเป็นหนึ่งร่างพร้อมกับตะโกนขึ้นเสียงดัง “รวมกับ 97 วันตอนเริ่มต้น ข้ารอเจ้ามาเกือบสามปี” ใบหน้าหวังหลินมืดมัวขณะจ้องชายชราอย่างหนาวเหน็บ เขาไม่ได้พูดคำใดออกมา
ชายชราถามขึ้น “เจ้าชื่ออะไร?”
“หม่าเหลียง!” ระดับฝึกตนของชายชราราวกับทะเลสงบต่อหวังหลิน มันลึกเกินที่จะหยั่งถึงได้
ดวงตาของชายชราจ้องหวังหลินขณะพูดขึ้นทีละคำ “หม่าเหลียง ข้ากำลังจะถามเจ้าว่า เจ้ารู้จักมนต์แห่งความตายหรือ?” มีจิตสังหารซ่อนอยู่ในดวงตา หากหวังหลินตอบว่าไม่เขาคงสังหารเด็กเหลือขอนี่ด้วยความโกรธแค้นทันทีพร้อมกับกลับไปหนานต้าวเพื่อสังหารทุกคนที่โกหกเขาและใช้วิญญาณของพวกมันหลอมสมบัติ
หวังหลินไตร่ตรองเล็กน้อยและจากนั้นพยักหน้า เขารู้สึกถึงจิตสังหารจากชายชราหากเขาก้าวผิดไปก้าวเดียวคงตายโดยไม่ต้องฝัง
ดวงตาของชายชราหรี่แคบพลันแตะกระเป๋าและงูเขียวยาวสามฟุตปรากฎขึ้นบนฝ่ามือ
งูเหลือมสีเขียวแผ่ลิ้นออกมาขณะที่ดวงตาดำขลับจ้องหวังหลิน
ชายชราโยนงูเหลือมสีเขียวบนพื้นและพูดอย่างเยือกเย็น “ใช้มนต์แห่งความตายของเจ้าซะ เป้าหมายคืองูตัวนี้!”
ขณะที่เจ้างูลงไปบนพื้น มันขดตัวก่อนจะกระโดดเข้าหาหวังหลินพร้อมกับอ้าปากออก หวังหลินมองลงที่งูตัวนั้นพลันสายฟ้าแดงกระพริบวาบผ่านดวงต้าขณะที่เขาพึมพำว่า “ตาย!”
เป้าหมายของหวังหลินไม่ใช่งูเปลือมแต่เป็นชายชรา เวลานี้เขาใช้ขอบเขตจวี่ถึงขีดสุด ขณะที่พูดคำว่า “ตาย” หวังหลินถอยตัวกลับทันที ชายชรารู้สึกว่าจิตของตัวเองโยกคลอนขณะที่ลำแสงสายฟ้าแดงเจาะเข้ามาในทะเลจิตสำนึก ทะเลจิตสำนึกของเขาขาวโพลนยกเว้นปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนท้อง ขณะที่สายฟ้าแดงเข้ามาเจ้าปลาหมึกยักษ์อ้าปากออกสร้างเป็นพลังดูดกลืนอันทรงพลัง สายฟ้าแดงถูกดูดเข้าไปในปากมันทันที
แต่ขอบเขตจวี่มีพลังเหนือจินตนาการ แม้ว่าระดับฝึกตนของชายชราจะสูงมากนัก เจ้าปลาหมึกยักษ์ยังคงสั่นสะท้านขณะที่กำลังดูดกลืนสายฟ้าแดงข้างใน
อาการสั่นนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แม้กระทั่งจิตสำนึกเขาก็สั่นไปด้วย บังคับให้ร่างกายหยุดกึกชั่วขณะ
ขณะที่หวังหลินถอยไปเขาอ้าปากออกและปล่อยกระบี่ผลึกออกมา กระบี่ตัดงูออกเป็นสองส่วนและเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าแทงเข้าที่คิ้วชายชรา
ทว่าวงแหวนแสงสีขาวพุ่งออกมาป้องกันกระบี่เหิน หวังหลินสะบัดมือขวาเพื่อเรียกกระบี่กลับมาก่อนที่จะหนีไปใต้พื้นดินอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าชายชราก็ฟื้นฟูจากอาการตกใจได้ขณะที่เขามองงูเหลือมบนพื้นและเตะที่คิ้วตัวเอง เขาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองขณะสร้างผนึกขึ้นบนมือพร้อมกับร้องตะโกน “ไป!”
มีดสั้นเล่มหนึ่งเปล่งประกายสีรุ้งปรากฎเบื้องหน้า มีดสั้นทั้งเล่มทำจากผลึกใสและลำแสงเคลื่อนที่อยู่ข้างใน เมื่อได้รับคำสั่งจากชายชรา มีดสั้นเล่มนั้นพุ่งออกไปพร้อมกับวงแหวนสีรุ้ง มันแทงเข้าที่พื้นและไล่ล่าตามหลังหวังหลินอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางขณะที่มีดสั้นท่องผ่านโคลนรอบๆ มันหายตัวไปและปรากฎตัวห่างหวังหลินไปสามสิบจ้างอย่างรวดเร็ว หวังหลินรู้สึกศีรษะมึนงง เขาใช้เครื่องรางที่หยางเสินให้มาโดยไม่ลังเล
เครื่องรางนี้สามารถป้องกันการโจมตีของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้ จังหวะที่เขาโยนเครื่องรางออกไปมีดสั้นก็มาถึง
เครื่องรางขยายตัวออกทันทีและป้องกันหวังหลินจากด้านหลัง มันปะทะกับมีดสั้นและจากนั้นมีรอยแตกร้าวหลายแห่งพร้อมกับแตกกระจายทันที มีดสั้นโดนถอยกลับไปหลายฟุตจากจุดปะทะ คลื่นกระแทกสายหนึ่งกระจายออกทำให้ดินโคลนบนผิวดินพุ่งขึ้น
หากมีคนมองจากเหนือพื้นดินจะสามารถเห็นวงกลมขนาดเล็กขยายตัวพุ่งขึ้นราวกับมังกรปฐพีเคลื่อนที่ออกจากพื้นดิน
หวังหลินถูกคลื่นกระแแทกและกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เขาออกมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็วและหลบคลื่นกระแทกเส้นหลักอย่างฉิวเฉียด
หลังจากออกมาจากพื้นหวังหลินไม่ได้หยุดและหนีอย่างต่อเนื่องทันที
เมื่อรู้สึกคลื่นกระแทกจากใต้ดินทำให้ความโกรธของชายชราลดลงขณะพึมพำกับตัวเอง “การโจมตีนั้นแค่สามารถหยุดข้าได้ชั่วขณะ เล่าลือกันว่ามนต์แห่งความตายมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนสัมผัสวิญญาณเพื่อใช้มันโจมตี ตามหลักเหตุผลแล้วเด็กเหลือขอนั่นสามารถควบคุมมนต์แห่งความตายได้จริงๆ”
เมื่อคิดเรื่องนี้ร่างกายหายวับไปจากจุดนั้นทันที หวังหลินรู้สึกความเจ็บปวดบนหน้าอกขณะที่รีบนำเม็ดยาที่ลี่มู่หวานให้มาเพื่อรักษาบาดแผล ทันใดนั้นเขาสัมผัสความผันผวนพลังปราณเบื้องหน้าได้ หวังหลินต่อกรกับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดมามากดังนั้นจึงรู้ได้ว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนที่พริบตา เขาหันตัวกลับและเริ่มเหาะหนีไปอีกทางโดยไม่ลังเล
ขณะเดียวกันชายชราเดินออกมาจากตำแหน่งที่มีพลังปราณผันผวน “สหายตัวน้อย ตาเฒ่าคนนี้ไม่ต้องการทำร้ายเจ้า ฟังข้าก่อนจะเป็นไรเล่า?”