178. ภูเขากฎเกณฑ์
หวังหลินสะบัดแขนขวาพลันกระบี่เหินลอยเข้าหาเขา หวังหลินชี้นำกระบี่เหินเข้าไปในกระเป๋าตนเองอย่างระมัดระวังก่อนจะผ่อนคลายลง เขาไม่ต้องการถูกกระบี่ตัวเองตัดขาดและตายจากพิษพวกนั้น
หลังจากเก็บกระบี่กลับไปหวังหลินยืนขึ้นและเดินเข้าไปทางสะพานหินโดยไม่ลังเล เหล่าพายุทอร์นาโดส่งเสียงกรีดร้องขณะที่พวกมันติดตามเขาอย่างรวดเร็ว
หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แม้ว่าสะพานนี้จะดูธรรมดา แต่ฉากด้านหน้าเปลี่ยนไปและสะพานยาวสามร้อยจ้างขึ้นทันทีขณะที่เขาก้าวขาลง
พายุน้ำวนปรากฎอีกด้านหนึ่งของสะพาน
ดวงตาหวังหลินประกายวาบ ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะยื่นแขนตัวเองออกมา อสูรตัวเล็กลอยออกมาและร่อนลงบนฝ่ามือ เขาโยนมันออกไปราวกับศรธนูไปทางพายุน้ำวน
ทว่าหลังจากมันลอยไปได้สามสิบจ้าง สายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งร่อนลงอสูรตัวเล็กอย่างแม่นยำและเปลี่ยนมันกลายเป็นฝุ่น
ใบหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิม หากไม่มีกฎกฎเกณฑ์ที่นี่เขาคงสามารถเหาะผ่านโดยไม่มีปัญหาใด ทว่าเขาสามารถทำได้เพียงก้าวทีละก้าวในตอนนี้ เคลื่อนที่ช้าๆและไม่เร่งรีบ หวังหลินมองไปที่ปลายสะพาน สูดหายใจลึกและก้าวไปข้างหน้า
หวังหลินเพ่งสมาธิไปที่การก้าวแต่ละก้าว ในก้าวที่สิบพลันเกิดสายหมอกรอบด้านและเหล่าพายุทอร์นาโดด้านหลังหายไปทันที
ปิศาจน้อยหายไปในเหล่าพายุทอร์นาโดเช่นกัน กระทั่งการเชื่อมต่อระหว่างพวกมันได้ถูกป้องกันโดยพลังลึกลับ หวังหลินไม่อาจตรวจพบมันได้
เขาต้องการมองกลับไปแต่ขณะที่กำลังจะหันตัวกลับ เขาถูกบังคับให้หยุด ใบหน้าหวังหลินบูดบึ้งขณะที่ครุ่นคิดจากนั้นเยาะเย้ยและเดินไปข้างหน้าต่อไป
จนเป็นก้าวที่หนึ่งร้อย
เสียงดังสนั่นออกมาด้านหลังหวังหลินทันทีจนทำให้สะพานด้านหน้าเขย่า ร่างกายหวังหลินมั่นคงขึ้นทันที เขารู้จักเสียงคำรามนี้ มันเป็นเสียงคำรามของมังกรเดียวดายจากอุโมงค์
กลิ่นคาวและลมหายใจร้อนระอุพัดลงด้านหลัง หวังหลินควบคุมตัวเองกระทั่งตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถทำได้ สะพานแห่งนี้ถูกเรียกกันว่าเส้นทางไม่หวนคืน นั่นหมายถึงเมื่อก้าวเข้าไปแล้วจะไม่สามารถกลับได้
หวังหลินไม่เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะง่ายอย่างที่เห็น ไม่เพียงแต่เขาไม่สามารถกลับไปแต่กระทั่งหันศีรษะกลับก็ไม่อาจทำได้นั่นรวมถึงการกระจายสัมผัสวิญญาณกลับไปด้วย ในที่สุดทุกสิ่งต้องตั้งอยู่ในสองคำคือ ไม่หวนคืน หรือไม่เช่นนั้นก็จงตายที่นี่เฉกเช่นอสูรตัวเล็กนั่น
แม้ว่าจะไม่สามารถหันศีรษะกลับหรือตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ หวังหลินรับรู้ถึงความร้อนได้นั่นหมายถึงมังกรตัวนั้นอ้าปากยักษ์ของมันออกและตอนนี้มันอยู่ด้านหลังเขา
หวังหลินตกตะลึงแต่ไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่มีทางที่มังกรตัวนั้นจะปรากฎด้านหลังเขา มันต้องเป็นมายาอะไรสักอย่าง
ขณะเดียวกันนั้นแสงสีแดงกระพริบวาบบนไหล่ขวาเขา รูม่านตาหวังหลินหดลีบ เขาเห็นแสงสีแดงนั้นได้ชัดเจนเพราะมันคือลิ้นหยักของมังกร หน้าผากหวังหลินเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเยียบ เขามองด้านข้างและพบกับสารประหลาดที่ปลดปล่อยกลิ่นบนไหล่
หวังหลินสูดหายใจลึกและเริ่มใจเย็น แต่ละฝ่าเท้ายังคงมั่นคงขณะที่เดินตรงไป ลิ้นหยักนั้นยังคงกระพริบวาบบนร่างกายและเสื้อผ้าภายใต้ลมหายใจอันร้อนระอุ ทันใดนั้นปรากฎจิตสังหารอันแข็งแกร่งขึ้นด้านหลัง
เขามองดูเสื้อยับๆของตัวเองและยิ้มอย่างเยาะเย้ย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงยังไม่แน่ใจเล็กน้อยโดยเฉพาะหลังจากเห็นสารเหนียวบนไหล่ ทว่าหลังจากเสื้อผ้ายับเช่นนี้จึงมั่นใจว่ามันเป็นภาพมายาแบบหนึ่ง
เหตุผลก็คือสิ่งด้านหลังเขาควรจะเป็นอสูรเดียวดาย เดิมทีเพียงหนึ่งลมหายใจควรจะเป่าเขาให้ไกลในระยะเท่านี้ แต่ตอนนี้มันสามารถได้เพียงให้เสื้อผ้าเขายับเท่านั้น
หวังหลินมั่นใจมาก ไม่ว่าเสียงหรือการเคลื่อนไหวด้านหลังเขาจะคืออะไร เขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่ง ขณะเดียวกันมังกรแดงส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรงและพยายามกลืนกินเขา หวังหลินเห็นเพียงแต่มังกรกำลังเข้ามาจากมุมสายตาแต่ไม่ได้กังวลและเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ
จังหวะที่มังกรกลืนกินเขามันกลายเป็นควันเมฆ หวังหลินเดินออกจากควันอย่างช้าๆ
เขาเดินมาได้เกือบสามร้อยจ้างและเหลืออีกเพียงสามสิบจ้างเท่านั้นขณะนั้นเองได้ยินเสียงไอเบาๆ
เสียงไอนี้เบามากแต่หูหวังหลินราวกับฟ้าร้อง เขาหยุดกึกร่างกายสั่นเทาและหยดน้ำตาไหลลงสองแก้ม
เสียงไอนั้นดำเนินต่อไป หวังหลินรู้ว่าทั้งหมดนี้คือภาพลวงและเป็นเรื่องโกหกแต่เขายังคงต้องการหันกลับไปดู
“ไท้จู…หันกลับมาดูพ่อนี่…”
เสียงอันคุ้นเคยเข้ามาในโสตประสาท หวังหลินกำหมัดแน่นและหลับตา เมื่อเขาลืมตาอีกครั้งดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่และเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
“ไท้จู…แม่เพียงต้องการเห็นเจ้าแต่กลับเจ้าใจร้ายถึงขนาดไม่หันกลับมา…”
หวังหลินหลับตาอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาพร้อมกับก้าวแต่ละก้าว แต่เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล ในไม่ช้าเขามาถึงปลายทางสะพานหิน ตลอดเส้นทางสามสิบจ้างนี้เสียงครอบครัวของเขาดังขึ้นไม่เคยหยุดหย่อน
เมื่อมาถึงปลายสะด้าน เสียงครอบครัวหายไป เสียงร้องของพายุทอร์นาโดกลับมาและการเชื่อมต่อกับปิศาจน้อยหวนกลับมาแล้ว
หวังหลินยังไม่หันกลับไป หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานานด้านหน้าพายุน้ำวน เขานำหินหยกที่หลี่มู่หวานให้และเรียกใช้มัน หวังหลินล้อมรอบไปด้วยพายุทอร์นาโดด้านหลังและจากนั้นเข้าไปในพายุน้ำวนด้วยกัน
หวังหลินหายตัวไปในพายุน้ำวันหลังจากถูกสายฟ้าสีม่วงดึงไป
สิ่งที่ปรากฎขึ้นด้านหน้าเมื่อเขาเดินออกมาจากพายุน้ำวนคือภูเขาขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ มันสูงจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นยอดพร้อมกับเมฆรอบมันทั้งหมด หากเปรียบกับภูเขา หวังหลินดูเล็กราวกับมด
เมื่อเห็นภูเขาด้านหน้าหวังหลินรู้สึกตกใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจได้ว่าเส้นทางไม่หวนคืน ไม่ใช่การทดสอบรอบที่สอง ไม่เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดนี้ไม่สามารถเปรียบกับสิ่งที่จักรพรรดิโบราณและตวนมู่จวี่พูดว่าต้องการมนต์แห่งความตายของหวังหลิน
เขายังไม่สามารถเห็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้สัมผัสวิญญาณโจมตีในตอนผ่านมา หวังหลินมองไปที่ภูเขาและเดาได้ว่าที่นี่อาจจะเป็นการทดสอบรอบที่สองของจริง
พลันกระจายสัมผัสวิญญาณออกและรูม่านตาเขาหรี่ลงทันที มีกฎเกณฑ์ที่พังทะลายไปแล้วในตีนเขาพร้อมกับเศษแสงสีแดงกระพริบรอบๆ
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าหาภูเขา ไม่นานหลังจากนั้นเขามาถึงตำแหน่งที่กฎเกณฑ์อยู่ กฎเกณฑ์แห่งนี้ถูกทำลายโดยใครคนหนึ่ง ทิ้งไว้เป็นหลุมใหญ่เพียงพอให้คนหนึ่งคนผ่านเข้าไป
แสงสีแดงส่องประกายจากอีกด้านของหลุม จากนั้นหวังหลินมองขึ้นไปบนยอดเขาพลันระมัดระวังอย่างมากทันทีเพราะมีคนผู้หนึ่งล่วงหน้าไปแล้วแน่ๆ
ไม่มีสิ่งอื่นนอกเหนือจากภูเขาลูกนี้นั่นหมายความว่าภูเขาเป็นกุญแจสำคัญของบททดสอบ มีเพียงตัวเลือกเดียวเสียด้วยนั่นคือการปีนขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้
สำหรับคนธรรมดาแล้วการปีนภูเขาลูกหนึ่งนับว่าเป็นงานที่ยากแสนสาหัส แต่สำหรับเซียนหนึ่งมันมันไม่ได้ยากนัก
ทว่าด้วยประสบกาณณ์ของหวังหลินมาจนถึงตอนนี้ มีกฎเกณฑ์หนึ่งคือป้องกันจากการเหาะเหินดังนั้นเขาจึงต้องเดินขึ้นไป
เมื่อครุ่นคิดชั่วขณะ หวังหลินหันกลับและมองไปที่เหล่าพายุทอร์นาโด เขาะสบัดแขนและพายุทอร์นาโดเริ่มรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นพายุทอร์นาโดยักษ์หนึ่งลูก หวังหลินกระโดเข้าหาพายุนั้น เมื่อเข้าใกล้ทอร์นาโดกลับเปิดเส้นทางราวกับยินดีต้อนรับเขา
หวังหลินยืนอยู่ข้างในพายุทอร์นาโดพร้อมกับส่งคำสั่งหนึ่งออกไปและพายุทอร์นาโดยักษ์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าทันที
หลังจากผ่านกฎเกณฑ์นั้นมาได้ หวังหลินเห็นด้วยสัมผัสวิญญาณของตัวเองว่ากฎเกณฑ์นั้นเริ่มฟื้นฟูตัวเองและกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า
ดวงใจหวังหลินลดต่ำลง หากกฎเกณฑ์นั้นสามารถฟื้นฟูได้เช่นนั้นเขาไม่สามารถทำให้คนเบื้องหน้าเขาเปิดเส้นทางให้เช่นเดียวกับที่ทำให้บททดสอบแรกได้
เมื่อคิดเช่นนี้สัมผัสวิญญาณนับไม่ถ้วนของอสูรตัวเล็กรวมเข้าด้วยกันภายในการควบคุมของหวังหลินผ่านเจ้าปิศาจน้อยพร้อมกับกระจายออกมา
หวังหลินควบคุมสัมผัสวิญญาณอันทรงพลังนี้ไปตรวจสอบพื้นที่รอบด้าน หัวใจเขาจมดิ่งลง สถานที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยกฎเกณฑ์ทั่วทั้งหมด
ไม่ผิดที่จะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าหุบเขากฎเกณฑ์ ลืมเรื่องการปีนขึ้นไปได้เลย เพียงแค่เดินผิดไปก้าวเดียวก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว
ขณะที่หวังหลินกำลังสำรวจพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเอง กฎเกณฑ์หนึ่งกำลังฟื้นฟูขึ้นและกลับมาเป็นปกติในพริบตา
หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณของตัวเองออกมา หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาเดินออกจากพายุทอร์นาโดยักษ์ นำกระเป๋าออกมาและสะบัดแขน พายุทอร์นาโดพร้อมกับอสูรตัวน้อยเข้าไปในกระเป๋า กระเป๋าใบหน้าได้มาจากเซียนแมลง มันไม่สามารถเก็บของได้แต่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตพักอยู่ได้
หวังหลินทดสอบมันด้วยอสูรตัวเล็กไม่กี่วันก่อน เมื่อพบว่าทำงานได้จึงใช้มันเก็บอสูรตัวเล็กพวกนั้น
หลังจากอสูรตัวเล็กเข้ามาในกระเป๋า หวังหลินผูกกระเป๋าใบนั้นเข้าเอวตัวเองและสูดหายใจลึกก่อนที่จะเริ่มเดินไปข้างหน้า สัมผัสวิญญาณกระจายออกอีกครั้งพร้อมกับสังเกตรอบด้านอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เขาใช้สัมผัสวิญญาณของอสูรตัวเล็กพวกนั้นเพื่อตรวจสอบพื้นี่ เขาพบว่ามีกฎเกณฑ์หลายที่กำลังเปิดอยู่ ทว่าช่องว่างนั้นเล็กเกินที่พายุทอร์นาโดยักษ์สามารถผ่านเข้าไปได้ และกฎเกณฑ์รอบตัวเขาต่างทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นมันจะเปิดใช้งานหากเข้าไปสัมผัสมัน
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขายกเลิกความคิดการใช้พายุทอร์นาโดยักษ์พุ่งขึ้นไปยอดภูเขา