276. ขโมยวิญญาณปฐพี
หวังหลินขมวดคิ้วขณะซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหิมะ หากเฉว่ยี่มีเพียงเท่านี้ พันธมิตรสี่สำนักคงชนะแน่นอน แต่หวังหลินยังคงสัมผัสอันตรายประหลาดนี้ได้
เขาขบคิดเล็กน้อยจากนั้นดวงตาสว่างขึ้นเมื่อสัมผัสวิญญาณตรวจพบวิญญาณปฐพีได้ ร่างของมันปลดปล่อยควันสีดำ ลอยเข้าไปทางสำนักวิญญาณมืด เบื้องหลังวิญญาณปฐพีคือชายหนุ่มพู่กันที่ไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด ทุกครั้งที่พู่กันในมือเคลื่อนไหว วิญญาณปฐพีจะสั่นเทาและควันสีดำจำนวนมากรอบๆมันเพิ่มขึ้น
เมื่อหวังหลินเห็นสิ่งนี้ โดยไม่รู้ว่าทำไม เขาตัดสินใจพลันออกจากภูเขาหิมะอย่างเงียบๆและพุ่งเข้าหาวิญญาณปฐพีโดยใช้วิชาหลบหนีปฐพี
หวังหลินเข้าใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น แปดพันลี้ เจ็ดพันลี้ ห้าพันลี้ สามพันลี้….
เมื่อห่างที่ระยะสามพันลี้ ร่างหวังหลินหายไปทันที พลันปรากฎตัวอีกครั้งในระยะสองพันลี้ หวังหลินตีหน้าผากตัวเองและพ่นผนึกสีดำออกมา
เมื่อผนึกปรากฎมันปลดปล่อยจิตสังหารที่มีเสี้ยววิญญาณจำนวนมากรอบๆ หวังหลินโยนเข้าไปในอากาศจนกระทั่งมันลับสายตา
ในเวลาเดียวกันหวังหลินสูดหายในลึกและขยับมืออย่างรวดเร็ว กฎเกณฑ์หลายชนิดพุ่งออกจากฝ่ามือไปสู่พื้นที่รอบๆ จากนั้นนำธงกฎเกณฑ์ออกมาและสะบัด ผืนธงปกคลุมพื้นที่ด้วยสายหมอกดำ จากนั้นมันหายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่หวังหลินเสร็จที่ทำไปนี้ วิญญาณปฐพีก็มาถึง
ตอนนี้วิญญาณปฐพียุ่งเหยิง เมื่อมันเห็นหวังหลินจึงไม่ได้ให้ความสนใจ แม้ว่ามันจะอ่อนแอมากแต่ด้วยระดับขั้นตัดวิญญาณระดับปลายของมันสามารถสังหารเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายได้เพียงแค่ดีดนิ้ว
ในสายตาของมัน หวังหลินไม่มีคุณสมบัติพอให้ระมัดระวัง
เมื่อมันมาถึง มันโบกแขนและคลื่นพลังธาตุปฐพีพุ่งเข้าหาหวังหลิน เมื่อพลังนั้นสัมผัสกับเขา หวังหลินรู้สึกหวานในลำคอและพ่นโลหิตออกมา
วิญญาณเซียนในร่างเขาสั่นไหวและแทบแตกสลาย
วิญญาณปฐพีขมวดคิ้วแต่มันไม่หยุดเลย จากนั้นโลหิตของหวังหลินพ่นออกมากลายเป็นหมอกโลหิตและหายไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันหมอกสีดำจำนวนมากปรากฎ ควันกฎเกณฑ์มีแขนยื่นออกมาและล้อมรอบวิญญาณปฐพี หลังจากนั้นไม่นานวงแหวนกฎเกณฑ์สีดำแปดวงปรากฎขึ้นสร้างเป็นกรงขังด้วยธงกฎเกณฑ์เพื่อกักขังวิญญาณปฐพีเอาไว้
หวังหลินถอยหลังทันที เขารู้ว่าด้วยระดับฝึกฝนของตนเองมิอาจต้านทานวิญญาณปฐพีได้เลย หวังหลินไม่มีเจตนาต่อสู้ด้วยตัวเอง เขาเพียงแค่รั้งวิญญาณปฐพีไว้ที่นี่จนกว่าชายหนุ่มพู่กันจะมาถึง การต่อสู้ถึงจะจบลง
วิญญาณปฐพีรับรู้เจตนาของหวังหลิน มันส่งเสียงคำรามและทบลงบนวงแหวนกฎเกณฑ์โดยไม่สนใจควันกฎเกณฑ์
ความจริงควันกฎเกณฑ์ไม่มีผลกระทบต่อวิญญาณปฐพี แต่เมื่อควันเข้าไปในร่างมันกลับเหมือนกับวิญญาณปฐพีกำลังถูกกลืนกิน
ปัง!
ควันสีดำจำนวนมากหายไปและเสียงรอยร้าวดังออกมาจากข้างใน
หัวใจหวังหลินเจ็บปวด เขารู้ว่ารอยร้าวนั้นเกิดขึ้นบนธงกฎเกณฑ์
วิญญาณปฐพีส่งเสียงคำรามอีกครั้ง มันทะลวงครั้งแรกไม่ได้ดังนั้นจึงทุบข้างในกรงอีกครั้ง ครั้งนี้ควันสีดำทั้งหมดถูกทำลาย แม้ว่าธงกฎเกณฑ์จะอยู่ครบถ้วนแต่มันมีรอยร้าวมากขึ้น
แววตาหวังหลินสว่างขึ้น ชายหนุ่มพู่กันมาถึงตอนที่วิญญาณปฐพีกำลังจะทุบครั้งที่สาม สายตาชายหนุ่มยังหลับอยู่ขณะฝ่ามือเคลื่อนไหวพร้อมกับพู่กัน แม้จะดูเชื่องช้าแต่มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนชี้ไปที่วิญญาณปฐพี
ทันใดนั้นวิญญาณปฐพีกรีดร้องอย่างโหยหวนและยิ่งมีควันสีดำเผาไหม้จากร่างกายมันมากขึ้น มันอ่อนแอลงอย่างมากจนเผยสายตาแข็งกร้าว ไม่ยอมแพ้และกำลังจะทุบครั้งที่สาม
หวังหลินลอบถอนหายใจ เขาชี้มือในอากาศและผนึกสีดำหล่นจากท้องฟ้า จิตสังหารที่ผสมกับเศษวิญญาณหล่นลงมาราวกับสวรรค์กำลังพังทะลาย
ใบหน้าจิตวิญญาณปฐพีเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะที่ร่างกายกลายเป็นโคลนดำ มันพยายามหอหุ้มรอบผนึกสีดำไว้
ในจังหวะนั้นชายหนุ่มลืมตาเผยเป็นแสงลึกลับ ฝ่ามือเคลื่อนไหวอีกครั้งทำให้โคลนสีดำจำนวนมากที่วิญญาณปฐพีสร้างไว้หายไป
แรงกดดันของผนึกสีดำกระแทกลงบนวิญญาณปฐพีจนมันกรีดร้องโหยหวนและเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นมนุษย์ ทว่าวิญญาณปฐพีโปร่งใสเพียงครึ่งเดียว ราวกับจะหายไปได้ทุกขณะ
วิญญาณปฐพีเผยแววตาสิ้นหวังเมื่อชายหนุ่มยกมือขึ้น เขากำลังจะสะบัดพู่กันอีกครั้ง หวังหลินพุ่งเข้าหาธงกฎเกณฑ์ทันทีและชี้ไปที่คิ้วตนเอง พลังดึงดูดอันแข็งแกร่งปรากฎและดูดวิญญาณปฐพีเข้าไปในคิ้วหวังหลินทันที
หวังหลินไม่มีเวลาตรวจสอบเมื่อมันถูกลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าดูดซับ เขาดูดผนึกสีดำกลับคืนและสะบัดแขนเพื่อเก็บธงกฎเกณฑ์ใส่ในกระเป๋า
ทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ภายหลังเขาไม่ลังเลที่จะตะโกนออกไปว่า “ผู้น้อยเป็นศิษย์ของสำนักเมฆาขาว อาจารย์ชื่อว่า ฉิงซ่ง” เช่นนั้นสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในกระเป๋าเพื่อควบคุมไม้แกะสลักของชายชราให้ปลดปล่อยเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาก่อนจะหันตัวกลับและจากไป
ชายหนุ่มจ้องหวังหลินด้วยสายตาเยือกเย็นแต่ฝ่ามือไม่ได้ขยับอันใด หลังผ่านไปชั่วครู่เขาจึงหันกลับและจากไป
หวังหลินเหาะเหินมาได้หนึ่งหมื่นลี้ขณะป้องกันตัวไว้ก่อนที่จะหยุดลง เมื่อรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มไม่ตามล่าเขา หวังหลินจึงหายใจอย่างโล่งอก
หวังหลินเสี่ยงมากเพื่อขโมยวิญญาณปฐพีนี้จากผู้อื่น เขาตัดสินใจจะไม่เสี่ยงเพื่อได้วิญญาณธาตุอื่น มันอันตรายเกินไป หากเขาตัดสินใจพลาดไปครั้งเดียวคงตายไปแล้ว
อีกทั้งความเสียหายต่อธงกฎเกณฑ์ทำให้จิตใจเขาปวดร้าว
เมื่อซ่อนตนเองในภูเขาหิมะ หวังหลินตรวจสอบลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและพบว่าธาตุปฐพีได้เติมเต็มอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาต้องการเพียงธาตุพฤกษาและโลหะเพื่อทำให้ลูกปัดสมบูรณ์
ขณะนั้นเอง พื้นดินสั่นไหวและรูปปั้นน้ำแข็งโผล่ออกมาจากพื้นดิน
รูปปั้นน้ำแข็งพวกนี้เป็นสิ่งลึกลับที่หวังหลินพบว่ามันซ่อนตัวใต้พื้นดินลึกลงไปมากกว่าห้าพันลี้
รูปปั้นโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นหิมะทีละตัว หากมองจากเบื้องบนจะสังเกตได้ว่ารูปปั้นเหล่านี้ก่อเป็นภาพภาพหนึ่ง
รูปภาพนั้นเผยออกมาเป็นเช่นเดียวกับศีรษะงูที่ปรากฎในรูปปั้น
รูปปั้นน้ำแข็งเริ่มส่องแสง ทันใดนั้นทั้งหมดลอยขึ้นไปบนอากาศ รูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมดในพื้นที่พันธมิตรสี่สำนักลอยด้วยความรวดเร็วเหนือจินตนาการและรอยแยกทั้งหมดในท้องฟ้าหายไปยกเว้นรอยแยกที่อยู่ใจกลาง
หลังจากนั้นไม่นานนัก รัศมีสีน้ำเงินเข้มออกมาจากรอยแยกที่อยู่ตรงกลาง เมื่อรัศมีปรากฎขึ้นมันกระจายออกอย่างรวดเร็วและล้อมรอบพื้นที่ในหนึ่งหมื่นลี้
เซียนบางคนของพันธมิตรสี่สำนักไม่สามารถหลบหนีได้ไหวพอจึงถูกกระแทกด้วยรัศมีน้ำเงินเข้ม พวกเขาแข็งค้างและกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในทันที แม้กระทั่งวิญญาณเซียนยังแข็งกระด้างโดยสิ้นเชิง
ฉากเหตุการณ์ผิดปกตินี้ทำให้เซียนรอบๆพื้นที่พันธมิตรสี่สำนักตกใจ
ถัดจากนั้นรูปปั้นน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในอากาศได้ละลายลง ในเวลาไม่กี่ลมหายใจพวกมันทั้งหมดละลายหายไปหมดราวกับไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
เมื่อพวกมันหายไป แรงกดดันแข็งแกร่งออกมาจากรอยแยกที่อยู่ใจกลาง สิ่งมีชีวิตขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กมีร่างกายเหมือนงูค่อยๆลงมาจากรอยแยก
เมื่อสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ปรากฎขึ้น รัศมีสีน้ำเงินเข้มยิ่งหนาแน่นและกระจายออกไกลออกไป ไม่ว่ามันจะสัมผัสกับสิ่งใด ทุกอย่างจะถูกแช่แข็งให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง
หวังหลินสูดลมหายใจอันหนาวเหน็บเข้าไปและไม่ลังเลที่จะออกจากภูเขาหิมะ ไม่เกินสามลมหายใจ กลิ่นอายสีน้ำเงินกวาดผ่านและเปลี่ยนภูเขาหิมะให้กลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง
ขณะนั้นสิ่งมีชีวิตร่างอสรพิษได้ลงมาจากรอยแยกได้ครั้งตัว น่าประหลาดใจที่ครึ่งบนของมันเป็นมนุษย์ หวังหลินคาดหวังว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้จะเป็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง
แม้ว่าเขาจะเตือนโจวหวู่ไท่เรื่องนี้ไปแล้ว ไม่ว่าพันธมิตรสี่สำนักจะทำสิ่งใดก็ไม่ใช่เรื่องที่หวังหลินต้องกังวล
หวังหลินวิ่งออกไปจนรัศมีน้ำเงินหยุดกระจาย จากนั้นเขาหยุดและมองท้องฟ้าด้วยใบหน้ามืดมน
ในตอนนี้โจวหวู่ไท่ซึ่งยืนอยู่เหนือศีรษะมังกรได้ปล่อยลมหายใจหนาวเหน็บออกมา ทันใดนั้นมังกรดำที่อยู่ใต้เขาลอยขึ้นไปบนอากาศ มันอ้าปากราวกับสามารถกลืนกินสวรรค์ได้และพุ่งเข้าหาสิ่งมีชีวิตที่กำลังออกมาจากรอยแยก
รัศมีสีน้ำเงินเข้มไม่มีผลอะไรต่อมังกรดำ
ทว่าเมื่อมังกรดำพุ่งเข้าหาสิ่งมีชีวิตตัวนั้น น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากรอยแยกข้างใน “ท่านผู้ส่งสาส์น ซูซาคุสัญญาไว้ว่าจะช่วยเราครั้งนึง เช่นนั้นข้าขอให้ท่านสังหารมังกรดำในบัดนี้”
เมื่อคำพูดนั้นเปล่งออกมา สตรีชุดคลุมยาวสีขาวพร้อมกับเส้นผมปลิวไสว ออกมาจากรอยแยก สตรีคนนี้เป็นคนที่สง่างามยิ่งนัก ร่างกายนางดูไม่เหมือนจะมีความหนาวเย็นออกมาเท่าไหร่นักแต่สายตานางเผยว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นอย่างมาก
เมื่อนางปรากฎตัว ทุกคน แม้แต่คนโง่ยังสามารถบอกความแตกต่างเมื่อเทียบนางกับสตรีคนก่อนได้ว่าแตกต่างมหาศาล ราวกับเทียบจันทราส่องสว่างกับหิ่งห้อย
หลังจากสตรีผู้นี้ปรากฎขึ้น นางโบกแขนและลำแสงสี่เส้นลอยออกมาจากทิศทางที่แตกต่างกันสี่แห่ง ทั้งหมดนั้นคือวิญญาณธาตุ โลหะ พฤกษา วารี และอัคคี
คิ้วของนางขมวดเป็นปม “มีหายไปหนึ่งธาตุ?”