303. ทุกคนมีจุดประสงค์ของตนเอง
ทั้งสองคนเป็นคนแน่วแน่ดังนั้นเมื่อทำข้อตกลงกันจึงไม่ลังเลที่จะเคลื่อนไหวผ่านซากปรักหักพักเข้าหาถ้ำที่เต็มไปด้วยอาหารของอสูรสวรรค์
จากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ตอนนี้สามารถเห็นถ้ำนั้นได้ไกลๆ
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศพของพี่สามผู้ซึ่งถูกซุนเล่ยสังหาร
ซุนเล่ยมองถ้ำแห่งนั้นจากระยะไกลและกระซิบ “อาหารอสูรสวรรค์เป็นอาหารสำหรับเหล่าอสูรสวรรค์ เมื่อพวกมันกินอาหารไปตัวหนึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายขึ้นแต่มันไร้ประโยชน์สำหรับพวกเราโดยสิ้นเชิง ข้าไม่เชื่อว่ายังมีเหล่าอาหารอสูรสวรรค์เหลืออยู่มากนักในอารามแห่งนี้ นั่นต้องมาจากอาหารอสูรสวรรค์ตัวสีดำนั่น สหายเซียนรู้ไหมว่าทำไมเจ้านั่นถึงยังดำรงอยู่ได้?”
ดวงตาหวังหลินสงบนิ่งขณะตอบกลับไป “ข้าเชื่อว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับโครงกระดูกสีดำตัวนั้น” เขานึกถึงครั้งแรกที่เห็นเส้นสีดำ มันเคลื่อนไหวอยู่ข้างในโครงกระดูกซึ่งทุกครั้งที่มันเข้าและออกมา โครงกระดูกจะสั่นเทาราวกับกำลังกลับมามีชีวิต
ซุนเล่ยวางหินหยกลงและเอ่ยอย่างช้าๆ “ประสบการณ์ของสหายเซียนไม่ธรรมดาจริงๆ อาหารอสูรสวรรค์ตัวนั้นต้องมีวิธีการบางอย่างเพื่อกินเลือดเนื้อและกระทั่งวิญญาณเทวดาของโครงกระดูกตัวนั้นตอนที่เกิดภัยพิบัติแตกสลายในดินแดนสวรรค์ มันซ่อนตัวเองอยู่ในโครงกระดูกและหลังจากผ่านเวลายาวนานมันจึงได้รับเขตแดนของตัวเอง! นั่นต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงมีเหล่าอาหารอสูรสวรรค์อยู่รอบๆมันมากนัก พวกนั้นต้องเป็นลูกหลานของมันแน่ๆ”
หวังหลินเงียบเสียง
ซุนเล่ยพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “สหายเซียน ข้าจะล่ออาหารอสูรสวรรค์พวกนั้นออกมาด้วยวิชาเซียน เราจะสังหารให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และเมื่อเส้นสีดำนั้นเคลื่อนไหว เราจะมาเจอกันในตำแหน่งที่เราพบกัน”
หวังหลินพยักหน้า เขาสะบัดแขนขวาและกับดักอสูรเปลี่ยนไปเป็นคางคกสายฟ้า
“คางคกสายฟ้า!” รูม่านตาซุนเล่ยหดเล็กขณะมองไปที่หวังหลิน เขามั่นใจมากขึ้นว่าหวังหลินกำลังซ่อนระดับฝึกฝนของตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะจับอสูรวิญญาณระดับสูงได้อย่างไรเล่า?
หวังหลินพูดด้วยท่าทีสงบ “เริ่มละนะ”
ซุนเล่ยสร้างผนึกและร้องตะโกน กระบี่ข้างหลังของเขาลอยขึ้นไปทันทีและพุ่งเข้าหาถ้ำแห่งนั้น
เกิดเสียงอู้อี้ก่อนะที่กระบี่จะพุ่งกลับออกไป ตามมาด้วยอาหารอสูรสวรรค์ทรงกลมลูกหนึ่งอย่างกระชั้นชิด เหล่าอาหารอสูรสวรรค์นับไม่ถ้วนกระโดดออกจากบอลเข้าหาซุนเล่ยและหวังหลิน
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ใครต่อใครหนังสือศีรษะมึนชา
หากถูกพวกมันจับได้ โชคร้ายคงกลายเป็นเหมือนกับโครงกระดูก
ซุนเล่ยร้องคำรามและหินหยกทั้งหมดที่เขาวางบนพื้นได้สั่นไหว ควันแสงสีรุ้นพวยพุ่งออกมาจากหินหยกและปกคลุมเหล่าอาหารอสูร ทันใดนั้นพวกมันหล่นลงไปบนพื้นพร้อมกับชักกระตุก
ทว่ามีพวกมันมากเกินไปดังนั้นควันสีรุ้งจึงหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ซุนเล่ยกระโดดกลับหลังขณะกระบี่เหินบนศีรษะลอยขึ้นไปและเขาชี้ไปที่พวกมัน ปราณกระบี่พุ่งเข้าหาเหล่าอาหารอสูร ที่ไหนที่ปราณกระบี่ผ่านไป พวกมันจะตายไปจำนวนมาก
แต่กระนั้นในถ้ำยังถูกเหล่าอาหารอสูรปกคลุมอยู่ พวกมันต้องการออกมาและกลืนกินทุกอย่างที่มีชีวิต
ซุนเล่ยถอยกลับ ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นพร้อมกับท้องคางคกสายฟ้าพองโตและคลื่นสายฟ้าดังขึ้นข้างในทันที มันอ้าปากออกและบอลสายฟ้าพ่นออกมาพร้อมกับเสียงฟ้าคำราม
ทันใดนั้นเหล่าคลื่นอาหารอสูรสวรรค์ร่างกายกระตุกและหายไปในสายฟ้า
ซุนเล่ยตกตะลึง เขาไม่คิดว่าสายฟ้าจะทรงพลังเช่นนี้ ความหวาดกลัต่อหวังหลินเพิ่มพูนขึ้นในทันที
บอลสายฟ้าบรรจุพลังแห่งสวรรค์ไปด้วย มันสามารถผลักทุกอย่างไปข้างหน้าสิบเมตรก่อนที่จะหายไป ทว่าเหล่าอาหารอสูรยังพุ่งเข้าหาพวกเขาไม่ขาดสาย
หวังหลินถอยร่นและชี้ไปที่เจ้าคางคกสายฟ้า ท้องของมันพองขึ้นและพ่นบอลสายฟ้าอีกลูกไปที่เหล่าอาหารอสูร
บอลสายฟ้าร้องลั่นคำรามเข้าหาเหล่าอาหารอสูร เป็นครั้งแรกที่พวกมันรู้สึกหวาดกลัว พวกมันต้องการถอยห่างจากบอลสายฟ้าแทนที่จะเคลื่อนไปข้างหน้า
ทว่าขณะนั้นเองเสียงร้องคำรามแหลมดังก้องขึ้นและเส้นสีดำปรากฎในเหล่าอาหารอสูร เส้นสีดำเคลื่อนผ่านอาหารอสูรทั้งหมดและพุ่งไปที่บอลสายฟ้าโดยไร้ความกลัว
หลังคางคกสายฟ้าพ่นบอลสายฟ้าออกมาได้สองลูก มันเหนื่อยอ่อนมากและดูอ่อนแอ เมื่อหวังหลินเห็นอาหารอสูรสีดำตัวนั้นเขาไม่ลังเลที่จะนำคางคกสายฟ้ากลับคืนมาและหนีไป ขณะที่วิ่งหนีพลันชี้ไปที่คิ้วและวิญญาณเร่ร่อนหลายตัวปรากฎขึ้น
ส่วนซุนเล่ยพลันเผยใบหน้าลังเลก่อนจะหัวเราะออกมาและยกเลิกความคิดที่จะเข้าไปในถ้ำหลังจากเหล่าอาหารอสูรสวรรค์เริ่มไล่ล่าหวังหลิน นอกจากนั้นมันอันตรายเกินไปและความผิดพลาดครั้งเดียวสามารถนำไปสู่ความตายได้
ดังน้นขณะที่หวังหลินถอยออกไปเขาก็ถอยออกมาเช่นกันและวิ่งหนีอย่างรวดเร็วไปอีกทิศทางหนึ่ง
ส่วนบอลสายฟ้าขณะที่อาหารอสูรสีดำตัวนั้นเจาะเข้าใส่มันก็หดลงจนเกิดรอยร้าวและเสียงดังปังออกมา บอลสายฟ้าหายไปอย่างสมบูรณ์
อาหารอสูรสวรรค์ตัวสีดำร้องคำรามแหลม ร่างของมันไม่ได้เป็นสีดำอีกแต่กลายเป็นสีม่วงแทนและมีสายฟ้าปะทุขึ้นบนผิวของมัน
มันย่อร่างตัวเองและพุ่งไปด้วยความเร็วที่แม้แต่สัมผัสวิญญาณก็ไม่สามารถตามความเร็วได้ทัน
เป้าหมายที่มันเลือกไม่ใช่หวังหลินแต่เป็นซุนเล่ย
ขณะที่หวังหลินกำลังหนี ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะนำธงกฎเกณฑ์ออกมาและโยนเม็ดยาหลายเม็ดเข้าไปในปาก พลังดึงดูดสายหนึ่งออกมาจากกับดักอสูรและผ่านไปสักพักมันก็หยุดลง หวังหลินลุกขึ้น ใบหน้าชั่วร้ายเล็กน้อย
“ครั้งนี้กับดักอสูรกินพลังปราณครึ่งวัน เจ้าคางคกสายฟ้าใช้พลังงานมากจริงๆ แม้ว่ากับดักอสูรนี้จะใช้ง่ายมากแต่ค่าใช้จ่ายสูงยิ่งนัก” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเหาะเหินไปข้างหน้า
ระหว่างทางวิญญาณเร่ร่อนผ่านกำแพงออกมาและกลับเข้าหาเขาทีละดวง เมื่อพวกมันกลับมาจนหมดหวังหลินพบว่าไม่มีดวงไหนขาดหาย ทำให้เขามีความสุขมากนั่นหมายความว่าอาหารอสูรสีดำนั่นไล่ล่าตามหลังซุนเล่ยในครั้งนี้
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินได้มาถึงถ้ำที่พวกเขาตกลงจะมาเจอกันไว้และนั่งลง เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกและพบว่าซุนเล่ยอยู่ในถ้ำหนึ่งห่างไปราวหมื่นฟุต
ตอนนี้ซุนเล่ยอยู่ในภาวะย่ำแย่มาก เสื้อผ้าฉีกจนเผยเกราะเงินออกมา เป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าเกราะเงินตัวนี้ทำให้เขาหลบหนีอาหารอสูรตัวสีดำนั่นมาได้สองครั้ง
ฝ่ามือขวาเปื้อนโลหิตและนิ้วขาดไปหนึ่งนิ้ว
เขากำลังนั่งอยู่ที่นั่น ฝึกฝนด้วยใบหน้ามืดมน เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินตรวจผ่านพื้นที่แห่งนั้นไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีและแฝงความหวาดหวั่น
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขากระโดดเข้าไปที่ผนังและกระตุ้นวิชาหลบหนีปฐพีเพื่อเคลื่อนร่างเข้าหาซุนเล่ย
ซุนเล่ยสังเกตได้เช่นกันและนำเม็ดยาออกมาหลายเม็ด ใบหน้าเผยความเจ็บปวดพลันกลืนกินเม็ดยาและนั่งลงฝึกฝนอย่างรวดเร็ว
หนึ่งหมื่นฟุตไม่ได้ไกลสำหรับเซียนขั้นตัดวิญญาณแต่มีถ้ำหลายแห่งให้ผ่านไปและพลังลึกลับที่ป้องกันการเคลื่อนที่พริบตา ครึ่งชั่วโมงถัดมาหวังหลินก็ปรากฎตัวข้างในถ้ำที่ซุนเล่ยอยู่
ใบหน้าซุนเล่ยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวทันที เขาพลิกฝ่ามือขวาขณะจ้องหวังหลิน
หวังหลินพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง “น้องซุนโปรดบ่มเพาะต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
หวังหลินลอบถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเม็ดยาที่ซุนเล่ยกลืนกินไปคืออะไรแต่มันทำให้ซุนเล่ยฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมาได้แปดส่วนจากสถาวะอ่อนแอ เรื่องนี้ทำให้หวังหลินยกเลิกแผนก่อนหน้า
ซุนเล่ยตกตะลึงเมื่อไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อมันแต่ยังพูดขึ้น “เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนสหายเซียนแล้ว”
หวังหลินไม่ได้เอ่ยอะไรและนั่งลงขัดสมาธิ
ซุนเล่ยยังคงระมัดระวังขณะดูดซับเม็ดยาข้างในร่างอย่างรวดเร็ว สามชั่วโมงถัดมาซุนเล่ยฟื้นพูพลังมาได้เต็มที่และสายตาที่จ้องหวังหลินไม่มืดมนอีกต่อไป
ซุนเล่ยยืนขึ้น “สหายเซียน ระดับฝึกฝนของข้าฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว เราจะกลับไปได้รึยัง?”
หวังหลินพยักหน้า ยืนขึ้นและเหาะเหินเข้าหาถ้ำแห่งหนึ่งพร้อมกับซุนเล่ยที่อยู่เบื้องหลังเขา
ทั้งสองยังคงเงียบตลอดเวลาและในไม่ช้าก็มาถึงถ้ำใกล้ๆ ขณะที่มาถึงมีกลุ่มอาหารอสูรจำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากถ้ำ
ดวงตาซุนเล่ยสว่างขึ้นและร้องตะโกน “สหายเซียนอยู่ด้านหลัง ครั้งนี้ข้าต้องแก้แค้นให้นิ้วของข้า!” สิ้นคำเขาตบกระเป๋าและพัดสีดำลอยออกมา
ไม่รู้ว่าพัดเล่มนี้สร้างขึ้นมาด้วยวัตถุดิบอะไร แต่ขณะที่มันปรากฎพลันกลิ่นอายเยือกเย็นกระจายออกมาและชั้นน้ำแข็งสีดำถูกสร้างขึ้นบนผนัง
น้ำแข็งสีดำกระจายออกอย่างต่อเนื่องและในพริบตามันก็มาถึงใกล้หวังหลิน หวังหลินยังคงสงบนิ่งขณะนำธงกฎเกณฑ์ออกมาและสะบัดธง หมอกสีดำล้อมรอบหวังหลินไว้และรัศมีน้ำแข็งเคลื่อนไปรอบๆหมอกสีดำแต่สิ่งนี้ได้สร้างม่านกั้นระหว่างหวังหลินและซุนเล่ย ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและเขานำไม้แกะสลักเขตแดนข้ามผ่านกาลเวลาออกมาจากกระเป๋าอย่างเงียบๆ
ขณะนั้นเองเหล่าอาหารอสูรสวรรค์พุ่งออกมาจากถ้ำ ดูเหมือนว่าจำนวนของพวกมันไม่ลดลงเลย ครานี้เจ้าอาหารอสูรสวรรค์อยู่ข้างหน้าสุดชัดเจนว่าต้องการสังหารแน่นอน
ซุนเล่ยสูดหายใจลึกขณะที่ฝ่ามือสร้างผนึกแตกต่างกันก่อนจะชี้ไปที่คิ้วตนเอง ทันใดนั้นวิญญาณดั้งเดิมผุดออกมาและถือพัดไว้ ร่างวิญญาณดั้งเดิมของเขาเผยใบหน้าเจ็บปวดราวกับพึ่งจะจับแท่งเหล็กร้อนระอุ
วิญญาณดั้งเดิมของเขาถือพัดและปัดไปที่เหล่าอาหารอสูรสวรรค์ ทันใดนั้นคลื่นลมสีดำพัดลอยเข้าไป
ทันใดนั้นเหล่าอาหารอสูรแต่ละตัวหยุดเคลื่อนไหวและเกิดรอยน้ำแข็งกระจายออก แทบในทันทีนั้นพื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นยุคน้ำแข็งดำไปเสียสิ้น
วิญญาณดั้งเดิมของซุนเล่ยกลับเข้าร่างกายและพุ่งเข้าไปที่ถ้ำ เขายิ้มขึ้น “สหายเซียน วิชาของข้ามีขีดจำกัดและคงไว้ได้เพียงแค่สิบลมหายใจ ข้าจะไปข้างหน้าก่อนและจากนั้นค่อยมาช่วยเจ้า”
หวังหลินยังคงมีใบหน้าสงบนิ่งขณะยิ้มเยาะเย้ยเบาๆ