315. ขโมยซากศพ
ดวงตาฉีหูสว่างขึ้นและสว่างขึ้นจนในที่สุดเขาร้องคำรามและลุกขึ้นยืน เรียงรอยร้าวดังทั่วร่างกายขณะที่ร่างเติบโตจนเป็นยักษ์สูงสามสิบฟุต
เส้นโลหิตสีฟ้าหลายเส้นโปดปูนออกจากร่างทำให้ตอนนี้เขาดูราวกับเทพมารตนหนึ่ง
เบื้องหลังเขาเป็นร่างมายาคนหนึ่ง ร่างนั้นค่อยๆเข้มจนเผยตัวตนเป็นโจวยี่
ส่วนร่างเดิมของเขากำลังนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวพร้อมกับดวงตาปิดสนิท
เมื่อมองไปที่ผีเสื้อแดง ใบหน้านางปกคลุมไปด้วยสีม่วงคล้ำและแววตาไม่มีแถบสีแดงอีกต่อไป ริบบิ้นบนเส้นผมแตกสลายและเส้นผมนางพริ้วไสวโดยไร้แรงลม
ร่องรอยกลิ่นอายแห่งความตายกระจายออกจากร่างนางและกระจายเข้าสู่พื้นที่รอบๆ ร่างมายาภาพหนึ่งยืนอยู่เบื้องหลังนางเช่นกัน ร่างนี้ไม่ใช่ชายชราแต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ถึงเช่นนั้นเมื่อมองดูใกล้ๆแล้วชายหนุ่มคนนี้มีเค้าโครงเดียวกันกับชายชรา
ขณะนั้นทั้งร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยหมอกสีดำ ส่วนร่างเดิมกำลังนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวบนโลงศพพร้อมกับดวงตาปิดสนิท
แม้ว่าชายหนุ่มจะถูกล้อมรอบด้วยสายหมอกดำแต่ยังเห็นลวดลายประหลาดบนร่างของเขาได้ ลวดลายนี้เป็นรูปสัตว์ประหลาดหนึ่งเขา มันดูดุร้ายมากนัก
ฉีหูร้องคำรามขณะร่างกายเริ่มเคลื่อนไหว ร่างยักษ์ของเขารวดเร็วอย่างไม่คาดคิดพุ่งไปเบื้องหน้าราวกับสายฟ้า ฝ่ามือรวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นหนึ่งหมัดหนึ่งวังวนยักษ์ตามมาด้วยแรงดึงดูดอันทรงพลัง
ชายหนุ่มหล่อเหลาเบื้องหลังผีเสื้อแดงขยับผ่ามืออย่างรวดเร็วและฝ่ามือผีเสื้อแดงทำตามไปด้วย กลิ่นอายแห่งความตายกระจายเบื้องหน้านางอย่างรวดเร็วก่อนจะเกิดเป็นธนูยาว
ขณะที่ฉีหูร้องคำรามใส่นาง แสงอันน่ากลัวในแววตานางพลันส่องสว่างขณะที่รั้งสายธนูกลับ
ปัง!
จังหวะที่ปล่อยออกไป รัศมีแห่งความตายได้สร้างเป็นลูกธนูและกระแทกใส่ฉีหู
ปัง!
พื้นดินสั่นสะเทือนแต่ไม่ได้พังทะลาย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของผีเสื้อแดงและฉีหูยังอยู่เพียงขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย
แต่กฎแห่งสวรรค์ที่บรรจุอยู่ในการโจมตีเหล่านี้ยังห่างชั้นกับสิ่งที่เซียนขั้นแปลงวิญญาณสามารถแสดงให้เห็นได้
ร่างฉีหูถอยกลับไปหลายสิบฟุตพร้อมกับกระอักโลหิตคำโต ภาพมายาเบื้องหลังขมวดคิ้วทันทีและสร้างผนึก ฉีหูเคลื่อนไหวไปพร้อมกันขณะเริ่มร่ายมนต์ลึกลับ
ทันใดนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม กลิ่นอายลึกลับออกมาจากรอยแยกอวกาศและรวมกันเบื้องหน้าฉีหู
พริบตาเดียวทรงกลมยักษ์ถูกสร้างขึ้นเบื้องหน้า มันปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังยิ่ง
ดวงตาหวังหลินสว่างขณะจ้องมองฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าเขา วิธีการกระตุ้นเพื่อสั่งการพลังแห่งสวรรค์นั้นยิ่งทรงพลังและยิ่งซับซ้อนมากกว่าการยืมพลังแห่งสวรรค์อย่างชัดเจน
ดวงตาชายหนุ่มหล่อเหลาสว่างขึ้น ร่างมายาเปลี่ยนเป็นหมอกควันและเข้าสู่ร่างผีเสื้อแดงอย่างสมบูรณ์ ร่างของนางเริ่มสั่นเทาพลางกรีดร้องอย่างโหยหวนและไม่เต็มใจ
แต่ในไม่ช้าร่างวิญญาณสี่สีแตกต่างกันปรากฎเบื้องหน้าของนาง
น้ำเสียงบุรุษดังขึ้นจากร่างผีเสื้อแดง “เอ๊ะ? ทำไมวิญญาณปฐพีถึงหายไป?”
ขณะที่หวังหลินเห็นร่างวิญญาณทั้งสี่ตัว แววตาเขาสว่างขึ้นและเริ่มขบคิด
หลังร่างวิญญาณปรากฎขึ้นเบื้องหน้าผีเสื้อแดง ฉีหูพลันร้องคำรามและเผยใบหน้าเจ็บปวดเมื่อขวานบนหน้าผากกระพริบถี่รัว มันกระพริบเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนมันหายไปจากร่างและร่อนลงบนทรงกลมเบื้องหน้าเขา
ทันใดนั้นทรงกลมสั่นไหวและเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางประหลาดจนมันเป็นรูปขวานแยกสวรรค์ด้ามหนึ่ง
ทุกรูขุมขนบนร่างฉีหูพ่นโลหิตออกมาทำให้เขาดูราวกับเป็นร่างโลหิต พร้อมกันนั้นพุ่งเข้าหาผีเสื้อแดง
ร่างมายาเบื้องหลังฉีหูเอ่ยข้น “เขตแดนของข้าคือความบ้าคลั่ง! เพราะข้าบ้าคลั่งในความรัก ข้าจึงเป็นตัวอย่างของความบ้าคลั่ง ความคลั่งที่สามารถสั่นสะเทือนฟ้าดิน ฉีหูข้าจะใช้ร่างเจ้าเพื่อแสดงเขตแดนของข้าที่ไม่เคยแสดงที่ไหนมามากกว่าพันปี แม้เจ้าตายก็ตายอย่างสงบได้แล้ว!”
ในตอนนี้มีเขตแดนประหลาดหนึ่งปรากฎล้อมรอบฉีหู ความเจ็บปวดไม่ปรากฎบนใบหน้าอีกแล้วแต่แทนที่ด้วยความบ้าคลั่งที่สั่นคลอนทุกคน
แววตาเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาไม่ได้มองผีเสื้อแดงแต่มองไปที่ขวานในมือและมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
ความบ้าคลั่งนี้ไม่ใช่เพื่อใครคนหนึ่งแต่มันเพื่อของสิ่งหนึ่ง สำหรับฉีหูแล้วมันคือขวานของเขา! จิตใจแห่งเต๋าในตอนนี้ก็คือขวานเล่มนี้! ตราบใดที่ขวานไม่แตกสลาย เขาจะต่อสู้จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ความมุ่งมั่นเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายต่อสู้อันทรงพลัง! ฉีหูยืนอยู่ที่นี่ราวกับยักษ์ที่พร้อมจะแยกท้องฟ้าออกจากกัน!
“เขตแดนบ้าคลั่งใส่อัตตาเอาไว้ ครอบงำจิตใจเป็นอัตตารูปแบบหนึ่ง เขตแดนของโจวยี่ประหลาดโดยแท้! แม้ว่าฉีหูจะเป็นเพียงขั้นตัดวิญญาณ กลิ่นอายต่อสู้ที่สร้างจากอัตตาแห่งการครอบงำกลับให้ความรู้สึกราวกับมันสามารถเข่นฆ่าเหล่าเทวดาได้! ” หวังหลินเผยใบหน้าประหลาดใจเมื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเขตแดนแห่งความบ้าคลั่ง
แสงน่ากลัวในแววตาผีเสื้อแดงได้ส่องสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับนางชี้ไปที่คิ้วตนเองจนเกิดดอกกุหลาบแต่ดอกกุหลาบไม่ได้มีสีแดง ตอนนี้มันกลับเป็นสีดำ
นางเด็ดเกสรที่เหลือทั้งสองและกลีบที่เหลือทั้งหมดโดยไม่ลังเล จากนั้นโยนเข้าไปที่วิญญาณธาตุทั้งสี่ตัวจนเกิดวังวนทรงพลัง
ในเวลาเดียวกันควันสีเขียวลอยออกมาจากคิ้วของนาง จังหวะที่ควันปรากฎขึ้นมันเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาและเข้าไปในวังวนอย่างไหลลื่น วังวนหยุดหมุนในทันทีและเกิดเสียงดังกึกก้องเมื่อรวมกันเข้ากับชายหนุ่มหล่อเหลาผู้นี้
วังวนเคลื่อนไหวแปลกประหลาดจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตดุร้ายตนหนึ่ง มันอ้าปากและร้องคำราม
ร่างผีเสื้อแดงสั่นเทา หลังชายหนุ่มหล่อเหลาออกจากร่าง ควันสีดำหายวับไป นางก้าวถอยหลัง ใบหน้ากวาดกลัวขณะฟื้นคืนสติได้
เมื่อฉีหูมาถึง เขาแกว่งขวานลงราวกับอุกกาบาต สิ่งมีชีวิตตนนั้นยกกรงเล็บของมันขึ้นเข้าปะทะ
ปัง!
ขวานถูกเบี่ยงและกลีบดอกไม้สีดำนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากกรงเล็บของมัน
แววตาฉีหูยิ่งชั่วร้ายพร้อมกับแกว่งขวานลงมาอีกครั้ง
ปัง!
กรงเล็บของสิ่งมีชีวิตตนนั้นแตกกระจายกลายเป็นเกสรเหลืออยู่สอง
ปัง ปัง ปัง!
หลังการโจมตีครั้งที่สาม เกสรดอกไม้ทั้งหมดถูกทำลายแต่ขวานแตกกระจายไปด้วยเช่นกันโดยการโจมตีจากเขาและเปลี่ยนไปเป็นฝุ่นผง
ทว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นแตกสลายไปและไม่เหลืออะไรเลย ขณะนั้นชายชราที่นั่งอยู่บนโลงศพพลันกระอักโลหิตออกมา ร่างกายทรุดลงและดูราวกับไม่หลงเหลือพลังข้างในไว้อีก
ฉีหูจ้องไปที่ฝ่ามือขวาอันว่างเปล่าของเขาอย่างตกตะลึง โชคชะตาของเขามาจากขวานแยกสวรรค์เล่มนี้ เจตนาการต่อสู้ของเขาเกิดมาจากขวานเล่มนี้ และจิตใจแห่งเต๋าของเขาก็คือขวานของเขาเอง
เมื่อขวานพังทลายดังนั้นเขตแดนแห่งความบ้าคลั่งที่โจวยี่รวมเข้ากับฉีหูก็หายไปด้วย
แววตาฉีหูกระจ่างใสแต่เขากรีดร้องอย่างโหยหวนออกมาทันที
เจ็บปวด! ร่างกายสัมผัสความเจ็บปวดรุนแรง!
ฉีหูลงไปที่พื้นก่อน ใบหน้าซีดขาวไร้ร่องรอยโลหิตอย่างสิ้นเชิง
หวังหลินจ้องจ้องฉากเหตุการณ์เบื้องหน้าและสูดอากาศอันหนาวเหน็บเข้าไป
“จิตใจแห่งเต๋าของข้าเป็นอะไร?”
ทั้งผีเสื้อแดงและฉีหูฟื้นคืนสติได้ ภาพมายาของโจวยี่กลับเข้าสู่ร่างของเขาเช่นกันและค่อยๆลดลงมา แต่ขณะนั้นกรงเล็บสีดำปรากฎขึ้นในอากาศและคว้าเข้าหาเขา
กรงเล็บนี้อยู่ใกล้กับร่างโจวยี่อย่างมาก ใบหน้าบนวิญญาณดั้งเดิมของเขาเปลี่ยนไปทันทีและร้องคำรามพุ่งเข้าหาร่างกาย พร้อมกันนั้นเขาเข้าสู่ร่างกายในเวลาที่กรงเล็บมาถึงและเคลื่อนไปด้านข้างเล็กน้อยแต่ยังถูกกรงเล็บโจมตีโดน
หน้าท้องโจวยี่ถูกกรงเล็บโจมตีจนเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ โลหิตพุ่งกระจายออก เป้าหมายของกรงเล็บไม่ใช่ร่างโจวยี่แต่เป็นกระเป๋าของเขา
ร่างโจวยี่เพียงแค่ถูกกรงเล็บขูดไปแต่สำหรับกระเป๋าแล้วมันฉีกขาดออกจากกัน ของนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากกระเป๋ารวมถึงเจดีย์ซึ่งถูกกรงเล็บคว้าเอาไว้ก่อนจะล่าถอยอย่างรวดเร็ว
“ไม่!!!” แววตาโจวยี่แดงฉาน เขาไม่สนบาดแผลบนหน้าท้องตัวเองและร้องคำรามจนสั่นสะเทือน ใครที่ได้ยินเสียงตะโกนนี้จะรู้สึกโศกเศร้า
เขาออกจากกายหยาบโดยไม่ลังเล วิญญาณดั้งเดิมของเขาลอยออกมาและไล่ตามหลังเจดีย์
“ถิงเอ๋อ ข้าไม่ยอมให้ใครขโมยเจ้าไปจากข้าได้! ข้าไม่ยอม!!”
เมื่อไร้วิญญาณดั้งเดิมควบคุม ร่างกายของเขาจึงหล่นลงและโลหิตไหลรินจนใบหน้าเป็นสีม่วงคล้ำ ร่างกายล้มคว่ำสู่พื้นดิน เพื่อถิงเอ๋อ โจวยี่ยอมสละแม้แต่ร่างตัวเองให้ทำลายไป
ความสัมพันธ์หลายพันปี พูดคุยทุกคนและเวลาที่อยู่ด้วยกันหลังจากนั้น ทุกเหตุการณ์กระพริบผ่านสายตาโจวยี่และเขาเริ่มเป็นบ้า
ถิงเอ๋อคือสิ่งที่ไวต่อความรู้สึก
วิญญาณดั้งเดิมติดตามไปราวกับสายฟ้าแต่ขณะนั้นชายชราที่อยู่บนโลงศพพลันลืมตาขึ้น เขากระโดดออกไปและปรากฎเบื้องหน้าโจวยี่จากนั้นเริ่มหัวเราะ
“โจวยี่เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ หากเจ้ามีเวลาอีกพันปีเจ้าอาจจะได้เข้าสู่ขั้นเซียนเทวะ แต่เจ้าไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้คือหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักซากศพและข้ามีวิญญาณสามดวง เจ้าเพียงแค่สังหารวิญญาณข้าไปหนึ่งดวง แล้วข้าจะตายได้ยังไง?!”
ขณะที่หัวเราะ กรงเล็บเบื้องหลังเขาเปลี่ยนเป็นชายหนุ่ม รูปร่างทั้งหมดของชายหนุ่มดูคล้ายคลึงกับชายชราและฝ่ามือถือเจดีย์เดาไว้
หวังหลินจดจ้องฉากเบื้องหน้าและสูดหายใจลึก สายตาพลันเปลี่ยนเข้าหาผีเสื้แดงที่อ่อนแอ
แววตาอันบ้าคลั่งของโจวยี่พลันจดจ้องชายชราราวกับอสูรที่พร้อมจะกลืนกินไปทั้งตัว
“ถิงเอ๋อกลับมาหาข้า!!!”
“ถิงเอ๋อ? ฮ่าฮ่า โจวยี่ เจ้ากระทั่งตั้งชื่อให้กับศพ นี่มันเป็นศพของเทวดา ข้ากลัวว่าตอนที่นางเกิด เจ้ายังคงอยู่ในวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิดอยู่หละมั้ง” ชายชราหัวเราะเสียงดัง ชายหนุ่มเบื้องหลังหัวเราะเช่นกันพร้อมกับกระแทกเจดีย์และลำแสงสีขาวพุ่งออกมา
ร่างศพหญิงสาวปรากฎ!