319. กัดเจ้านาย
ฉากเหตุการณ์ทำให้ทุกคนตกใจยกเว้นโจวยี่ผู้ซึ่งร่างหายไปครึ่งนึงแล้ว เขามองนางด้วยความสงบนิ่ง
“ถิงเอ๋อ อย่าก่อเรื่องยุ่งยาก กลับไปเถอะ!”
น้ำเสียงลึกลับดังออกมาจากร่างศพสตรีทันที “เจ้าจะไม่ตาย…”
ณ ตอนนี้เสียงฟ้าร้องดังออกมาหลายชุด ต้องขอบคุณประโยคของร่างศพสตรี ชิ้นส่วนด้านบนพวกเขาจึงแตกสลายในทันที
สายลมรุนแรงราวกับเขื่อนแตกได้พัดลงมาจากท้องฟ้าและรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฎบนพื้นดินทันที
ร่างศพหญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
ปัง! ปัง!
จังหวะที่นางลืมตาขึ้น พื้นดินแตกกระจายทันที ไม่ใช่เพียงแค่พื้นดินเบื้องล่างเท่านั้นในครั้งนี้ แต่อีกสองชิ้นส่วนข้างล่างลงไปอีกด้วยที่กำลังแตกสลาย
แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความตกใจ เขาถอยกลับหลังทันทีซึ่งไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ตกใจ สายตาฉีหูก็ดูไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นเช่นกัน
มีเพียงสายตาของชายชราที่ส่องสว่างขึ้นจากนั้นเขานึกถึงบางสิ่งและใบหน้าเปลี่ยนเป็นความกลัวบาดลึก
“กระบี่แรกพิรุณ ปรากฎ!”
ลำแสงสีทองออกมาใต้พวกเขา ขณะที่ลำแสงเข้าใกล้ขึ้นหวังหลินรู้สึกเจตนารมณ์ของกระบี่อันทรงพลังเข้ามาหา
ร่างศพหญิงสาสวก้าวไปข้างหน้าและคว้าลำแสงไว้ ทันใดนั้นเสียงสวดกระบี่ได้เจาะผ่านทั่วทั้งดินแดนสวรรค์ออกมา
ร่างศพสตรีกำลำแสงสีทองไว้และชี้ไปที่วิญญาณดั้งเดิมที่กำลังเผาไหม้ของโจวยี่ วิญญาณดั้งเดิมของโจวยี่ถูกดูดเข้าไปในลำแสงสีทอง
“เพื่อปกป้องข้ามามากกว่าสองพันปี เจ้าตรากตรำมามากนัก! ข้าจะให้วิญญาณกระบี่สวรรค์กับเจ้า ในอีกหมื่นปีเจ้าจะกลายเป็นนักบุญสวรรค์!”
นางหันกลับมาและมองฉีหูและชายชราด้วยความเย็นชา ในที่สุดสายตาก็ตกลงบนหวังหลิน นางมองเขาอย่างละเอียดจากนั้นโบกแขนเบาๆและเจดีย์ลอยเข้าหาหวังหลิน
จากนั้นลำแสงสีทองในฝ่ามือนางกลายเป็นมังกรสีทองตัวยักษ์นำนางและที่เหลือผ่านมิติว่างไป
ในตอนนี้เซียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ส่วนไหนต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงเพลงกระบี่
แม้กระทั่งการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยวตายก็ไม่อาจหยุดได้
บนหนึ่งในชิ้นส่วนที่อยู่ใจกลางสุดของดินแดนสวรรค์ ปราชญ์ชุดเขียวพลันยกศีรษะขึ้นเผยดวงตาเป็นประกาย เขากระซิบ “กระบี่สวรรค์พิรุณ! ใช่แล้ว มีเพียงกระบี่สวรรค์พิรุณที่สามารถเปล่งเพลงกระบี่เช่นนั้นออกมาได้ เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าใครเป็น…” ลำแสงลึกลับปรากฎในแววตาเขาพลันกระโดดขึ้นไปบนอากาศ เขาหลับตาเล็กน้อยจากนั้นพุ่งเข้าหาต้นกำเนิดของเพลงกระบี่ราวกับสายฟ้า
บนชิ้นส่วนหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนสวรรค์มีชายชราชุดม่วงนั่งอยู่ เขามองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หลังครุ่นคิดเล็กน้อยจึงก้าวไปข้างหน้าและเหาะเหินเข้าหาเพลงกระบี่
“มันเป็นกระบี่สวรรค์พิรุณ? หากสำนักต้าโหลวของข้าได้มันไป พลังของเราจะเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าแน่นอน ข้ามีสัตว์สวรรค์ที่สามารถใช้ควบคุมกระบี่สวรรค์จากวิญญาณกระบี่ข้างในได้”
เขาลอยขึ้นไปและทันใดนั้นกิเลนสองเขาปรากฎในอากาศ เขาก้าวขึ้นไปบนยอดศีรษะและกิเลนพ่นอากาศร้อนออกมาจากจมูกของมัน เมื่อสายน้ำที่ร้อนระอุสองสายโผล่ออกมาจากจมูก ชิ้นส่วนสวรรค์ที่เขาอยู่พลันแตกสลาย
รอยแยกอวกาศจำนวนมากเริ่มปรากฎพร้อมกับพื้นดินพังทลาย มิติว่างเริ่มกลืนกินชิ้นส่วนแต่ไม่มีชิ้นไหนที่ส่งผลต่อชายชรา กิเลนกระโดดเข้าไปในรอยแยกหนึ่งและหายไป
ส่วนหวังหลิน พื้นที่ชิ้นส่วนสองชิ้นด้านบนและด้านล่างเขาได้แตกสลายไปแล้ว ฉีหูตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงและใบหน้าตื่นตระหนก
หวังหลินตะโกน “ฉีหู! เข็มทิศดวงดาว!”
รอยแยกอวกาศเริ่มเชื่อมต่อกันและกันและพื้นดินหายเข้าไปในมิติว่าง มิติว่างเริ่มเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ
ฉีหูตื่นขึ้นทันทีและนำเข็มทิศดวงดาวออกมาโดยไร้คำพูด
เข็มทิศดวงดาวชิ้นนี้ได้รับความเสียหายหนักและอีกรอยร้าวหนึ่งถูกเพิ่มขึ้นเมื่อมันปรากฎออกมา ทว่าพวกเขาไม่ได้สนใจมัน ฉีหูกระโดดขึ้นไปใจกลางเข็มทิศ
หวังหลินร่อนลงบนเข็มทิศแทบในเวลาเดียวกับฉีหูและตำแหน่งที่เขาเลือกคือขอบสุดทางทิศตะวันออก
ส่วนซุนไท่ เขามองตำแหน่งที่ร่างศพสตรีหายไปและในพริบตาเขาก็มานั่งถัดต่อหวังหลิน
ซุนไท่พูดขึ้น “เข็มทิศดวงดาว หนึ่งในสมบัติที่มีราคาของสำนักมารยักษ์ น่าเศร้านักที่มันเป็นของเสียไปแล้ว”
ฉีหูยิ้มอย่างขื่นขม เขากัดฟันแน่นขณะควบคุมเข็มทิศเพื่อเคลื่อนที่เข้าหามิติว่าง
สายตาซุนไท่สว่างขึ้นขณะพูดคุยกับหวังหลิน “เซิ่งหนิว มิติว่างแห่งนี้อันตรายมากและเข็มทิศนี้ได้รับความเสียหายเกินกว่าจะเคลื่อนที่ไปได้ไกล หากเจ้าตกลงปลดปล่อยผนึก ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้ากลับซูซาคุอย่างปลอดภัย จะว่าอย่างไร?”
เหตุผลที่เขาเรียกหวังหลินว่าเจ้านายก็เพราะโจวยี่อยู่ที่นั่น เขาทำท่าอย่างน้อยให้เหมือนว่ายินยอม ตอนนี้โจวยี่ตายไปแล้ว เขาที่เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณจะยอมเป็นทาสได้อย่างไรเล่า? นอกจากตายแล้วสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดก็คือความอับอาย
เขาหวังว่าจะสามารถสังหารหวังหลินและปรับแต่งเป็นมัมมี่
ซุนไท่เอ่ยขึ้น “เจ้าไม่ต้องมีคำตอบให้ข้าตอนนี้และชายชราผู้นี้จะไม่ให้เจ้าปลดผนึกโดยไม่เสียเปล่า ข้าจะให้หุ่นเชิดขั้นตัดวิญญาณระดับปลายแก่เจ้าสองตัว มีพวกมันรายรอบเจ้าจะปลอดภัยในอนาคต ข้าสามารถให้วิถีการฝึกฝนกับเจ้าเป็นของขวัญได้เพียงแค่พูดว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะหาทางได้มันมาให้เจ้า นอกจากนั้นข้ามีเม็ดยาสวรรค์และโอสถ ตราบใดที่เจ้าตกลงเราค่อยคุยกันได้”
หวังหลินมองซุนไท่และพูดอย่างนิ่งเฉย “ด้วยระดับฝึกฝนของผู้อาวุโส แน่นอนว่าท่านไม่ยอมตกลงเป็นทาสของใครแน่ๆ เรื่องนี้ข้าเข้าใจ ทว่าไม่ต้องพูดถึงว่าข้าไม่รู้จะปลดปล่อยผนึกยังไง แม้ข้าจะทำได้ก็ไม่สามารถปลดปล่อยมันได้ในทันที”
ซุนไท่ขมวดคิ้ว “เด็กน้อย เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าคือเจ้านายข้า?”
หวังหลินส่ายศีรษะอย่างสงบนิ่ง “มันเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสโจวยี่ต้องการ ไม่ใช่ข้า รวมถึงผู้อาวุโสคิดว่าข้าเป็นเด็กหรือ? ข้ากลัวว่าสิ่งแรกที่ผู้อาวุโสจะทำหลังจากข้าปลดผนึกก็คือสังหารข้า”
ใบหน้าซุนไท่เศร้าหมองพลางจ้องหวังหลิน หลังจากนั้นชั่วครู่พลันหัวเราะที่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย
“พูดมาว่าเจ้าต้องการสิ่งใดถึงจะปลดปล่อยผนึกข้า?”
หวังหลินส่ายศีรษะและยิ้ม “ข้าไม่รู้วิชาปลดปล่อยผนึก เช่นนั้นข้าจะปลดปล่อยมันอย่างไร?”
ซุนไท่ยืนขึ้นจ้องหวังหลินและพูดทีละคำ “เด็กน้อยหากเจ้าปฏิเสธขนมปังแห่งชัยชนะเช่นนั้นเจ้าก็จงดื่มเหล้าแห่งความพ่ายแพ้เสียแทน! ข้าเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักซากศพแห่งซูซาคุ เซียนขั้นแปลงวิญญาณ ข้าปฏิเสธที่จะน้อมคำนับใครก็ตามโดยเฉพาะเด็กน้อยเช่นเจ้าที่ข้าสามารถฆ่าได้ด้วยสองนิ้ว!”
“อีกทั้งอย่าคิดว่าเจ้าสามารถสังหารข้าด้วยคำสั่งของเจ้าได้ ข้าจะบอกให้ว่าข้าไม่ได้มีแค่วิญญาณสามดวงแต่มีถึงสี่ดวง วิญญาณดวงที่สี่อยู่ในร่างในโลงศพ เจ้าสามารถทำให้วิญญาณในร่างนี้แตกสลายได้แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นวิญญาณดวงที่สี่ของข้าจะสังหารเจ้า”
หวังหลินยิ้มและตระหนักสิ่งหนึ่งได้ “เมื่อผู้อาวุโสกล่าวทั้งหมดนี้ท่านต้องมีความหมายอีกอย่างซ่อนอยู่ นอกจากบอกให้ข้าปลดปล่อยผนึกแล้วผู้อาวุโสต้องรู้แน่ว่าผนึกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถปลดปล่อยได้”
ซุนไท่จ้องหวังหลิน หลังมองหวังหลินอย่างละเอียดถี่ถ้วนเขาจึงเอ่ยจึ้น “เยี่ยมมาก ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าเป็นคนที่โจวยี่เลือก เจ้าเป็นคนฉลาดมากที่สุด ข้าหาวิธีทำลายผนึกด้วยตัวเองอยู่แล้วแต่ก่อนจะทำเช่นนั้นเจ้าต้องเดินทางไปกับข้า ข้าจะเอาเจ้าไปขังไว้ที่ไหนสักแห่ง เพียงทำแบบนั้นข้าจึงผ่อนคลายได้ แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าสามารถว่าเมื่อผนึกถูกปลดปล่อย ข้าจะตอบแทนเจ้าให้”
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและร้องตะโกน “ซุนไท่ ข้าสงสัยว่าหากข้าตาย วิญญาณสามดวงของท่านจะได้ผลกระทบหรือไม่?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายแน่!” ซุนไท่เยาะเย้ยขณะยื่นมือเข้าหาหวังหลิน
“ผนึกทาสไม่เสถียร ใช้เจดีย์เพื่อปกป้องตัวเจ้าเอง!” นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่โจวยี่พูดกับเขาก่อนที่เขาจะสลายไป
หวังหลินสงบนิ่งขณะจ้องซุนไท่และเฝ้าดูฝ่ามือของเขาเข้ามาใกล้ ขณะที่ซุนไท่กำลังจะคว้าหวังหลิน แสงสีขาวส่องประกายออกมาจากกระเป๋าหวังหลินและเจดีย์ปรากฎตัว
แสงสีขาวนี้บรรจุเขตแดนแห่งความบ้าคลั่งระดับเทวะของโจวยี่
ซุนไท่กรีดร้องอย่างเจ็บปวดขณะถอยกลับรวดเร็ว
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น โจวยี่พูดไว้ว่าเจดีย์สามารถตอบโต้ซุนไท่ได้แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับวิญญาณดวงที่สี่ เขาไม่สามารถปล่อยให้ซุนไท่รู้เรื่องนี้ได้แน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้เขากำเจดีย์ไว้ในฝ่ามือและวิ่งออกไปทันที ดวงตาเต็มไปด้วยแสงประหลาดพลางเยาะเย้ย “ซุนไท่ เขตแดนบนเจดีย์แห่งนี้ปกติแล้วเพียงแค่ผลักคนอื่นออกไปและไม่มีผลกระทบอันตราย ทว่ามันเป็นอันตรายต่อท่าน นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสโจวยี่ลอบทำไว้เพื่อโต้ตอบท่าน”
ใบหน้าซุนไท่เศร้าหมอง แสงจากเจดีย์เป็นอันตรายต่อเขาอย่างมาก เขารู้ว่าเป็นเพราะผนึกในร่างเขา
เขาล่าถอยต่อไป
หวังหลินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไปขณะร้องตะโกนอย่างเย็นชา “หากเป็นสำนักอื่นข้าคงไม่รู้อะไรนัก แต่เมื่อเป็นสำนักซากศพข้าจึงรู้อะไรบ้างเล็กน้อย หุ่นเชิดซากศพข้างในโลงนั้นไม่สามารถบรรจุวิญญาณดวงที่สี่ของท่านได้ มันน่าจะเป็นวิญญาณคนอื่น แม้จะเป็นวิญญาณดวงที่สี่ของท่านจริงมันก็เป็นวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์!”
ใบหน้าซุนไท่น่าเกลียดอย่างมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หากเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ลองได้เลย!”
หวังหลินหัวเราะขณะจ้องซุนไท่ เขาก้าวไปข้างหน้าและร้องตะโกน “ซุนไท่ ท่านคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่กล้าลอง? ด้วยระดับฝึกฝนของผู้อาวุโสโจวยี่ ท่านคิดจริงๆหรือว่าเขาจะทิ้งหายนะที่ไม่เสถียรเช่นท่านไว้? เพียงแค่คิดทีเดียวท่านก็ตายไปแล้ว! แม้ท่านจะมีวิญญาณดวงที่สี่ ผู้อาวุโสโจวยี่คิดถี่ถ้วนไว้แล้ว! ระดับฝึกฝนของท่านไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ ข้าไม่ต้องการสังหารท่านแต่เมื่อเห็นว่าท่านต้องการก่อกบฏ เช่นนั้นท่านก็ควรตาย!”
แววตาซุนไท่เรืองแสงขณะที่ไม่แสดงอาการใดๆภายนอก เขาเริ่มสงสัยตัวเอง มันก็จริงเมื่อคิดว่าด้วยระดับฝึกฝนของโจวยี่ เขาจะทิ้งปัญหาไว้ให้เด็กน้อยคนนี้ได้อย่างไร?
หรือเป็นไปได้ว่าบางทีโจวยี่จะมองเห็นปัจจัยอย่างอื่นในความสามารถทั้งหมดของเขากัน?
จิตใจซุ่นไท่สั่นเทา
“ซุนไท่ ท่านจำไม่ได้หรือว่าร่างศพสตรีคนนั้นสะบัดเจดีย์มาที่ข้า? ท่านไม่เห็นความหมายที่ซ่อนไว้เบื้องหลังนั้นหรือ?” น้ำเสียงหวังหลินดังขึ้นและเต็มไปด้วยความลึกลับ เขาก้าวไปข้งาหน้าด้วยเจดีย์ในมือ ขณะนั้นเขาดูไม่ถ้อถอยง่ายๆ
ซุนไท่ถูกคำพูดของหวังหลินโน้มน้าว ตอนนี้เขาหวาดหวั่นและล่าถอยอย่างต่อเนื่อง