325. ทะลวงผ่าน
เขารอด นางตาย…นางรอด เขาตาย….
นี่คืออีกความหมายหนึ่งของชีวิตและความตาย ขณะนี้เองหวังหลินพลันเข้าใจบางอย่างได้
ประโยคที่ว่า “เจ้าสามารถเห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นสายน้ำคือสายน้ำ” มีอีกความหมายหนึ่งต่อหวังหลิน
การเห็นชีวิตคือชีวิตและเห็นความตายคือความตายเป็นเพียงขั้นแรกของเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย
ในตอนที่อยู่สมาพันธ์สี่สำนักนั้นเขาเห็นทั้งแคว้นถูกเฉว่ยี่ทำลายลง เขาเห็นเซียนขั้นตัดวิญญาณผู้ซึ่งให้ขนนกแก่เขาตายไปและย้อมเฉว่ยี่ด้วยโลหิตของตัวเอง หัวใจเขาสั่นเทาพลันเกิดร่องรอยการทะลวงผ่านระดับขึ้น
ชีวิตและความตายแบ่งด้วยเส้นกั้นบางๆ บางครั้งเห็นว่าตายแน่ๆแล้วแต่กลับมีชีวิตอยู่ในใจคนอื่น บางครั้งเห็นอยู่ว่ามีชีวิตแต่เริ่มจะตายลงหากใจไม่เปลี่ยแปลง
แววตาหวังหลินเป็นประกายสว่างขึ้นและสว่างขึ้น
การตายของโจวยี่ทำให้ถิงเอ๋อมีชีวิต แต่การตายของถิงเอ๋อได้พาชีวิตโจวยี่กลับมา ชีวิตและความตายได้สร้างความยุ่งเหยิงให้ผู้คนโดยแท้
ทว่าชีวิตและความตายของสองคนนั้นยังไม่จบ ตอนนี้พวกเขามีตัวตนเป็นชีวิตใหม่ในจิตใจ
เห็นชีวิตไม่ใช่ชีวิตและเห็นความตายไม่ใช่การตาย
ดวงตาหวังหลินชัดเจน เขาเข้าใจแล้ว
ราวกับได้มองผ่านเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย ความเข้าใจเขตแดนเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เขาสูดหายใจลึกพลันรู้ว่าระดับฝึกฝนกำลังจะทะลวงผ่าน
เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางอยู่ไม่ไกล
หลังบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ระดับการเข้าใจเขตแดนของคนผู้นั้นเป็นตัวการสำคัญ หลังเกิดการทะลวงผ่านเขตแดนของตัวเองเช่นนั้นการทะลวงผ่านระดับการฝึกฝนจะเข้ามาใกล้จนเหลือน้อยกว่าสิบปี
ราวกับว่าภาชนะหนึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นซึ่งสามารถจุของเหลวได้พอดี ทว่าการทะลวงผ่านเขตแดนนั้นเหมือนกับเพิ่มขนาดของภาชนะ แม้ว่าจะมีจำนวนของเหลวขนาดเท่ากำปั้นเท่าเดิมในภาชนะทว่าจำนวนของมันสามารถเพิ่มขึ้นได้ เมื่อจำนวนของเหลวได้ถึงขีดจำกัดของภารชนะ เมื่อนั้นระดับฝึกฝนของท่านจะเกิดการทะลวงผ่านระดับ
ในตอนนี้หลินเทียนโฮวรีบเร่งเข้าหาหญิงสาว เขายื่นฝ่ามืออกไป เป้าหมายคือกระบี่สวรรค์สองเล่ม
โจวยี่จ้องสตรีที่กำลังร่วงหล่นอย่างตกตะลึง จิตใจเขาว่างเปล่าสิ้นเชิง ไม่มีความคิดใดผ่านเข้ามาในหัว ทว่าการกระทำของหลินเทียนโฮวราวกับเทน้ำเย็นบนน้ำมันร้อน จุดประทุความโกรธของเขาขึ้นมา
ร่างกายเขาพุ่งออกไปและเริ่มปลดปล่อยแสงสีทอง ภาพกระบี่เล่มหนึ่งปรากฎรอบัวเขาพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
ท้องฟ้ามืดครึ้มเมื่อรูปภาพกระบี่เล่มนี้ปรากฎและผืนปฐพีเริ่มแตกร้าว
ใบหน้าหลินเทียนเปลี่ยนไป เขาไม่กล้าเข้าไปหากระบี่พลันสัมผัสได้ว่าข้างในภาพกระบี่เล่มนี้มีพลังที่สามารถทำลายทุกอย่างได้
หลินเทียนหันหลับและร้องคำรามโดยไม่มีความลังเล เขาหลับตาลงและอ้าแขนออก กระบี่เล่มหนึ่งปรากฎระหว่างทั้งสองจากนั้นโยนกระบี่เข้าหาโจวยี่
ปัง!
กระบี่ของหลินเทียนแตกกระจายและรอยนิ้วมือบนหน้าอกยิ่งใหญ่กว่าเดิม
“รอยนิ้วมือเทวดานี้กำแหงนัก วันนี้ข้าได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ ข้าได้กระบี่สวรรค์มาแล้วงั้นข้าไปละ!” หลิงเทียนถอยกลับและฉีกอากาศถัดไป รอยแยกขนาดใหญ่พลันเปิดขึ้นในมิติว่าง อีกฝั่งหนึ่งของรอยแยกเป็นสำนักกระบี่ต้าโหลว เขากำลังจะเข้าไปข้างในรอยแยก
แต่ขณะนั้นเองกระบี่ของโจวยี่รวดเร็วยิ่งขึ้นและพุ่งแทงเข้าหาหลิงเทียนเต็มพลัง
ใบหน้าหลิงเทียนเปลี่ยนไปมหาศาลพร้อมกับเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นเขาสะบัดแขนขวาและกิเลนที่ยังอยู่บนพื้นได้ยกศีรษะขึ้นเปลี่ยนไปเป็นลำแสงและกลับเข้าหาเขา
รอยแยกปิดอย่างรวดเร็วแต่โจวยี่สามารถเข้าไปในรอยแยกก่อนที่มันจะปิดได้
จนกว่าจะสังหารหลิงเทียนได้ เขาจะไม่กลับมา!
การที่โจวยี่ไล่ล่าหลิงเทียน ภัยพิบัติได้เริ่มต้นขึ้นในสำนักกระบี่ต้าโหลว
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้กินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น หลังจากรอยแยกหายไป เซียนนับร้อยที่มีระดับฝึกตนอันหลากหลายต่างหันสายตาจ้องร่างศพสตรีที่กำลังปะทะกับพื้นดิน
กระบี่สองเล่มด้านข้างร่างศพทำให้ทุกคนหายใจหนักหน่วง
ทว่าขณะที่ร่างศพกำลังจะกระแทกพื้นดิน กระบี่สองเล่มและร่างของนางพลันเปลี่ยนกลับเป็นลำแสงสีขาวและลอยเข้าหาหวังลิน
หวังหลินตื่นตะลึง เขากัดฟันแน่นและนำเจดีย์ออกมา ร่างของนางและกระบี่สวรรค์สองเล่มหายวับเข้าไปในเจดีย์
สายตาทุกคนหันกลับมาที่หวังหลินทันที แต่ละคนเต็มไปด้วยความโลภ
ใบหน้าฉีหูมืดดำและยุ่งเหยิง หลังไตร่ตรองเล็กน้อยเขาก้าวถอยหลังกลับ
ใบหน้าหวังหลินบึ้งตึงอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าร่างศพสตรีและกระบี่สองเล่มจะเข้ามาหาเขาซึ่งทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจ
ตอนนี้เองผู้อาวุโสชุดดำเดินขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “สหายเซียน หากเจ้ายกกระบี่สวรรค์ให้ข้าหนึ่งเล่ม พวกเราแปดเซียนจากสำนักฮุนหยวนจะปกป้องเจ้า!”
ผู้คนอีกเจ็ดคนปรากฎเบื้องหลังเขา สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโลภ พวกเขาเดินเข้ามาข้างหน้าไม่หยุด
“ขั้นตัดวิญญาณระดับปลายสามคน แปดคนระดับกลางและที่เหลือเป็นระดับต้น…” หวังหลินสูดหายใจลึกขณะมองรอบๆด้วยสายตาเย็นชา จิตใจของเขาจมดิ่ง
มีเซียนอย่างน้อยหนึ่งร้อยคนรอบๆที่นี่และทั้งหมดมีระดับขั้นตัดวิญญาณเป็นอย่างน้อย เรื่องนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาสามารถรับมือได้
ชายวัยกลางคนชุดฟ้าเดินขึ้นมา เขามองสำนักฮุนหยวนด้วยแววตาดูถูกและเอ่ยขึ้น “สำนักฮุนหยวน เจ้าพวกขยะ! สหายเซียนหากเจ้าให้กระบี่ข้าหนึ่งเล่ม สำนักปิศาจฟ้าของข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าให้!”
“สำนักฮุนหยวนและสำนักปิศาจฟ้าเจ้าพวกตัวตลก กระบี่สวรรค์สองเล่มนั้นเป็นของสำนักฟ้าดินของข้าผู้นี้!” เสียงหัวเราะดังออกมาจากกลางฝูงชนก่อนจะมีคนผู้หนึ่งพุ่งเข้าหาหวังหลิน
เมื่อคนผู้นี้เคลื่อนไหวทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ เซียนมากกว่าร้อยคนเริ่มพุ่งเข้าหาหวังหลินในคราเดียว
หวังหลินขมวดคิ้ว คนแรกอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว คนผู้นี้ผมขาวดูแก่ชรา แววตาเผยความต้องการกระบี่อย่างมาก ระดับฝึกฝนของเขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง
ทันทีที่ชายชราเข้าใกล้ ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขารู้ว่าไม่สามารถถอยกลับลงมาได้แล้วหากลงมาตอนนี้นับว่าอันตรายมากเกินไป หวังหลินยกฝ่ามือขึ้นและชี้ไปที่ชายชรา เขตแดนแห่งชีวิตและความตายปะทะเข้าใส่
ขณะที่ชายชราเข้าใกล้ แววตาเขาพลันเคร่งขรึม การเคลื่อนไหวของหวังหลินไม่มีการผันผวนหลังปราณแต่เขตแดนลึกลับได้เคลื่อนเข้าหาชายชรา
“เซียนตัดวิญญาณระดับต้นกล้าแสดงเขตแดนตนเองต่อหน้าข้าได้อย่างไร?” ชายชราเผยใบหน้าดูถูก แทนที่จะหยุดเขากลับเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ชายชรารู้ว่าการโจมตีด้วยเขตแดนเป็นวิธีเฉพาะของเซียนขั้นตัดวิญญาณใช้กันแต่เขาก็รู้ด้วยว่ามีอันตรายมากมายข้างในนั้น เมื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมันจะทำให้จิตใจของผู้ใช้เข้าสู่สภาวะสับสน
ทว่าการที่เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นโจมตีระดับกลางเช่นเขาเองนั้นราวกับโยนไข่ใส่หิน
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ชายชรายิ้มกว้าง เขากระตุ้นเขตแดนของตัวเองจากวิญญาณดั้งเดิมเพื่อกวาดล้างเขตแดนของหวังหลินออกไป
แววตาหวังหลินสงบนิ่งพลันเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล “ชีวิตคืออะไร?”
แววตาเขาชัดเจนกระจ่างใสและจิตใจกำลังคิดเรื่องเซียนจากสมาพันธ์สี่สำนักซึ่งโจมตีเฉว่ยี่ราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
ใบหน้าชายชราเปลี่ยนไปทันที เขตแดนนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่ว่าเขาจะใช้เขตแดนของตัวเองไปมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหยุดมันได้ ในไม่ช้าเขาได้รวมเข้ากับวัฎจักรแห่งชีวิตและความตายโดยไม่รู้ตัว
เขาสยองขวัญและต้องการถอยหนีแต่ก่อนที่จะก้าวอย่างเยือกเย็นได้ ใบหน้าพลันซีดเหมือนคนตายและโลหิตไหลออกจากมุมปาก เขารีบนั่งลงและหลับตาเริ่มฝึกฝน
ทันใดนั้นวงแหวนสีเทาหลายวันปรากฎเบื้องหลังหวังหลินและขยายใหญ่ขึ้น ภาพพร่ามัววาดขึ้นข้างในวงแหวน ทว่าวงแหวนและรูปภาพนั้นดูราวกับสามารถหายไปได้ทุกเมื่อหากสายลมพัดไป
ภาพวาดนี้เป็นสีขาวและดำดังนั้นมันจึงเรียบง่ายมากแต่เมื่อทุกคนเห็นรูปภาพนี้ทั้งหมดต่างหยุดชะงัก แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“เขตแดนรูปแบนี้มันคืออะไรกัน!?!?!”
“เขาใช้เขตแดนรูปแบบอะไรกันถึงบรรลุขั้นตัดวิญญาณมาได้? ทำไมภาพวาดสีขาวและดำถึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว?!”
“การเกิดใหม่ นี่คือวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิด!!”
แม้สีขาวและดำจะดูเงียบง่าย สีดำแสดงถึงความตายและสีขาวแสดงถึงชีวิต
ร่างหวังหลินอยู่เบื้องหน้าภาพวาดสีขาวและดำ เขาให้สัมผัสถึงวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิดของสรวงสรรค์ เขามองดูชายชราและถามขึ้น “ความตายคือสิ่งใด?”
รูปภาพหลายชุดปรากฎเบื้องหลังชายชราและกระพริบรวดเร็ว ภายในรูปภาพสามารถเห็นชายชราผมขาวสองคนมองไปที่ชายวัยกลางคนผู้กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าพวกเขา ชายวัยกลางคนชัดเจนว่าเป็นชายชราเมื่อตอนหนุ่ม พวกเขาดูคล้ายกันมาก
เขตแดนของเขาคือความกตัญญู!
ทว่าเขตแดนนี้สลายไปอย่างรวดเร็วและสิ่งที่แทนที่คือสีขาวและดำที่กำลังแต่งแต้ม
ร่างชายชราสั่นเทา เขาลืมตาขึ้นทันทีและกระอักโลหิตจำนวนมากออกมา ทั้งร่างกายอ่อนแอ แววตาสลัว เขตแดนเขาเสียหายและจิตใจแห่งเต๋าถูกบังคับให้กวาดออกไป ระดับฝึกฝนตกลงอย่างรวดเร็วตอนนี้เขาเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณที่ไร้เขตแดนเสียแล้ว
หวังหลินถอนหายใจ เขาเดินมาข้างหน้าและชี้ไปที่คิ้วของชายชรา
ปัง!
ศีรษะชายชราระเบิดออกเต็มไปด้วยโลหิตและก้อนเนื้อทันที ร่างกายฟุบลง
“ระดับฝึกฝนของข้าอยู่ที่ขั้นตัดวิญญาณระดับต้นก็จริงแต่ก่อนหน้านี้เขตแดนของข้าพึ่งบรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง ตอนนี้เขตแดนแห่งชีวิตและความตายของข้าได้บรรลุระดับสองแล้ว ข้ากระทั่งกล้าต่อสู้กับผีเสื้อแดง ส่วนพวกเจ้านั้น…” แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยแสงอันลึกลับพร้อมกับมองไปรอบๆ
เพียงแค่กวาดสายตามองทุกคนครั้งเดียว ความโลภโมโทสันแต่ละคนลดลงเล็กน้อย
ในแววตาพวกเขาแม้เขตแดนของหวังหลินจะแข็งแกร่งแต่เขายังเป็นเพียงแค่คนคนเดียว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ควรตาย
ดวงตาหวังหลินยังคงสงบนิ่งพลันเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล “ท่านยังไม่ออกมาหรือ?”