Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 326

Cover Renegade Immortal 1

326. ดาวดวงใหม่ของซูซาคุ

เมื่อหวังหลินเอ่ยคำพูดนั้นออกไป ท้องฟ้าดังคะนองและโลงศพสีม่วงยักษ์ปรากฎเบื้องบน มันตกลงมาจากท้องฟ้าและร่อนลงข้างหน้าหวังหลินราวสิบฟุต

เกิดคลื่นกระแทกกระจายออกไปทุกทิศทาง

เซียนทั้งหมดถอยร่นด้วยความไม่แน่ใจ

ชายชรานั่งอยู่บนโลงศพ เขามองข้างหน้าหวังหลินด้วยใบหน้าซับซ้อน

ชายชราเอ่ยถามขึ้น “เจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่หรือ?”

หวังหลินยิ้มกว้าง “แน่นอน ข้ารู้ว่าท่านติดตามข้ามาตลอดทาง”

ชายชราพ่นลมหายใจเบา

หนึ่งในเหล่าเซียนจดจำชายชราได้และร้องตะโกน “สำนักซากศพ!”

เมื่อคำพูดว่า ‘สำนักซากศพ’ ถูกเปล่งออกไป ใบหน้าทุกคนเปลี่ยนไปในทันที

“ไปซะ!” ชายชราเบื่อหน่ายพลันโบกสะบัดแขน เซียนสองคนที่อยู่ใกล้เขาต่างกระอักโลหิตและร่างกายลอยกลับไปราวกับถูกพลังรุนแรงกระแทกใส่

“ขั้นแปลงวิญญาณ!” เหล่าเซียนรอบๆต่างสูดหายใจลึกและถอยกลับ

ชายชราจากสำนักซากศพกรอกสายตาและจ้องหวังหลิน เขายิ้มขึ้นทันทีและเอ่ยขึ้น “เด็กน้อย เรามาต่อรองกันหน่อยจะว่าอย่างไร? ข้าจะช่วยเจ้าสังหารคนพวกนี้และเจ้าให้ข้าเป็นอิสระหนึ่งพันปี ในหนึ่งพันปีนี้ข้าจะไม่ก่อกวนเจ้าและเจ้าจะไม่ทำลายวิญญาณข้าโดยไม่มีเหตุผล จะว่าอย่างไร?”

หวังหลินหัวเราะ “หนึ่งพันปีถือว่านานเกินไป หากข้าตายภายในหนึ่งพันปีหล่ะ?”

ชายชราตกตะลึง เขาจับเส้นผมตัวเองและร้องอุทาน “โจวยี่! ข้าถูกเจ้าหลอกแล้ว! หากมันอยู่ไม่รอดถึงพันปีเช่นนั้นวิญญาณของข้าจะตกลงไปพร้อมกับมันน่ะสิ!”

ในตอนนี้เองในที่สุดชายชราก็เข้าใจสถานการณ์ของเขา แววตาทั้งคู่แดงฉานและความปั่นป่วนก่อขึ้นข้างในราวกับกำลังจะเป็นบ้า เขาจ้องหวังหลินอย่างดุร้ายก่อนจะกระโดดเข้าหาเหล่าเซียนรอบๆ

เหล่าเซียนพวกนั้นถอยร่นกลับทีละคนเพื่อต้องการหนี แต่พวกเขาไม่มีพลังอันใดในการต่อต้านเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางได้เลย

มันเป็นการสังหารหมู่

ฉีหูจ้องด้วยความตกตะลึงไปยังเหล่าเซียนที่กำลังกระจายตัวออกไปขณะที่ถูกไล่สังหาร เขาอยู่ในอาการตกใจลึก

ใบหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิม เขามองไปรอบๆแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

หลังเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ชายชรากลับมาพร้อมกับรัศมีสังหารรุนแรงรอบกาย แววตาแดงฉานยิ่งกว่าครั้งก่อนพลันจ้องหวังหลินไปด้วย เขาโยนหินหยกพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าซึ่งหวังหลินรับได้พอดี

“ในหนึ่งพันปีนี้ข้าจะปกป้องเจ้าครั้งเดียว! จงใช้ชีวิตให้ดีซะ!” หลังชายชราพูดจบเขาก้าวขึ้นไปบนโลงศพและหายตัวไป

หวังหลินขบคิดชั่วครู่ก่อนจะตบกระเป๋านำเข็มทิศดวงดาวออกมา เขากระโดดขึ้นไปและหันกลับมามองฉีหู “พี่ฉีหูขึ้นมาเถอะ เรากลับไปซูซาคุกัน”

ฉีหูสูดหายใจลึกก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเข็มทิศดวงดาว เขาอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรสักอย่างกับหวังหลินแต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรขึ้นมาได้สักคำ

ก่อนหน้านี้เขาก้าวถอยหลังไปและเพียงแค่ไม่กี่ก้าวนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถดถอย

หวังหลินไม่ได้พูดอะไรเลย เขาควบคุมเข็มทิศเพื่อมุ่งหน้าไปทางวังวน

หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ฉีหูจึงเอ่ยขึ้น “ขอบคุณ”

หวังหลินยิ้มบาง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเขารู้ว่าฉีหูหมายถึงสิ่งใด ก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือพูดประโยคนี้และซุนไท่คงสังหารฉีหูไปแล้ว

ฉีหูสูดหายใจลึก “เจ้ามั่นใจได้เลย ข้าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าฉีหูขอสาบานต่อสำนักมารยักษ์ของข้า!”

เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แม้ด้วยความเร็วของเข็มทิศดวงดาวมันก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อไปรอบชิ้นส่วนจนมาถึงวังวน

ยังมีเซียนบางส่วนที่ยังนั่งอยู่บนฐานพูดคุยกันและกันเกี่ยวกับเรื่องกระบี่สวรรค์

ทว่าทุกคนได้ถูกซุนไท่สังหาร ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ากระบี่สวรรรค์ไปจบที่ใครกันแน่

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้วังวน หวังหลินเก็บเข็มทิศดวงดาว เขาและฉีหูลอยออกจากเส้นทางและมาถึงฐานตรงๆที่อยู่เบื้องล่างวังวนเพียงไม่นาน

ทั้งสองมองหน้ากันเอง หวังหลินคำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “พี่ฉีหู ไว้เราเจอกันอีกครั้งตอนอยู่ในซูซาคุ” เช่นนั้นเขาตบกระเป๋าและหม้อหวนคืนปรากฎในฝ่ามือ

ฉีหูสูดหายใจลึก เขามองหวังหลินอย่างจริงใจและเอ่ยขึ้น “น้องเซิ่ง เจ้าต้องมาเยี่ยมข้าแล้วเราค่อยดื่มด้วยกัน”

หวังหลินหัวเราะและพยักหน้า เขากระตุ้นหม้อหวนคืนและวังวนหนึ่งปรากฎเบื้องหน้าเขา เขามองดินแดนสวรรค์อีกครั้งก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในวังวนและหายตัวไป

ฉีหูตบกระเป๋าและนำหม้อหวนคืนออกมาเช่นกัน เขากระตุ้นมันและเดินเข้าไปในวังวนเช่นเดียวกับที่หวังหลินทำ

หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนในแคว้นเซียนอันดับสี่หรือสูงกว่าตกใจก็คือศิษย์หลักของซูซาคุ ผีเสื้อแดง ได้สูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง!

ด้วยการทำลายล้างพันธมิตรสี่สำนักและเฉว่ยี่จึงกลายเป็นแคว้นเซียนอันดับห้า ชื่อเสียงของนางได้ดังระเบิดภายในดาวเคราะห์แห่งนี้

ชื่อเสียงเกี่ยวกับนางไม่เคยสิ้นสุดเช่นเดียวกับที่นางบรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับปลายภายในเวลาหนึ่งร้อยปีและนางได้ยอมกลายเป็นศิษย์หลักของซูซาคุ เรื่องเหล่านี้ยังพูดคุยกันในเหล่าเซียนจำนวนมาก

มีไม่กี่คนที่รู้ว่าผีเสื้อแดงได้หม้อพิรุณมาและนางเข้าไปในดินแดนสวรรค์ ทว่าห้าเดือนก่อนเหล่าแคว้นอันดับห้าทั้งหมดต่างรวมตัวกันที่ซูซาคุเพื่อการประชุมที่จัดขึ้นทุกร้อยปี

การประชุมนี้ผ่านมาได้ครึ่งทางจนวังวนหนึ่งปรากฎขึ้นในท้องฟ้าและผีเสื้อแดงหล่นออกมา นางสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างและนางเพียงพูดคำเดียวก่อนจะสลบไป

“เซิ่งหนิว!”

เป็นชื่อที่ผีเสื้อแดงพูดขึ้นขณะกัดฟันแน่นก่อนสลบไป

ผู้ส่งสาส์นทั้งหมดจากแคว้นอันดับห้าต่างตกตะลึง ในไม่ช้าข่าวของผีเสื้อแดงสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างและชื่อเซิ่งหนิวเริ่มกระจายออกอย่างรวดเร็ว

นามเซิ่งหนิวได้มีชื่อเสียงมากยิ่งกว่าผีเสื้อแดง มันกลายเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดในดาวเคราะห์แห่งนี้

ทุกคนต่างคาดเดาต่างๆนาๆว่าดาวเคราะห์ที่เซิ่งหนิวจากมาคือที่ไหน

ถึงจุดหนึ่งผีเสื้อแดงได้ตื่นขึ้นและพูดถึงตัวตนของเซิ่งหนิว

“เซิ่งหนิวคนนี้มาจากซูซาคุและเขามาจากตระกูลเซิ่ง!” เมื่อข้อมูลนี้ถูกส่งออกมา ทั่วทั้งดาวเคราะห์พลันตื่นตกใจ

สิ่งแรกที่เกิดขึ้นก็คือเหล่าบรรพชนตระกูลเซิ่งต่างค้นหาข้อมูลทะเบียนของตระกูลตนเอง พวกเขาค้นหาจนไปเจอคนชื่อว่าเซิ่งหนิว สมาชิกตระกูลคนนี้ยังอายุไม่ถึงสามสิบปีและเป็นเพียงเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณ ท่านบรรพชนนำตัวมาและทะเบียนราษฎ์เพื่อยืนยันกับซูซาคุว่าเขาไร้มลทิน

ทำให้คำเล่าลือเกี่ยวกับเซิ่งหนิวกลายเป็นหัวข้อยอดนิยมในหมู่เหล่าเซียน

มีแม้กระทั่งเหล่าเซียนหลายคนต่างพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเซียนลึกลับผู้นี้แต่ไม่มีใครทำสำเร็จ

แคว้นซูซาคุตอบสนองต่อเรื่องทั้งหมดนี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องหายากมาก

คนที่ชื่อเซิ่งหนิวกลายเป็นเยาว์ชนหมายเลขหนึ่งในซูซาคุ

แม้ตระกูลเซิ่งจะพูดไว้ว่าเซิ่งหนิวคนนี้อาจจะไม่ได้ชื่อเซิ่งโดยแท้จริง มีเพียงไม่กี่คนเท่าที่เชื่อคำพูดนี้และหลายคนต่างเข้ามาเยี่ยมเยียน

ทำให้เซิ่งหนิวจากตระกูลเซิ่งหวาดกลัวแต่ก็ภูมิใจเล็กน้อย

เรื่องราวนี้พลันกระตุ้นขึ้นอีกครั้งเมื่อปรมาจารย์น้อยของสำนักมารยักษ์กลับมาเมื่อสามเดือนก่อน การกลับมาของฉีหูทำให้ใครต่อหลายคนเข้ามาเยี่ยม และซูซาคุได้ส่งคนเข้ามาสอบสวนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซิ่งหนิว

ฉีหูไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเซิ่งหนิวและเมื่อเขาถูกกดดันจากผู้ส่งสาส์นของซูซาคุ เขาจึงพูดสิ่งหนึ่งออกไป

“ข้าไม่รู้ชื่อจริงของคนผู้นี้ ข้ารู้แต่เขาเรียกตัวเองว่าเซิ่งหนิว ระดับฝึกฝนของคนผู้นี้ลึกล้ำเกินหยั่งถึง ส่วนเรื่องความคับแค้นใจต่อผีเสื้อแดง ข้าไม่รู้เหตุผล ทว่าจากสิ่งที่ข้าเห็นก็คือผีเสื้อแดงได้ลงมือต่อสู้กับเขา จนในที่สุดเซิ่งหนิวถูกบังคับให้ลงมือเช่นกัน หากข้าพูดโกหกขอให้วิญญาณข้าแตกสลาย!”

หลังฉีหูพูดทั้งหมดนี้ออกไป เขาเข้าไปปิดประตูฝึกฝนในทันทีและปฏิเสธให้เข้าเยี่ยม

ปากคำนี้ทำให้เกิดการประทุและกระจายราวกับไฟลามทุ่ม ซึ่งทำให้นามเซิ่งหนิวฟื้นคืนกลับมาทุกที่และยิ่งมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

ต่อมาเมื่อผีเสื้อแดงฟื้นฟูได้ นางส่งข้อความหนึ่งออกไปผ่านคำพูดของซูซาคุ

“เซิ่งหนิว การต่อสู้ของเรายังไม่จบ! ข้ารอให้เจ้าค้นหาข้าอยู่!”

“เซิ่งหนิวมันเป็นใครกัน?!” คำถามนี้ไม่เพียงแต่อยู่ในใจฉีหูและผีเสื้อแดงแต่กลับอยู่ในความคิดทุกคน เซิ่งหนิวผู้นี้เป็นใครกันแน่?

แม้ว่าผีเสื้อแดงจะได้บันทึกภาพเหมือนของเซิ่งหนิวได้ แต่ซูซาคุไม่เคยปลดปล่อยมันออกมา ไม่มีใครรู้ว่าซูซาคุกำลังคิดสิ่งใดอยู่

สำนักเล็กๆแห่งหนึ่งในแคว้นเซียนอันดับสี่ ชายวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง “เซิ่งหนิว นั่นเป็นชื่อบิดาข้า ชื่อของเขาคือเซิ่งต้าหนิว…”

เหล่าก้อนเมฆปกคลุมท้องฟ้าในตำแหน่งที่หวังหลินเข้าไปในดินแดนสวรรค์ สายฟ้ากระพริบแล่นผ่านและฝนตกอย่างหนักจนดูไร้สิ้นสุด

พายุฝนครั้งนี้เกิดขึ้นมามากว่าหนึ่งเดือนแล้ว เหล่าเซียนน้อยคนนักที่จะออกมาจากข้างนอกในสายฝนและกระทั่งเหล่าคนทั่วไปยิ่งน้อยกว่า

วันหนึ่งกระบี่สองเล่มเหาะเหินข้ามผ่านท้องฟ้า แสงอันอ่อนโยนได้ป้องกันฝนเข้ามา ข้างในแสงเป็นชายชราและสตรีเยาว์วัยคนหนึ่ง

เส้นผมครึ่งหนึ่งของชายชราเป็นสีขาวและริ้วรอยเริ่มปรากฎบนใบหน้า ทว่าหญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีและค่อนข้างน่ารัก

นางหัวเราะ “อาจารย์ เดินทางกลางสายฝนครั้งนี้กินพลังปราณจำนวนมาก หรือนี่เป็นวิธีการฝึกฝนที่ดีใช่ไหม”

ชายชราหัวเราะ “ถูกต้อง หากเจ้าขยันขันแข็ง เจ้าจะสามารถบรรลุขั้นแกนลมปราณได้ภายในสิบปี!”

นางถามขึ้นทันที “อาจารย์ ท่านคิดว่าระดับฝึกฝนของเซิ่งหนิวจะบรรลุถึงขั้นไหนถึงสามารถตัดแขนจากผีเสื้อแดงออกมาได้? หรือเขาบรรลุขั้นเซียนแปลงวิญญาณในตำนาน?”

“เซิ่งหนิว…เป็นผู้อาวุโสที่อยู่เหนือเราไปไกลมาก คนเช่นข้าจะไปตัดสินเขาได้อย่างไรกัน? ทว่าหากให้ข้าเดาคนผู้นี้เป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายแทนที่จะเป็นขั้นแปลงวิญญาณ ไม่เช่นนั้นผีเสื้อแดงคงไม่สูญเสียแขนหนึ่งข้าง นางคงตายไปแล้ว”

เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องในหูพวกเขาทันทีเมื่อชายชราพูดจบ

ทันใดนั้นมีประกายสายฟ้าในท้องฟ้ามากขึ้นและภายในสายฟ้านั้นปรากฎวังวนยักษ์ขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!