Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 329

Cover Renegade Immortal 1

329. ข้า…คือหวังหลิน (1)

เขามุ่งหน้าสู่ทะเลปิศาจอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางหวังหลินไม่ได้ชะลอความเร็วลงเลย หลังจากผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายมาหลายแห่งเขาปรากฎตัวห่างจากเมืองแห่งหนึ่งไปหมื่นลี้

เมืองแห่งนี้เรียกกันว่าเมืองปิศาจนอกรีต เป็นหนึ่งในเมืองหลักทั้งสิบของทะเลปิศาจซึ่งอยู่ในลำดับที่สาม มันขว้างมากกว่าเมืองใดที่หวังหลินเคยเห็นมามากมายหลายเท่า

แผนที่ที่หวังหลินครอบครองมีรายละเอียดของเมืองแห่งนี้อยู่บ้างแต่ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นก่อนที่ทะเลปิสาจจะถูกบุกรุก ตอนนี้มีอำนาจใหม่ปะปนเข้าไปดังนั้นหวังหลินจึงไม่รู้สถานการณ์ทางการเมืองที่นี่

ทว่าจุดประสงค์ของเขาคงไม่เป็นปัญหาเนื่องจากหวังหลินเพียงแค่ซื้อของขวัญให้ลี่มู่หวานเท่านั้น

หลังจ่ายด้วยหินวิญญาณระดับต่ำเพียงไม่กี่ก้อนหวังหลินจึงเข้ามาในเมืองปิศาจนอกรีตได้

มีเซียนจำนวนมากข้างในเมืองทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวา ด้วยหมวกฟางบนศีรษะหวังหลินจึงมองรอบๆและยิ้มแย้ม สายตาจับจ้องบนสิ่งก่อสร้างที่อยู่ไกลเล็กน้อยซึ่งมีคำว่า ‘ศาลาหลอมสมบัติ’ ติดอยู่

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปที่นั่น

หลังเดินเข้าไปเขาขึ้นไปบนชั้นสองทันที ไม่มีสิ่งใดเตะตาบนชั้นสองดังนั้นจึงขึ้นไปชั้นที่สาม

บนชั้นที่สามมีชายวัยกลางคนนั่งอ่านม้วนคัมภีร์โบราณและรื่นรมย์กับตนเอง เมื่อเขาเห็นหวังหลินจึงวางม้วนคัมภีร์ลงและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ท่านลูกค้าต้องการซื้อสิ่งใดหรือ?”

หวังหลินมองไปรอบๆ “สูตรตำรับยา”

ชายวัยกลางคนยิ้มและเอ่ยถาม “ศาลาหลอมสมบัติของเรามีสูตรตำรับยาอยู่มากมาย ข้าสงสัยว่าท่านลูกค้าต้องการชนิดไหน?”

หวังหลินนั่งลงเก้าอี้ถัดจากชายวัยกลางคน “ระดับห้าหรือสูงกว่า”

แววตาชายชรากลายเป็นเคร่งขรึม เขาลุกยืนขึ้นทันทีและรินน้ำชาให้หวังหลินจากนั้นเอ่ยขึ้น “ตำรับยาระดับห้าเป็นของแพงมาก ศาลาหลอมสมบัติของเรามีอยู่ที่นี่เพียงสามม้วน โปรดรอสักครู่ข้าจะนำมาให้ท่าน”

เช่นนั้นเขาขึ้นไปบนบนไดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานจึงกลับลงมาพร้อมกับกล่องสามชิ้น ที่ตามมาพร้อมกับเขาเป็นชายชราใบหน้าเคร่งขรึมเปล่งคลื่นพลังปราณออกมา

ชายชรามองหวังหลินอย่างสงบนิ่งและครุ่นคิดเงียบๆ

หวังหลินมองชายชราอย่างลวกๆก่อนจะเคลื่อนสายตาไปที่กล่องในมือชายวัยกลางคน

ชายวัยกลางคนวางกล่องลงและยิ้มแย้ม “ตำรับยาระดับห้าทั้งสามสูตรนี้ สองม้วนมาจากสำนักเมฆาฟ้าของแคว้นซูและอีกหนึ่งมาจากสำนักโลกอวสานของแคว้นต้าโม่ นี่คือหินหยกที่บรรจุผลกระทบของเม็ดยา โปรดดูเถิดท่านลูกค้า” สิ้นคำเขาหันฝ่ามือและหินหยกสามชิ้นปรากฎ จากนั้นวางพวกมันลงข้างบนกล่อง

หวังหลินหยิบหินหยกขึ้นมาทีละชิ้น พวกมันบรรจุผลลัพธ์ของเม็ดยาเอาไว้แต่ไม่ใช่ตำรับยา ตำรับยาอยู่ข้างในกล่องพวกนี้

ก่อนที่หวังหลินจะออกจากสำนักเมฆาฟ้า เขาได้เห็นตำรับยาระดับห้าทั้งหมดของสำนักเมฆาฟ้าอยู่แล้วดังนั้นจึงเพียงแค่มองผ่านหินหยกสองชิ้นอย่างลวกๆ เขาให้ความสนใจไปที่ตำรับยาระดับหกของสำนักโลกอวสาน

หลังผ่านไปสักพักหวังหลินวางหยกลงและเอ่ยขึ้น “ข้าต้องการตำรับยาคืนสู่ต้นกำเนิดจากสำนักโลกอวสาน ศาลาหลอมสมบัติของเจ้ามีตำรับยาระดับหกม้วนอื่นไหม?”

ชายวัยกลางคนลังเลและมองไปที่ชายชรา เขาพยักหนน้า ชายวัยกลางคนจึงยิ้มอย่างรวดเร็ว “เม็ดยาระดับหกนั้นล้ำค่านัก ศาลาหลอมสมบัติของข้ามีเพียงชิ้นเดียวและมันจะถูกขายที่การประมูลทะเลปิศาจที่จะเกิดขึ้นทุกสิบปี หากท่านลูกค้าต้องการเพียงรออีกสองเดือนจะเป็นไรไป? สองเดือนนับจากตอนนี้จะเป็นตอนที่การประมูลเริ่มขึ้น”

หวังหลินขมวดคิ้ว “ไม่เป็นไร ตำรับยาระดับห้าชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่?”

ชายวัยกลางคนยิ้มแย้ม “ท่านลูกค้าต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของหรือว่าซื้อมันด้วยหินวิญญาณ?”

หวังหลินตอบกลับ “หินวิญญาณ”

ชายวัยกลางคนเผยใบหน้าซับซ้อนและเอ่ยขึ้น “นะ…..ของส่วนใหญ่ที่มีมูลค่าสูงจะไม่ขายเพื่อแลกกับหินวิญญาณ…”

หวังหลินขมวดคิ้ว เขายืนขึ้นตบกระเป๋าและโยนของออกไปชิ้นนึง จากนั้นนำกล่องที่บรรจุหินหยกและเริ่มเดินลงบันไดไป

ชายชราตกตะลึงและก้าวไปข้างหน้าตามจิตใต้สำนึกแต่เขาถูกหยุดไว้ด้วยรัศมีเยือกเย็นที่เปล่งออกมาจากหมวกฟางของหวังหลิน

ชายชราตกตะลึงในทันทีและวิญญาณแรกกำเนิดของเขาแทบสิ้นสลาย เขาสะดุดถอยหลังและไม่กล้าห้ามหวังหลินอีก

ชายวัยกลางคนคว้าของที่หวังหลินโยนมา เขาเพียงปราดสายตามองครั้งเดียวก่อนร่างกายจะเริ่มสั่นเทาพลันไม่เชื่อสายตา

“นี่มัน…หินวิญญาณระดับสูงครึ่งก้อน…”

ตามความเข้าใจของหวังหลิน หินวิญญาณระดับสูงครึ่งก้อนเพียงพอสำหรับตำรับยาอันดับห้า อีกทั้งหวังหลินไม่ได้ให้เพียงแค่ครึ่งก้อนแต่เพิ่มไปอีกหนึ่งในสี่ส่วน

ในหลายวันที่ผ่านมานี้มีคนสวมหมวกฟางตระเวณไปหลายร้านในหลากหลายเมืองเพื่อซื้อตำรับยา

เริ่มแรกร้านค้าส่วนใหญ่ให้ราคาที่ยุติธรรมแต่ราคาของร้านใหม่กลับยิ่งสูงขึ้นและสูงขึ้น จนเมื่อมีร้านหนึ่งให้ราคาสูงเทียมฟ้าและเมื่อค้าขายล้มเหลวพวกเขาจึงใช้กำลัง ทว่าพวกเขากลับเจอดีโดยถูกทำลายล้างเสียสิ้น

หลังจากนั้นมีข่าวลือว่าเซียนสวมหมวดฟางผู้นั้นมีขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เรื่องนี้เป็นผลดีต่อหวังหลินเพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาซื้อตำรับยามาได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน

ในเวลาสิบวัน หวังหลินมาถึงชายแดนระหว่างแคว้นซูกับทะเลปิศาจด้วยการช่วยเหลือของค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ช่วงเวลานี้หวังหลินได้ตำรับยาเซียนระดับห้ามาทั้งหมดแปดชิ้น

“เมื่อหวานเอ๋อเห็นสูตรยาพวกนี้ นางจะต้องมีความสุขแน่ๆ” หวังหลินยิ้มออกมา หลังเข้าไปในแคว้นซูเขานำหมวกฟางออกและไม่ซ่อนตัวเองอีกต่อไป

ทว่าขณะที่หวังหลินเข้าไปในแคว้นซู ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที สายตาเปลี่ยนเป็นเย็นชามองไปทางสำนักเมฆาฟ้าห่างออกไปและเอ่ยขึ้นเบาๆ “มันรนหาที่ตาย!” หวังหลินหายไปจากจุดนั้นทันที

จางป๋ายเป็นชื่อคนผู้หนึ่งและชื่อนี้ในแคว้นพู่ลี่ซึ่งเป็นแคว้นอันดับห้ากลับหมายถึงนักฆ่ากระหายโลหิต

เขาเป็นเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายและเป็นถึงอัจฉริยะของสำนักมารแมลงในแคว้นพู่ลี่ จากนั้นด้วยเหตุผลบางประการเขาขโมยข้อความศักดิ์สิทธิ์ของสำนักมารแมลงและทรยศสำนักตนเอง

สำนักมารแมลงออกไล่ล่าเขาแต่กลับหลบหนีไปได้เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสทว่าศิษย์หลายคนถูกสังหารไประหว่างทาง

ภายใต้การไล่ล่าของเซียนขั้นตัดวิญญาณคนหนึ่งในที่สุดจางป๋ายหลบหนีเข้าสู่หุบเขาเดียวดายเก้าภูติ หลังหลบหนีมาได้เขาอาศัยอยู่ที่นี่มาร้อยปี

ไม่มีใครรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่นั่นได้ยังไงเป็นเวลาร้อยปี แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาออกมากลับบรรลุขั้นตัดวิญญาณแล้ว เรื่องน่ากลัวก็คือเขาได้เลี้ยงแมลงพิษไว้จำนวนนับไม่ถ้วน

ขณะที่เขาปรากฎตัว เขาสังหารผู้คนระหว่างทางไปสำนักมารแมลง รอบกายเขาเป็นเหล่ามวลแมลงแม้กระทั่งเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณยังตายได้

แม้จะรู้ว่ามีเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางและระดับปลายอยู่ในสำนักมารแมลง เขายังคงเข้ามา เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้หยิ่งผยองมากแค่ไหน

จนกระทั่งเขาถูกตามล่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง เขาล่อผู้อาวุโสของอดีตสำนักตัวเองเข้าสู่หุบเขาเดียวดายเก้าภูติและจากนั้นทั้งคู่ก็หายตัวไป

สามสิบปีถัดมาจางป๋ายออกมาจากหุบเขาเดียวดายเก้าภูติอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะยังเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นเหมือนเดิมทว่าผู้อาวุโสของเขาอยุ่ที่นี่ไม่มีใครทราบ

คนผู้นี้ดูเหมือนจะล้มเลิกการแก้แค้นสำนักตัวเองและออกจากแคว้นบ้านเกิด เขาท่องเที่ยวไปรอบๆ กระทำการต่ำช้าตามที่ต้องการ กล่าวได้ว่าเซียนนับไม่ถ้วนตายไปด้วยน้ำมือเขา

แม้กระทั่งเหล่าเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับกลางยังปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อต่อกรกับเขา เป็นเพราะเขาดูเหมือนจะฝึกฝนวิชาบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถสังหารให้ตายได้ ทุกครั้งที่คิดจะสังหารเขา มันเป็นเพียงร่างโคลนของแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น

ในเมื่อเขาได้รับหม้อพิรุณและกลายเป็นหนึ่งในคนที่เข้าสู่ดินแดนสวรรค์

ในดินแดนสวรรค์เขาเดินทางไปเรื่อยๆโดยไม่มีใครขัดขวาง จนเมื่อพบกับคนที่ไม่สามารถต่อกรด้วยได้ ในท้ายสุดเขาสูญเสียร่างโคลนจำนวนมากก่อนจะถูกบังคับให้กลับมาโดยใช้หม้อหวนคืน

กล่าวได้ว่าเขาเป็นคนแรกจากดาวเคราะห์ซูซาคุที่กลับมา

เมื่อเขากลับมา ทั้งยังพบปัญหาเดียวกันกับที่หวังหลินเจอ ทว่าเขาโชคดีมากกว่าหวังหลินเนื่องจากออกมาจากแคว้นซูซาคุตรงๆ

แต่กลับร่อนลงในทะเลปิศาจ

เพราะเขาสูญเสียแมลงมากมายในดินแดนสวรรค์จึงได้เริ่มสังหารอีกครั้งและเมื่อเขาอยู่ในทะเลปิศาจ เซียนส่วนใหญ่ที่เขาพบเจอจะถูกสังหาร

หลังดูดซับพลังชีวิตของเหล่าเซียนทั้งหมดนั้น แมลงของเขาเริ่มแพร่พันธุ์และเขาเดินทางไปถึงแคว้นซู

เหตุผลที่เขากวาดล้างไปหลายสำนักก็เพราะให้อาหารเหล่าแมลงของเขา เลือดเนื้องของคนธรรมดาไม่เพียงพอต่อเหล่าแมลงซึ่งเป็นเหตุผลที่แคว้นซูพบเจอกับภัยพิบัติครั้งนี้

เมื่อผู้ส่งสาส์นจากสำนักมารยักษ์เห็นจางป๋ายเข้ามาแคว้นซู เขาลอบสาปแช่ง แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณเช่นกันแต่เขาไม่ได้ขึ้นมาระดับนี้ด้วยการทะลวงผ่านการรู้แจ้งของตนเองแต่ดูดซับของคนอื่นมา ในแง่ของพลังแล้วเขาสามารถรังแกเหล่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนแข็งแกร่งเช่นจางป๋าย เขาทำได้เพียงแค่หนีเท่านั้น

ตอนนี้จางป๋ายยืนอยู่บนยอดภูเขาลูกหนึ่ง รอบกายเป็นแมลงนับไม่ถ้วน เขามองด้วยแววตากระหายเลือดไปที่สำนักหนึ่งที่อยู่ห่างไกล

“สำนักเมฆาฟ้า…เป็นสำนักอันดับหนึ่งในแคว้นซูแห่งนี้และเป็นโรงปรุงยาชั้นเยี่ยม ฮึ่ม หลังจากวันนี้เม็ดยาทั้งหมดนั้นจะเป็นของข้า จากที่ข้าได้ยินจากสำนักอื่นๆ จ้าวสำนักเป็นคนสวยงามมาก ข้าอยากเห็นว่านางจะยังคงสวยงดงามอยู่ไหมหลังนางถูกเหล่าแมลงของข้าย่ำยี” จางป๋ายเหาะเหินเข้าหาสำนัก

เสียงของเหล่าแมลงทำให้ดูขนลุกอย่างมาก

“หลายวันก่อนข้ากินเจ้าเด็กขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายของสำนักเมฆาฟ้า มันพูดว่าหวังหลินจะไม่ยกโทษข้าแน่เมื่อมันตาย ฮึ่ม! หวังหลินคนนี้เป็นใครกันทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขา? แคว้นซูเป็นแคว้นเซียนอันดับสามแท้ๆ ไม่มีทางที่เซียนขั้นตัดวิญญาณจะอยู่ที่นี่ หวังหลินคนนี้คงเหนือกว่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดโดยเฉลี่ยสักเล็กน้อย และข้าสังหารเขาได้เมื่อพบเห็น ฮึ่ม! ข้ากระทั่งได้สังหารเซียนขั้นตัดวิญญาณมาสองสามคนบ้างแล้ว”

จางป๋ายเยาะเย้ย “หลังกวาดล้างแคว้นซูแห่งนี้ ข้าจะสังหารผู้คนระหว่างทางกลับไปหุบเขาเดียวดายเก้าภูติ ครั้งนี้ข้าต้องให้ราชาแมลงถือกำเนิด เมื่อมันเข้าไปในร่างกายข้า ข้าจะสามารถบรรลุระดับกลางได้ เซิ่งหนิว ข้าต้องการเห็นว่าเจ้ายังเอาชนะข้าเมื่อตอนนั้นได้ไหม!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!