336. ตำรับยาระดับหก
“หินวิญญาณมากกว่าหมื่นก้อน…” ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น
เขาไม่ได้มีหินวิญญาณระดับสูงมากกว่าหมื่นก้อนแต่หวังหลินมีหินวิญญาณระดับสูงของจริงอยู่หลายก้อนซึ่งเพียงแค่ก้อนเดียวก็ล้ำค้าและสามารถชนะการเสนอราคาทั้งหมดนี้ได้แล้ว
ทว่าดูเหมือนว่าก้อนเดียวคงไม่พอ ในที่สุดเขาจำเป็นต้องใช้หลายก้อนอยู่แล้ว แม้ว่าได้รับมาบ้างก็ต้องจ่ายออกไปสักเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาสามารถแลกเปลี่ยนหยกสวรรค์ได้เช่นกัน
ทว่าเนื่องจากนิสัยส่วนตัวของหวังหลิน แม้เขาต้องได้มันมา หวังหลินจะไม่ซื้อมันด้วยตัวเองหากราคาสูงเกินไป
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขาตบกระเป๋าและไม้แกะสลักปรากฎขึ้นในฝ่ามือ มันเป็นหนึ่งในรูปปั้นมีตำหนิที่บรรจุเขตแดนแห่งกาลเวลาที่เขาสร้างขึ้นมาเอาไว้ มีร่องรอยเขตแดนของเซียนขั้นตัดวิญญาณอยู่บนนั้นแต่มันบรรจุพลังอำนาจของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายขั้นสูงสุดเอาไว้ด้วย
รวมถึงเส้นโลหิตข้างในหลายชั้น ดังนั้นไม้แกะสลักนี้จึงเหมือนกับหุ่นเชิด ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่เรียกใช้มัน
สมบัติแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเหล่าเซียนในทะเลปิศาจ
ชายชราผมขาวดวงตาสว่างขึ้นเมื่อชำเลืองไปที่ไม้แกะสลัก เขาให้ความสนใจมันในทันที สิ่งที่เขาให้ความสนใจไม่ใช่ไม้แกะสลักแต่เป็นวิธีที่ไม้แกะสลักถูกสร้างขึ้น
อาศรมหลอมสมบัติมีชื่อเสียงในการหลอมสมบัติ ชายชราผู้นี้เป็นคนที่มีทักษะในการหลอมสมบัติอย่างยิ่งยวดดังนั้นเขาจึงรับรู้ความผิดปกติของไม้แกะสลักได้ในทันที
ไม่ว่ามันจะเป็นเขตแดนอันเบาบางของเซียนขั้นตัดวิญญาณหรือเส้นโลหิตข้างใน ทั้งคู่สลับซับซ้อนอย่างมาก ทว่าเส้นโลหิตช่างรู้สึกคุ้นเคยต่อเขาด้วยเหตุบางอย่าง
หวังหลินนำไม้แกะสลักออกมาโยนลงไปที่เวทีและเอ่ยขึ้น “ข้าเสนอของชิ้นนี้”
ซิ่วลั่วมักจะให้ความสนใจต่อชั้นสามเสมอ เมื่อเขาเห็นไม้แกะสลักถูกโยนลงมาจึงรับมันในทันที จากนั้นยื่นให้นักประเมินสมบัติหลายคนตรวจสอบ
จังหวะที่นักประเมินราคาเห็นไม้แกะสลักชิ้นนี้ ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปและเริ่มโต้เถียงกันอย่างเงียบๆ
ชายชราผมขาวขบคิดเล็กน้อยจากนั้นสายตาเริ่มเคร่งเครียดในทันทีและถามหวังหลิน “สหายเซียน เป็นไปได้ว่าข้างในไม้แกะสลักนี้คือเส้นโลหิตของวิชาสร้างหุ่นเชิดแห่งเฉว่ยี่?”
หวังหลินมองชายชราผมขาว เขาตื่นตกใจเมื่อเขาสามารถจดจำมันได้ ทว่าหลังจากคิดไปแล้วชายชราผู้นี้ต้องมีชีวิตมาเป็นเวลานานอีกทั้งเป็นหัวเรือใหญ่ของอาศรมหลอมสมบัติ เขาต้องเห็นมาเยอะเป็นธรรมดา
หวังหลินพยักหน้า ขณะนั้นเองนักประเมินราคายกศีรษะตนเองขึ้น หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมา “ข้าไม่เคยเห็นของเช่นนี้มาก่อนแต่ข้ามั่นใจว่าผลลัพธ์ของมันแข็งแกร่งเทียบเท่าเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลาย เราให้ราคาที่หินวิญญาณระดับสูงห้าพันก้อน”
ขณะที่ทุกคนได้ยินเรื่องนี้ ผู้คนบนชั้นแรกทั้งหมดต่างมองไปที่ไม้แกะสลักและจากนั้นมองบนชั้นสาม
หวังหลินขมวดคิ้ว มูลค่าของชิ้นนี้ไม่ตกเพียงแค่หินวิญญาณระดับสูงห้าพันก้อนแน่นอน
ชยชราขมวดคิ้วเช่นกัน เขาพ่นลมหายใจราวกับกำลังส่งข้อความสื่อสารออกไป นักประเมินราคาเหล่านี้ไม่ได้รู้อะไรเลย ด้วยระดับพวกเขาเพียงแค่บอกได้ว่ามีแค่เส้นโลหิตข้างในของชิ้นนี้ ราคามันได้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าแล้วและนั่นยังไม่นับว่ามีเศษเสี้ยวเขตแดนข้างในอีก
หินวิญญาณระดับสูงห้าพันก้อนเหล่านี้ยังไม่พอสำหรับตำรับยาซึ่งได้มีราคาที่หมื่นหินวิญญาณไปแล้ว
ดวงตาหวังหลินสงบนิ่งและไม่ได้เอ่ยอะไร เขามองไปที่ประตูห้องแทน
หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวสุดสวยนางหนึ่งเข้ามาจากชั้นสอง นางคารวะหวังหลินพร้อมกับวางหินหยกม่วงลงชิ้นหนึ่งและจากไป
ชายชราผมขาวเอ่ยขึ้น “สหายเซียน ข้าจะซื้อหุ่นเชิดของท่านเอง หินหยกนี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับสูงสองหมื่นก้อนได้ที่อาศรมหลอมสมบัติทุกแห่ง”
หวังหลินยิ้ม เขายังไม่ได้ทันมองหินหยกแต่ร้องตะโกนขึ้นก่อน “ข้าเสนอหินวิญญาณระดับสูงสองหมื่นก้อน”
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกใจแต่จากนั้นน้ำเสียงดังขึ้นจากห้องกลางของชิ้นสาม เสียงหญิงสาวนางหนึ่งดังออกมา “หินวิญญาณระดับสูงสามหมื่นก้อน”
หวังหลินขมวดคิ้ว
ฉิวซื่อผิงกัดฟันแน่นและเอ่ยขึ้น “พี่หวัง ข้ามีหินวิญญาณระดับสูงสี่หมื่นก้อน”
“ไม่จำเป็น!” น้ำเสียงหวังหลินสงบนิ่ง
แม้กระทั่งในแคว้นซูซาคุ หินวิญญาณระดับสูงสามหมื่นก้อนนับว่ามีราคาสูงยิ่ง ไม่มีใครเสนอราคาใดเพิ่มเป็นเวลานานและในท้ายสุดตำรับยาระดับหกก็ถูกคนในห้องกลางได้ไป
แม้ว่าตำรับยาอันดับหกจะเป็นของหายาก วัตถุดิบที่จำเป็นในการสร้างเม็ดยาเองแทบสูญพันธุ์ไปสิ้นแล้วดังนั้นหินวิญญาณระดับสูงสามหมื่นก้อนนับว่าราคาสูงล้ำ แน่นอนว่าหากมันสร้างเม็ดยาระดับหกได้สักเม็ดเรื่องราวจะแตกต่างกันอย่างยิ่ง
ชายชราผมขาวส่ายศีรษะและจากไป เขาไม่ได้นำหินหยกม่วงไปด้วย
“ไปเถอะ!” หวังหลินยืนขึ้นและเก็บหินหยกไป แม้ว่าเขาจะดูสงบนิ่งแต่แฝงสายตาเย็นยะเยือก เขาและลี่มู่หวานเดินลงชั้นล่างและกลับสู่ที่พัก
ในห้องตัวเองลี่มู่หวานพลันกระซิบขึ้น “หวังหลิน ตำรับยาระดับหกไม่สำคัญหรอก เราไม่รู้ว่ามันเป็นยาแบบไหน…”
หวังหลินยิ้ม”เจ้ารอข้าที่นี่ ข้าต้องได้ตำรับยานั้นมา!”
ลี่มู่หวานลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
สายตาหวังหลินจรดลงบนลิ่วเฟยและเที่ยหยานพร้อมกันนั้นจึงเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าทั้งสองพักที่นี่และคุ้มครองนางไว้”
ลิ่วเฟยและเที่ยหยานพยักหน้าทันที
ร่างหวังหลินหายไปจากจุดนั้น เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งเขาก็อยู่ข้างนอกเมืองปิศาจนอกรีตแล้ว
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกและร่างกายหายไปอีกครั้ง เขาปรากฎตัวอยู่บนภูเขาห่างออกไปสามพันลี้ เขาเห็นหญิงสาวสวมชุดเดรสสีเขียวที่นี่ หวังหลินไม่สามารถเห็นใบหน้านางได้เพราะมีผ้าคลุมหน้าสีขาวปกคลุม ด้านข้างนางเป็นชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่
แววตาชายชรายังคงสงบนิ่งดูไม่เหมือนจะมีพลังปราณใดภายในร่าง เมื่อหวังหลินปรากฎตัวแววตาชายชราจึงสว่างขึ้นทันที
“ผู้น้อยโจวหยานฮ่งขอคำนับผู้อาวุโส” น้ำเสียงนางมีเสน่ห์อย่างมากและใบหน้าสงบนิ่งราวกับสายน้ำ
“หากเจ้าไม่ให้เหตุผลที่ดีพอในการล่อข้าออกมาที่นี่ อย่ากล่าวหาว่าข้าไม่เตือน” หวังหลินเอ่ยด้วยใบหน้าสงบนิ่งดั่งเดิม
สายตาหญิงชุดเดรสเขียวส่องสว่าง จากนั้นนางเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสฉลาดยิ่งนัก หญิงน้อยคนนี้ขอชื่นชม”
สตรีผู้นี้อยู่บนชั้นสามดังนั้นนางจึงรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น นางรู้ได้ว่าหวังหลินเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณแต่หลังจากเห็นเขาเสนอหินวิญญาณสองหมื่นก้อนนางจึงเสนอราคาเพิ่มไปอีกหมื่นก้อน ซึ่งต้องมีเหตุผลบางอย่างให้ทำเช่นนั้น
และหลังจากออกอาศรมหลอมสมบัติมาพวกเขาไม่ได้จากไปในตอนนั้นแต่กลับรอเขาที่นี่ หวังหลินจึงมองผ่านความคิดนางได้ทันที
“อย่าเสียเวลาพูดเรื่องไร้ประโยชน์” น้ำเสียงหวังหลินสงบนิ่งเยือกเย็น
ชายชราเบื้องหลังหญิงสาวชุดเขียวพ่นลมหายใจและก้าวไปข้างหน้า
แววตาหวังหลินส่องสว่าง เขาจ้องชายชราและเอ่ยขึ้น “เจ้าพึ่งบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ระดับฝึกฝนของเจ้าไม่เสถียรและเจ้ารู้แจ้งเขตแดนคนอื่น ยืนนิ่งๆ!”
ใบหน้าชายชรามืดหม่นแต่จิตใจตื่นตะลึง ทว่าเขากัดฟันแน่นและยื่นหยัดอย่างมั่นคง
หวังหลินมองชายชราและพลิกนิ้วมือ ลำแสงพลังปราณพุ่งออกมา ท่าทางชายชราเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับนำร่มสมบัติออกมาหนึ่งชิ้น เขากางร่มและมันปลดปล่อยลำแสงสีรุ้ง
หวังหลินพ่นลมหายใจ “เจ้าประเมินตนเองสูงไป!”
ปัง!
ลำแสงพลังปราณร่อนลงบนร่มทำให้เกิดรอยร้าวและแสงของมันหมองลง ชายชราถูกส่งออกไปราวกับโดนกระแทกด้วยพลังแข็งแกร่ง เขาฝืนกลับมาหลายก้าวและใบหน้าแดงเถือก มันใช้เวลาพักใหญ่กว่าเขาจะกลับเป็นปกติ
หวังหลินไม่ต้องการสังหารเขา สายตาจรดลงบนหญิงสาว
แววตาหญิงสาวเผยความหวาดกลัว นางนำกล่องผนึกออกมาและยื่นให้หวังหลิน
หวังหลินยื่นมือออกและกล่องลอยเข้าหาเขา กล่องแตกสลายและตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณ สร้างเป็นฉบับคัดลอก โยนหินหยกกลับไปให้หญิงสาวและเอ่ยถามขึ้น “พูดมา ทำไมเจ้าถึงล่อข้ามาที่นี่?”
หญิงสาวชุดเขียวรับหินหยกไว้ นางสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ท่านอาวุโส ผู้น้อยหยาบคายเกินไปแต่ข้าถูกบังคับให้ทำ โปรดพิจารณามูลค่าของตำรับยาระดับหกนี้และช่วยผู้น้อยสักครั้ง”
ท่าทางหวังหลินยังคงดังเดิม
หญิงสาวชุดเขียวกัดฟันแน่นและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยมาจากสำนักหมอกจางของแคว้นโจว พ่อของข้าเป็นจ้าวสำนัก เมื่อยี่สิบปีก่อนท่านพ่อเข้าไปในสุสานอมตะและยังไม่กลับมา สุสานอมตะแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายที่สุดในซูซาคุ อีกแห่งคือหุบเขาเดียวดายเก้าภูติ ระดับฝึกฝนของผู้น้อยไม่แข็งแกร่งเพียงพอดังนั้นข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไปที่นั่นกับข้าเพื่อรับซากศพท่านพ่อกลับมา”
สิ้นคำหญิงสาวชุดเขียวดูเศร้าหมอง นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยและรอคอยให้หวังหลินตอบสนอง
หวังหลินเอ่ยนิ่งๆ “ข้าไม่มีเวลา!” เขานำหินหยกม่วงจากกระเป๋าออกมาและโยนให้นาง “หินหยกนี้มูลค่าสองหมื่นหินวิญญาณระดับสูง ถือว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับสำเนานี้ละกัน”
เช่นนั้นเขาหายวับไปในลำแสงสีรุ้ง
หญิงสาวชุดเขียวมองตรงตำแหน่งที่หวังหลินหายตัวไปและเผยใบหน้าสิ้นหวัง เดิมทีนางล้มเลิกความหวังแล้วแต่เมื่อเห็นหวังหลินบนชั้นสาม ชายชราที่อยู่ถัดจากนางได้บอกว่าหวังหลินเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณ
หลังได้ยินเรื่องนี้ความหวังในใจนางก็ปะทุขึ้นมา จากนั้นนางเห็นชายชราจากอาศรมหลอมสมบัติเข้าไปและยิ่งมั่นใจมากขึ้น
นี่เป็นเหตุผลที่นางซื้อตำรับยา เป้าหมายก็เพื่อล่อหวังหลิน
หวังหลินไม่มีเวลาจริงๆ ตำรับยาที่ได้ไปคือเม็ดยาระดับหก ‘คืนต้นกำเนิด’ แม้กระทั่งผู้คนในแคว้นอันดับหนึ่งและสองก็สามารถปรุงได้
ทว่าที่พวกเขาปรุงได้คือเม็ดยาคืนต้นกำเนิดของระดับหนึ่งและระดับสอง
เม็ดยาคืนต้นกำเนิดมีผลลัพธ์คือการเพิ่มความเร็วในการดูดซับพลังปราณจากฟ้าดินได้หลายเท่า
เม็ดยาคืนค้นกำเนิดระดับหกก็เป็นเหมือนกันแต่ความเร็วการดูดซับพลังปราณนับว่าน่ากลัวยิ่ง ทว่าเม็ดยานี้มีขีดจำกัด คนผู้หนึ่งสามารถบริโภคได้ทุกร้อยปี หากกินมากกว่านั้นร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นผลึกเนื่องจากพลังปราณที่มากเกินไป
ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นผลึกรูปทรงมนุษย์พร้อมกับวิญญาณถูกผนึกไว้ข้างใน
หลังถูกหลอมเป็นเวลานาน ผลึกรูปร่างมนุษย์จะยิ่งเล็กลงและเล็กลงเรื่อยๆซึ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็นหินวิญญาณระดับสูงของปลอม
ในยุคโบราณไม่มีทางใดที่จะได้หินวิญญาณระดับสูงมาเลยนอกจากมันจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีมากนัก
ทำให้พวกเขาสร้างเม็ดยาคืนต้นกำเนิดระดับสูงขึ้น ความจริงแล้วแม้กระบวนการสร้างไม่ได้มีโอกาสสำเร็จสูงมาก แต่หินวิญญาณระดับสูงส่วนใหญ่เมื่อตอนนั้นต่างเป็นของปลอมแทบทั้งสิ้น