Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 343

Cover Renegade Immortal 1

343. แคว้นซูซาคุ

หลังทำเรื่องทั้งหมดนี้ หวังหลินกำมือแน่นทำให้แอ่งน้ำเปลี่ยนไปเป็นภาชนะหนึ่ง ตอนนี้แขนได้ถูกผนึกไว้ข้างในเรียบร้อย

ณ ที่แห่งหนึ่งในแคว้นซูซาคุ สถานที่แห่งนี้ราวกับภาพจิตรกรรม ผีเสื้อสีขาดกำลังฝึกฝนอยู่บนยอดดอกบัว

พื้นที่รอบๆเป็นน้ำสีฟ้าสว่างสดใสและสีเขียวชุ่มฉ่ำ มีกระทั่งอสูรวิญญาณอยู่ใกล้ๆ

ข้างในแม่น้ำมีปลาคาร์ฟหนวดยาวเผยสายตาประกายแห่งชีวิต ชัดเจนแล้วว่าพวกมันมีสติปัญญา

ผีเสื้อสีชาดสวมชุดคลุมสีแดง มีเพียงแขนเสื้อสำหรับแขนขวาของนางเท่านั้นที่ว่างเปล่า

ที่นั่งเผชิญหน้ากับนางบนดอกบัวเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง

เขาจดจ้องผีเสื้อสีชาดด้วยแววตาอ่อนโยนและเอ่ยขึ้น “ศิษย์น้อง ข้าให้ทะเลวิญญาณทิศบูรพาเพื่อช่วยฟื้นฟูแขนของเจ้า ทำไมเจ้าไม่เคยใช้มันเลยเล่า?”

ผีเสื้อสีชาดลืมตาขึ้นและเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ทุกครั้งที่ข้ามองดูแขนเสื้อว่างเปล่านี้ แรงกระตุ้นเพื่อสังหารเซิ่งหนิวจะเพิ่มขึ้น! แขนของข้าจะยังขาดอยู่จนกว่าข้าจะสังหารเขา ศิษย์พี่อย่าพยายามเปลี่ยนความคิดข้าเลย”

“เซิ่งหนิว!” เจตนาสังหารแล่นวาบผ่านดวงตาชายวัยกลางคน

“เซิ่งหนิวต้องการทำลายจิตใจแห่งเต๋าของข้า อย่างไรก็ตามขณะที่มันเอาแขนของข้าไป ไม่เพียงแค่หัวใจแห่งเต๋าของข้าไม่ถูกทำลายเท่านั้นตอนนี้กลับยิ่งสมบูรณ์มากกว่าเดิม ข้าดีใจนักเมื่อภูเขาซูซาคุต้องการให้เขาต่อสู้กับข้า!” ผีเสื้อสีชาดเงยศีรษะและมองออกไปไกล

“ฮึ่ม หากไม่ใช่เพื่อภูเขาซูซาคุแล้วหล่ะก็ ข้าคงออกไปและจับตัวเซิ่งหนิวเพื่อให้ศิษย์น้องมาสังหารเสียแล้ว” ดวงตาชายวัยกลางคนเป็นประกาย

ผีเสื้อสีชาดกำลังจะเอ่ยพูดแต่ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีทันที เส้นสีดำแดงปรากฎบนหน้าผากของนางและกระจายอย่างรวดเร็ว

ฝ่ามือซ้ายของนางรีบกดบนหน้าผาก สีหน้านางเปลี่ยนไปไม่หยุดขณะที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่เส้นสีดำจึงถอยร่นลงไป ใบหน้าของนางเกิดความเกลียดชังฝังรากลึก

“เซิ่งหนิวพยายามให้ข้าบาดเจ็บด้วยการปรับแต่งแขนที่เสียไปของข้า”

ฝ่ามือซ้ายผีเสื้อสีชาดสร้างผนึกหลายอย่างและส่งไปบนหน้าผาก นางต่อสู้ดิ้นรนให้ยืนขึ้นก่อนจะนั่งลงอีกครั้งเผยใบหน้ามืดมน

“ศิษย์น้อง ข้าจะออกไปสังหารเซิ่งหนิวแม้มันจะเป็นการต่อต้านคำสั่งของภูเขาซูซาคุก็เถอะ อย่างมากพวกเขาเพียงแค่ลงโทษข้าให้ปิดด่านฝึกตนหนึ่งร้อยปี” หัวใจของเขาปวดร้าวขณะหันกลับเพื่อจะออกไป

ผีเสื้อสีชาดกระซิบ “ศิษย์พี่ หากคนไหนจะออกไปสังหารซิ่งหนิว มันจะต้องเป็นข้า ภูเขาซูซาคุส่งข่าวสารเกี่ยวกับเซิ่งหนิวมาสองข้อความ หากท่านสังหารเขามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆแค่ปิดด่านฝึกตนหนึ่งร้อยปี”

ชายวัยกลางคนพลันใบหน้าบูดบึ้งและนั่งลงอีกครั้ง ทว่าเขานำหินหยกออกมาบันทึกข้อมูลบางอย่างและส่งออกไป

“ข้าจะไม่ไปด้วยตัวเอง ข้าส่งเซียนบางส่วนจากแคว้นระดับต่ำกว่าออกไป วิธีนั้นภูเขาซูซาคุจะไม่สามารถทำอะไรกับข้าได้”

ผีเสื้อสีชาดไม่ตอบสนอง นางหลับตามุ่งความสนใจไปบนการผนึกเส้นสีดำที่รุกร้ำนางเข้ามา

ทิศบูรพาแห่งซูซาคุมีภูเขาแห่งหนึ่งรูปร่างราวกับวิหค ภูเขาแห่งนี้รู้จักกันในชื่อว่าภูเขาซูซาคุ

ภูเขาซูซาคุเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของซูซาคุ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในซูซาคุต้องได้รับการอนุมัติจากพวกเขา

วันนี้บุรุษหนุ่มชุดขาวมาถึงที่ตีนภูเขา เขาเดินไปรอบๆตีนภูเขาชั่วขณะก่อนจะปีนขึ้นไปทีละขั้น

ข้างนอกวังแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางภูเขาแห่งนี้ บุรุษหนุ่มคุกหนึ่งข้างและเอ่ยออกมา “ศิษย์เฟิ่งอยู่ชานขอเข้าเฝ้าผู้อาวุโส”

หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากพระราชวัง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ศิษย์ได้รับคำสั่งโดยภูเขาซูซาคุให้ส่งสาส์นท้าประลองต่อเซิ่งหนิว ทว่าเซิ่งหนิวไม่ตกลงและล่าช้าไปสิบปี” เฟิ่งอยู่ชานไม่กล้าโกหก

น้ำเสียงในพระราชวังเอ่ยขึ้นอย่างมืดมน “ฮึ่ม! เซิ่งหนิวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าไปได้แล้ว คนอื่นจะนำเขามาที่นี่แทน”

หน้าผากเฟิ่งอยู่ชานชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อพร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็ว

“ซื่อหวู่ ไปนำเซิ่งหนิวมาที่นี่!” น้ำเสียงดังกึกก้อง คนผู้หนึ่งปกคลุมอยู่ในสายหมอกพลันปรากฎตัว

ซื่อหวู่เอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน “เป็นหรือตาย?”

เสียงจากในพระราชวังเอ่ยตอบ “ตามที่เจ้าต้องการ!”

“ตกลง!” ซื่อหวู่หันกลับและกำลังจะจากไป

ทว่าขณะนั้นเองแสงสีแดงลงมาจากยอดภูเขาซูซาคุและเข้าไปในพระราชวัง

เจ้าของน้ำเสียงจากในวังพลันตื่นตะลึง เขาเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “รอเดี๋ยว!”

หลังผ่านไปสักพัก น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยออกมาจากในวัง “ช่างเถอะ เจ้าไม่ต้องไป เราจะรอเขาสิบปี”

ซื่อหวู่ยักไหล่และหายวับไปภายในภูเขาซูซาคุ

ในพระราชวังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งซึ่งมีเส้นผมและคิ้วทั้งหมเป็นสีขาว เขาจ้องหินหยกสีแดงในมือและพึมพำ “เบื้องหลังเซิ่งหนิวเป็นเช่นไรกันจนแทรกแทรงได้ถึงสามครั้ง?”

ณ ตอนนี้หวังหลินนั่งขัดสมาธิในหุบเขา เบื้องหน้าเป็นราชรถสังหารเทพคันหนึ่งที่เต็มไปด้วยหนามแหลม

เขาจ้องมันด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง หวังหลินโยนกับดักอสูรออกไปและเจ้าคางคกสายฟ้าร่อนลงด้านข้างเสียงดัง

อาการบาดเจ็บของเจ้าคางคกสายฟ้าได้รับการฟื้นฟูแล้วละสายตาของมันที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยความกตัญญู

หากไม่ใช่หวังหลินช่วยมันไว้ก็คงตายจากการบาดเจ็บคราก่อนไปแล้ว

หวังหลินกระซิบ “เจ้าคางคกสายฟ้า ข้าจะนำกับดักอสูรออกไป หากเจ้าอยากจะอยู่ต่อก็ติดตามข้ามา หากไม่ต้องการเช่นนั้นเจ้าก็จากไปได้ ตกลงไหม?”

เจ้าคางคกสายฟ้าพยักหน้า

หวังหลินสร้างผนึกหลายอย่างด้วยสองฝ่ามือ ผนึกร่อนลงบนกับดักอสูร สัญลักษณ์มากมายเริ่มกระจายออกจากสร้อยข้อมือ

ท้ายที่สุดมีสิ่งประหลาดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน สัญลักษณ์หลายอย่างเกิดเป็นวงแหวนขนาดใหญ่ที่สุดบนด้านนอก วงแหวนแต่ละวงจะเล็กกว่าวงก่อนหน้าและที่ตั้งอยู่ตรงกลางคือกับดักอสูร

“ปลดปล่อย!” หวังหลินร้องตะโกน ทันใดนั้นสัญลักษณ์เริ่มหมุนปั่น ควันสีเขียวค่อยๆออกมาจากกับดักอสูร มันเคลื่อนผ่านสัญลักษณ์ราวกับกำลังหลบหนีและเข้าไปในคางคกสายฟ้า

เจ้าคางคกสายฟ้าส่งเสียงร้องคำรามและดวงตาส่องประกาย

สัญลักษณ์ไม่ได้หายไปแต่กำลังหมุนต่อเนื่อง

หวังหลินไม่ได้มองเจ้าคางคกสายฟ้า เขามองไปที่ราชรถสังหารเทพแทน ฝ่ามือขวาสร้างผนึกแห่งหนึ่งและชี้ไปที่ราชรถคันนั้น หมอกสีดำปรากฎขึ้นบนราชรถ ดวงตาคู่หนึ่งปรากฎภายในสายหมอก เสียงร้องจนแสบแก้วหูดังออกมาจากราชรถและวิญญาณอสูรของมันปรากฎขึ้น

นี่เป็นวิญญาณอสูรที่เล็กที่สุดในเหล่าราชรถทั้งสามคัน มันถูกหวังหลินผนึกไว้แต่ตอนนี้มันได้รับการปลดปล่อยพลันจ้องไปบนหวังหลิน

หัวของมันมีสามเขา ร่างกายเป็นวัว หางเป็นมังกร มีใบหน้าหนึ่งอยู่บนหาง

หวังหลินมองไปที่เจ้าอสูรก่อนจะหยดโลหิตไปบนกับดัก จากนั้นไปชี้ไปที่วิญญาณอสูรของราชรถ สัญลักษณ์จากกับดักอสูรสั่นไหวและเปลี่ยนไปเป็นลำแสงหนึ่งจนเริ่มหมุนล้อมรอบอสูรวิญญาณตัวนั้น

อสูรวิญญาณร้องเสียงคำรามหลายครั้งขณะพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่ห่วงโซ่สีดำออกมาจากราชรถและขังเจ้าอสูรลงไป

ลำแสงที่เกิดจากสัญลักษณ์ได้ร่อนลงบนร่างของมันและเรืองแสงสีทอง

เสียงคำรามของมันยิ่งดุร้ายขึ้น โซ่บางเส้นแตกหักแต่ยิ่งมีโซ่ปรากฎขึ้นเพื่อขังเจ้าอสูรไว้อย่างเหนียวแน่น

ท้ายที่สุดสัญลักษณ์ทั้งหมดร่อนลงบนร่างเจ้าอสูร มันไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนอีกแต่แววตาดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

ดวงตาหวังหลินยังสงบนิ่ง หลังจากทำการติดตั้งสัญลักษณ์เสร็จสิ้น เขากระซิบ “กลับคืน!”

สัญลักษณ์บนเจ้าอสูรส่องแสงสว่างจ้า สีสันของสัญลักษณ์เปลี่ยนจากสีทองไปเป็นสีดำขณะลอยเข้าไปในกับดักอสูร

เมื่อสัญลักษณ์ชิ้นสุดท้ายหายวับเข้าไปในกับดัก อสูรตัวใหม่ปรากฎขึ้นบนสร้อยข้อมือ หน้าตาเป็นตัวเดียวกันกับอสูรวิญญาณแห่งราชรถสังหารเทพ

ในเวลาเดียวกัน ราชรถสังหารเทพเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำและหายเข้าไปในกับดักอสูร

หวังหลินสูดหายใจลึกก่อนจะตบกระเป๋าและวางหินวิญญาณระดับสูงแปดก้อนล้อมรอบเขา กับดักอสูรลอยเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วและรัดข้อมืขวา

พลังสายหนึ่งที่แข็งแกร่งมากกว่าตอนที่ได้รับจากเจ้าคางคกสายฟ้าพลันเริ่มบริโภคพลังปราณของเขา ร่างหวังหลินเริ่มจมลงทันทีและเริ่มเปลี่ยนเป็นมัมมี่

ทว่าแววตาของเขายังคงแจ่มใส หินวิญญาณระดับสูงทั้งแปดก้อนรอบๆตัวพลันส่องสว่างจ้า พลังปราณนับไม่ถ้วนเข้าไปในร่างอย่างบ้าคลั่งและเข้าไปในกับดักอสูร

กระบวนการนี้กินเวลาถึงสามวัน

สามวันต่อมาพลังสายนั้นค่อยๆเริ่มหายไป ร่างกายหวังหลินค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมาด้วย

หนึ่งในหินวิญญาณระดับสูงแตกกระจายและเปลี่ยนไปเป็นฝุ่นผง

หวังหลินลืมตาขึ้นด้วยใบหน้ากังวล เมื่อเขามองสร้อยข้อมือขวา แววตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น

“พลังการดูดกลืนเพียงพอที่จะใช้หินวิญญาณระดับสูงไปหนึ่งก้อน ราชรถสังหารเทพ…ข้าจะต้องหาเวลาเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าคู่ควรกับชื่อนั้น”

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่ได้เก็บหินวิญญาณระดับสูงกลับไป จากที่รู้จักกับดักอสูรมา มันเหมือนจะดูดกลืนพลังปราณจากเขาไปหลังการใช้งานทุกครั้ง การเก็บหินวิญญาณไว้กับตัวเขาน่าจะเป็นกรณีที่ดีกว่า

หวังหลินสัมผัสกับดักอสูรจากนั้นยืนขึ้นมองไปที่เจ้าคางคกสายฟ้า ตลอดสามวันนี้เจ้าคางคกสายฟ้าไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน มันปกป้องหวังหลินตลอดเวลา

เมื่อมันเห็นหวังหลินยืนขึ้น เจ้าคางคกหยิบหวังหลินไว้บนศีรษะ ดังนั้นตอนนี้หวังหลินจึงขี่มันอยู่บนหลัง เขายิ้มร่า “เจ้าต้องการติดตามข้างั้นหรือ?”

ท้องของเจ้าคางคกสายฟ้าพลันขยายออกและส่งเสียงคำรามตอบกลับไป

“เยี่ยมมาก! นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเหมือนกับอสูรยุง!” เขาตบกระเป๋าและเจ้าอสูรยุงโผล่ออกมา หวังหลินไม่เห็นเจ้าอสูรยุงมาหลายปี ดูเหมือนมันจะโตขึ้น ร่างกายมันตอนนี้มีขนาดเท่าภูเขาย่อมๆไปแล้ว

ข่าวสารจากผู้แปล: ซูซาคุเป็นชนิดของนกตัวหนึ่งดังนั้นภูเขารูปร่างเหมือนกับวิหคจึงพูดได้ว่า “มันรูปร่างเหมือนกับซูซาคุ” เรื่องนี้จะงงๆหน่อยภายหลังเพราะว่าเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวเคราะห์มีชื่อว่า “ซูซาคุ”

ข่าวสารจากผู้แปลไทย: ซูซาคุเป็นทั้งชื่อเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นทั้งชื่อชนิดของนก เป็นชื่อดาวเคราะห์ ดังนั้นผู้อ่านให้นึกตามบริบทของประโยคนะครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!