349. หนึ่งชั่วยาม
กาลเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ซิ่วลั่วและหยุนเมิ่งยิ่งแก่ขึ้น ผิวหนังสูญเสียความมันเงาและดูมีชีวิตชีวาซึ่งหายไปพร้อมกับรัศมีสีขาว
ในที่สุดสีเหลืองสามจุดปรากฎบนยอดต้นไม้แห่งการเปิดใหม่
จุดสีเหลืองทั้งสามแปรเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นและสว่างขึ้นราวกับบรรจุพลังลึกลับอันไร้ที่สิ้นสุด
ดวงตาผู้เฒ่าฮู่สว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “ผลไม้แห่งการเกิดใหม่สามผล!”
ขณะนี้เองแสงสีเหลืองที่ไม่อาจมองเห็นได้ปรากฎขึ้นจากต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ เสาแสงสีเหลืองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทะลวงผ่านก้อนเมฆบนชั้นสามเกิดเป็นวงแหวนสีเหลืองกระจายออกไป
ยิ่งเสาแสงพุ่งขึ้นไปนานเท่าไหร่ วงแหวนก็ยิ่งขยายกว้างขึ้น
วงแหวนแสงสีเหลืองมีขนาดความกว้างราวพันฟุตดังนั้นทุกคนบนชั้นที่สามจึงรับรู้ได้
ยิ่งวงแหวนแสงสีเหลืองปรากฎมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเส้นขยายออกจากวงแหวนมากขึ้นเชื่อมต่อกันและกันจนกลายเป็นเสาแสง สิ่งนี้ทำให้เสาดูคล้ายกับลำต้นไม้ยักษ์แห่งหนึ่งจากนั้นมีเส้นขยายออกจากวงแหวนเกิดเป็นกิ่งและใบจนมีต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งแทงทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้า
ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ต้นยักษ์นั้นดูราวกับกำลังค้ำจุนท้องฟ้าบนชั้นที่สามซึ่งปรากฎเบื้องหน้าทุกคน
นี่ไม่ใช่ต้นไม้ของจริงแต่เป็นเพียงภาพมายา ทว่าการปรากฎตัวของภาพมายานี้ทำให้คนเถื่อนทุกคนในบริเวณหยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำลงและมองไปหาทางต้นไม้ก่อนจะรีบพุ่งเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
หวังหลินเงยศีรษะ หัวใจจมดิ่ง ต้นไม้นี้ดึงดูดความสนใจคนเถื่อนทั้งหมดมาที่นี่ การต่อสู่ครั้งใหญ่กำลังเข้ามา
เขาควรจากไปตอนนี้และไม่รอผลไม้แห่งการเกิดใหม่หรือว่ารอผลไม้และต่อสู้ดี?
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยจากนั้นสายตาเป็นประกาย
ขณะนี้เองลำแสงสีดำแปดเส้นมาถึงปลายเส้นขอบฟ้าและเปลี่ยนไปเป็นผู้เฒ่าชราแปดคน พวกเขากระตุ้นพลังของรอยสักตนเองและพุ่งเข้าหาผู้คนใต้ต้นไม้
เหล่ากฎเกณฑ์นอกสุดที่ถูกหวังหลินจัดตั้งไว้พลันกระตุ้นขึ้นกลายเป็นโล่ห์กระดอกครอบคลุมรอบต้นไม้สามร้อยฟุต
พลังของผู้เฒ่าทั้งแปดตนกระแทกเข้าใส่โล่ห์ทำให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่รุนแรง
ปัง! ปัง!
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่อง กฎเกณฑ์ถูกทำลายลงทีละชั้นทีละชั้น
ผู้เฒ่าฮู่สร้างผนึกและพุ่งพลังปราณออกไปหลายเส้น พลังงานเข้าสู่ธงทั้ง 16 ผืนและสิ่งคล้ายภูติพราย 16 ตนลอยออกมา
พวกภูติพราย 16 ตนรวบรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นพายุดำ พลังอำนาจพุ่งผ่านพายุและกระแทกเข้าใส่คนทั้งแปดที่กำลังโจมตีค่ายกลทำให้พวกเขาถอยร่นกลับไปหลายเมตร
ผู้เฒ่าฮู่สูดหายใจลึก เขาหลับตาลงและกระตุ้นวิชาในฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและจากนั้นชี้ไปที่คนทั้งแปด กฎเกณฑ์ที่เหลือสร้างเป็นแขนยักษ์ยื่นเข้าหาพวกเขา
หนึ่งในแปดคนถูกจับได้ทันที ดวงตาหวังหลินเป็นประกายและกระซิบ “ระเบิด!”
ปัง!
แขนนั้นบีบคนที่อยู่ภายในกลายเป็นน้ำพุโลหิต
หวังหลินชี้นิ้วอีกครั้งและเกิดเป็นฝ่ามือกระจายออกไป เหล่าคนเถื่อนพวกนี้ไม่ได้บรรลุขั้นห้าใบไม้ พวกเขามีเพียงสี่ใบไม้ดังนั้นจึงเสมือนกับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด
ขณะนั้นเองลำแสงสีดำอีกเส้นหนึ่งเข้ามาจากระยะไกล ใบหน้ายักษ์หนึ่งอยู่ภายในแสงสีดำและมันปกคลุมอยู่ในรอยสัก
“น้องหวังปกป้องข้าสักครู่ ข้าจะออกไปข้างนอกเพื่อต่อสู้กับพวกมัน” ผู้เฒ่าฮู่เดินออกไปนอกชั้นกฎเกณฑ์และเริ่มต่อสู้กับเหล่าคนเถื่อน
หนึ่งชั่วยามถัดมาผู้เฒ่าฮู่กลับมาด้วยใบหน้าหม่นมองและรอยแผลสองแห่งบนร่างกาย หลังกลับมาเขานั่งลงและเอ่ยขึ้น “ข้าสังหารพวกมันแต่อีกสองคนที่เข้ามา ข้าไม่สามารถเอาชนะได้”
หวังหลินยืนขึ้นและเดินออกไป
ขณะที่เขาเดินออกจากกฎเกณฑ์เขาเห็นผู้เฒ่าสองคนถือโซ่ที่เกิดจากรอยสัก พวกเขากำลังโจมตีพายุสีดำที่สร้างจากธงทั้ง 16 ผืน ทุกครั้งที่โซ่ตรวนปะทะเข้ากับพายุจะเกิดเสียงรอยร้าวหลายครั้ง
จังหวะที่หวังหลินปรากฎตัว หนึ่งในผู้เฒ่าแววตาสว่างขึ้น โซ่ตรวนรอยสักที่เขากำลังถือพลางส่ายไปมาและเข้ามาหาหวังหลินราวกับอสรพิษยาว
คลื่นกระแทกเข้ามาพร้อมกับรอยสักโซ่ตรวน หวังหลินสามารถสัมผัสได้ถึงวิญญาณของมังกรที่กู่ร้องข้างในโซ่ตรวนนั้น
หวังหลินสงบนิ่งและยื่นมือออกไป หมอกสีดำรายรอบพลางรวบรวมกลายเป็นหอกแล่งหนึ่ง หวังหลินคว้าหอกและแทงเข้าหารอยสักโซ่ตรวน
ปัง!
หอกแตกสลายและรอยร้าวปรากฎบนโซ่ตรวจก่อนที่มันกระจายกลายเป็นรอยสักโดดเดี่ยว
แววตาผู้เฒ่าคนเถื่อนยิ่งเคร่งเครียด เขาร้องคำรามและนำหนังอสูรสีแดงออกมา หนังอสูรติดไฟและเปลี่ยนไปเป็นกระทะโลหะขนาดใหญ่
จังหวะที่กระทะโลหะปรากฎ รอยสักที่กระจายไปพลันรวบรวมเข้าไปในกระทะโลหะ
หวังหลินยื่นแขนขวาขึ้นมาและหอกอีกเล่มปรากฎในฝ่ามือ เขาพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า
ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในแววตาผู้เฒ่าขณะที่เขายืนอยู่บนกระทะโลหะ พลางร่ายมนต์อันซับซ้อนจากนั้นกระทะโลหะขยายขนาดเท่าภูเขาเล็ก ผู้เฒ่าลอยขึ้นไปพร้อมกับกระทะโลหะและหลบเลี่ยงหอกของหวังหลิน
จากนั้นกระทะโลหะกระแทกลงจากท้องฟ้า ก่อนที่หวังหลินจะเคลื่อนร่างห่างไป รอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฎใต้ฝ่าเท้าเขา
ร่างกายติดขัดด้วยพลังที่มองไม่เห็นทำให้เขาช้าลง
ในเวลาเดียวกันคนเถื่อนอีกคนหันเข้ามาทางหวังหลินและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เขาโบกแขนและรอยสักหลุดออกมาซ่อนเข้าด้วยกันและลอยมาทางหวังหลิน
ดวงตาหวังหลินยังคงสงบนิ่ง เขาอ้าแขนออกและเอ่ยขึ้น “กำแพงกฎเกณฑ์ปรากฎ!”
หอกนับไม่ถ้วนออกมาจากควันกฎเกณฑ์พุ่งเข้าหารอยสักที่คนเถื่อนโยนออกมา
ในเวลาเดียวกันหวังหลินสัมผัสกระเป๋านำกระบี่สวรรค์ออกมา เขาถือมันด้วยสองมือพลันกวัดแกว่งกระบี่เข้าหาท้องฟ้า
ปราณกระบี่เส้นหนึ่งพุ่งออกไปและปะทะเข้ากับกระทะโลหะ
กระทะโลหะสั่นเทาและเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่บนนั้นพลันกระอักโลหิต แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ทว่าเขาร้องคำรามอย่างดุร้ายจนเกิดใบไม้ห้าใบบนศีรษะและปกคลุมทั้งร่างกาย ใบไม้ลงไปที่ฝ่าเท้าและเข้าไปในกระทะโลหะเพื่อผนึกรอยร้าว กระทะโลหะส่องสว่างและกระแทกลงอีกครั้ง
เขาเพียงอยู่ห่างจากหวังหลินแค่สองร้อยฟุตเท่านั้น
สายตาหวังหลินเยือกเย็น เขาโยนกระบี่สวรรค์ขึ้นไปในอากาศอย่างไม่ลังเล
กระบี่สวรรค์พุ่งผ่านกระทะโลหะราวกับตัดกระดาษ ผู้เฒ่าตกใจขณะที่เขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
โลหิตพ่นกระจายทุกหนแห่ง
กฎเกณฑ์บนหวังหลินหายวับไป เขาอ้าปากและตราประทับหนึ่งลอยออกไปกระแทกเข้าใส่คนเถื่อนอีกคนที่กำลังต่อสู้กับหอกนับไม่ถ้วน
ใบหน้าคนเถื่อนผู้นั้นเปลี่ยนไปและหนังอสูรหนึ่งปรากฎในฝ่ามือเขาทันที หนังอสูรเกิดเป็นแขนยักษ์กระแทกเข้าใส่ตราประทับ
หวังหลินพ่นลมหายใจ เขาขยับกายไปข้างหน้าสัมผัสกระเป๋าและกระดิ่งหนึ่งปรากฎในฝ่ามือ หวังหลินโยนกระดิ่งทองคำเข้าใส่คนเถื่อน คนเถื่อนผู้นั้นบ้าคลั่งขึ้นมาพลางต่อกรกับหอกและตราประทับ ขณะที่เขากำลังนำแผ่นหนังอสูรอีกผืนขึ้นมา เขาถูกกระดิ่งดูดกลืนเข้าไปทันที
หวังหลินโบกสะบัดแขนและกระดิ่งกลับคืนมา เขารีบผนึกกระดิ่งขณะที่นับมันกลับไปยังได้ยินเสียงกระดิ่งดังกังวาน
หวังหลินเก็บกระบี่สวรรค์และตราประทับสีดำก่อนจะกลับเข้าไปในกฎเกณฑ์
หลังเข้ามาข้างใน รอบด้านเงียบเสียงเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยการต่อสู้เท่านั้น
ข้างในกฎเกณฑ์ ผู้เฒ่าฮู่นั่งใต้ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ด้วยแววตาหวาดกลัวหันไปทางหวังหลิน หลังเป็นพยานรู้เห็นการต่อสู้นั้น ความหวาดกลัวต่อหวังหลินยิ่งมากขึ้น
“ใช้เวลาอีกเท่าไหร่?” หวังหลินมองไปทางต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ สามจุดตอนนี้มีขนาดเท่ากำปั้น
ผู้เฒ่าฮู่เอ่ยอย่างมั่นใจ “เร็วๆนี้ อีกเพียงแค่หนึ่งชั่วยามและผลไม้จะพร้อมทันที!”
หวังหลินเอ่ย “นั่นนานเกินไป คนพวกนั้นเป็นชาแมนห้าใบไม้ ไม่ใช่ชาแมนหกใบไม้ซึ่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นตัดวิญญาณ ก่อนนั้นข้ารับมือได้หนึ่งคน แต่หากมาถึงสองคนข้าไม่อาจทำอะไรได้มากนัก อีกทั้งยังมีชาแมนเจ็ดใบไม้ที่นี่ พวกเขามีระดับเทียบเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณ!”
ผู้เฒ่าฮู่ใบหน้าเศร้าหมอง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยพลางใบหน้าเปลี่ยนไป หวังหลินถอนหายใจและมองออกไป
ห่างออกไปไกลมีเส้นสีดำยี่สิบสายมุ่งหน้ามาทางนี้ แสงสีดำหกเส้นมีใบหน้ายักษ์ สองเส้นที่อยู่หน้าสุดมีใบหน้าใหญ่เป็นพิเศษ ลำแสงสีดำที่ส่งออกมาราวกับเป็นเปลวไฟปิศาจที่กำลังบ้าคลั่ง รอยสักหกใบไม้ปรากฎขึ้นและหายไปบนหน้าผากพวกเขา
หลังจากทั้งหมดมาถึงกฎเกณฑ์ พวกเขาทั้งหมดเป็นรูปร่างมนุษย์ ชาแมนหกใบไม้สองคนที่อยู่ข้างหน้าคือสองคนที่ตามล่าหวังหลินและผู้เฒ่าฮู่ซึ่งถูกล่อออกไปด้วยอสูรเต่า
บนหญิงชรามีรอยสักมากกว่าขณะที่มีร่องรอยสีแดงบนร่างของนาง กระบวนการดูดซับพึ่งจะเสร็จสิ้น นางยิ้มพร้อมกับแขนเหี่ยวๆยื่นมาข้างหน้า
พายุสีดำอันอ่อนแอแตกกระจายไป ภูติพรายทั้ง 16 ตัวแตกสลายและธง 16 ผืนก็สลายเช่นกัน