380. ค้นหา
รอบด้านพลันเงียบสงบทันที
ชายชราตะโกนขึ้น “ลิ่วฟู่หลินอยู่ไหน?” หลังผ่านไปสักพักไม่มีใครตอบกลับ ชายชราขมวดคิ้วจากนั้นหันไปมองอีกสองคนที่อยู่ถัดจากเขาและทั้งสามคนเหาะเหินเข้าไปทางภูเขา
ลิ่วฟู่หลินคือชายวัยกลางคนที่โลภมากคนนั้น
สำหรับทั้งสามคน พวกเขาคือศิษย์สายในของสำนักหลอมวิญญาณและรวมถึงเป็นผู้ดูแลภายนอกสำนัก
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้น ชายชราอยู่ที่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับต้นขณะที่อีกสองคนทั้งคู่อยู่ที่ขั้นแกนลมปราณระดับปลาย
ทั้งสามคนเหาะเหินเข้าไปในภูเขา แต่มีเพียงชายชราที่เหาะออกมา เขามีใบหน้าโกรธเกรี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ความตกใจมีมากกว่า
ดวงตาชายชราสว่างขึ้นและตะโกน “พวกเจ้าศิษย์สายนอกเพียงแค่บ่มเพาะที่นี่ ไม่มีใครอนุญาตให้ออกไป!” จากนั้นเขานำหินหยกออกมาบันทึกข้อมูลบางส่วนและโยนออกไป
หินหยกแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงและลอยเข้าไปภายในสำนักข้างใน
ศิษย์สายนอกส่วนใหญ่ตกตะลึงแต่มีไม่กี่คนที่นั่งลงและฝึกฝน หวังหลินคือหนึ่งในนั้น
เขานั่งบนต้นไม้ยักษ์และบ่มเพาะ
หลังชายชรามาถึง เขาตรวจสอบศิษย์สายนอกแต่ละคนอย่างละเอียด
ตอนที่เข้าไปในภูเขาพร้อมกับสมาชิกสำนักก่อนหน้านี้ พวกเขาหวาดกลัวเมื่อพบว่าสายแร่วิญญาณได้สูญเปล่าไปแล้ว ตอนที่เข้าไปสู่สายแร่วิญญาณลึกๆและมาถึงกองแร่ ทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงตอนที่เขาสัมผัสมัน เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพลังปราณถูกดูดออกเร็วเกินไป
เรื่องทั้งหมดนี้ประหลาดมาก เขาไม่เคยได้ยินหรือเห็นอะไรก็ตามที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ที่สำนักหลอมวิญญาณถูกสร้างขึ้น
สายตาเขากวาดผ่านศิษย์ทีละคน เขาไม่ได้หยุดลงบนหวังหลินเลย ในสายตาเขาหวังหลินเป็นเพียงขั้นพื้นฐานลมปราณระดับปลาย เขาไม่มีค่าพอให้สังเกต
เพราะวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณสามารถมองผ่านระดับฝึกฝนของเขาได้
หลังจากนั้นไม่นานลำแสงมากกว่าสิบสายลอยออกมาจากภายในสำนักและมาถึงเบื้องหน้าชายชราในพริบตา เมื่อพวกเขามาถึงลำแสงแปรเปลี่ยนเป็นคนจำนวนสิบคน ในหมู่พวกเขามีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดถึงห้าคนส่วนที่เหลือมีระดับอย่างน้อยขั้นแกนลมปราณระดับกลาง
หนึ่งในนั้นเป็นเซียนวัยกลางคนที่มีขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลาย เขาสวมชุดคลุมสีดำและเปล่งกลิ่นอายเยือกเย็นราวกับมีวิญญาณอาฆาตรอบตัวเขานับไม่ถ้วน จังหวะที่เขาปรากฎตัวรอบด้านพลันเยือกเย็นโดยทันที
สายตาเขาราวกับสายฟ้าจดจ้องบนภูเขาอย่างเยือกเย็นและเอ่ยขึ้น “ศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงกับทำให้เจ้าส่งหินหยกนั้นมา?”
ชายชราก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อมทันที “ศิษญ์พี่สาม สายแร่วิญญาณในภูเขาแห่งนี้ถูกดูดจนแห้งในพริบตา ข้าสงสัยว่าศิษย์สายนอกพวกนี้ทำอะไรบางอย่าง”
ชายวัยกลางแววตาสว่างวาบและตะโกนขึ้น “ปิดผนึกโดยรอบ หากใครกล้าออกไปให้สังหารซะ! ศิษย์น้องตามข้าไปที่ภูเขาเพื่อพบกับจ้าวสำนัก”
สิ้นคำเขาแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งไปทางข้างในสำนัก
ชายชรารีบติดตามไปและทั้งสองคนเข้าไปในสำนักข้างในเพียงแค่กระพริบตา
หวังหลินมองผู้คุ้มกันอย่างเย็นชา หากเขาเรียกเจ้าอสูรยุงออกมาคงสามารถหนีได้ในทันที ทว่าอสูรยุงเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขาและไม่ต้องการยอมแพ้พื้นที่ฝึกฝนดีดีเช่นนี้
แม้วิญญาณดั้งเดิมของเขาจะฟื้นฟูมาได้เล็กน้อยแต่มันยังไม่ได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์ เขาพยายามเรียกลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าออกมาแต่ไม่สามารถทำได้ หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและไม่ทำอะไรผลีผลาม
ดวงอาทิตย์ปรากฎขณะที่แสงโผล่ออกมาจากเส้นขอบฟ้าปกคลุมพื้นดินด้วยความอบอุ่น แสงแห่งความมืดพัดกระจายไป รอบด้านค่อยๆสว่างขึ้น ชายวัยกลางคนผู้รอบรู้เหาะเหินออกมาจากในสำนัก
เบื้องหลังเขาเป็นคนจำนวนเก้าคน ทั้งเก้าคนสวมชุดคลุมสีแดงมีอายุหลากหลายแต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือวิญญาณอาฆาตจำนวนมากรอบตัว มองพวกเขาไกลๆในด้านหน้าแสงอาทิตย์จะดูราวกับพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟมารที่สูงเทียมฟ้า
ชายวัยกลางคนผู้รอบรู้ร้องตะโกน “แบ่งออกเป็นสิบกลุ่มเพื่อตรวจสอบ!”
ทั้งเก้าคนชุดแดงเบื้องหลังเคลื่อนไหวและทั้งหมดกระตุ้นวิชาในเวลาเดียวกัน ควันสีแดงไหลออกมาจากแขนเสื้อและล้อมรอบศิษย์สายนอกหลายพันคนที่ยืนอยู่ข้างนอก ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสิบกลุ่มตามต้องการ
รวมกับชายวัยกลางคนไปด้วยทำให้แต่ละคนนำออกไปหนึ่งกลุ่มและเรียกศิษย์สายนอกออกไปตรวจสอบอย่างละเอียด
พวกเขาไม่จำเป็นต้องถามคำถามใด เพียงแค่ชี้ระหว่างคิ้วของศิษย์แต่ละคนและไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็เคลื่อนไปที่คนถัดไป
หวังหลินถูกแบ่งเข้าสู่กลุ่มที่สาม ดวงตาสงบนิ่งไร้ความตื่นตระหนกหรือผิดปกติ ทั้งเก้าคนในชุดแดงเป็นเพียงแค่วิญญาณแรกกำเนิดระดับกลาง ดังนั้นจึงไม่คิดว่าพวกนี้จะเป็นภัยคุกคามเลย
เมื่อไหร่ที่ศิษย์สายนอกผ่านไปพวกเขาจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่เวลาผ่านไปบรรยากาศรอบด้านเกิดความอึดอัดเพิ่มขึ้น
ขณะนี้เองเซียนชุดเขียวในกลุ่มที่สี่เคลื่อนร่างราวกับสายฟ้าและพยายามหลบหนี
ศิษย์สายในรอบด้านต่างระมัดระวังอยู่แล้วดังนั้นในขณะที่คนผู้นี้พยายามหลบหนี ศิษย์ขั้นแกนลมปราณผู้หนึ่งเคลื่อนร่างเพื่อพยายามหยุดเขา
“ไปซะ!” เซียนชุดเขียวร้องตะโกนพลันสะบัดแขนสร้างเป็นพลังรุนแรง ศิษย์ขั้นแกนลมปราณคนนั้นคร่ำครวญและร่างกายถูกผลักไปด้านข้าง
เซียนชุดเขียวหันกลับมาและพุ่งเข้าหาทางที่กำลังเปิดอยู่ ขณะที่เขากำลังจะออกไปได้ เซียนชุดแดงในกลุ่มที่สี่พุ่งออกไป
“กลับมา!”
ลำแสงสีดำห้าเส้นลอยออกมาจากนิ้วมือเขาทันที พวกมันเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าและเจาะเข้าสู่ร่างกายเซียนชุดเขียวในพริบตา
เซียนชุดเขียวกรีดร้องอย่างโหยหวนและร่างกายอ่อนยวบ เซียนชุดแดงลากเขากลับไปและโยนเข้าสู่พื้นที่ว่างตรงกลางกลุ่มทั้งหมด
หลังจากนั้นเซียนชุดแดงไม่แม้แต่มองเขาและเอ่ยขึ้น “คนถัดไป เข้ามา!”
ศิษยสายนอกทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะพวกที่เข้ามาด้วยเจตนาไม่ดี ใบหน้าแต่ละคนน่าเกลียดน่ากลัวเมื่อเห็นว่วาพึ่งเกิดอะไรขึ้น
ขณะนั้นเองสายตาของเซียนชุดแดงที่ดูแลกลุ่มหกพลันสว่างขึ้นขณะมองศิษย์ข้างหน้าที่มีใบหน้าขาวซีดซึ่งราวกับอ้อนวอนขอความเมตตา เซียนชุดแดงคนนั้นคว้าศิษย์เอาไว้และโยนเข้าไปใจกลางกลุ่มทั้งหมด
จำนวนผู้คนที่อยู่ตรงกลางค่อยๆเพิ่มขึ้นจนตอนนี้มีมากกว่าสามสิบคน
เซียนชุดแดงที่รับผิดชอบกลุ่มที่สามโยนศิษย์เบื้องหน้าเข้าไปตรงกลางและเอ่ยช้าๆ “นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับศิษย์ที่เข้าไปยังภายในสำนัก แต่วันนี้ถูกใช้กับศิษย์สายนอก พวกเจ้าควรจะภูมิใจนะ”
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งแต่จิตใจตื่นตะลึง สำนักหลอมวิญญาณต้องมีศิษย์สายนอกที่มีเจตนาร้ายมากมายแต่ไม่มีคนไหนรอดจากการถูกตรวจสอบแบบนี้
ส่วนเซียนที่เดิมทีอยู่ในถ้ำ 743 หวังหลินไม่กังวลในเรื่องนี้เพราะเขาวางกฎเกณฑ์หนึ่งบนเซียนคนนั้นไว้แล้ว แม้ว่าระดับฝึกฝนของหวังหลินจะตกลง ความซับซ้อนของกฎเกณฑ์ของเขาไม่ใช่สิ่งที่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดพวกนี้สามารถมองออกได้
ในสายตาหวังหลินคนพวกนี้ช่างน่าสนใจ แม้เซียนที่ดูคล้ายคนขายเนื้อจะเป็นระดับขั้นพื้นฐานลมปราณระดับปลายบังหน้า ความจริงเขาเป็นขั้นแกนลมปราณเทียมซึ่งมันไม่แปลกเท่าไหร่ที่ศิษย์สายนอกจะซ่อนระดับฝึกตนของตนเอง
“เจ้า เข้ามา!” เซียนชุดแดงผู้รับผิดชอบกลุ่มที่ห้าชี้ไปที่เซียนคล้ายคนขายเนื้อ
ร่างกายของเขาสั่นเทาขณะรีบเข้ามาหา
เซียนชุดแดงงชี้ไปที่คิ้วและจากนั้นไม่กี่วินาทีก็สะบัดแขน
เซียนผู้นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกและไม่กล้ามองหวังหลิน ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะตกใจและงุนงง ตอนที่หวังหลินชี้นิ้วมาที่คิ้วเขาพลันรู้สึกบางสิ่งเย็นๆเข้าร่างกาย มันราวกับเป็นมือยักษ์ที่ไหลผ่านความทรงจำของเขา
ความรู้สึกหายไปทันทีที่มันเข้ามา ก่อนที่เขาจะรู้สึกแจ่มชัด พลังงานเย็นก็หายไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานนักมันก็ถึงตาของหวังหลิน
เซียนชุดแดงที่รับผิดชอบในกลุ่มสามชี้ไปที่คิ้วของหวังหลินจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้น “ต่อไป!”
หวังหลินเดินออกมาด้านข้างอย่างสงบนิ่ง
มีมากกว่าพันคนที่ถูกตรวจสอบจนถึงบ่ายและมีมากกว่าร้อยคนที่ถูกโยนไปตรงกลาง
ชายวัยกลางคนโยนคนสุดท้ายเข้าไปตรงกลางและเอ่ยถาม “พวกเจ้าค้นเจออะไรไหม?”
หนึ่งในเซียนชุดแดงเอ่ยขึ้น “นอกจากพวกคนที่มีจุดประสงค์ของตนเอง ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อคืน”
เซียนทั้งหมดเก้าคนต่างส่ายศีรษะ
ชายวัยกลางคนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่ง “ศิษย์สายนอกให้ไปฝึกฝนที่ภูเขาอื่น จะมีคนหมอบห้องให้พวกเจ้าแต่ละคน”
ศิษย์สายนอกที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดโค้งคำนับอย่างเคารพก่อนจะเหาะเหินไปทางภูเขาที่แตกต่างกัน
ส่วนเซียนมากกว่าร้อยคนที่อยู่ใจกลาง ไม่มีใครชำเลืองกลับมาและไม่มีใครสนใจว่าพวกเขาจะเป็นอะไร
หวังหลินถูกยกถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาเล็กๆใกล้เคียงให้ เขานั่งบ่มเพาะข้างในถ้ำ ดวงตาเปล่งประกายไปด้วย
“ระดับฝึกฝนของข้าฟื้นฟูขึ้นมาถึงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับกลาง แม้ว่าผลการดูดซับสายแร่วิญญาณจะดียิ่งทว่ามันอันตรายเกินไป หากข้าทำเช่นนี้ต่อไปอาจจะล่อเซียนขั้นตัดวิญญาณหรือแม้กระทั่งขั้นแปลงวิญญาณออกมาได้ ข้าถูกจับตาดูไปแล้วดังนั้นจึงไม่สามารถทำเรื่องใหญ่เกินไปได้ ทว่าตอนที่กำลังดูดซับสายแร่วิญญาณข้าพบว่ามีสายแร่วิญญาณใกล้เคียงเส้นหลักที่ใหญ่กว่า สายแร่วิญญาณที่ข้าดูดซับเป็นเพียงแค่กิ่งก้านเท่านั้น”
“สายแร่วิญญาณหลักควรจะอยู่ภายใต้สำนักหลอมวิญญาณส่วนใน หากข้าสามารถไปบ่มเพาะที่นั่นข้าควรจะสามารถฟื้นฟูระดับฝึกฝนได้ในครั้งเดียว ถึงตอนนั้นแม้ข้าจะถูกพบและเซียนขั้นแปลงวิญญาณเข้ามา ข้าจะยังสามารถหนีออกมาได้ หากเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ข้าจะเปิดรอยแยกและหนีโดยใช้เข็มทิศดวงดาว” หวังหลินขบคิด เขารู้ว่าสำนักหลอมวิญญาณตั้งอยู่ในแคว้นเซียนระดับห้านั่นหมายความว่ามีเซียนขั้นแปลงวิญญาณอยู่ในสำนัก หลังคิดเรื่องนี้สักพักเขาจึงวางแผนในใจ