398. ตัวเลือกของฉีฮู่
ฉีฮู่เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้ามาและมาถึงทันทีหลังได้ยินคำพูดนี้ เขามองไปยังสมาชิกเผ่าของตัวเองที่แต่ละคนมีรอยสีขาวและดำบนหน้าผาก
ฉีฮู่ตรวจจับได้แค่ความผันผวนพลังปราณบางๆ เห็นได้ชัดว่าระดับฝึกฝนของพวกเขาถูกผนึกไปแล้วเรียบร้อย
สมาชิกเผ่ามากกว่าหนึ่งร้อยคนเผยใบหน้าเกลียดและตกใจผสมกัน แม้พวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้วแต่เมื่อประสบพบกับตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดยิ่ง
ฉีฮู่มองหวังหลินด้วยสีหน้าซับซ้อนพร้อมเอ่ยถามเสียงดัง “เซิ่งหนิว ท่านยังนับถือข้าเป็นสหายอยู่หรือไม่?”
หวังหลินมองฉีฮู่และพยักหน้า “ข้าไม่มีเพื่อนมากมายในชีวิต แต่ฉีฮู่ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น!”
ฉีฮู่จ้องหวังหลินและเอ่ยทีละคำ “เซิ่งหนิว หากเจ้านับถือข้าเป็นสหาย เช่นนั้นข้าจะขอออกจากเผ่ามารฟ้าทันที!”
หวังหลินครุ่นคิดเล็กๆพลันเอ่ยขึ้น “ฉีฮู่ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมข้ายังไม่สังหารใครสักคนในเผ่ามารยักษ์ หากไม่ใช่ท่านข้าคงไม่ต้องละเว้นพวกเขาไว้หรอก”
เมื่อสองประโยคเอ่ยออกมา สมาชิกชนเผ่ามารยักษ์มาถึงขึ้นเรื่อยๆ สร้างแรงกดดันอึดอัดค่อยใกล้เข้ามา
จิตใจเซิ่งหนิวรู้สึกเจ็บปวด เขาเผยใบหน้าเครียด “เซิ่งหนิว ท่าน…”
หวังหลินมองฉีฮู่และถอนหายใจเบาๆ “ฉีฮู่บอกข้ามาว่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์อยู่ที่ไหนและข้าจะไปหาเขา ส่วนคนอื่นๆข้าจะไม่ทำให้บาดเจ็บ”
“ช่างกล้านัก!”
“เจ้าบ้าไปแล้ว!”
เสียงก่นด่าสาปแช่งนับไม่ถ้วนออกมาจากคนที่อยู่รายล้อม จากนั้นชายชราสวมชุดม่วงสามคนพร้อมกับขวานกระพริบบนหน้าผากได้เดินออกมา
เมื่อทั้งสามคนปรากฎตัว พลังปราณทรงพลังเล็ดลอดออกมาจากพวกเขา
หวังหลินชำเลืองมอง ทั้งสามคนอยู่ที่ขั้นตัดวิญญาณระดับปลายสูงสุดอีกทั้งยังมีร่องรอยพลังปราณสวรรค์อยู่ภายใน ชัดเจนว่าพวกเขาใกล้จะบรรลุผ่านไปสู่ขั้นแปลงวิญญาณแล้ว
หนึ่งในผู้อาวุโสชุดม่วงเอ่ยขึ้น “เซิ่งหนิว ข้าเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของเผ่ามารยักษ์ ข้าขอท้าประลองกับเจ้า!”
หวังหลินแววตาเยือกเย็น เขามองไปทางผู้อาวุโส “เจ้าไม่คู่ควร!” สิ้นคำเขาหันกลับไปเพื่อตอบคำพูดต่อฉีฮู่
ใบหน้าชายชราเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีแดง เขาหัวเราะ สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและก้าวไปข้างหน้า ขวานยักษ์ปรากฎในฝ่ามือและพุ่งเข้าหาหวังหลินพร้อมกับเสียงคำราม
ชนเผ่ามารยักษ์หาได้ยากที่จะใช้มนต์คาถาหรือวิชาใดๆ พวกเขาส่วนใหญ่จะใช้พลังของร่างกายในการโจมตี
หวังหลินชำเลืองมองชายชรา เขากำหมัดและชกออกไป
ตู้มมมม!
เสียงดังปัง ชายชราถูกดันถอยกลับไปหลายฟุต ใบหน้าซีดเผือดและเผยอาการไม่เชื่อสายตา ผู้อาวุโสคนอื่นๆท่าทางเปลี่ยนไปพร้อมกับลอบสาปแช่ง
หวังหลินไม่ได้ขยับ เขามองชายชราและเอ่ยตอบ “เจ้ายังไม่คู่ควร!”
ฉีฮู่เอ่ยอย่างเจ็บปวด “ข้าไม่รู้ว่าท่านบรรพชนอยู่ที่ไหน เซิ่งหนิววางมือเถอะ เผ่ามารยักษ์ของข้าไม่ใช่ศัตรูของท่าน”
หวังหลินขบคิดพักใหญ่ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและชี้ไปที่ฉีฮู่ “ฉีฮู่ บอกให้บรรพชนของท่านคืนกระบี่เหินของข้ามาและข้าจะจากไปทันที!”
ฉีฮู่ลอบถอนหายใจ เขามองไปหาหวังหลินพร้อมกับตัวเองตัดสินใจ หลังจากนั้นไม่นานนักจึงลดเสียงลง “ไม่มีใครรู้ว่าท่านบรรพชนอยู่ที่ไหนแต่เมื่อเราเปิดค่ายกลสื่อสวรรค์เราจะสามารถติดต่อท่านบรรพชนได้ เซิ่งหนิวเมื่อเจ้ามีกระบี่สวรรค์แล้วจงจากไปให้เร็วที่สุด”
หวังหลินมองฉีฮู่และพยักหน้าเบาๆ
สามผู้อาวุโสชุดม่วงเงียบเสียงลง พวกเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่านอกจากท่านบรรพชน หากไม่สามารถต่อต้านหวังหลินได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นๆเลย
โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นสมาชิกในเผ่ามากกว่าร้อยคนถูกผนึกไว้ หัวใจแต่ละคนมืดมนทันที
ฉีฮู่หันกลับไปมองสามผู้อาวุโสด้วยแววตาซับซ้อนและเอ่ยขึ้น “สามผู้อาวุโส โปรดเปิดค่ายกลสื่อสวรรค์ของเผ่ามารยักษ์ ข้าขอสั่งในนามจ้าวสำนักน้อย!”
สามผู้อาวุโสชุดม่วงมองหน้ากันเองและรีบพยักหน้า พวกเขาตบหน้าผากตนเองโดยไม่ลังเล ขวานสีม่วงปรากฎในฝ่ามือแต่ละคน
“เปิดปราสาทมารยักษ์ทิศตะวันตก!” หนึ่งในผู้อาวุโสตะโกน เขาโยนขวานในฝ่ามือขึ้นไปกลางอากาศและพลังปราณพุ่งออกมาหลายหลาย
พื้นดินบนเผ่ามารยักษ์เริ่มสั่นในทันทีและเสาแสงสีดำหนึ่งเสาปรากฎขึ้นแทงผ่านท้องฟ้าในทางทิศตะวันตก
คลื่นพลังปราณรุนแรงเริ่มกระจายออกมาจากมัน
ในเวลาเดียวกันลำแสงเสาสีดำปรากฎในทิศตะวันออกด้วย
เรื่องยังไม่จบ หลังลำแสงสองเสาปรากฎขึ้น เสาที่สามติดตามมาในไม่ช้า พื้นดินสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเดิมและรอยร้าวนับไม่ถ้วนกระจายออกไปทั่วพื้นที่
ระลอกคลื่นพลังปราณกระจายออกมาจากเสาแต่ละต้น
“เปิดปราสาทมารยักษ์ทิศใต้!”
PAGE_BREAK: PageBreak
“เปิดปราสาทมารยักษ์ทิศเหนือ!”
ชายชราชุดม่วงอีกสองคนตะโกนขึ้นในเวลาเดียวกันและโยนขวานของตัวเองขึ้นไปกลางอากาศ
ทิศเหนือและทิศใต้เริ่มดังกึกก้องพร้อมกับมีเสาสีดำรวมทั้งหมดปรากฎขึ้นหกเสา ในตอนนี้เสียงอันลึกลับเริ่มดังก้องทุกทิศทุกทาง
ฉีฮู่มองหวังหลิน เขากัดฟันแน่นและเอ่ยออกมา “เปิดปราสาทมารยักษ์ทิศตะวันออก!”
เสียงดังกึกก้องได้ยินมาจากทางทิศตะวันออกและเสาสีดำสามเสาปรากฎ
หากมองจากเบื้องบน ทั้งเผ่ามารยักษ์ปกคลุมไปด้วยเสาแสงจำนวนสิบสองต้น แต่ละทิศมีอยู่สามเสาซึ่งดูราวกับสร้างเป็นคุกสวรรค์
ในตอนนี้เสาทั้งสิบสองต้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สมาชิกเผ่าทั้งหมดที่ล้อมรอบหวังหลินนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มพึมพำ
น้ำเสียงแต่ละคนรวมเข้าด้วยกันเกิดเป็นวิธีแปลกประหลาดราวกับคำสาปไร้ที่สิ้นสุดและเริ่มกระจายดังขึ้น
สมาชิกเผ่ามารยักษ์ที่ยังไม่ได้มาถึงไม่ว่าจะมีขั้นรวบรวมลมปราณหรือขั้นตัดวิญญาณ ทั้งหมดหยุดกึกและเริ่มร้องเสียงประหลาดนี้
เสียงเพลงนี้ราวกับเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในโลกทั้งใบ
เสาทั้งสิบสองต้นปลดปล่อยแสงสีดำและเกิดปฏิกิริยาต่อเสียงเพลงประหลาด แสงสีดำยิ่งหนาแน่นขึ้น
หวังหลินเผยใบหน้าเศร้าหมอง เขาเห็นสายตาความพยายามดิ้นรนในตัวฉีฮู่ อย่างไรก็ตามหวังหลินมีสายสัมพันธ์ต่อคนอื่นน้อยมากและนับถือว่าฉีฮู่คือสหายของเขาอย่างแท้จริง
ในระยะห้าพันลี้ เขาและฉีฮู่เป็นเพียงสองคนที่ยืนอยู่ คนอื่นๆกำลังนั่งลงขัดสมาธิพร้อมกับร้องเสียงเพลงประหลาด
ฉีฮู่มองหวังหลินด้วยสีหน้าซับซ้อนและเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวด “เซิ่งหนิวข้าทำให้ท่านผิดหวัง! ท่านบรรพชนเป็นความหวังของเผ่ามารยักษ์ข้า และสำหรับจ้าวสำนักน้อยแล้วนี่คือหน้าที่ของข้า…แม้กระทั่งร่างกายของท่านบรรพชนก็ไม่อาจต้านทานค่ายกลสื่อสวรรค์ได้ ร่างของท่านไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับร่างกายของเผ่ามารยักษ์ ดังนั้นไม่มีโอกาสที่จะรอด…”
เขาชี้มือขวาไปที่หวังหลิน
เสียงประหลาดที่รายล้อมทั้งเผ่ามารยักษ์พลันดังขึ้นกว่าเดิมและหนาแน่นยิ่ง เสาสีดำทั้งสิบสองสั่นเทาและเริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาทางหวังหลินที่อยู่ใจกลางอย่างรวดเร็ว
หวังหลินถอนหายใจ “ฉีฮู่ เรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนสวรรค์ ท่านเป็นหนี้ข้า และเรื่องเมื่อสองปีก่อน ข้าเป็นหนี้ท่าน ถือว่าเราหายกัน!”
ฉีฮู่ดวงตามืดมนลง “เสมอกัน…ถูกต้องแล้ว เราเสมอกัน”
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองเสาสีดำทั้งสิบสองที่กำลังเข้ามาจากทุกทิศทางและหัวเราะ “ฉีฮู่ ท่านคิดจริงๆหรือว่าค่ายกลสื่อสวรรค์นี้จะสังหารข้าได้? ทำลายมันซะ!”
หวังหลินดวงตาสว่างวาบ เขาปราฏกฎตัวเบื้องหน้าเสาที่หนึ่งและชกกำปั้นออกไป
ตู้มม!
เสาสีดำแตกกระจายทันทีเกิดเป็นพลังรุนแรง ร่างหวังหลินถูกถอยกลับไปหลายสิบฟุตและฝ่ามือขวาปอกลอกจนเลือดไหล
“เสาแรก!” หวังหลินแววตาสว่างไสว ระหว่างการต่อสู้กับหลี่หยวนเฟิง เขาไม่สามารถใช้พลังเต็มที่ของร่างเทพโบราณสามดาวได้ ตอนนี้แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาเลียโลหิตจากมือขวาและพุ่งไปหาเสาต้นถัดไป
เสียงตู้ม เสาต้นที่สองแตกทลายทันที หวังหลินหัวเราะ “เสาที่สอง!”
ร่างเคลื่อนไหวอีกครั้งและปรากฎตัวถัดจากเสาต้นถัดไป ท้องฟ้าในตอนนี้เต็มไปด้วยเศษเสาสีดำที่แตกกระจายนับไม่ถ้วน
ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม!
หวังหลินเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาเคลื่อนไหวอีกคราและเสาอีกต้นแตกกระจาย ทุกครั้งที่หนึ่งเสาแตกติ้น กำปั้นจะมีโลหิตไหลออกมาและเขาเลียมันออกไปทุกครั้ง ตอนนี้หวังหลินดุร้ายมาก ขณะที่หัวเราะก็ร้องตะโกนไปด้วย “เสาที่แปด!”
เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นชิ้นๆเผยให้เห็นร่างท่อนบนที่มีรอยร้าวเล็กๆ หน้าผากมีดวงดาวสามดวงหมุนปั่นอย่างรวดเร็วซึ่งไม่มีใครสามารถเห็นได้ว่ามันคืออะไร
เสียงเพลงจากเผ่ามารยักษ์ยิ่งดังขึ้นและประหลาดขึ้น ร่างแต่ละคนไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไปแต่เกิดลวดลายขึ้น
ฉีฮู่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง ในเผ่ามารยักษ์แม้แต่ท่านบรรพชนยังทนได้ไหวแค่แปดเสาเท่านั้น
แน่นอนว่านั่นเป็นตอนที่ใช้เพียงร่างกายตัวเองเท่านั้น หากท่านบรรพชนใช้มนต์คาถาเข้าร่วมด้วยเขาจะสามารถทนได้ทั้งหมด 12 เสาแต่ยังได้รับบาดเจ็บ
หวังหลินร้องคำรามและเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าโยนหมัดออกไป เขาทำลายเสาสามแถวในครั้งเดียว ตอนนี้หวังหลินเป็นเสมือนกับเทพมารดั้งเดิมไปแล้ว
“เสาต้นสุดท้าย ฉีฮู่จงระมัดระวังไว้!” เสียงของหวังหลินดังก้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน มาถึงเสาต้นสุดท้าย
ครั้งนี้หวังหลินไม่ได้ออกหมัดแต่เป็นเสียงคำราม ร่างกายพลันขยายขนาดกลายเป็นยักษ์สูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุต
ตู้มมมม!
เสาต้นสีดำปะทะเข้ากับหน้าอกหวังหลินและแตกกระจาย หวังหลินถูกดันให้ถอยหลังไปสามก้าวแต่เขาไม่ได้บาดเจ็บเลย เขาร้องคำรามและค่ายกลสื่อสวรรค์แตกกระจาย
นี่คือการแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงของเทพโบราณสามดาว!
“ฉีฮู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา ผนึกเผ่ามารยักษ์!” นิ้วยักษ์ของหวังหลินชี้ไปที่ท้องฟ้าและเส้นสายควันสีเทานับไม่ถ้วนปรากฎเข้าไปในร่างกายของเผ่ามารยักษ์ทุกคน
“จากวันนี้ต่อไป จะไม่มีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดหรือสูงกว่าขึ้น! หากใครต้องการทะลวงผ่านขั้นแกนลมปราณจะต้องได้รับการรับรองจากข้า! นี่คือบทลงโทษของพวกเจ้า!” หวังหลินสายตาเยือกเย็น ตอนนี้คำพูดเขาราวกับกฎแห่งสวรรค์ที่ตัดสินโชคชะตาของเผ่ามารยักษ์
การรวมกันของร่างอวตารและร่างหลักนั้นเป็นการรวมกันของเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายและเทพโบราณสามดาว สร้างสวรรค์ให้หวังหลินแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด
ไม่มีใครบนดาวเคราะห์ที่มีร่างกายต่อกรกับความแข็งแกร่งของเขาได้เว้นแต่จะเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณที่ใช้พลังปราณสวรรค์
นี่คือเทพโบราณ! เทพโบราณสามดาว!
หวังหลินพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว หากเขาซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองไว้เช่นคราวก่อนมันจะยิ่งเพียงแต่สร้างปัญหาให้มากขึ้น เป็นเรื่องดที่เขาจะใช้การสังหารหลี่หยวนเฟิงและบรรพชนเผ่ามารยักษ์เพื่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้ทั้งดาวเคราะห์และโดยเฉพาะจูเซว่จื่อได้เห็นว่าเขาไม่ใช่ตัวหมาก!
หลังเข้าไปในแคว้นซูซาคุ เขารู้สึกถึงความรู้สึกว่ามีบางสิ่งปกปิดไว้ซึ่งมาจากแคว้นซูซาคุและภูเขาซูซาคุ การปรากฎตัวของหลิวเหมยราวกับยกเมฆหมอกที่บังตาออกไป ทำให้หวังหลินยืนยันได้ว่าเขาตกอยู่ในแผนการของใครสักคน
ด้วยนิสัยส่วนตัวของหวังหลิน จะยอมให้คนอื่นผลักเขามาเป็นอย่างนี้ได้เช่นไร? ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ลังเลที่จะแสดงความแข็งแกร่งสูงสุดของตัวเอง
หวังหลินไม่ต้องการเป็นตัวหมาก หรือแม้จะเป็นตัวหมากก็จะเป็นหมากที่มีหนามทำให้ใครก็ตามที่สัมผัสเขาต้องเลือดไหล
แม้แต่เรื่องที่เขาเป็นเทพโบราณจะถูกเปิดเผยออกไป เขามีทางออกไว้แล้ว เหล่าเทพโบราณสูญพันธุ์มานานแล้วและมีตำนานแค่ในยุคโบราณเท่านั้น แม้จูเซว่จื่อจะเห็นหวังหลิน เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าหวังหลินคือเทพโบราณตัวจริง
นอกจากนั้นยังมีผู้คนที่มุ่งเน้นการปรับแต่งร่างกายของตน เผ่ามารยักษ์ก็คือหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้
หวังหลินคิดเรื่องทั้งหมดนี้ไว้แล้ว เขาไม่มีแผนการที่จะพักอยู่บนซูซาคุนานนัก เขาวางแผนจะออกจากที่นี่และไปดาวเคราะห์เทียนหยุนเมื่อได้รับธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง!
“บรรพชนเผ่ามารยักษ์ ออกมาตอนนี้ซะ!” หวังหลินลอยคว้างกลางอากาศพร้อมกับตะโกนขึ้น น้ำเสียงกระจายผ่านไปทั้งเผ่ามารยักษ์
ฉีฮู่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวขณะที่ร่างทรุดลงและสลบไป หวังหลินไม่ได้สังหารเขาแต่สำหรับคนที่ควบคุมค่ายกล หวังหลินทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักไปแล้ว
น้ำเสียงหวังหลินกระจายผ่านไปทั้งเผ่ามารยักษ์ ในตอนนี้เองไม่มีใครกล้ายืนขึ้นและต่อต้านเสียงตะโกนนี้ มีเพียงคนเดียวที่มีพลังอำนาจพอจะต่อต้านนั่นคือบรรพชนเผ่ามารยักษ์ซึ่งหลบซ่อนตัว!
ณ ชายแดนเผ่ามารยักษ์ สตรีคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงยืนอยู่ที่นี่มองไปทางหวังหลิน นางงดงามสง่า ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอันลี้ลับขณะที่พึมพำกับตัวเอง “เช่นนั้นนี่ก็เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า…หวังหลิน…ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งอาจารย์ก็ประเมินเจ้าต่ำเกินไป…”