399. บรรพชนปรากฎ
เสียงหวังหลินดังก้องในเผ่ามารยักษ์ ณ ส่วนทิศเหนือของเผ่าลึกลงไปใต้ดินห้าร้อยลี้มีถ้ำสีทองพร้อมกับคนผู่หนึ่งนั่งอยู่
เขานั่งในท่านั่งดอกบัวและกำลังบ่มเพาะ ใบหน้าค่าตาดูหล่อเหลาเอาการ
พลันลืมตาขึ้น สายจดจ้องออกไปจนสามารถทะลุผนังทำและเห็นข้างนอกได้ หลังจากนั้นไม่นานดวงตาพลันเยือกเย็นและพึมพำกับตัวเอง “เจ้าหนูหวังหลิน ข้าปล่อยให้เจ้าโอหังนานไปหน่อย เมื่อข้าครอบครองได้สำเร็จ ข้าจะสังหารเจ้า แม้เจ้าจะผนึกเผ่ามารยักษ์ข้า ข้าก็สามารถปลดผนึกได้”
เช่นนั้นเขาหลับตาลงอีกครั้งและเริ่มบ่มเพาะ
ขณะนั้นกระเป๋าเริ่มเรืองแสงสีดำ เขาขมวดคิ้วพลันตบกระเป๋าและกระบี่เหินที่ขโมยจากหวังหลินพลันลอยออกมา
ควันสีดำออกมาจากกระบี่สวรรค์และเกิดเป็นร่างของฉวี่ลี่กั๋ว ดวงตาของมันแดงฉานและใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขามองออกไปไกลและเอ่ยขึ้น “เจ้านาย ข้าสามารถสัมผัสถึงเจ้าอสูรร้ายที่นี่ เจ้านายข้าสาบานว่าจะแก้แค้นมัน ปล่อยข้าออกไปสู่กับมัน!”
บรรพชนเผ่ามารยักษ์มองไปที่ฉวี่ลี่กั๋ว สองปีที่ผ่านมานี้เขาได้พูดคุยกับเจ้าฉวี่ลี่กั๋วบ่อยครั้งจึงรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณกระบี่ที่มีสติปัญญานี้น่าทึ่งเสียจริงและเขาชอบจิตวิญญาณกระบี่เล่มนี้
“เจ้าต้องการสังหารมันแต่เจ้าต้องรอจนกว่าข้าจะครอบครองได้สำเร็จเสียก่อน”
ฉวี่ลี่กั๋วเปลี่ยนท่าทางไปเอาใจบรรพชนเผ่ามารยักษ์ในทันที มันรีบพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “เจ้านายห่วงใยข้าจริงๆ ท่านดีกว่าเจ้าอสูรร้ายตัวนั้นมาก หวังหลิน ข้าจะภักดีต่อนายท่านตลอดไป! แต่ว่านายท่าน ตอนที่ท่านกำลังสังหารหวังหลิน ท่านปล่อยให้ข้าลงมือจังหวะสุดท้ายได้หรือไม่?”
บรรพชนเผ่ามารยักษ์หัวเราะ “หวังหลินเลี้ยงดูเจ้าอย่างไรถึงทำให้เจ้าเกลียดเขาเช่นนั้น?”
ฉวี่ลี่กั๋วกัดฟัน “เจ้านาย ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าเกลียดหวังหลินแค่ไหน มันเพียงแต่มันบังคับให้ข้าทำงานแต่ยังเรียกข้าออกไปทุบตีและสาปแช่งข้า เรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้มากมายแต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือมันไม่เคยให้ประโยชน์อะไรกับข้าเลย ไม่เหมือนกับเจ้านายที่ให้หินวิญญาณข้าดูดซับ นายท่านตอนที่เราสังหารหวังหลินได้ ท่านพอจะยกรางวัลเป็นหญิงสาวสักสองสามคนได้ไหม หรือจะเป็นนางฟ้าตัวน้อยก็ได้ ข้าไม่เห็นพวกนางมานานมากและคิดถึงจริงๆ”
บรรพชนเผ่ามารยักษ์ยิ้มบางและเอ่ยขึ้น”นั่นง่ายดาย เมื่อเราสังหารหวังหลิน ข้าจะเรียกวิญญาณของเฟิงหลวนออกมาให้เจ้าพบนาง ตอนนี้ข้าต้องปิดด่านฝึกตน ดังนั้นกลับเข้าไปข้างในซะ!” สิ้นคำเขายื่นมือออกไป แม้ว่าฉวี่ลี่กั๋วจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่เขาสาปแช่งในใจ เขากลับเข้าไปในกระบี่สวรรค์และถูกเก็บใส่กระเป๋า
“วิญญาณกระบี่เล่มนี้เต็มไปด้วยความโลภของมนุษย์ มันน่าประหลาดจริงๆแต่กลับทำให้ควบคุมได้ง่ายด้วย ข้าให้หินวิญญาณและเหล่าสตรีจึงไม่เชื่อว่าจะทรยศข้า อีกทั้งวิญญาณกระบี่ดูเหมือนจะหมกมุ่นกับวิญญาณเฟิ่งหลวน มันจะไม่สามารถหนีรอดได้แน่!” บรรพชนเผ่ามารยักษ์เยาะเย้ย เขาหลับตาเพื่อบ่มเพาะอีกครา
วิญญาณของเฟิ่งหลวนคือวิญญาณของสมบัติที่เขาได้รับมาโดยบังเอิญ
วิญญาณดวงนี้งดงามมากและเต็มไปด้วยความต้องการทางเพศ ตอนที่เขาเจอครั้งแรกเกือบจะหลงเสน่ห์เสียแล้วตอนที่ระดับบ่มเพาะต่ำลง โชคดีที่วิญญาณดวงนี้ได้รับความเสียหายดังนั้นเขาจึงหนีรอดจากภัยพิบัตินั้น จนวันนี้เขายังคงหวาดกลัวมัน
หลังได้รับกระบี่สวรรค์มาเขาพบว่าฉวี่ลี่กั๋วลึกลับมากและเพื่อให้ควบคุมเขาได้อย่างสมบูรณ์จึงเรียกวิญญาณของเฟิ่งหลวนออกมา ซึ่งเป็นไปตามคาด ฉวี่ลี่กั๋วกระโจนเข้าหานางราวกับหมาป่าหิวกระหายและหลงเสน่ห์นางเสียสิ้น
หวังหลินรอคอยในท้องฟ้าเหนือเผ่ามารยักษ์อยู่ชั่วครู่ หลังจากเห็นว่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์ไม่ปรากฎตัวใบหน้าจึงมืดมน เผ่ามารยักษ์กว้างใหญ่และมีภูเขาหลากหลายลูก หากต้องการจะซ่อนตัวจริงๆมันยากมากที่จะค้นเจอ หวังหลินมองไปทางทิศตะวันออกและเห็นภูเขาที่สูดที่สุดในเผ่ามารยักษ์ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกถึงพลังสายหนึ่งออกมาจากภูเขาลูกนั้น
ขณะที่กำลังจะออกไปตรวจสอบ ดวงตาพลันเคร่งขรึมมองออกไปทางทิศเหนือและยิ้มบาง
“ฉวี่ลี่กั๋ว…”
ร่างหวังหลินหายวับไปและพุ่งไปทางเหนือ
เขาเหาะเหินด้วยร่างกายเทพโบราณสามดาวนั้นจึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดังสายฟ้า เพียงเคลื่อนที่ไม่กี่ครั้งเขาก็มาถึงพื้นที่ส่วนเหนือของเผ่ามารยักษ์ มองจากเบื้องบนมันเป็นที่ราบลุ่มเต็มไปด้วยหญ้า
สายตาหวังหลินแหลมคม เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกจนรู้สึกถึงบางสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินไปห้าร้อยลี้ มีม่านพลังบางๆที่เปลี่ยนเส้นทางสัมผัสวิญญาณของเขาตอนที่ผ่านไปถึงมัน หากไม่ได้อยู่ใกล้ๆเขาไม่อาจตรวจสอบมันเจอ
ใบหน้าเยาะเย้ย หวังหลินร้องคำราม กำหมัดและทุบลงบนพื้นดิน
ตู้มมม!
เสียงพื้นดินแตกกระจายดังกึกก้องและรอยร้าวปรากฎบนพื้นดิว รอยร้าวกระจายไปทั่วทุกทิศและกระจายลึกลงไปใต้พื้นดินอย่างรวดเร็ว
คลื่นเสียงแตกร้าวดังออกมาจากใต้ดินเป็นเวลานานจนในที่สุดมันก็หยุดลง
หวังหลินแปรเปลี่ยนเป็นแววตาเยือกเย็นขณะร้องตะโกนและทุบลงบนพื้นอีก
คลื่นกระแทกรุนแรงกระจายลงใต้ดินอย่างรวดเร็ว เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนราวกับเสียงคำรามของมังกร
“บรรพชนเผ่ามารยักษ์ จงออกมาตอนนี้ซะ!” หวังหลินตะโกนและชกกำปั้นออกไปอีก
ตู้มมม!
ด้วยกำปั้นนี้ พื้นที่ราบพังทลายในทันทีเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่และจากนั้นร่างสีเขียวพลันออกมาจากใต้ดิน
“เซิ่งหนิว!” ชายวัยกลางคนแต่แววตาดูมีอายุไม่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ เขามองหวังหลินและตะโกน “เดิมทีข้ายังไม่ต้องการประมือกับเจ้า แต่เมื่อเจ้ามาแล้วก็ถือว่าเจ้ารนหาที่ตาย!”
สิ้นคำพลันก้าวไปข้างหน้าเข้าใกล้หวังหลินราวกับสายฟ้าและชกกำปั้นออกไป
หวังหลินหัวเราะ เขาะไม่ได้ถอยกลับแต่ชกหมัดออกไปปะทะกับหมัดของบรรพชนแทน
ปัง!!
คลื่นกระแทกระเบิดกระจายไปรอบด้านพัดก้อนหินและดินทรายปลิวว่อน บรรพชนเผ่ามารยักษ์ถูกถอยกลับไปหลายสิบฟุตและหมัดขวาเกิดรอยร้าวถึงกระดูก ใบหน้าไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ร่างหวังหลินเพียงถอยกลับไปไม่กี่ก้าวเท่านั้นและท่อนแขนสั่นเทาเบาๆ เขาสัมผัสถึงพลังแข็งแกร่งเข้ามาในร่างกายได้และพยายามฉีกเขาออกทว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขาลบเลือนมันอย่างรวดเร็ว
“วิชาปรับแต่งร่างกายของเผ่ามารยักษ์ลึกลับเสียจริง” หวังหลินพุ่งเข้าหาบรรพชนเผ่ามารยักษ์อีกครั้ง
บรรพชนเผ่ามารยักษ์สาปแช่งในใจ การครอบครองร่างของเขาไม่สมบูรณ์ดังนั้นจึงใช้พลังได้เพียงแปดในสิบส่วน แต่ถึงแม้จะแปดในสิบส่วน ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็เพียงพอจะทำให้ไม่ต้องกลัวสมบัติใดๆแล้ว
แต่ตอนนี้ตอนที่แลกกำปั้นกับหวังหลิน กระดูกที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างเขาแตกร้าว จะให้ไม่ตกใจได้อย่างไรเล่า?
“วิธีบ่มเพาะอะไรกัน?!” บรรพชนเผ่ามารยักษ์ถอยกลับด้วยใบหน้ามืดมน ทว่าหวังหลินเร็วเช่นกัน เขามาถึงเบื้องหน้าพร้อมกับอีกกำปั้นเรียบร้อยแล้ว กำปั้นนี้สร้างแรงกดดันกักขังเอาไว้ เส้นบางๆปรากฎออกมาและพยายามห่อหุ้มเขาเอาไว้
ดวงตาบรรพชนเผ่ามารยักษ์ส่องสว่าง ร่างกายเคลื่อนไหวเสียงดังลั่นเนื่องจากแรงกดดันและเส้นบางๆ เขากระโดดขึ้นไปกลางอากาศและใช้แรงเตะเข้าปะทะกับกำปั้นหวังหลิน
ปัง!!!
เสียงดังกึกก้องจนพื้นดินแตกกระจายส่งเสียงไปทั้งเผ่ามารยักษ์
ใบหน้าบรรพชนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาฝืนใช้แรงปะทะเพื่อถอยให้ห่างไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินรู้สึกเจ็บปวดในหมัดขวา ถูกดันให้ถอยหลังไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลง หวังหลินสูดหายใจลึก บรรพชนยังไม่ได้ครอบครองร่างอย่างสมบูรณ์และร่างกายแทบจะเทียบได้กับเทพโบราณสามดาวแล้ว หากเขาสามารถครอบครองร่างได้สมบูรณ์ร่างกายแทบไม่อ่อนแอไปกว่าเทพโบราณสามดาวเลย
สีหน้าบรรชนเผ่ามารยักษ์อับเฉาจริงๆ ตอนที่เขาเห็นหวังหลินทำลายเสาไปสิบสองต้น เขาตัดสินใจจะไม่ปรากฎตัว ทว่าตอนนี้หวังหลินหาเขาเจอจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องสู้
หวังหลินชำเลืองไปที่บรรพชนเผ่ามารยักษ์และพุ่งพล่านเข้าไปหาอีกครั้ง
บรรพชนร้องคำรามพร้อมกับร่างกายขยายขนาดกลายเป็นยักษ์สูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุต เขาใช้พลังปราณสวรรค์โดยไม่ลังเลและลำแสงสีทองกระจายผ่านร่างกาย จำนวนพลังปราณที่หลี่หยวนเฟิงใช้ไม่อาจเทียบกับเขาได้ นอกจากนั้นแล้วบรรพชนเผ่ามารยักษ์ยังบรรลุขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นด้วยตัวเองอีก
“ข้าไม่ต้องการใช้พลังปราณสวรรค์ก็เพราะมันจะรบกวนการครอบครองร่างของข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงสังหารเจ้าได้ในทันที ตอนนี้เจ้าได้บังคับให้ข้าใช้พลังปราณสวรรค์ เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” บรรพชนร้องตะโกนและแสงสีทองบนร่างสว่างยิ่งขึ้นราวกับดวงอาทิตย์
ขณะที่ร่างกายขยับ ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆเกิดเป็นรอยแยกอวกาศนับไม่ถ้วน คลื่นสายลมทำล้ายล้างออกมาจากรอยแยกและปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เขาชกกำปั้นที่เต็มไปด้วยแสงสีทอง กำปั้นนี้เต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ เป็นพลังเต็มที่ของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้น
เหล่าเซียนธรรมดาจะใส่พลังปราณสวรรค์เข้าไปในมนต์คาถาและวิชาเซียนของตัวเอง แต่สำหรับเผ่ามารยักษ์แล้วไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าร่างกายของตัวเองดังนั้นกำปั้นนี้ไม่เพียงแต่บรรจุพลังปราณสวรรค์เท่านั้นมันยังบรรจุพลังรุนแรงของร่างแห่งเผ่ามารยักษ์เข้าไปด้วย
พลังของหนึ่งหมัดทำให้พื้นที่ราบส่วนเหนือทั้งหมดของเผ่ามารยักษ์แตกกระจายและล่มสลายกลายเป็นฝุ่นผงจากแรงกดดัน
“หวังหลิน จงตายซะ!” บรรพชนรู้สึกอับจนหนทางไปด้วย ตอนนี้เขาต้องใช้พลังปราณสวรรค์ ร่างกายนี้ไม่สามารถใช้ได้อีกครั้งและเขาต้องค้นหาร่างใหม่
หลังจากร่างกายได้รับความเสียหายจากพลังปราณสวรรค์ เขาจะไม่สามารถรวมกับมันได้อีกต่อไป ซึ่งหนทางเป็นไปได้ที่จะใช้ร่างนี้ได้คือระดับบ่มเพาะของเขาต้องอยู่ที่ระดับกลาง
ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยแสงประหลาด พลังของหมัดนี้ทำให้เขาสัมผัสกลิ่นอายอันตราย นอกจากตอนที่เขาต่อสู้กับผู้ส่งสาส์นแห่งสวรรค์แล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่หวังหลินรู้สึกอันตรายตอนที่รวมเข้ากับร่างหลัก
ทว่าในตอนนี้ หวังหลินไม่ได้หวาดกลัวเลย เขาร้องคำราม ดวงดาวสามดวงบนหน้าผากเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วและรัศมีสีม่วงปกคลุมทั้งร่างกาย
ในเวลาเดียวกัน ร่างของเทพโบราณปรากฎเบื้องหลังเขาอีกครา