400. ฉวี่ลี่กั๋ว
หวังหลินสูดหายใจลึกและส่งหมัดออกไปเบาๆ แม้ว่าหมัดจะนุ่มนวล มันขยับร่างเทพโบราณเบื้องหลังไปด้วย ร่างนั้นยกหมัดขึ้นมาและส่งออกไปในจังหวะเดียวกัน
หมัดของบรรพชนเผ่ามารยักษ์เข้ามาถึงและปะทะกับหมัดของหวังหลินอย่างรวดเร็ว
ตู้มมม! ตู้มมม! ตู้มมม!
บรรพชนสีหน้าซีดเผือด กระอักโลหิตคำโตและร่างกายอ่อนแอลง เขาตบกระเป๋าอย่างไม่ลังเลทำให้กระบี่สวรรค์ปรากฎ ร้องตะโกนด้วยท่าทางดุร้าย “หวังหลิน ยอมรับความตายซะ!” จากนั้นส่งกระบี่สวรรค์ออกไปและชี้ไปที่มัน
ร่างหวังหลินพุ่งถอยกลับไปราวกับอุกกาบาตและถูกโยนออกไปไกล ท่อนแขนขวารู้สึกเจ็บปวดและด้านชา เขาสูญเสียสัมผัสทั้งหมดในแขน ร่างบรรพชนของเผ่ามารยักษ์และพลังปราณสวรรค์รวมกันจนทำให้เขาได้รับความเสียหาย ร่างหวังหลินเปลี่ยนจากร่างยักษ์สูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุตกลับกลายเป็นขนาดปกติแต่แววตายังคงส่องประกาย
จังหวะที่กระบี่สวรรค์ปรากฎ ควันสีดำโผล่ลออกมาเกิดเป็นรูปร่างฉวี่ลี่กั๋ว บรรพชนมีสีหน้าดุร้ายและร้องตะโกน “สับมันซะ!”
จังหวะที่เอ่ยคำนั้น พลังปราณรุนแรงรวบรวมไว้บนกระบี่สวรรค์และพุ่งลงมาหาหวังหลิน
ฉวี่ลี่กั๋คำรามและตะโกน “หวังหลิน ข้ามาเพื่อแก้แค้น!”
บรรพชนเผ่ามารยักษ์เผยรอยยิ้มและหัวเราะ “หวังหลิน จงดูสิข้าใช้สมบัติของเจ้าเพื่อสังหารเจ้า!”
หวังหลินยิ้มเยาะเย้ย เขาไม่ได้หลบแต่ชี้ไปที่กระบี่สวรรค์ กระบี่สวรรค์หันกลับไปและตวัดลงบนบรรพชนเผ่ามารยักษ์ราวกับสายฟ้า
บรรพชนเผ่ามารยักษ์ตกตะลึงและสีหน้าเปลี่ยนไป ปราณกระบี่ตกลงบนตัวเขาแล้วดังนั้นมันสายเกินกว่าจะหลีกเลี่ยง เขาถอยหลบมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปราณกระบี่ตวัดลงมาและโลหิตสาดกระจาย แขนซ้ายบรรพชนเผ่ามารยักษ์ถูกตัดขาดออกจากัน เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพร้อมกับรีบถอยกลับ ทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาว
“ฉวี่ลี่กั๋ว!!!!! ข้าจะแยกวิญญาณของเจ้าและหลอมเจ้าด้วยดวงไฟหยางทั้งเป็น!!!”
บรรพชนเผ่ามารยักษ์เกลียดชังจนสั่นสะเทือนฟ้าดินและโกรธเป็นฟืนเป็นไป เขาร้องคำรามอย่างโกรธแค้นพร้อมกับถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว
ช่วยไม่ได้ที่จะต้องถอยกลับไปเนื่องจากไม่ได้ครอบครองร่างอย่างสมบูรณ์และต้องใช้พลังปราณสวรรค์ไปในกำปั้นครั้งนั้น หวังหลินปะทะด้วยกำปั้นพร้อมกับพลังที่เท่าเทียมกับของเขาซึ่งนั่นทำให้อาการบาดเจ็บยิ่งแย่ลง
แต่เขาคาดคำนวณไว้ว่าหวังหลินคงบาดเจ็บเช่นเดียวกันดังนั้นจึงนำกระบี่สวรรค์ออกมาเพื่อสังหารหวังหลิน ทว่าในจังหวะที่สำคัญเช่นนั้นเจ้าฉวี่ลี่กั๋วทรยศเขาและเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้จึงต้องสูญเสียแขนไปข้างนึง
ฉวี่ลี่กั๋วหัวเราะและตะโกน “เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ไม่อาจเปรียบกับท่านปู่ฉวี่ของเจ้าได้ ข้าจงรักภักดีตลอดไปแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าควบคุมข้าได้ง่ายๆอย่างไรเล่า?!”
หลังฉวี่ลี่กั๋วพูดจบ เขารีบหันกลับมาหาหวังหลินและยิ้มแย้ม “นายท่าน เป็นไงบ้าง? เป็นไงบ้าง? ครั้งนี้ข้าทำได้ดีไหม?”
หวังหลินยิ้มบาง เขาขยับแขนและคว้ากระบี่สวรรค์ จากนั้นพุ่งเข้าหาบรรพชนเผ่ามารยักษ์พร้อมกับเอ่ยขึ้น “เจ้าทำดีมาก หลังจากเราสังหารมันข้าจะพาเจ้าไปสนามรบต่างแดนและให้เจ้าดูดซับวิญญาณเร่ร่อนเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณของเจ้า”
ฉวี่ลี่กั๋วมีความสุขอย่างมาก สองปีที่ผ่านมานี้มันอดทนอดกลั้นมากจริงๆ ถึงแม้บรรพชนเผ่ามารยักษ์จะทำดีกับมันเช่นไร ทว่าตอนที่คิดถึงหวังหลินเลี้ยงดูเหล่าวิญญาณเร่ร่อน เจ้าหมายเลขสอง เจ้าหมายเลขสาม หัวใจมันสั่นเทาและยอมแพ้ต่อการทรยศหวังหลินในทันที
ในสายตาของมัน หวังหลินผู้นี้เดินบนเส้นทางแห่งการนองเลือด ใครก็ตามที่ก่อกวนหวังหลินจะได้รับจุดจบคือถูกสังหารและไม่มีใครต่อกรได้ มันรู้ว่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์คนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรมากมายนักดังนั้นมันจึงมั่นใจว่าเลือกถูกข้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นภัยพิบัติต่อตัวเอง
ตอนนี้มันรู้สึกภูมิใจมากและคิดขึ้นว่า ‘ปู่ฉวี่ยังคงฉลาดที่สุด ดูเหมือนว่าครั้งนี้ข้าจะทำถูก ในอนาคตเจ้าอสูรร้ายตนนี้จะเห็นข้าเป็นแสงสว่างจุดใหม่แน่นอน’
เมื่อคิดว่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์เลี้ยงดูมันดีแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยและคิดว่า ‘ทำไมนายท่านถึงรีบมานักนะ ข้ายังอยากมีความสุขมากกว่านี้อีกสักนิด โชคร้ายเสียจริง…’
โดยเฉพาะตอนที่มันคิดถึงนางฟ้าตัวน้อยนั้น หัวใจมันเจ็บปวดและคิดว่า ‘ไม่ต้องกังวลนางฟ้าตัวน้อย ข้าจะช่วยเจ้าจากทะเลเพลิงแน่นอน!’
อีกเหตุผลที่หวังหลินยอมทรยศบรรพชนเผ่ามารยักษ์โดยไม่ลังเลนั่นก็คือวิญญาณของเฟิ่งหลวน
ตอนที่มันมีปฏิสัมพันธ์กับวิญญาณดวงนั้น มันสัญญากับตัวเองว่าจะช่วยนางจากเงื้อมมือของบรรพชนเผ่ามารยักษ์
เมื่อคิดเช่นนี้มันจึงรีบพูดกับหวังหลินไป “นายท่าน เจ้ากระดูกผุนี่มีสมบัติชิ้นนึงรูปร่างกงล้อ ข้างในมีกระเป๋าที่มีวิญญาณผนึกไว้ข้างใน เมื่อท่านสังหารเจ้ากระดูกผุ ท่านต้องช่วยวิญญาณดวงนั้นด้วย”
หวังหลินพยักหน้า เขาเคลื่อนร่างราวกับสายฟ้าพร้อมกับกระบี่สวรรค์ในมือ ไล่ตามหลังบรรพชนเผ่ามารยักษ์ไป
บรรพชนเผ่ามารยักษ์คำรามต่อเนื่อง ความโกรธส่วนใหญ่มาจากเจ้าฉวี่ลี่กั๋ว สองปีที่ผ่านมาเขาเลี้ยงดูฉวี่ลี่กั๋วมาอย่างดีและถึงกับเอาวิญญาณหื่นกามที่ผนึกไว้ออกมา แต่ในท้ายที่สุดเจ้าฉวี่ลี่กั๋วยังเปลี่ยนข้าง
“ฉวี่ลี่กั๋ว! ข้าจะหลอมวิญญาณเจ้าทั้งเป็น!” หลังบรรพชนร้องตะโกนเช่นนี้เข้าเคลื่อนไหวร่างเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขายกฝ่ามือขึ้นและตวัดกระบี่สวรรค์ลงโดยไม่ลังเล คลื่นพลังปราณกระบี่พุ่งออกไปจากกระบี่สวรรค์โดยทันที
บรรพชนเผ่ามารยักษ์หลบหลีกมันและหลบหนีอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนักเขาก็มาถึงขอบทางทิศตะวันออกของเผ่ามารยักษ์ เมื่อมาถึงที่นี่พลันหยุดลงและหันกลับไป เขาตบกระเป๋าและกิ่งไม้สีดำปรากฎออกมา เขาโบกสะบัดกิ่งไม้จนเกิดเปลวไฟสีดำและกิ่งไม้เปลี่ยนไปเป็นคบเพลิง
“หวังหลิน ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพของเจ้า! ร่างของเจ้าจะเป็นร่างถัดไปของข้า!” บรรพชนเผ่ามารยักษ์ร้องตะโกนและจากนั้นกวัดแกว่งคบเพลิงในฝ่ามือ
เกิดเสียงตู้ม พื้นที่รอบด้านหนึ่งหมื่นฟุตเปลี่ยนไปเป็นทะเลเพลิงทันที
“อสูรเปลวไฟทมิฬ!” ขณะที่ตะโกนเขาแทงคบเพลิงลงไปในพื้นดิน จากนั้นกระตุ้นพลังปราณสวรรค์ในร่างและเริ่มสร้างผนึกและโยนทั้งหมดลงไปที่คบเพลิง
คบเพลิงสีดำเริ่มปลดปล่อยแสงชั่วร้ายอย่างรวดเร็ว เปลวไฟทั้งหมดที่ล้อมรอบเริ่มขยับเข้าไปหาคบเพลิงทันที เปลวไฟรวบรวมเหนือคบเพลิงเพื่อสร้างอสูรตัวหนึ่งสูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุต
อสูรตัวหัวใหญ่และร่างกายปกคลุมอยู่ในหนามแหลมที่กำลังเผาไหม้ อสูรตัวนี้รูปร่างคล้ายกับหมีแต่ดูไม่เหมือนมากนัก
อสูรเปลวไฟทมิฬร้องคำราม ดวงตาสีแดงฉานจ้องไปบนหวังหลินและพุ่งเข้าหาเขา
หวังหลินมีสายตาเยือกเย็น เขาตวัดกระบี่ลงมาและพลังปราณกระบี่ชนเข้าใส่อสูรเปลวไฟทมิฬตัวนั้น มันถูกถอยกลับหลังและเกิดรอยแผลขึ้นบนหน้าอก ทว่ารอยแผลนั้นสมานตัวอย่างรวดเร็ว
หวังหลินตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ปรากฎในฝ่ามือ เขาโบกสะบัดธงและควันกฎเกณฑ์หลากหลายสายลอยออกมา หวังหลินเอ่ยเบาๆ “ผนึก!”
ควันกฎเกณฑ์เปลี่ยนไปเป็นหอกหลายเล่ม ทั้งหมดพุ่งลงเข้าหาอสูรเปลวไฟทมิฬราวกับฝนหอก
เกิดเสียงตูมตามไม่ขาดสาย หอกร่อนลงรายล้อมเจ้าอสูรเปลวไฟทมิฬและกักขังมันไว้อย่างสมบูรณ์
หวังหลินชี้ด้วยแขนขวาและกระซิบ “ระเบิด!”
ตู้มมม!
หอกทั้งหมดระเบิดในครั้งเดียวเกิดเป็นคลื่นกระแทกกระจายออกมาทุกทิศทุกทาง
ขณะที่คลื่นกระแทกเข้ามาหาหวังหลิน ธงวิญญาณผืนนึงลอยออกไป ธงผืนนี้ไม่ใช่ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงแต่เป็นธงวิญญาณพันดวงที่หวังหลินหลอมมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
ทว่าจากการที่มีหลี่หยวนเฟิงเป็นดวงวิญญาณหลัก ธงผืนนี้จึงมีความแข็งแกร่งมากนัก
เพียงแค่สะบัดธงคราเดียว ดวงวิญญาณมากกว่าหนึ่งพันดวงลอยออกมาพร้อมกับวิญญาณของหลี่หยวนเฟิงเบื้องหน้า ดวงวิญญาณนี้ได้ถูกหวังหลินล้างความทรงจำไปแล้ว ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่วิญญาณหลักที่รับคำสั่งจากเจ้าของธงวิญญาณเท่านั้น
“ทำลาย!” วิญญาณมากกว่าหนึ่งพันดวงทั้งหมดต่างคร่ำครวญ ภายใต้คำสั่งของวิญญาณหลี่หยวนเฟิงทำให้วิญญาณทั้งหมดพุ่งเข้าหาเจ้าปิศาจเปลวไฟทมิฬที่พึ่งหนีจากคลื่นกระแทก
หลังจากทั้งหมดนี้ หวังหลินมองไปที่บรรพชนเผ่ามารยักษ์ เขาไม่เชื่อว่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณจะมีวิชาจำนวนน้อยแค่นี้ มันต้องซ่อนไม้ตายไว้ซึ่งเป็นหนึ่งเหตุผลที่บรรพชนเผ่ามารยักษ์หยุดลงตรงนี้
บรรพชนสูดหายใจลึก สองแขนสร้างผนึกและตราประทับหนึ่งปรากฎเบื้องหน้า เขาดันตราประทับยักษ์นั้นขึ้นไปบนท้องฟ้าจนมันกลายเป็นตราประทับขนาดเล็กนับไม่ถ้วนและหายวับไป
วินาทีเดียวกัน บรรพชนก็เคลื่อนไหว เขาคุกเข่าสองข้างกลางอากาศและโค้งคำนับต่อท้องฟ้า จากนั้นตะโกนขึ้น “ชนเผ่ารุ่นที่หกสิบเจ็ดแห่งเผ่ามารยักษ์ขอส่งคำขอรับมรดกตกทอดที่ท่านบรรพชนทิ้งไว้เพื่อขจัดภัยพิบัติต่อเผ่ามารยักษ์!”
ขณะที่เอ่ยเสร็จสิ้น ท้องฟ้ามืดมนในทันทีและพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนไปทั้งดินแดนแห่งเผ่ามารยักษ์
มีภูเขาลูกหนึ่งบนเขตแดนทิศตะวันออกของเผ่ามารยักษ์ ภูเขาแห่งนี้สูงมากและเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในแคว้น มองจากระยะไกลมันดูราวกับแทงทะลุขึ้นไปบนสวรรค์ ในตอนนี้ภูเขาแยกออกเป็นครึ่งและขวานยักษ์เรืองแสงสีแดงลอยออกมา
บรรพชนเผ่ามารยักษ์เผยใบหน้าความเคารพแบบที่ไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน เขายื่นมืออกไปและขวานยักษ์ลอยเข้าสู่ฝ่ามือเขา
ในอึดใจเดียว สายฟ้าแดงหลายเส้นออกมาจากขวานและปกคลุมร่างบรรพชนเผ่ามารยักษ์ทันที รัศมีทรงพลังที่ไม่เคยสัมผัสจากบรรพผู้นี้ได้อุบัติขึ้น
“หวังหลิน ตอนที่เผ่ามารยักษ์ของข้าย้ายมาที่ดาวเคราะห์แห่งนี้ครั้งแรก บรรพชนผู้ก่อตั้งของเราใช้ขวานเล่มนี้เพื่อทำลายเข้าไปสู่สุสานอมตะ ตอนที่อยู่ที่นั่นเขาสังหารคนเพื่อนเก้าใบไม้ไปสองคนเพื่อได้สิทธิ์ให้เผ่ามารยักษ์ของเราอาศัยที่นี่ วันนี้ถึงแม้บรรพชนผู้ก่อตั้งของเรายังคงหายตัวไปแต่ขวานเล่มนั้นยังคงอยู่ที่นี่!”
หวังหลินมองขวานสีแดงในฝ่ามือบรรพชน จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงร่างที่ถูกฝังไว้ใต้สำนักซากศพในแคว้นจ้าว