456. กุหลาบแดง
หากผีเสื้อสีชาดอยู่ที่นี่ เฉียนเฟิงก็อยู่แถวนี้เช่นกัน ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและกระจายสัมผัสวิญญาณออกไป เฉียนเฟิงเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางหากเขาต้องการซ่อนตัวเองก็ยากนักที่หวังหลินจะหาเจอ
หวังหลินคำนับฝ่ามือเข้าหาผีเสื้อสีขาดและเอ่ยเสียงดัง “ไม่เจอกันนาน สหายเซียนผีเสื้อสีชาด”
ร่างสีแดงเต็มไปด้วยความว่างเปล่าอยู่ไม่ไกลนัก นางมองหวังหลินด้วยสายตาหยั่งลึก ในพริบตานางก็หายตัวไปจากภูเขาและปรากฎตัวในระยะพันฟุต
หลังจากนางเข้ามาใกล้ สายตาว่างเปล่าของนางประทับในจิตใจหวังหลิน หวังหลินได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับผีเสื้อสีชาดและรับรู้ตัวตนของนางได้ตอนที่เขาปะทะกับเฉียนเฟิง
แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับนางอีกครั้งจริงๆหลังการประลองด้วยกัน
สิ่งที่หวังหลินเห็นในสายตาผีเสื้อสีชาดเป็นเพียงแค่ความตายเท่านั้น
ผีเสื้อสีขาดในปัจจุบันยังคงสวยงาม แต่หวังหลินไม่เห็นความเย่อหยิ่งและโอหังของธิดาสวรรค์ที่นางเป็นอีกแล้ว
ผีเสื้อสีชาดจากเมื่อก่อนนั้นเป็นอัจฉิริยะของเฉว่ยี่ ธิดาผู้ได้รับพรแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งบรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับปลายได้ภายในร้อยปี นางเห็นหวังหลินเป็นแค่มดตัวหนึ่งและมดตัวนั้นได้นำพานางไปถึงการประลองชี้เป็นชี้ตาย
แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ในใจหวังหลินยังคงเคารพนาง เป็นเคารพจากการยอมรับฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเห็นอดีตของอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ทำให้หวังหลินถอนหายใจ ประโยคที่ว่า “ขณะที่สิ่งของอาจเหมือนเดิม แต่ผู้คนไม่เหมือนเดิม” ไม่ผิดเพี้ยนไปเลย
เปรียบอดีตของนางจนตอนนี้ หวังหลินอยากเห็นความภาคภูมิใจของนางเมื่อก่อน มีเพียงการต่อสู้กับคนเช่นนางเท่านั้นที่จะทำให้เขาก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของการฝึกเซียน
หวังหลินถอนหายใจ เขาซ่อนความเสียใจไว้ในใจขณะมองผีเสื้อสีชาดและตะโกน “เฉียนเฟิง ออกมา!”
ผีเสื้อสีชาดมองขึ้นบนท้องฟ้าด้วยแววตาปราศจากความรู้สึก
น้ำเสียงของเฉียนเฟิงดังออกมาจากพื้นที่ว่าง “เซิ่งหนิว วันนี้ข้าไม่มีเวลาปะทะกับเข้า เมื่อเจ้าพบที่นี่แล้วเราค่อยเจอกันที่ภูเขาวิญญาณ”
หวังหลินหันกลับมาและมองภูเขาที่อยู่ห่างไปแห่งหนึ่ง สายหมอกสีดำออกมาจากภูเขาแห่งนั้นและพุ่งเข้าหาภูเขาวิญญาณด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก
ดวงตาหวังหลินเยือกเย็น เขาพ่นลมหายใจและกำลังพุ่งเข้าหาภูเขาวิญญาณ
“ผีเสื้อสีชาด เจ้าไม่ต้องการสู้กับเซิ่งหนิวอีกครั้งหรือ? ข้าจะให้โอกาสเจ้าวันนี้ สังหารมันซะ!” เสียงของเฉียนเฟิงดังออกมาไกลและจากนั้นเขาเลือนหายไป
“เซิ่งหนิว นี่เป็นโอกาสอันที่ที่เจ้าพบกับสหายเก่า เช่นนั้นจงใช้เวลาของเจ้าเถิด ข้าจะไปเอาเสี้ยววิญญาณของข้าแล้วค่อยมาต่อกรกับเจ้า”
สายตาว่างเปล่าของผีเสื้อสีชาดหายไปและแทนที่ด้วยแรงกระตุ้นการต่อสู้ นางเคลื่อนมาเบื้องหน้าหวังหลินเพื่อขัดขวางเขาและนำกระบี่ยาวสีแดงออกมา
ขณะเดียวกันนั้นกลิ่นอายแข็งแกร่งกระจายออกมาจากนาง กลิ่นอายนี้ไม่อ่อนอ้อยกว่าหวังหลินและบรรจุพลังปราณสวรรค์เอาไว้ แม้ว่าระดับบ่มเพาะของนางยังไม่ถึงขั้นแปลงวิญญาณแต่มันไม่ไกลมากแล้ว
“เซิ่งหนิว!” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากผีเสื้อสีชาดขณะที่สายตาเย็นชาจับจ้องบนหวังหลิน
หวังหลินขมวดคิ้วบางเข้ามองนาง เขาไม่เร่งรีบค้นหาเฉียนเฟิงและไม่คาดคิดว่าภูเขาวิญญาณจะอยู่ที่นี่ หากพวกเขาอยู่ในผลึกดาวเซียนจริงๆ เช่นนั้นภูเขาวิญญาณไม่ควรมีอยู่
แต่ว่าตอนนี้เขาเห็นภูเขาวิญญาณ นี่นับว่าน่าประหลาดนัก แต่เมื่อเฉียนเฟิงต้องการจะไปตรวจสอบก็ปล่อยเขาไป
ดวงตาผีเสื้อสีชาดส่องสว่างและนางสะบัดกระบี่แดง กระบี่ลอยออกจากแขนและพุ่งเข้าหาศีรษะหวังหลินราวกับสายฟ้าฟาด
หวังหลินถอยกลับจากนั้นฝ่ามือขวาสัมผัสกระเป๋า ธงกฎเกณฑ์ปรากฎในฝ่ามือ เขาสะบัดธงและกฎเกณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาสร้างเป็นโล่ห์เบื้องหน้า
กระบี่แดงตกกระทบบนโล่ห์ที่มีหลายชั้นสร้างเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วทั้งบริเวณ
พื้นหินดินทรายลอยฟุ้งขึ้นกลางอากาศ เกิดแสงกระพริบสีแดงภายในฝุ่นทรายพร้อมกับผีเสื้อสีชาดพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เศษน้ำแข็งแดงอยู่ในมือนางปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกและปกคลุมทั่วพื้นที่ในทันที
ขณะที่ผีเสื้อสีชาดเข้ามาใกล้ จิตสังหารของนางพลิกผันชั่วขณะเผยความเศร้าโศกหยั่งลึก นางเข้ามาใกล้ด้วยผีปากสั่นเทา
“ฆ่า…ข้า…”
น้ำเสียงเบาบางออกมาจากปากนางแต่กระนั้นความเศร้าโศกในแววตานางหายไปและถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารอันแข็งแกร่ง
นางใช้แรงสูงสุดพุ่งเข้าหาหวังหลิน
จิตใจหวังหลินสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงของนาง สายตาที่มองไปยิ่งซับซ้อนนัก
ผีเสื้อสีชาดไม่ได้สูญเสียจิตของนางไปทั้งหมด ยังมีเสี้ยวเล็กๆที่ซ่อนไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
ผีเสื้อสีชาดเป็นคนเย่อหยิ่ง ทิฐิของนางฝังลึกในกระดูก นางเย่อหยิ่งราวกับกุหลาบตั้งแต่ที่ลืมตาขึ้นมา
เสี้ยวจิตสำนึกของนางที่ซ่อนเอาไว้ นางอยากตายมากกว่ามีชีวิตเหมือนสุนัข
หวังหลินสูดหายใจลึกและเผชิญหน้ากับผีเสื้อสีชาด ฝ่ามือขวายื่นออกไป ควันกฎเกณฑ์หลายเส้นเริ่มเรืองรองพร้อมกับรวบรวมในฝ่ามือ
หอกสีดำยาวสามสิบฟุตก่อเกิดขึ้นในฝ่ามือ
เมื่อถือหอกไว้ ดวงตาหวังหลินเป็นประกายราวกับสายฟ้า จากนั้นมองผีเสื้อสีชาดแทงหอกเข้าใส่นาง
เสียงที่เกิดขึ้นจากการแทงคล้ายกับเสียงภูติพรายนับร้อยกำลังคร่ำครวญ เสียงออกมาจากปลายหอกและดังก้องสะท้านไปทั่วบริเวณ
นางดันเศษน้ำแข็งสีแดงเข้าสู่หน้าผากตัวเอง ขณะนั้นแสงสีแดงเปล่งปลั่งและน้ำแข็งแดงกระจายออกมาเกิดเป็นชุดเกราะแดงครอบคลุมร่าง
ชุดเกราะนี้ปกคลุมทั่วทั้งตัวและปล่ดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็น แสงสว่างที่เกิดจากชุดเพราะทำให้นางสวยงามขึ้นอีก ตอนนี้นางราวกับเทพสงครามไปแล้ว ต่อจากนั้นเกราะเริ่มเรืองแสงสีแดงจ้าพร้อมกับแส้สีดำปรากฎในฝ่ามือ
แส้ฟาดวิญญาณ! แส้เส้นนี้เฉียนเฟิงให้นางเพื่อต่อกรกับหวังหลิน
สายตาผีเสื้อสีชาดเผยแสงอันลึกลับพร้อมกระหน่ำหวดแส้ในือทำให้เกิดเสียงปะทุตรงจุดที่แส้ผ่านไป แส้เคลื่อนไหวราวกับมังกรและพุ่งเข้าหาหวังหลินทันที
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและขยับหอกในเวลาเดียวกัน เขาถอยกลับและสร้างผนึกขึ้นในฝ่ามือ สายลมกรรโชกที่บรรจุพลังปราณสวรรค์พลันพุ่งออกจากปลายหอก
แส้ฟาดวิญญาณและหอกปะทะเข้าด้วยกัน!
ตู้มมมมมมม!
ผลพวงจากแส้และหอกปะทะเข้าด้วยกันจนเกิดคลื่นกระแทกรุนแรงราวกับฟ้าดินกำลังล่มสลาย สายลมกรรโชกผลักพลังคลื่นกระแทกทั้งหมดเข้าหาผีเสื้อสีชาด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จังหวะที่แส้ฟาดวิญญาณปะทะกับหอกมันก็ลอยออกจากมือนาง แส้ฟาดวิญญาณเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าสีแดงพุ่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าหาหวังหลิน
ปัง หวังหลินถอยร่นกลับมามากกว่าพันฟุต ดวงตาเป็นประกายแสงลึกลับพร้อมกับพึมพำ “แส้ฟาดวิญญาณ!”
แส้นี้เคยเป็นของเขาแต่เขาต้องยกมันกลับคืนไปหลังจากได้มา ตอนนี้เมื่อเห็นแส้อีกครั้งคราวนี้ต้องเก็บมันไว้ให้ได้!
ส่วนผีเสื้อสีชาดที่ถูกสายลมผลักคลื่นกระแทกเข้าใส่ นางต้องถอยกลับไป รัศมีเยือกเย็นจำนวนมากออกมาจากเกราะแดงและขยายออก รูปปั้นน้ำแข็งหลากหลายชิ้นก่อเกิดขึ้นมาเบื้องหน้านางพร้อมกับคลื่นเสียงแตกร้าว
รัศมีเยือกเย็นนี้แช่แข็งคลื่นกระแทก เปลี่ยนมันจากสิ่งไร้ตัวตนให้มีรูปร่างขึ้นมาได้!
หวังหลินจ้องเกราะนั้นด้วยสายตาเย็นชา
ผีเสื้อสีชาดยกฝ่ามือขึ้นชี้ไปที่รูปปั้นน้ำแข็งหลายชิ้นเบื้องหน้า เสียงรอยแตกร้าวที่ดังขึ้นพลันเกิดรอยร้าวบนผิวชั้นนอกของรูปปั้น รอยแตกร้าวขยายอย่างรวดเร็ซ ในพริบตาเดียวรูปปั้นเหล่านี้ไม่มีความเรียบลื่นบนผิวอีกและเสียงดังปัง พวกมันแตกกระจัดกระจาย
“ฆ่า…ข้า…” ใบหน้าของนางเผยอาการดิ้นรน เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ขณะนั้นแส้ฟาดวิญญาณเคลื่อนไหวรอบกายนางราวกับมังกรและชุดเพราะปลดปล่อยคลื่นรัศมีเยือกเย็น
หวังหลินมองผีเสื้อสีชาดและพยักหน้าอย่างเงียบเชียบ เขาสัมผัสกระเป๋าและขวานยักษ์เล่มหนึ่งปรากฎในฝ่ามือ ขณะที่ขวานเล่มนี้ปรากฎ ท้องฟ้าจึงมืดมิดลงและแสงทั้งหมดรวบรวมไว้ที่คมขวาน
สายฟ้าม่วงหลายเส้นเคลื่อนจากขวานเข้าสู่ร่างหวังหลินทำให้เกิดเสียงแตกร้าวจากร่างกาย
ขณะนั้นแรงกระตุ้นการต่อสู้ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็พลันปรากฎในใจเขา
ขวานเล่มนี้ถูกบรรพชนเผ่ามารยักษ์อัญเชิญขึ้นมาก่อนที่เขาจะตาย มันเป็นอาวุธของผู้ก่อตั้งเผ่ามารยักษ์ที่ถูกขังไว้ใต้สำนักซากศพในแคว้นจ้าว หลังจากหวังหลินได้มันมาเดิมทีจะเอาให้ร่างหลักใช้มัน แต่ว่าตอนนี้กระบี่สวรรค์ไม่มีวิญญาณกระบี่เพื่อปลดปล่อยพลังเต็มที่และเขาไม่ต้องการใช้ธงวิญญาณ อาวุธเล่มนี้จึงเป็นอาวุธที่ดีที่สุดเพื่อให้เขาใช้พลังได้เต็มที่
ผีเสื้อสีชาดจดจ้องหวังหลินและอ้าปากของนางออก แสงสีแดงลอยออกมาและเกิดเป็นผลึกกุหลาบแดง กุหลาบนี้เริ่มลอยขึ้นไปเบื้องหน้านาง
จากนั้นมันก็ผลิบานขึ้น ควันสีแดงออกมาจากดอกไม้และร่างที่คล้ายกับผีเสื้อสีชาดปรากฎภายในหมอกควัน
ร่างนี้มีสัมผัสความโอหังเช่นเดียวกับผีเสื้อสีชาดที่หวังหลินจำได้
“เซิ่งหนิว ลงมือเลย!” ผีเสื้อสีชาดซึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง นางอยู่ในหมอกควันมองดูหวังหลิน