575. ความข้องใจของกระบี่จักรพรรดิปิศาจ
มังกรเงินจ้องหวังหลินก่อนจะร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นเริ่มเคลื่อนไหวใช้กรงเล็บตวัดเข้าใส่หวังหลิน เมื่อกรงเล็บตกลงมาจากท้องฟ้า มันให้ความรู้สึกราวกับสรวงสวรรค์กำลังหล่นลงมาและเกิดกลิ่นอายทรงพลังไปทั่วบริเวณทันที
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองไปบนท้องฟ้า เขาได้รับรู้ความแข็งแกร่งของมังกรเงินอย่างมากหลายวันที่ผ่านมา หวังหลินไม่ได้เคลื่อนไหวแต่พลังสังหารจำนวน 3,792 เส้นที่รวบรวมมากลับปลดปล่อยจิตสังหาร เมื่อจิตสังหารขยายตัวเองจึงเกิดกลิ่นอายที่สามารถแทงทะลุท้องฟ้าขึ้น
เศษเสี้ยวพลังสังหารมากกว่าสามพันสายพรั่งพรูด้วยจิตสังหารเข้มข้นพุ่งเข้าใส่กรงเล็บมังกรราวกับกระบี่อันแหลมคม!
ปัง!
ทั้งโลกสีแดงใบนี้สั่นไหว กรงเล็บมังกรแตกกระจายภายใต้พลังสังหารสามพันสาย
มังกรเงินร้องคำรามด้วยความดุร้าย ดวงตาเผยจิตสังหารที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!
แม้ว่ามันจะเคยบาดเจ็บมาก่อนตั้งแต่ที่มีชีวิตขึ้นมา ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่มดตัวน้อยได้ทำให้มันบาดเจ็บ แม้ว่ากรงเล็บนั้นจะไม่ได้เป็นพลังเต็มที่ของมันแต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกอาหารจะสามารถต้านทานได้!
แม้แต่แม่ทัพปิศาจก็ไม่อาจต้านทานกรงเล็บนี้ได้!
ตอนนี้มันโกรธจริงๆ! กระบี่จักรพรรดิปิศาจเป็นสิ่งที่มีเกียรติศักดิ์ศรี ดังนั้นเมื่อมันถูกเจ้าอาหารนี้ท้าทายมันจึงเข้าไปจัดการตรงๆ!
ร่างมังกรเงินเคลื่อนไหวพร้อมกับร้องคำราม ปราณกระบี่เส้นหนึ่งปรากฏจากในปาก ขณะนั้นโลกสีแดงสดดูเหมือนกำลังล่มสลายและสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือปราณกระบี่เส้นนี้
ปราณกระบี่พุ่งตรงเข้าใส่หวังหลิน!
หวังหลินขยับร่างราวกับสายฟ้าโดยไม่ลังเล แต่เขาไม่ได้พุ่งเข้าใส่มังกรทว่าหันกลับและพุ่งเข้าหาทางเข้าแทน
พลังสังหารทั้ง 3792 สายได้ตามเขามาและเปลี่ยนเป็นผนึกแห่งชีวิตทีละสาย
ในพริบตาเดียวผนึกพลังชีวิตทั้ง 3792 ได้ประทับบนหน้าผากหวังหลินและกระจายออกมานอกร่างกาย เมื่อมีผนึกแห่งชีวิตล้อมรอบ ราวกับหวังหลินได้รับการม่านป้องกันเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าสามพันชั้น
ขณะที่ปราณกระบี่จากมังกรเงินร่อนลงใส่หวังหลิน ผนึกชีวิตได้เริ่มกระพริบอย่างรวดเร็วเกิดเป็นเสียงแตกร้าวหลายชุด ร่างหวังหลินเลือนหายผ่านทางเข้าไปโดยไม่มีหยุดพัก
ขณะที่มันหายไป ชายผมดำที่เหลืออีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างดิ้นรน “ช่วยข้าสักครั้ง!”
เสียงของเขาเบามาก
มังกรเงินตื่นตกใจ ปราณกระบี่สังหารของมันถูกหวังหลินหยุดเอาไว้ นี่มันคือการหยามหน้าขั้นรุนแรง!
ความโกรธของมังกรเงินพุ่งทะลุยอดใหม่ มันเคลื่อนร่างและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่ได้ก่อกวนชายหนุ่มผมดำเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกัน ณ อารามกระบี่ในวังจักรพรรดิซึ่งว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ที่นี่ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งอันใด มีเพียงค่ายกลโลหิตขนาดใหญ่พร้อมกับกระบี่เงินคดเคี้ยวปักอยู่ตรงกลาง
ตอนนี้กระบี่คดเคี้ยวคล้ายงูพลันระเบิดเสียงหึ่งๆออกมา หลังจากนั้นมันพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าและแทงทะลุผ่านหลังคาเป็นลำแสงสีเงิน มันมีปราณกระบี่ที่ทุกคนในเมืองปิศาจฟ้ารู้สึกได้และหมุนวนบนท้องฟ้าหนึ่งครั้งก่อนจะพุ่งตรงไปที่เมืองฮ่อง
เหล่าหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดและแม่ทัพปิศาจทุกคนรับรู้ถึงปราณกระบี่นี้ได้ พวกเขาทั้งหมดเดินออกมาข้างนอกและมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน
ภายในคฤหาสน์จักรพรรดิ ชายวัยกลางคนชุดขาวมองไปที่ท้องฟ้า ดวงตาส่องสว่างและพึมพำ “ใครไปกระตุ้นกระบี่จักรพรรดิให้ออกจากค่ายกลกัน?”
แม่ทัพฉีเจี้ยนอยู่ในคฤหาสน์ของตัวเองและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน ใบหน้าซุนต้าวเคร่งเครียดขณะที่มองขึ้นไปที่แสงสีเงินกลางท้องฟ้านั้นและตื่นตะลึงในทันที
“กระบี่จักรพรรดิลอยออกมาด้วยตัวเองแบบนี้ นี่มันประหลาด!” ฉีเจี้ยนสูดหายใจลึก ดวงตาเผยประกายแสงลึกลับ
ณ เมืองจักรวาล ชายผมดำมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจากในลานกว้างของตนเอง เขามองขึ้นไปที่แสงสีเงินบนท้องฟ้าและกระซิบ “นี่มันเป็นความโกรธเกรี้ยวของกระบี่จักรพรรดิ! กระบี่จักรรพรรดิเป็นเช่นไรในสายตาพวกเจ้าทั้งสอง?”
มีสองคนอยู่ด้านหลังคนที่กำลังกล่าว และทั้งคู่มีกระบี่สองเล่มสะพายด้านหลัง ดวงตาแต่ละคนเผยประกายแสงลึกลับจ้องไปที่แสงสีเงินที่เลือนหายออกไปไกล
หนึ่งในนั้นครุ่นคิดเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “มันไม่ได้ด้อยกว่ากระบี่ของอาจารย์เลย!”
“เป็นเช่นนั้นหรือ?” ชายผมดำหันกลับมาเผยใบหน้าหล่อเหลาทั้งยังมีอาการตัดสินใจแฝงอยู่ด้วย
เขาคือแม่ทัพปิศาจหมายเลขหนึ่ง เป็นคนที่ถูกประจำการข้างๆกับเมืองปิศาจอัคคี โม่เฟย!
ทว่าหากมองเขาใกล้ๆ คนผู้นี้ดูเหมือนกับชายหนุ่มผมดำในคุกเมืองฮ่องไม่มีผิดเพี้ยน!
ภายในคฤหาสน์แม่ทัพโม่ ใบหน้าโม่ลี่ไฮ่เต็มไปด้วยอาการตกใจเมื่อมองแสงสีเงินกลางทอ้งฟ้า เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังมุ่งไปทางคุกเมืองฮ่อง นั่นทำให้จิตใจเขาเต้นรัวและมีเค้าลางแย่ๆ
“กระบี่จักรพรรดิ! มันไม่น่าจะออกมาเพราะหวังหลิน…” จากนั้นโม่ลี่ไฮ่ส่ายศีรษะและพูดกับตัวเอง “หรือหวังหลินทำให้กระบี่จักรพรรดิเคลื่อนไหวด้วยระดับบ่มเพาะของเขาแบบนั้น? ข้าคิดมากเกินไป”
แม้จะกล่าวเช่นนั้นแต่เค้าลางแย่ๆในใจเริ่มรุนแรงขึ้น
ภายในวังจักรพรรดิ คนผู้หนึ่งสวมชุดคลุมอันทรงเกียรติมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้ม “มันถูกทำให้ไม่พอใจหรือ? ข้าไม่เห็นมันโกรธมานานมากแล้ว น่าสนใจ!”
ด้านหลังเขามีสตรีทรงเสน่ห์นางหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านจักรพรรดิ ท่านกำลังมีความสุขเรื่องอะไร?”
หวังหลินเคลื่อนร่างขึ้นบันไดในคุกเมืองฮ่องราวกับสายฟ้า เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก โลหิตในร่างกำลังเดือด แม้ว่าพลังกระบี่สายนั้นจะถูกเบี่ยงเบนไปได้ด้วยผนึกแห่งชีวิต มันยังทำให้โลหิตในร่างเขาบ้าคลั่งขึ้นมา
ตอนที่เขาลงไปด้านล่างไม่ได้เร็วเช่นนี้ แต่ตอนนี้หวังหลินผ่านขึ้นมาเพียงแสงกระพริบ
ในไม่นานหวังหลินก็มาถึงด้านบน ชายชื่อซิ่วกำลังยืนอยู่ตรงนี้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขามีใบหน้าประหลาดและพึมพำกับตัวเอง “เรื่องนี้…หลุดจากการควบคุมไปเล็กน้อย…”
หวังหลินปรากฏตัวราวกับกระพริบตา ขณะนั้นชายชื่อซิ่วหันร่างกลับมามองหวังหลินทันที หลังจากถอนหายใจออกมาเขารีบกระซิบขึ้น “เจ้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ตามข้ามา!” สิ้นคำพูดก็กระโดดไปด้านข้างและเหาะเหินลงไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ดวงตาหวังหลินหรี่แคบ แต่ในไม่ช้าก็สัมผัสถึงปราณกระบี่ที่มิอาจจินตนาการได้ลอยเข้ามาด้วยความเร็วแสง เขาคุ้นเคยกับปราณกระบี่นี้เพราะมันคือเจ้ามังกรเงิน!
เมื่อรู้สึกหนังศีรษะมึนชา หวังหลินรีบติดตามชายชื่อซิ่วไปอย่างรวดเร็ว เขาซ่อนตัวตนของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยไม่เผยให้เล็ดรอดออกมา
ทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วมากและเลือนหายไปหลังจากการนำทางผ่านคุกเมืองฮ่อง
ทั้งสองคนจากไปไม่นาน กระบี่จักรพรรดิก็มาถึงและทำลายประตูเข้าไปตรงๆ มันกวาดผ่านคุกมองหาอาหารที่ทำให้มันเสียเกียรติ!
ตอนนี้บนผนังบ้านแห่งหนึ่งในเมืองฮ่อง มันเปิดขึ้นมาอย่างเงียบงัน หวังหลินเดินออกมาจากช่องว่างแต่ชายชื่อซิ่วไม่ได้ตามออกมาด้วย เขาถอนหายใจและรีบพูดขึ้นมา “อย่าลืมข้อตกลงของเรา!”
เช่นนั้นกำแพงก็ปิดลงและชายชื่อซิ่วจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่วิ่งไปด้วยก็พึมพำกับตัวเอง “นี่มันไม่คุ้มค่าเลย…หากข้ารู้ว่าเขาจะล่อกระบี่จักรพรรดิมาที่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็คงไม่ส่งเขาไปที่นั่น…”
หวังหลินซ่อนตัวตนของตัวเองไว้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่ได้ใช้ปราณสวรรค์เพื่อเหาะเหินแต่เดินบนถนนอย่างรวดเร็ว หวังหลินได้ยินเสียงทำลายล้างออกมาจากคุกเมืองฮ่องที่อยู่ห่างไกลพร้อมด้วยเสียงหึ่งๆโกรธเกรี้ยวของกระบี่
หวังหลินเคลื่อนร่างรวดเร็ซขึ้น สถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์แม่ทัพโม่ หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูปหวังหลินก็มาถึงคฤหาสน์ โม่ลี่ไฮ่ยืนอยู่ในลานกว้างพร้อมกับจดจ้องไปที่คุกเมืองฮ่องและสัมผัสหายนะในใจ
ตอนนี้เขาเห็นหวังหลินทันทีและเมื่อรู้ว่าหวังหลินได้ซ่อนตัวตนของตัวเอง ด้วยปัญญาของเขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทันที เขายิ้มอย่างขมขื่นออกมาขณะนำทางหวังหลินไปที่ภูเขาปลอมๆและเพียงฝ่ามือเดียวก็สร้างหลุมขึ้นมาได้
“ที่นี่คือจุดที่ข้าปิดด่านฝึกตน เจ้าควรจะซ่อนตัวที่นี่สักพัก!”
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาก่อนจะกระโดดไปโดยไม่มีคำถาม โม่ลี่ไฮ่สูดหายใจลึกพร้อมกับนั่งลงและปิดหลุมนั้น เขาเริ่มฝึกฝนที่นี่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ค่ำคืนนี้โม่ลี่ไฮ่นอนไม่หลับเลยและครัวเรือนทุกหลังในเมืองปิศาจฟ้าก็เป็นแบบเดียวกัน!
ทั้งเมืองปิศาจฟ้าส่องสว่างขึ้นด้วยแสงสีเงินในยามค่ำคืน หลังจากกระบี่จักรพรรดิไม่สามารถหาอาหารที่ทำให้มันเจ็บปวดได้ มันจึงโกรธเกรี้ยวมากขึ้น มันตัดสินใจก่อหายนะให้กับคุกเมืองฮ่องก่อนจะหมุนวนบนท้องฟ้าเมืองปิศาจฟ้าพร้อมกับค้นหาอย่างบ้าคลั่ง
นี่ทำให้งานของโม่ลี่ไฮ่ยุ่งยากขึ้น เขาใช้ปราณปิศาจของตนเองปกคลุมตัวตนหวังหลินไว้อีกชั้นเพื่อทำให้กระบี่จักรพรรดิไม่สามารถหาหวังหลินเจอได้
กระบี่จักรพรรดิสังเกตโม่ลี่ไฮ่ได้แต่ว่าโม่ลี่ไฮ่กระจายปราณปิศาจออกมามากเกินไป ดังนั้นกระบี่จักรพรรดิจึงแค่กวาดผ่านไป ความจริงแล้วแม้กระบี่จักรพรรดิจะลงมาหาใกล้ๆก็ยังไม่สามารถหาหวังหลินเจอได้อยู่ดี
หวังหลินซ่อนกลิ่นอายของตนอย่างมิดชิดและเข้าไปในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับดวงวิญญาณแรกกำเนิดของลี่มู่หวาน
กระบี่จักรพรรดิยิ่งโกรธกรี้ยวมากขึ้น มันใช้เวลาทั้งคืนเพื่อค้นหาไปทั้งเมืองปิศาจฟ้า แต่ยังไม่อาจตามรอยอาหารน่าเกียจตัวนั้นเจอได้
ความโกรธเกรี้ยวของมันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ!
มันโดนเหยียดหยามอีกแบบแล้ว!
ในยามเช้า กระบี่จักรพรรดิยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจพร้อมกับส่งเสียงหึ่งๆออกมา จากนั้นหันไปทางคุกเมืองฮ่อง ส่งปราณกระบี่เส้นหนึ่งออกมาซึ่งเกิดคลื่นยาวมากกว่าพันฟุต
หลังจากปลดปล่อยความโกรธของมัน กระบี่จักรพรรดิจึงกลับไปที่ค่ายกลด้วยความโกรธเกรี้ยวเต็มอก
คุกเมืองฮ่องเป็นหนึ่งในสี่คุกใหญ่แห่งเมืองปิศาจฟ้า แม้ว่ามันจะได้รับความเสียหายจากกระบี่จักรพรรดิ ด้วยวัตถุดิบและกำลังคนจำนวนมาก มันจึงถูกซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ทว่ากระบี่จักรพรรดิดูเหมือนจะเห็นคุกเมืองฮ่องอยู่ในสายตา เมื่อมันถูกซ่อมแซม เจ้ากระบี่ได้ปรากฏตัวอีกครั้งและทำลายมันด้วยความโกรธแค้น