Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 864

Cover Renegade Immortal 1

864. คนสุดท้าย

มีเซียนขั้นส่องสวรรค์ที่เข้าร่วมการแข่งขันฉายาเทพอยู่บ้างแต่ไม่ได้มีมากนัก คนส่วนใหญ่ถือได้ว่าเป็นบรรพชนของตระกูลดังนั้นจึงผูกมัดกับตระกูลของตนเอง ต้องระมัดระวังการกระทำและการตัดสินใจทั้งหมดด้วย

ถ้าคนพวกนี้ต่อสู้ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยผู้เยาว์ พวกเขาคงทำเรื่องแย่ๆด้วยการฉกชิงความรุ่งโรจน์จากผู้เยาว์ไป เป็นผลให้ภาพรวมทั้งหมดเป็นลบ

นอกจากนั้นมีหลายคนสังเกตได้ว่าการแข่งขันตำแหน่งเทพร้อยแปดตนนั้นถูกจัดการโดยอารามเทพอัสนี ซึ่งก็หมายความว่าสำหรับเหล่าผู้เยาว์ที่เต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้! แม้มันจะไม่ได้แจ้งเอาไว้ หลายคนก็พอจะเห็นเบาะแสหลายๆอย่างประกอบกันได้

ทำให้มีแต่เซียนขั้นส่องสวรรค์ผู้ไม่ธรรมดาเข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขามีแค่จำนวนน้อยและทั้งหมดต่างก็เป็นบรรพชนของหลายตระกูลหลายดินแดน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่พวกเขาจะมาสร้างความขุ่นเคืองกับหวังหลิน

อีกทั้งชื่อเสียงเรียงนามของ “ซิ่วมู่” ยังถือว่าโด่งดังเกินไปและฉายา “จ้าวปิศาจ” ยังคงแฝงกลิ่นคาวเลือดไว้ด้วย ซิ่วมู่ผู้นี้ให้ความสำคัญต่ำมาตลอดแต่ตอนนี้เขากำลังมีท่าทีดุจคนชั้นยอด เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเป็นที่หนึ่งดังนั้นคงดีกว่าถ้าจะมอบมันให้เขาไปเสีย ไม่จำเป็นต้องไปเอาชนะเขาและเริ่มความขุ่นเคือง

เจ็ดวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงระยะเวลานี้หวังหลินบ่มเพาะในที่พักซึ่งตระกูลแห่งหนึ่งบนดาวปฐพีเพลิงเตรียมไว้ให้ หวังหลินเก็บตัวรักษาสถานภาพของตัวเองให้พร้อมมากที่สุดเพื่อเตรียมการสู้สนามสุดท้ายในดาราจักรทุกชั้นฟ้า!

ระยะเวลาเจ็ดวันนี้เฉินกงฮู่เข้ามาหาเขาเป็นคนแรก เขาไม่ได้ถามเรื่องระดับบ่มเพาะของหวังหลิน เขาเพียงแค่ถามเรื่องเต๋าและจากไปพร้อมกับความเข้าใจบางส่วน เขาโค้งให้หวังหลินด้วยสายตาเคารพ แม้จะไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนแต่สถานะของหวังหลินตอนนี้ก็ทำให้เขายอมรับ

หลังเฉินกงฮู่จากไปก็มีคนอื่นๆเข้ามาเยี่ยม จนเมื่อวันที่สี่มันก็เงียบลง หวังหลินต้องการบ่มเพาะเงียบๆแต่กลับมีใครสักคนมาขัดขวางเขาและคนผู้นั้นคือหนานกงหาน

เป้าหมายของหนานกงหานคือบิดมิติ ทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมมักจะทำให้หวังหลินปวดหัวอยู่เสมอ ในที่สุดหวังหลินก็ถูกหนานกงหานก่อความรำคาญจนเขาต้องปลดปล่อยฉวี่ลี่กั๋ว

หวังหลินบอกหนานกงหานว่าฉวี่ลี่กั๋วก็รอบรู้บิดมิติเช่นกัน เขาไม่สนใจว่าหนานกงหานจะเชื่อหรือไม่และหนีจากไปหาสถานที่เงียบๆฝึกฝน

ฉวี่ลี่กั๋วผู้น่าสงสาร แม้หนานกงหานจะไม่เชื่อหวังหลินแต่เขากลับพบว่าฉวี่ลี่กั๋วน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงลากฉวี่ลี่กั๋วไปพูดด้วยคราใหญ่

ตอนเริ่มต้นฉวี่ลี่กั๋วไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไปเขาก็อดทนไม่ได้อีกแล้ว ท้ายที่สุดก็เจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถเอาชนะหนานกงหานได้และไม่กล้าต่อต้าน ดังนั้นจึงหนีไปไม่ได้ เขาทำได้แต่เพียงตอบรับหนานกงหานและทนทรมานเหมือนตายทั้งเป็น หวังเพียงว่าเจ็ดวันนั้นจะผ่านไปอย่างรวดเร็วและเจ้านายจะกลับมา

พอวันที่เจ็ด หวังหลินลืมตาและหายตัววับไป แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบตำแหน่งฉวี่ลี่กั๋ว อย่างไรก็ตามเมื่อหวังหลินเห็นฉวี่ลี่กั๋ว จึงขมวดคิ้ว

ร่างปิศาจของฉวี่ลี่กั๋วพร่ามัวและไม่มั่นคง ตรงกันข้ามฉวี่ลี่กั๋วนั้นพูดจ้อไม่หยุด

ทำนองเดียวกันฉวี่ลี่กั๋วเห็นหวังหลิน เขาตื่นเต้นและกระโจนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ถ้ามันมีน้ำตามันคงร้องไห้ออกมาแล้ว

“นายท่านในที่สุดท่านก็กลับมา ฉวี่น้อยมิกล้ามีความคิดอะไรอีก ได้โปรดเถอะนายท่าน ให้ข้ากลับไป คนคนนี้น่าหวาดกลัวเกินไป นายท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกเลย ฉวี่น้อยไม่หนีท่านไปไหนแล้ว…” น้ำเสียงเจ้าฉวี่ลี่กั๋วช่างโหยหวนเป็นอย่างยิ่ง

เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเห็นเจ้าฉวี่ลี่กั๋วตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่เพียงนี้ เขาโบกสะบัดแขนขวา เก็บฉวี่ลี่กั่วเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นสายตาหันไปมองหนานกงหาน

หนานกงหานอารมณ์ดียิ่งแต่ก็มีสีหน้าอึดอัด เขาลูบแขนตัวเองและพยักหน้า “น้องซิ่ว วิญญาณสมบัติเจ้าเยี่ยมจริงๆ ตอนที่ข้าเห็นมัน ข้าบอกว่าเราคงไปด้วยกันได้ดี ในอนาคตเราคงต้องใช้เวลาด้วยกันอีกบ้าง”

หวังหลินขมวดคิ้ว จากนั้นหันตัวกลับ ก้าวเท้าและหายวับไป

สีหน้าหนานกงหานเต็มไปด้วยความเสียใจ เขารีบติดตามไปและคิดขึ้นมา ‘วิญญาณสมบัตินั่นดีอะไรเช่นนี้ น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเอาชนะซิ่วมู่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงขโมยไปแล้ว!’

ร้อยเจ็ดคนที่เหลือจากแดนใต้ถูกเลือกไว้แล้ว ชายชราชุดม่วงนำหินสีดำออกมาและบดขยี้ จุดแสงผลึกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมากลายเป็นค่ายกลเลือนลาง

ค่ายกลแห่งนี้ขนาดใหญ่มากและกว้างมากกว่าพันฟุต ชายชราชุดม่วงก้าวเข้าไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยผู้ส่งสาส์นชุดคลุมสีเขียวสองคน พวกเขาหายตัวเข้าไปในค่ายกล

จากนั้นร้อยแปดคนที่เหลือก็ค่อยๆเข้าไป หวังหลินเป็นหนึ่งในนั้น เฉินกงฮู่ จางกงเล่ยและคนอื่นๆรวมอยู่ด้วย

ค่ายกลกระพริบวูบวาบและหายวับไปพร้อมกับร้อยแปดคน

อารามเทพอัสนีคือกลุ่มผู้ทรงอำนาจยิ่งในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ผู้คนแต่ละรุ่นในอารามเทพอัสนีขยายอิทธิพลของตัวเอง กลายเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเป็นทางการในอาราจักรทุกชั้นฟ้า!

ตำแหน่งที่อยู่ของอารามเทพอัสนีเป็นที่ลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งผู้ส่งสาส์นยังต้องใช้ค่ายกลพิเศษเพื่อเข้าไป

ในตอนนี้พื้นที่ภายในระยะหนึ่งแสนลี้ของอารามเทพอัสนีถูกจำกัดเอาไว้ ผู้ส่งสาส์นและคนรับใช้เต็มไปทั่วบริเวณ การแข่งขันฉายาเทพเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่ออาราม การต่อสู้ภายในพื้นที่ถือเป็นเรื่องต้องห้าม หากมีใครแหกกฏ ทางอารามจะเข้าแทรกแซงทันที

รอบๆอารามเทพอัสนีมีค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่อยู่สี่จุด ค่ายกลหนึ่งในนั้นส่องสว่างขึ้น หลายร่างปรากฏออกมาจากค่ายกลฝั่งเหนือ ผู้เข้าร่วมค่อยๆเดินออกมาทีละคนภายใต้การชี้นำของผู้ส่งสาส์นที่เข้าไปรับผิดชอบแดนเหนือ

เซียนทั้งหมดสงบนิ่ง มีน้อยคนนักที่จะตื่นเต้นหลังจากมาที่นี่ เมื่อพวกเขาปรากฏกายต่างก็เต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้

ณ ขณะนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายฝั่งตะวันตกและฝั่งใต้ส่องสว่างขึ้นเช่นเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากเดินออกมา มีหวังหลินอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เขามองออกไปรอบๆแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย

อารามเทพอัสนีเป็นเสมือนพระราชวังอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งหนึ่งในโลก มันใหญ่โตสมสง่าและปกคลุมไปด้วยกฏเกณฑ์ เมื่อหวังหลินสัมผัสถึงความผันผวนของกฏเกณฑ์ได้ ดวงตาพลันหรี่แคบ

ด้วยความเข้าใจด้านกฏเกณฑ์ หวังหลินจึงสัมผัสกฏเกณฑ์ที่นี่ได้อย่างชัดเจนว่ามีระดับความน่าหวาดกลัวแค่ไหน แม้ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาตอนนี้ถ้าหากพุ่งเข้ามาในกฏเกณฑ์ที่นี่ คงจะตายโดยไม่ต้องสงสัย!

ขณะที่หวังหลินมองไปรอบๆ ไม่ได้มีเพียงแค่อารามเทพอัสนีเท่านั้น เขาขมวดคิ้วหนักยิ่งขึ้น หญ้าทุกใบ ต้นไม้ทุกคนและกระทั่งก้อนเมฆยังมีกฏเกณฑ์อันทรงพลัง!

หวังหลินไม่ใช่คนเพียงที่สังเกตการณ์โดยรอบ ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ต่างก็กำลังทำแบบเดียวกัน ค่ายกลทางตะวันออกพลันส่องสว่างขึ้นทำให้ทุกคนสนใจ

ค่ายกลทางด้านตะวันออกเรืองแสงเข้มและมีสามร่างเดินออกมา พวกเขาคือผู้ส่งสาส์นที่อารามเทพอัสนีส่งออกไป ทั้งสามคนต่างมีสีหน้ามืดมนและรีบเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย หนึ่งในนั้นมองกลับไปที่ค่ายกลด้วยสายตาหวาดกลัว

หวังหลินหรี่สายตา ขณะเดียวกันกลิ่นคาวเลือดรุนแรงออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายฝั่งตะวันออก ค่ายกลเคลื่อนย้ายส่องสว่างขึ้นและมีคนเดินออกมาเพียงคนเดียวเท่านั้น!

“ไม่จำเป็นต้องรอ ข้าฆ่าคนที่เหลือร้อยเจ็ดคนไปแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!