Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1160

Cover Renegade Immortal 1

1160. หลี่เฉียนเหมย

แค่เตะครั้งเดียวก็สามารถฆ่าอสูรระดับแปดได้แล้ว ถึงแม้อสูรระดับแปดสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับสูงสุดได้ มันไม่สามารถใช้สมบัติแต่กลับสามารถใช้กฎที่มันเข้าใจเป็นวิชาได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นอสูรระดับแปด!

แม้กระทั่งในทะเลเมฆา เซียนที่สามารถฆ่าอสูรระดับแปดได้ในพริบตาถือว่าแข็งแกร่งพอจะเป็นผู้ทรงอำนาจ!

ลี่เซียงตงและพรรคพวกจ้องมองทั้งหมดนี้อย่างตกตะลึง พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์ลุงที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนคนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความลึกลับและองอาจ แม้จะสงสัยถึงตัวตนหวังหลิน พวกเขาก็เลือกที่จะเมินเฉยโดยไม่ลังเล

“ด้วยเซียนที่ทรงพลังเช่นนี้ในสำนักต้นกำเนิด การจะครอบครองเขตระดับห้าขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว!” ลี่เซียงตงและสองผู้อาวุโสมองหน้ากันเองด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า!

หากรู้ว่าหวังหลินฆ่าเซียนขั้นทลายสวรรค์จากเขตระดับหกไป พวกเขาคงตกใจยิ่งกว่า

ยามที่เหล่าอสูรเห็นพลังอำนาจของหวังหลิน ความโลภทั้งหมดในแววตาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว พวกมันเริ่มหลบหนีและกำลังจะออกจากระยะของแผ่นดินโม่หลัว

หวังหลินไม่ได้สนใจความคิดเหล่าเซียนรอบด้าน เขาทำการดูดซับพลังชีวิตของอสูรระดับแปดอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านหายนะเลือดเนื้อ

ผ่านไปหลายลมหายใจ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและมองออกไปยังอสูรที่กำลังถอย เขาเคลื่อนเข้าหาราวกับผู้เก็บเกี่ยวชีวิต เข้าใกล้อสูรที่กำลังหลบหนีตัวหนึ่งในทันที ส่งหมัดออกไปตรงๆสร้างเป็นฝนโลหิตและได้พลังชีวิตมา

แสงกะพริบเต็มทั่วผืนฟ้า หวังหลินเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่ง ทุกครั้งที่เกิดแสงกะพริบจะมีอสูรหนึ่งตัวตายตกไป

เพียงเสี้ยวพริบตาหวังหลินก็ไล่ตามพวกมันด้านนอกแผ่นดินโม่หลัว แสงกะพริบเกิดขึ้นต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องดังสะท้อนไปทั่วหมู่ดาว สิ่งที่เหล่าอสูรร้ายทั้งหมดที่ถูกผลึกโลหิตล่อลวงมาก็คือการสังหารหมู่

การสังหารหมู่กินเวลาประมาณเจ็ดนาทีก่อนจะค่อยๆจบลง ท้ายที่สุดจึงไม่มีอสูรตนใดภายในระยะห้าพันลี้รอบแผ่นดินโม่หลัว มีส่วนน้อยที่หนีรอดไปได้พร้อมด้วยความทรงจำที่พวกมันไม่มีวันลืม เซียนคนเดียวบนแผ่นดินโม่หลัวคนนั้นดุจดั่งเทพเจ้า

ม่านป้องกันรอบแผ่นดินโม่หลัวถูกซ่อมแซมและทุกอย่างดูเหมือนกลับเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าเหล่าเซียนทั้งหมดในสำนักต้นกำเนิดยังรับรู้เหตุการณ์เหมือนเดิม

ตอนนี้ด้านนอกลานทิศใต้ ลี่เซียงตง หลิวหยานเฟยและอีกสองผู้อาวุโสยืนอยู่ตรงนั้น แม้จะอยู่ตรงนี้มานานแต่ไม่กระวนกระวายเลย

เซียนทั้งหมดในลานทิศใต้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่อีกสามลาน นอกจากซิ่วหยุนซึ่งอยู่ข้างหลิวหยานเฟยแล้ว ไม่มีศิษย์คนอื่นๆเหลืออยู่

“สมุนไพรพวกนั้น…ทั้งหมดถูกอาจารย์ลุงนำกลับมาหรือ?” ลี่เซียงตงส่งสายตาไปบนสมุนไพรในสวน หลังจากเห็นซิ่วหยุนพยักหน้า สีหน้าท่าทางเขาจึงตื่นเต้น

ตอนนี้ใต้พื้นดินลึกลงไปด้านล่างลานกว้าง หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่พร้อมกับร่างดั้งเดิมนั่งตรงข้าม บ่มเพาะอย่างเงียบๆ

ร่างดั้งเดิมแทบฟื้นฟูมาได้เกือบหมดแล้ว เหลือเศษร่างเพียงไม่กี่ส่วนที่ยังเติบโตพลางต่อต้านบททดสอบแรกไปด้วย

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผ่านไปสามวันหน้าอกหวังหลินเกิดแสงกะพริบและหายนะเลือดเนื้อก็หายไป เขาผ่านบททดสอบแรกสองหายนะได้สำเร็จ!

ร่างดั้งเดิมค่อยๆลืมตาขึ้นมาเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า กลิ่นอายที่มองไม่เห็นแพร่กระจาย ผิวหนังหยาบกร้านและกระดูกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

ร่างดั้งเดิมในตอนนี้กลายเป็นเทพโบราณตัวจริง มันไม่ได้ไม่สมบูรณ์เหมือนก่อนอีกแล้ว! หลังจากกลืนกินพลังดั้งเดิมและหมอกลึกลับ ระดับบ่มเพาะของร่างดั้งเดิมเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล

ดาวอีกดวงปรากฏถัดกับห้าดาวบนหน้าผาก แม้จะพร่ามัวและไม่ได้สร้างขึ้นมาเต็มที่ แต่มันทำให้หวังหลินปิติยินดี!

เหล่าเทพโบราณไม่เหมือนเซียน ดาวแต่ละดวงได้รับมายากมาก อดีตที่ผ่านมาพันปีหวังหลินผ่านความยากลำบากหลายอย่าง เสี่ยงชีวิตมากมายจนในที่สุดก็ทำให้ร่างเทพโบราณของเขาบรรลุห้าดาว

แม้ดาวที่หกยังคงพร่าเลือนแต่มันสามารถใช้ความแข็งแกร่งได้มากกว่าเดิม! สิ่งสำคัญก็คือเมื่อเทพโบราณบรรลุหกดาว พวกเขาจะสามารถสร้างอสรพิษพิฆาตจันทร์ของตัวเองได้

รอยยิ้มเผยบนมุมปาก หวังหลินทิ้งร่างดั้งเดิมไว้ในส่วนลึกของแผ่นดินเพื่อให้มันดูดซับพลังดั้งเดิมและเริ่มสร้างอสรพิษพิฆาตจันทร์ต่อไป หวังหลินออกมาจากใต้ดินและปรากฏตัวในบ้านที่อยู่ในสวน

เขาปล่อยลมหายใจยาวออกมา อารมณ์น่ายินดีมาก การผ่านบททดสอบของร่างดั้งเดิมได้เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาในทะเลเมฆาขึ้นมหาศาล ด้วยการผสานของทั้งสองร่าง การสังหารเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นคงไม่ยากยิ่งเหมือนก่อน!

“อย่างไรเสีย ช่องว่างระหว่างเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับต้น กลาง ปลายและสูงสุดก็ยังมากโข ข้าไม่รู้ว่าร่างดั้งเดิมและร่างอวตารรวมกันจะสามารถทนต้านกับเซียนระดับกลางได้หรือไม่!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขาผลักประตูและเดินออกมา

สายลมอ่อนพัดผ่านบนใบหน้า รู้สึกอบอุ่นสบาย ม่านพลังถูกเปิดขึ้นอีกครั้งดังนั้นจึงเห็นท้องฟ้าสีคราม เมฆหมอกสีขาวนวล

หวังหลินมองสมุนไพรในสวนแล้วจึงตัดสินใจ เขาจะใช้เวลาสักพักเพื่อเพิ่มระดับบ่มเพาะโดยการใช้เคล็ดการปรุงยาในทะเลเมฆา

ขณะกำลังขบคิด หวังหลินหันสายตาไปบนห้าคนด้านนอกและกล่าวขึ้นเบาๆ “พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามาได้”

น้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงบารมีเอาไว้ พอได้ยินถึงหูห้าคนด้านนอก ทั้งหมดสูดหายใจลึก พวกเขาเคร่งเครียดแต่ก็เดินเข้ามาข้างในด้วยความเคารพ

ซิ่วหยุนเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม นางติดตามเข้ามาด้านในตามหลังหลิวฟยานเฟยด้วย

พอลี่เซียงตงและพรรคพวกเข้ามา ทั้งหมดกล่าวขึ้นอย่างเคารพ “ศิษย์ขอคำนับอาจารย์ลุง ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงกลับมา เราละเลยการทักทายอาจารย์ลุง ได้โปรดลงโทษด้วยเถิด”

หลังจากสนทนาเบื้องต้น ทุกคนก็จากไป ซิ่วหยุนไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่อีกและกลับไปที่ตำหนักทิศใต้กับหลิวหยานเฟย ทั้งลานทิศใต้ตอนนี้เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ศิษย์คนใดเข้ามา

ขณะเดียวกันภายใต้คำสั่งของหวังหลิน เม็ดยาคุณภาพและสูตรยาจำนวนมากถูกส่งมาให้เขา กระนั้นไม่มีเม็ดยาไหนต้องตาหวังหลิน หลังจากตรวจสอบแล้วจึงเก็บสูตรยาไว้และให้คนอื่นๆเอาเม็ดยากลับไป

ขณะที่หวังหลินกำลังศึกษาศาสตร์การปรุงยา การค้นหาการตายของฉีเล่าซิงเริ่มขยายขอบเขตออกไปจากแผ่นดินโม่หลัว เซียนจำนวนมากของสำนักระดับหกส่งคนเข้ามาตรวจสอบแผ่นดิน บางส่วนถึงกับตามเข้าไปในเขตต่ำกว่าระดับห้า

ขณะที่เขตระดับหกเริ่มเคลื่อนไหว ข่าวหินหยกและสูตรยาเริ่มแพร่กระจาย จนไปถึงเขตระดับเจ็ดและมีเขตระดับแปดให้ความสนใจ

ลำแสงหลายเส้นลอยออกมาจากเขตระดับเจ็ดและระดับแปดเข้าหาแผ่นดินป่าที่ผนึกเอาไว้ในเขตระดับห้า

หมอกดวงดาวในส่วนลึกของทะเลเมฆานั้นหนาแน่นมาก แม้แต่เซียนขั้นทลายสวรรค์ยังสามารถแพร่สัมผัสวิญญาณออกไปได้ห้าร้อยฟุตเท่านั้น การพุ่งเข้าไปในหมอกดวงดาวโดยไม่ได้เตรียมการเอาไว้จึงเหมือนการเดินตาบอดเข้าไปและหลงทางได้ง่ายๆ

อสูรดุร้ายที่สุดอาศัยอยู่ที่นี่ บางส่วนสามารถใช้วิชาที่ทำให้ร่างกายภายในหมอกเข้าใจกฎด้วย หากไม่มีเซียนไปตอแยมัน พวกมันจะไม่เริ่มโจมตีก่อน

หากเทียบพวกมันแล้ว ดาวเคราะห์เซียนดวงหนึ่งในหมอกดวงดาวจึงเสมือนคนนอก ไม่มีค่าโดยสิ้นเชิง

ทว่าพลังอำนาจที่อยู่ภายในดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้สั่นสะเทือนสวรรค์ แม้แต่อสูรทรงพลังยังหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้

มันคือเขตระดับเก้าของทะเลเมฆา!

มีดาวเคราะห์เจ็ดดวงที่โคจรอยู่ในค่ายกลกระบวยใหญ่ตรงขอบเขตระดับเก้า มันสร้างม่านป้องกันขึ้นมาจนดูไม่แตกต่างกัน

ณ ตอนนี้บนดาวเคราะห์แรกของค่ายกล ภายใต้ม่านป้องกันหลายล้านชั้น มีทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งพร้อมด้วยสิ่งก่อสร้างตั้งตระหง่าน

สิ่งก่อสร้างนี้คือรูปปั้นเซียนที่กำลังชี้ไปบนฟ้าคล้ายก่นด่าสาปแช่ง สัมผัสแห่งอำนาจจนยากอธิบายครอบคลุมพื้นที่

ทุ่งหญ้าเงียบสนิท บางครั้งปรากฏอสูรวิญญาณตัวน้อย พวกมันเล่นสนุกสนานไปรอบๆและเคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปสักพักลำแสงสายหนึ่งเข้ามาจากเส้นขอบฟ้า

ข้างในลำแสงเป็นสตรีนางหนึ่ง นางงดงามแต่มีเรือนผมสีประหลาดเพราะเป็นสีฟ้า ทั่วทั้งทะเลเมฆามีคนผมสีนี้เพียงคนเดียว!

ซึ่งก็คือหลี่เฉียนเหมยแห่งแคว้นทะลวงสวรรค์ระดับเก้า!

นางเริ่มบ่มเพาะเซียนตอนอายุห้าปี บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณตอนอายุเจ็ดปี ขั้นแกนลมปราณตอนอายุสิบเก้า ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดอายุยี่สิบหก ขั้นตัดวิญญาณอายุสามสิบเจ็ด ขั้นแปลงวิญญาณอายุสี่สิบห้า ขั้นเทวะอายุหกสิบเอ็ด หลังจากบ่มเพาะไปร้อยปีนางก็บรรลุขั้นมายาหยินระดับสูงสุด

จากนั้นทั้งสำนักทะลวงสวรรค์ทุ่มเทกำลังบ่มเพาะให้นาง หลังจากผ่านไปสี่ร้อยปีนางก็บรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับสูงสุดได้ จากนั้นอีกสามร้อยปีถัดมานางก็บรรลุขั้นชำระสวรรค์ระดับกลาง

หลังจากฝึกฝนข้างนอกอีกห้าร้อยปี นางก็กลายเป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ที่อ่อนเยาว์ที่สุดในสำนักทะลวงสวรรค์! วันนี้นางบ่มเพาะมาได้มากกว่าพันสามร้อยปีแล้วและบรรลุขั้นทลายสวรรค์ระดับปลายได้

ในทะเลเมฆา ชื่อ “หลี่เฉียนเหมย” ถือเป็นระดับตำนาน!

“ศิษย์หลี่เฉียนเหมยขอคารวะบรรพชน!” ลำแสงหายไปเผยเป็นสตรีงดงามข้างใน

“หยกของซือหม่าโม่ปรากฏขึ้นแล้ว เดินไปที่เขตระดับห้า หากเป็นไปได้ให้หาคนที่ค้นพบหินหยกและนำเขากลับมาด้วย…” น้ำเสียงเก่าแก่เต็มไปด้วยความเศร้าค่อยๆดังสะท้อนออกมาจากรูปปั้น

หลี่เฉียนเหมยพยักหน้าเคารพและจากไป

ข้างในรูปปั้นมีชายชราผมขาวนั่งอยู่ บนร่างเน่าเปื่อยของเขามีจุดหลายจุด แววตาระลึกถึงอดีต ผ่านไปสักพักเขาก็ส่ายศีรษะและถอนหายใจ

“พี่ซือหม่า บางทีตอนนั้นอาจารย์เป็นคนผิด…”

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!