1287. ถึงแม้จะมีสักหมื่นคนพยายามหยุดข้า ข้าก็จะมุ่งหน้าไป
เป็นห้าคำที่เรียบง่าย!
“ข้าจะไปช่วยนาง!” เป็นความมุ่งมั่นแน่วแน่ เป็นสิ่งที่ต้องทำโดยไม่กลัวตาย! หลังจากได้ยินหญิงชราชุดขาว คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนสายฟ้า เป็นเหมือนหยาดน้ำตา เป็นเหมือนโลหิต และทั้งหมดทั้งมวลก็สลักลงไปในใจหวังหลิน! ประทับเป็นสีแดงโลหิต! แต่มันไม่มีจิตสังหาร มีเพียงความเสียใจและอบอุ่น!
ราวกับสายฟ้านับล้านระเบิดอยู่ในใจหวังหลิน ทำให้เขาตกตะลึงอยู่กับที่ ความเจ็บปวดรวดร้าวโผล่จากหัวใจ จากโลหิตและจากวิญญาณ!
‘ท่านสัญญาว่าจะไปส่งข้า…’ คำพูดส่วนหนึ่งของหลี่เฉียนเหมยยังคงดังเบาๆในหูหวังหลิน คำขอของนางไม่เคยเรียกร้องอะไร นางเพียงต้องการกล่าวลา ส่งรอยยิ้มและอวยพร เพื่อไม่ให้ลืมข้อตกลงที่ให้ไว้…
นางไม่อยากขโมยตำแหน่งของลี่มู่หวานในใจหวังหลินหรือแทนที่ลี่มู่หวาน นางเพียงแค่ทำเรื่องนี้ลงไปเพราะความฝันเกี่ยวกับชาติก่อนของตัวเอง…
นางต้องการเป็นเพียง…สตรีคนหนึ่งนามว่าลี่มู่หวานที่มอบทุกอย่างของนางให้อย่างเงียบๆ… บางทีนางไม่ได้รอเป็นหลายร้อยปีเหมือนลี่มู่หวานหรือฉีกกระชากหัวใจของหวังหลินเหมือนหลิวเหมย แต่นางทำให้หวังหลินรู้สึกด้วยเวลาสิบปีที่เขาไม่มีวันชดใช้คืนได้ ทำให้จิตใจหวังหลินรู้สึกเจ็บปวด…
“หากวันหนึ่งข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว ท่านจะจำได้หรือไม่ว่าในชีวิตท่าน มีสตรีนามว่าหลี่เฉียนเหมยที่ผ่านเข้ามา…” คำพูดของหลี่เฉียนเหมยดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่คงอยู่ชั่วกาลนานทำให้จิตใจหวังหลินเคว้งคว้าง
“หากข้าไม่กลับมา…ข้าหวังว่าท่านจะจำได้…”
ถึงแม้สตรีคนนี้กำลังจะหายไป นางก็ไม่ได้ต้องการให้หวังหลินรู้ทุกอย่างที่นางทำ ถ้าไม่ใช่เพราะนางบอกทุกอย่างให้หญิงชราเพื่อให้นางนำโลหิตวิญญาณไปให้ หลี่เฉียนเหมยคงไม่บอกทุกอย่าง หากไม่ใช่เพราะหญิงชราสอบถามหลี่เฉียนเหมยอย่างละเอียดหลังจากเห็นสภาวะอ่อนแอ นางคงไม่รู้ทุกเรื่อง
หลี่เฉียนเหมยไม่ต้องการให้หวังหลินรู้สึกผิดและสงสารนางหลังจากรู้เรื่องทุกอย่าง นางต้องการให้เขายอมรับตัวตนของนาง นางไม่ต้องการความรักแบบนี้!
นางไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่าจะอยู่กับหวังหลินจนแก่เฒ่าและตายไปด้วยกัน สิ่งที่นางต้องการในโลกอันกว้างใหญ่แห่งนี้ก็เพื่อให้หวังหลินจดจำผู้หญิงที่ชื่อหลี่เฉียนเหมย…
ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย…แค่นี้…ก็พอแล้ว!
สิ่งที่นางต้องการคือคนสองคนที่อาจจะโดดเดี่ยวด้วยเหตุผลที่ต่างกันมามองท้องฟ้าเดียวกัน…ตราบใดที่สองคนนี้อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน ถึงแม้จะถูกคั่นด้วยชีวิตและความตาย คั่นด้วยลำธารที่ไม่อาจข้ามหากันได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว
นางไม่ต้องการให้ทั้งสองลืมกันและกัน ที่นางต้องการคือหลังจากข้ามทางเข้าหากัน ความทรงจำของทั้งคู่จะอยู่ชัดเจนในส่วนลึกของหัวใจ ความทรงจำอาจจะผนึกเอาไว้และอยู่กระทั่งเติบโตจนแก่ ยามใดที่ความตายผ่านเข้ามา เก็บความทรงจำนี้ไว้จะไม่โดดเดี่ยว เก็บรอยยิ้มเอาไว้ยามที่ชีวิตมอดดับ…
คำขอของนางไม่ได้มากมาย…
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมามองดูท้องฟ้ามืดมน หัวใจรู้สึกเจ็บปวด เขากำลังจะไปช่วยหลี่เฉียนเหมย สตรีที่มอบทุกอย่างของนางให้เขาตลอดสิบปีที่ผ่านมา!
แม้สนามรบรอยแยกอวกาศอาจจะเชื่อมต่อกับดินแดนชั้นนอก ต้าเสินก็อยู่ดินแดนชั้นนอกและเมื่อเขาก้าวข้ามไปหนึ่งก้าวเข้าสู่ที่นั่น ต้าเสินอาจจะรับรู้เขาและเขาคงเผชิญอันตราย
ถึงแม้ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลาปิดด่านบ่มเพาะเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ได้มาในดินแดนแห่งเต๋า ซึ่งเขาสามารถบรรลุขั้นที่สามอันทรงพลังสั่นสะเทือนสวรรค์ได้!
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดนี้หวังหลินโยนทิ้งไว้ด้านข้าง เขาไม่อยากจะคิดถึงมัน รู้แต่เพียงว่าสตรีชื่อหลี่เฉียนเหมยกำลังเผชิญอันตรายคุกคามถึงชีวิต หากเขาไม่ช่วยนางก็ไม่มีวันมีความสุข เพราะเขาเป็นหนี้นางสิบปีที่ยากจะหวนคืน!
คำพูดง่ายๆทั้งห้าคำนี้บรรจุทุกอย่างเอาไว้!
เพียงหนึ่งก้าว ท้องฟ้าสั่นเทา หวังหลินเคลื่อนที่ดุจอุกกาบาตเผาไหม้พุ่งไปข้างหน้า
สตรีชุดขาวที่ถูกเขาพามาด้วยอยู่ในอวกาศ และทั้งสองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางจ้องมองหวังหลินอย่างตกตะลึง ความเร็วดุจเสียงนี้ทำให้รู้สึกเหมือนอวกาศกำลังฉีกกระชาก ราวกับกระบี่เล่มใหญ่กำลังแทงใส่อวกาศ เป็นความเร็วที่นางตกตะลึง!
นางกระทั่งสัมผัสความมุ่งมั่นของหวังหลินจากความเร็วนี้! เป็นกลิ่นอายที่คงไม่อาจหยุดได้แม้จะมีสักหมื่นคนต้องการให้เขาตาย!
“ในเขตระดับสามหรือต่ำกว่าไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย สำนักวิญญาณทะเลแห่งเขตระดับสี่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปสำนักเพลงสวรรค์ในเขตระดับหกซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของสำนักอมตะ พวกเขามีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังสำนักอมตะแห่งเขตระดับแปด…”
“สำนักอมตะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปถึงเขตระดับเก้าที่รวดเร็วที่สุด! เมื่อเราอยู่ที่เขตระดับเก้า ข้าจะบอกว่าสำนักมารตั้งอยู่ที่ไหน!”
“นี่เป็นความเร็วที่เร็วที่สุด แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจำเป็นต้องใช้ผลึกดั้งเดิมจำนวนมากและข้ามีไม่พอ ปกติค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ได้ใช้กันบ่อยและพวกเขาคงไม่ปล่อยให้ยืมได้ง่ายๆ…”
คำพูดของนางไม่ได้รับการตอบสนองจากหวังหลิน หลังจากเขาพูดออกไปห้าคำก็เงียบสนิท ความเงียบนี้ทำให้เกิดแรงกดดันทรงพลังที่ทำให้นางหวาดกลัว นางไม่คาดคิดว่าจะรู้สึกเสียใจที่บอกเขาไปทุกอย่าง
นางรู้สึกได้ลางๆว่าหลังจากเด็กหนุ่มได้ยินทุกอย่างที่นางพูดไปและเอ่ยคำพูดออกมาห้าคำ เขาได้เปลี่ยนจากเทพไปเป็น…ปีศาจ!
อวกาศส่งเสียงดังลั่นกึกก้องยามที่หวังหลินเดินทางเร็วขึ้น เส้นผมสีขาวพลิ้วไหว เส้นเลือดบนใบหน้าบวมเป่ง ถึงจะมีบางอย่างขัดขวางเขา มันคงไม่ทำให้เขาล่าถอย!
เขตระดับสองกว้างใหญ่ แต่ต้องขอบคุณความเร็วของหวังหลิน สายหมอกในเขตระดับสองจึงถูกผลักออกไปราวกับไม่กล้าเข้าใกล้ อสูรทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในหมอกต่างก็ถอย พวกมันรู้สึกได้ว่าเทพสังหารกำลังเดินทางผ่านจึงไม่กล้าขัดขวาง พวกมันอาจจะตายได้!
เขตระดับสองวูบวาบยามที่หวังหลินเดินทางผ่าน เสียงดังสนั่นผ่านไปและเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่แทบจะแยกเขตระดับสองออกเป็นครึ่งส่วน!
ด้วยความเร็วนี้หวังหลินจึงพุ่งออกจากเขตระดับสองและเขตระดับสาม เขาเข้าสู่เขตระดับสี่ ก้าวไปบนแผ่นดินที่เป็นที่ตั้งของสำนักวิญญาณทะเล!
สำนักวิญญาณทะเลเป็นสาขาหนึ่งของสำนักวิญญาณสงบ ตั้งแต่ที่สำนักวิญญาณสงบเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตระดับแปด สำนักวิญญาณทะเลจึงเป็นสำนักอันดับหนึ่งในเขตระดับสี่อยู่เสมอ ยากที่จะมีใครกล้าล่วงเกิน
จ้าวสำนักเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์สูงสุด เขาทรงพลังพอจะอยู่เหนือเขตระดับสี่!
ตอนนี้บนแผ่นดินสำนักวิญญาณสงบเป็นยามกลางคืน เซียนทั้งหมดกำลังฝึกฝนและจ้าวสำนักกำลังนั่งอยู่ในห้องลับของตัวเอง ตอนนี้เสียงดังสนั่นกึกก้องและทั้งแผ่นดินสั่นเทา
แรงสั่นเทาไม่ได้รุนแรงแต่มันก็มากพอจะปลุกเซียนทั้งหมด จ้าวสำนักวิญญาณทะเลลืมตาขึ้นมาและรีบออกจากห้อง เหล่าผู้อาวุโสของสำนักพุ่งติดตามออกไปด้วย
วินาทีที่พวกเขาปรากฏตัว พลันเห็นค่ายกลป้องกันส่องแสงสว่างเจิดจ้า พวกเขาตกตะลึงพลางเฝ้าดูค่ายกลพังทลายด้วยมือยักษ์หนึ่งคู่กำลังฉีกมันเปิดออก ร่างหนึ่งก้าวเข้ามาบนแผ่นดินหลังจากค่ายกลป้องกันโดนทำลายไปแล้ว!
ก่อนที่จะพูดอะไรได้ น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลายส่งเสียงกึกก้องไปทั่วฟ้า!
“เปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายและเอาผลึกดั้งเดิมทั้งหมดมาให้ข้า ไม่เช่นนั้น…ตาย!” จบประโยค หนุ่มผมขาวปรากฏตัวด้วยสีหน้ามืดมน เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียวแต่ความหมายของมันทำให้คนของสำนักต่างหวาดกลัว!
จ้าวสำนักวิญญาณทะเลเกิดอาการตัวสั่น แม้จะมองไม่เห็นระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้ แต่การฉีกกระชากค่ายกลป้องกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากได้ยินคำพูดของเขาจึงคำนับฝ่ามือและกำลังจะพูด ทว่าสายตาประสานกับสายตาหวังหลิน ความคิดสั่นเทาและกระอักโลหิต ใบหน้าซีดเผือดทันที
หวังหลินไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่จ้าวสำนักวิญญาณทะเลอ่อนแอเกินไป และเมื่อสองสายตาประสานกัน ความคิดอีกฝ่ายไม่มั่นคงและบาดเจ็บเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหวังหลิน!
“ขอรับ!!” จ้าวสำนักตอบสนองอย่างเคารพและพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล เขาสั่งการให้เหล่าผู้อาวุโสเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายและส่งผลึกดั้งเดิมออกไป
เขาไม่สงสัยว่าถ้าตนเองช้าหรือลังเลเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายคงเริ่มฆ่าไปแล้ว!
เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เซียน แต่เป็นอสูรดั้งเดิมที่จุติมายังโลกด้วยจิตสังหารเข้มข้นมหาศาล!
คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะเปิดออก ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดนั่งลงเพื่อเร่งกระบวนการเพราะเทพสังหารกำลังมองจากเบื้องบนด้วยความเย็นเยียบ
หวังหลินไม่มีเวลารอคอย แม้จ้าวสำนักวิญญาณทะเลจะเปิดมันด้วยตัวเอง คงใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เขาไม่สามารถรอได้นานขนาดนี้
ขณะที่ค่ายกลเปิดใช้งานอย่างช้าๆ หวังหลินก้าวเท้าออกไป แขนขวากดลง!
โลกสั่นเทาพร้อมกับพลังดั้งเดิมในโลกรวบรวมกันเข้าหาค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างบ้าคลั่ง ราวกับมันพยายามเติมเข้าไปจนระเบิด!
หวังหลินใช้วิธีที่ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงแก่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อให้มันเปิดออกในพริบตา หวังหลินก้าวเข้าไปข้างในและหญิงขราติดตามไปด้วย
หลังจากรับผลึกดั้งเดิมที่สำนักวิญญาณทะเลเตรียมการให้ หวังหลินและหญิงชราหายตัวไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย
ชั่วขณะที่ทั้งสองหายตัวไป เสียงแตกร้าวลอดออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย ปรากฏรอยแตกหลายแห่งและมันก็พังทลายทันที
“ข้าต้องไปเพราะกำลังรีบ ข้าทำลายค่ายกลเจ้าไปและเอาผลึกดั้งเดิมมา ในอนาคตข้าจะคืนให้เจ้าเป็นสิบเท่า!” เสียงหวังหลินดังกึกก้องอยู่ในหูของเซียนสำนักวิญญาณทะเล
…………………………………