Skip to content

คู่แฝดแสบสุดขั้ว 1

Cover Kf

วันที่เริ่มเขียน 6 กุมภาพันธ์ 2551

คู่แฝดแสบสุดขั้ว

Chapter 1

ขอหย่า

ณ บ้านเดชารงค์ บนเนื้อที่ 5 ไร่กว่าๆใจกลางกรุงเทพมหานคร ภายในห้องทำงานอันโอ่อ่าของพลเอกณรงค์ฤทธิ์ เดชารงค์ ผู้บัญชาการกองทัพบกและประธานกรรมการบริษัทเดชารงค์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย พลเอกณรงค์ฤทธิ์ผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังนั่งอ่านรายงานผลกำไรประจำไตรมาสบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าพอใจ พลัน! เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พลเอกณรงค์ฤทธิ์จึงเงยหน้ามองประตูห้องพร้อมกับพูดว่า “เชิญครับคุณคุณหญิง”

ก็ดึกขนาดนี้แล้วมีแต่ศรีภรรยาสุดที่รักของเขาเท่านั้นแหละที่กล้ามาเคาะประตูอย่างนี้ คุณหญิงจิตตรา เดชารงค์ภรรยาของพลเอกณรงค์ฤทธิ์จึงเปิดประตูห้องเข้ามาเมื่อได้ยินสามีอนุญาต เธอถามสามีด้วยความเกรงใจว่า “จิตตรามารบกวนคุณหรือเปล่าคะ?”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับยิ้มกว้างก่อนเอ่ยเย้าแหย่ผู้เป็นภรรยาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ครับ คุณหญิงมีอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ? ขอเชิญคุณหญิงได้โปรดบัญชามาได้เลยขอรับ”

“คุณณรงค์คะ คือว่าจิตตรามีเรื่องจะบอกน่ะค่ะ”

สีหน้าเคร่งเครียดของคุณหญิงจิตตราทำให้พลเอกณรงค์ฤทธิ์สงสัยยิ่งนักว่าภรรยาของเขากำลังมีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ เขาจึงเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

คุณหญิงจิตตราปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ สามี

“มีเรื่องอะไรจะบอกผมเหรอครับ?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์กุมมือภรรยาเอาไว้ คุณหญิงจิตตรามองหน้าสามีอยู่นานด้วยสีหน้าอึดอัดใจ “เอ่อ…”

เธอไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหมนะ

“เอ่อ…คือว่า…คือว่า…เฮ้อ…” เธอถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกก็ยังไม่กล้าพูด “เอ่อ…คือ…”

จนพลเอกณรงค์ฤทธิ์รู้สึกสงสัยยิ่งนักว่าภรรยาของเขามีเรื่องหนักอกหนักใจอะไรนักหนา “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือครับ?”

คุณหญิงจิตตราสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “ฮึ่ม!”

แล้วตัดสินใจว่ายังไงซะวันนี้ก็ต้องพูดให้ได้ เธอจึงค่อยๆ พูด ช้าๆ ชัดๆ ทีละคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณณรงค์คะ จิตตราต้องการหย่าค่ะ”

“อะไรนะคุณ!? คุณพูดใหม่อีกทีซิ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ตกใจมองหน้าภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาต้องหูฝาดไปแน่ๆ ‘ใช่ๆ ต้องหูฝาดแน่นอน!’

คุณหญิงจิตตราจึงย้ำประโยคเดิมอีกครั้งว่า “จิตตราต้องการหย่าค่ะ”

“เพราะอะไรหรือครับคุณจิตตรา? ผมทำอะไรผิดหรือครับคุณถึงขอหย่าจากผม?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ถามภรรยาด้วยสีหน้างงงวยอย่างที่สุด ‘ทำไมถึงอยากหย่าล่ะ?’

เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาจนถึงขณะนี้ก็ร่วม 25 ปีแล้ว ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาและภรรยาทะเลาะกัน อย่างมากก็แค่ขัดคอกับแง่งอนกันบ้างตามประสาสามีภรรยาเท่านั้น

“จิตตราจะแต่งงานใหม่ค่ะ จิตตราจะแต่งงานกับทอมสันค่ะ แล้วจิตตราก็จะย้ายไปอยู่กับทอมสันที่แคนนาดาค่ะ” คุณหญิงจิตตราบอกอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เธอมองหน้าสามีที่กำลังตกตะลึงอึ้งงันอยู่

คำพูดของคุณหญิงจิตตราทำให้พลเอกณรงค์ฤทธิ์เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้เป็นอย่างดีเมื่อนึกย้อนไปในอดีตตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นสาว กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปี 1 สถานที่ๆ หล่อนได้รู้จักกับ ทอมสัน นักศึกษาชาวแคนนาดาซึ่งเป็นนักศึกษาในโครงการแลกเปลี่ยนจากแคนนาดา ผู้ซึ่งกุมหัวใจของเธอมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งตัวเขาเองเพิ่งจะมารู้ความจริงทีหลังว่าที่เธอแต่งงานกับเขานั้นเป็นเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานด้วย กว่าจะรู้ความจริงก็จนกระทั่งเธอได้ให้กำเนิดลูกชายให้กับเขาแล้ว และทางฝ่ายนายมิสเตอร์ทอมสันเองก็ได้แต่งงานไปกับเพื่อนคนหนึ่งของจิตตราหลังจากที่จิตตราแต่งงานกับเขาแล้ว ซึ่งทั้งคู่แต่งงานอยู่กินด้วยกันมาจนกระทั่งภรรยาของนายทอมสันได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้วโดยที่ทั้งคู่ไม่มีทายาทไว้สืบสกุลเลยซักคน คุณหญิงจิตตราก็เดินทางไปร่วมไว้อาลัยในพิธีฝังศพของเพื่อนคนนั้นด้วย และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณหญิงจิตตราและทอมสันหวนกลับมาสนิทสนมกันอีกครั้ง

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ลุกจากโซฟาเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำออกมารินใส่แก้วให้ตัวเองก่อนจะถามภรรยาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “แล้วคุณบอกลูกหรือยังครับ?”

“ยังค่ะ จิตตราต้องการคุยกับคุณก่อนแล้วค่อยบอกลูกทีหลังค่ะ” คุณหญิงจิตตราตอบเมื่อสามีกลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม

“ผมรู้ว่าที่ผ่านมาคุณไม่เคยรักผมเลย แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ได้ วันที่คุณขอ…หย่า…จากผม” พลเอกณรงค์ฤทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทำให้คุณหญิงจิตตราน้ำตาซึม เพราะถึงเธอจะไม่รักผู้เป็นสามีแต่เธอก็รู้สึกผูกพันกับเขาในฐานะพ่อของลูกและสามีที่ดีเลิศของเธอ หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้ม “จิตตราขอโทษ อึกๆ…”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ปาดน้ำตาบนใบหน้าภรรยาด้วยกริยาทนุถนอม “อย่าร้องไห้เลยคุณ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมต่างหากที่ผิด เพราะผมทำให้คุณกับเขาไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าไม่มีผมซะคนคุณก็คงจะแต่งงานกับเขา มีลูกด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทนอยู่กับคนที่คุณไม่ได้รักอย่างผม”

“อย่าค่ะ” คุณหญิงจิตตรารีบยกมือห้ามไม่ให้สามีพูดต่อ “คุณณรงค์ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นซิคะ คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเพราะอะไร ต่อให้ไม่มีคุณ คุณพ่อคุณแม่ของจิตตราก็ไม่มีวันยอมให้จิตตราแต่งงานกับทอมสันหรอกค่ะ แล้วจิตตราก็ไม่เคยต้องทนอยู่กับคุณเลย จิตตราอยู่กับคุณมาจนถึงตอนนี้จิตตรามีความสุขมากค่ะ แต่เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้คุณก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว ที่จิตตราขอหย่าเพราะจิตตราไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองต่อไปได้อีกแล้วค่ะ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์มองหน้าภรรยาด้วยความรักแล้วก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า “ผมรู้ เพราะผมรักคุณทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณไม่เคยรักผมเลย ผมจึงจะหย่ากับคุณตามที่คุณต้องการ ผมอยากเห็นคุณมีความสุขนะครับคุณจิตตรา”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะคุณณรงค์” คุณหญิงจิตตราพยักหน้าให้สามี น้ำตาอาบแก้มด้วยความรู้สึกสงสารเขาทั้งๆ ที่เขารักเธอมากเหลือเกิน เขาไม่หย่าให้เธอก็ได้ แต่ที่เขาทำไปก็เพราะเขารักเธอมากนั้นเอง

ณ อพาร์ทเม้นต์สุดหรูใจกลางเมืองนิวยอร์ก ปฐวี เดชารงค์ลูกชายคนเดียวของพลเอกณรงค์ฤทธิ์และคุณหญิงจิตตรากำลังนั่งอ่านธีซิสที่จะต้องพรีเซ้นต์ต่อหน้าคณะอาจารย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะถ้าหากเขาพรีเซ้นต์ไม่ผ่านนั่นหมายถึงว่าเขาจะต้องรอพรีเซ้นต์ธีซิสใหม่อีกครั้งในปีหน้าและทำให้เขาจบปริญญาโทช้าไปถึง 1 ปี แน่นอนว่าเขาจะต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ ใบหน้าหล่อคมเข้มขั้นเทพยิ่งกว่าดาราซุปเปอร์สตาร์จึงย่นคิ้วนิ่วขมวดจนแทบจะผูกโบว์ได้ พลัน!เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปฐวีเอื้อมมือไปรับโดยไม่ทันมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ฮัลโหล”

“ฮัลโหลจ้ะลูก”

ปฐวีละสายตาจากจอโน๊ตบุ๊คทันทีเมื่อได้ยินเสียงแม่

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมกำลังคิดถึงคุณแม่อยู่เชียวครับ” เขาอ้อนทันที

“แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกันจ้ะ” คุณหญิงจิตตราบอกแล้วถามว่า “เป็นยังไงบ้างจ๊ะลูก? วีสบายดีไหมจ๊ะ? อากาศหนาวมากรึเปล่า?”

“ผมสบายดีครับแม่ วันนี้ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ครับ แต่เห็นข่าวเขาว่าอีกซัก 2 วันหิมะอาจจะตกครับ แล้วแม่ละครับสบายดีรึเปล่าครับ?” ปฐวีย้อนถาม ทำให้คุณหญิงจิตตราน้ำตาคลอเมื่อคิดว่าจะบอกลูกชายอย่างไรดีเรื่องที่เธอจะหย่าขาดจากสามี “แม่สบายดีจ้ะลูก”

“แต่เสียงคุณแม่เหมือนเป็นหวัดนะครับ”

คุณหญิงจิตตรารีบเช็ดน้ำตาทันทีพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ “แม่ไม่เป็นอะไรจริงๆ ลูก แม่สบายดีทุกอย่าง ว่าแต่เรื่องเรียนของลูกเถอะไปถึงไหนแล้วล่ะ?”

“ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวพรีเซ้นต์ตาตั้งเลยครับ พรุ่งนี้ก็จะพรีเซ้นต์แล้วล่ะครับคุณแม่ ถ้าพรุ่งนี้พรีเซ้นต์ผ่านก็จบแล้วล่ะครับ”

คุณหญิงจิตตรารีบอวยพรว่า “แม่ขอให้ลูกพรีเซ้นต์ผ่านนะจ๊ะ ลูกจะได้กลับบ้านไวๆ  แม่คิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้ว”

“สาธุ…ขอให้สมพรปากคุณแม่ด้วยเถอะครับ ผมจะได้กลับไปกินแกงเขียวหวานฝีมือคุณแม่เร็วๆ ครับ” ปฐวีหยอดคำหวานอ้อนแม่แล้วก็ถามว่า “แล้วคุณพ่อล่ะครับ?”

“คุณพ่ออยู่ในห้องทำงานจ้ะลูก” คุณหญิงจิตตราตอบแล้วก็รีบตัดบททันทีเมื่อน้ำตามันพานจะไหลให้ได้ “งั้นลูกก็เตรียมตัวพรีเซ้นต์ให้ดีนะจ๊ะ ดึกแล้วแม่ไปนอนก่อนล่ะ แม่รักลูกมากๆ นะจ๊ะ”

“ครับคุณแม่ ผมก็รักคุณแม่มากครับ กู้ดไนท์ครับ”

“จ้ะ กู้ดไนท์จ้ะลูก” คุณหญิงจิตตราตัดสายแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

“คุณหญิง” พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินเข้ามาในห้องรับแขกทันได้ยินภรรยาคุยกับลูกชาย เขาก็ถามว่า “เจ้าวีเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

“ตาวีสบายดีค่ะ” คุณหญิงจิตตราตอบแล้วรีบปาดน้ำตาทิ้ง พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินไปยืนตรงหน้าภรรยา

“คุณบอกเจ้าวีเรื่องหย่าหรือยังครับ?” เขาถามเสียงนุ่ม คุณหญิงจิตตราส่ายหน้า “ยังค่ะ พรุ่งนี้ตาวีจะต้องพรีเซ้นต์ธีซิส จิตตราไม่อยากให้ลูกคิดมากก็เลยยังไม่ได้บอกค่ะ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์พยักหน้ารับรู้ “ดีแล้วล่ะครับ เอาไว้ให้เจ้าวีเสร็จเรื่องธีซิสก่อนแล้วค่อยบอกก็ได้ครับ นี่ก็ดึกมากแล้วผมว่าเราไปนอนดีกว่าครับ”

คุณหญิงจิตตราพยักหน้ารับแล้วก็เดินตามสามีขึ้นห้องนอน

วันต่อมา ปฐวีโทรหาคุณแม่ทันทีหลังเดินออกจากห้องพรีเซ้นต์ คุณหญิงจิตตรารีบรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของลูกชาย “สวัสดีจ้ะลูก”

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมมีข่าวดีจะบอกครับ คือว่าผมพรีเซ้นต์ผ่านแล้วครับคุณแม่ ผ่านฉลุยเลยครับ” ปฐวีรีบบอกอย่างตื่นเต้นดีใจ ทำให้คุณหญิงจิตตราดีใจมาก “จริงเหรอจ๊ะลูก แม่ดีใจจริงๆ เลยที่ลูกจะเรียนจบโทแล้ว อย่างนี้ก็ต้องฉลองกันหน่อยนะจ๊ะ แล้วลูกจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่ล่ะ? แม่จะได้ไปรับ”

“ผมว่าจะไปจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้เลยครับถ้าวันมะรืนมีที่นั่งว่างผมก็จะกลับไปวันมะรืนเลยครับคุณแม่ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นผมขอไปฉลองกับเพื่อนๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจองตั๋วได้แล้วผมจะโทรไปบอกคุณแม่อีกทีนะครับ ผมรักคุณแม่มากนะครับ จุ๊บๆ ครับ”

“จ้ะลูก จุ๊บๆ จ้ะ”

แล้วปฐวีก็ตัดสายไป คุณหญิงจิตตราเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วก็หันไปบอกสามีว่า “คุณณรงค์คะ ตาวีบอกว่าพรีเซ้นต์ผ่านแล้วค่ะ”

“เหรอครับ ดีแล้วล่ะครับ” พลเอกณรงค์ฤทธิ์พยักหน้ารับรู้แล้วก็ก้มหน้าอ่านหนังสือธรรมะต่อ ท่าทีเฉยๆ ของสามีให้เธอนึกหมั่นไส้จึงหยิกหมับเข้าให้ “แหมคุณนี่ล่ะก็…ขอซักทีเถอะ”

“โอ้ย! คุณ ผมเจ็บนะครับ เรื่องอะไรมาหยิกผมล่ะครับ?” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ร้องลั่นรีบถูแขนตัวเองตรงรอยหยิก คุณหญิงจิตตราค้อนควับตาขุ่น “แหม ก็ลูกเรียนจบปริญญาโททั้งทีคุณพูดแค่ว่า…เหรอครับ…ดีแล้วล่ะครับ คุณพูดแค่นี้เองเหรอ คุณไม่ดีใจเลยหรือไงคะที่ลูกเรียนจบแล้วน่ะค่ะ”

“อ้าว…ก็แล้วคุณจะให้ผมพูดว่ายังไงล่ะครับ เจ้าวีเรียนจบก็ดีแล้วนี่ครับ มันจะได้รีบๆ กลับมาเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่เร็วๆ เพราะเดี๋ยวมันก็รีบแจ้นกลับไปเอาปริญญาเอกมาฝากคุณอีกใบ แล้วก็ทิ้งให้ผมนั่งบริหารบริษัทหลังขดหลังแข็งอยู่คนเดียว เอาไว้ให้มันจบปริญญาเอกแล้วกลับมาช่วยผมทำงานซิครับผมจะได้ร้องไชโยโห่หิ้วให้ลั่นบ้านเลย” เขาตอบภรรยาหน้าเฉย จนคนฟังนึกหมั่นไส้สุดกำลัง เธอลุกขึ้นค้อนควับๆ “ฮึ! ไม่อยากจะคุยกับคุณแล้วล่ะค่ะ จิตตราไปแช่น้ำร้อนดีกว่า หมั่นไส้นักเชียว เชอะ!”

แล้วเธอก็เดินไปเข้าห้องน้ำไป พลเอกณรงค์ฤทธิ์ได้แต่มองตามอย่างงุนงง “เออหนอ…เป็นงั้นไป”

แล้วเขาก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

คุณหญิงจิตตรานั่งรอลูกชายด้วยความกระวนกระวายตื่นเต้นดีใจอยู่ที่จุดรอผู้โดยสารขาเข้า ส่วนพลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็นั่งอ่านหนังสือในมือรออย่างใจเย็น

“พี่จิตตราคะ เที่ยวบินของตาวีจะแลนดิ้งแล้วค่ะ” จิตตรีน้องสาวของคุณหญิงจิตตรารีบเดินมาบอกหลังจากที่เที่ยวบินของสายการบินไทยจากนิวยอร์กขึ้นโชว์ว่ากำลังจะแลนดิ้งอยู่บนหน้าจอ

“ขอบใจจ้ะจิตตรี” คุณหญิงจิตตราพยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นเดินไปดูตารางสายการบินด้วยตัวเอง จิตตรีจึงหันไปพูดกับพี่เขยพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้ม “คุณพี่คะ เที่ยวบินของตาวีจะแลนดิ้งแล้วนะคะ”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมามองแล้วให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เมื่อน้องเมียทอดสายตาหวานเยิ้มหยดย้อยมาให้

“เหรอครับ…ขอบคุณครับ” เขาพูดแล้วปิดหนังสือในมือฉับ! จากนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินตามภรรยาไปโดยเร็วเมื่อน้องเมียทำท่าจะเข้ามานั่งข้างๆ เขาไม่เปิดโอกาสให้คุณเธองาบได้ หากเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงจะดีใจจนเนื้อเต้นที่น้องเมียแอบทอดสะพานอ่อยให้ตั้งแต่สาวยันแก่…เพราะไม่มีใครกล้าเอาไปทำเมีย

แต่ถึงมีโอกาสพลเอกณรงค์ฤทธิ์ผู้รักมั่นในศรีภรรยาตนก็หาทางเลี่ยงเรื่อยมา แถมน้องเมียของเขาคนนี้ก็ร้ายยิ่งนัก ปากร้าย ใจร้าย ขี้อิจฉาตาร้อน ริษยาเป็นที่หนึ่ง ใช้เงินฟุ่มเฟือยติดการพนันงอมแงมจนทรัพย์สินที่คุณเธอได้รับจากกองมรดกนั้นถูกคุณเธอผลาญละลายไปจนเกือบจะหมดเหลือเพียงบ้านที่ซุกหัวนอนกับตึกแถวย่านรังสิตที่ให้เช่าทำรายได้ให้คุณเธอยังพอมีกินมีใช้ แต่ก็ยังไม่พอให้คุณเธอเอาไปละลายในบ่อนจนต้องมาขอยืมเงินพี่สาวอยู่เป็นประจำ ซึ่งคุณหญิงจิตตราไม่ต้องการให้มรดกที่บรรพบุรุษหามาได้นั้นตกเป็นของคนอื่นจึงรับซื้อทรัพย์สินของน้องสาวไว้ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายในท้องตลาดมากนัก แต่เพราะเป็นเรื่องของพี่น้อง พลเอกณรงค์ฤทธิ์จึงไม่ยุ่งด้วย นี่ขนาดว่าคุณเธอยังไม่รู้ว่าคุณหญิงจิตตรากำลังจะหย่าจากเขาไปแต่งงานใหม่ยังให้ท่าไม่เว้นแต่ละวัน นี่ถ้ารู้เข้าก็คง…หยึ่ย!…ไม่อยากจะคิด!

จิตตรีกระฟัดกระเฟียดที่พี่เขยเดินหนีไปโดยไม่สนใจหล่อนเลยซักนิด ฮึ! ทำเป็นเมินดีไปเถอะ…มีโอกาสเมื่อไหร่ล่ะก็…แม่จะ…ปล้ำทำผัวเอาให้ดิ้นไม่หลุดเลยเชียว!

“เมื่อไหร่ตาวีจะมาซักทีนะ” คุณหญิงจิตตราเปรยกับตัวเอง พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินเข้าไปยืนข้างภรรยาแล้วก็บอกว่า “เดี๋ยวก็มาแหละคุณ เจ้าวีมันไปๆ มาๆ อยู่เป็นประจำคุณก็ยังไม่เลิกเห่อซักที รู้ว่ามันจะกลับวันไหนเป็นต้องรีบแจ้นมารอรับมันเลยเชียว”

“เอ๊ะคุณนี่! พูดอย่างนี้อยากจะโดนใช่ไหมเนี่ย อยู่ตรงนี้ฉันก็หยิกคุณได้นะคะ” คุณหญิงจิตตราหันไปเสียงเขียวใส่พร้อมขยับนิ้วเป็นปูหนีบ จนพลเอกณรงค์ฤทธิ์ต้องรีบถอยให้ห่างรัศมีมือของภรรยาพร้อมกับยกมือยอมแพ้ “ไม่เอาน่าคุณ ผมแค่ล้อเล้นเท่านั้นเอง”

คุณหญิงจิตตราสะบัดหน้าพรึ่ดค้อนควับๆ ให้สามี พลเอกณรงค์ฤทธิ์รีบเปลี่ยนเรื่อง ชี้ให้ภรรยาดูบนหน้าจอ “ดูนั่นซิ เครื่องแลนดิ้งแล้วล่ะคุณ”

“ฮึ!” คุณหญิงจิตตราค้อนขวับ! แล้วก็เดินไปรอหน้าประตูทางออกอย่างใจจดใจจ่อ

หลังจากยืนรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ปฐวีก็เดินออกมาปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นๆ คุณหญิงจิตตรารีบโบกมือเรียกด้วยความดีใจ “ตาวีแม่อยู่นี่ลูก”

ปฐวีเห็นแล้วรีบเดินเข้าไปหาทันที “คุณแม่”

นายนพคนขับรถรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณวี”

ปฐวีรับไหว้พร้อมกับยิ้มให้ “สวัสดีครับน้านพ”

แล้วเขาก็ส่งรถเข็นกระเป๋าเดินทางให้น้านพ จากนั้นเขาก็หันไปยกมือไหว้พ่อแม่ “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”

“แม่คิดถึงลูกมากที่สุดเลย” คุณหญิงจิตตราโผกอดลูกชายด้วยควาทคิดถึงแล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาเสียหลายที ปฐวกอดตอบ “ผมก็คิดถึงคุณแม่ครับ”

คุณหญิงจิตตรากอดลูกชายสมใจแล้วจึงปล่อยให้เขาได้ทักทายกับคุณพ่อบ้าง พลเอกณรงค์ฤทธิ์เดินเข้าไปกอดบ้างพร้อมกับตบบ่าถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ไงล่ะไอ้เสือ เที่ยวนี้จะอยู่ซักกี่วันล่ะ?”

“แหมคุณล่ะก็…ลูกก็ต้องอยู่นานๆ ซิคะ จริงไหมตาวี” คุณหญิงจิตตรารีบตอบแทนลูก ปฐวีพยักหน้ารับ “ครับคุณแม่”

แล้วเขาก็หันไปไหว้จิตตรี “สวัสดีครับคุณน้า”

จิตตรีรีบจีบปากจีบคอต่อว่าต่อขาน “แหม…คิดว่าจะลืมน้าซะแล้วซิ เห็นเอาแต่คุยกับคุณพ่อคุณแม่อยู่นั้นแหละ”

“โธ่…คุณน้าล่ะก็…ทำเป็นน้อยอกน้อยใจไปได้ ใครจะกล้าลืมคุณน้าคนสวยได้ลงคอล่ะครับ”ปฐวีรีบเข้าไปอ้อนพร้อมกับกอดคุณน้า ทำให้จิตตรียิ้มแป้น “จ้าๆ…น้าดีใจจริงๆ ที่ตาวีจบโทกลับมาซักที รู้ไหมคุณแม่เราบ่นกับน้าว่าคิดถึงเราเป็นประจำเลย ทีนี้พี่คุณหญิงจิตตราจะได้เลิกบ่นซักที”

“เอ้า กลับไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่อย่างนี้เมื่อไหร่จะได้ไปล่ะเนี่ย” พลเอกณรงค์ฤทธิ์ขัดขึ้นเพราะอยากกลับบ้านเต็มแก่ คุณหญิงจิตตราค้อนควับเข้าให้ “แหมคุณล่ะก็…บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ!”

“โธ่…ก็ผมเมื่อยขาจะแย่อยู่แล้ว คุณเล่นลากผมมารับเจ้าวีตั้งแต่ไก่โห่…” พลเอกณรงค์ฤทธิ์หยุดพูดทันควันเมื่อเห็นภรรยาทำปูหนีบหยับๆ “ไม่เอาน่าคุณ ใจเย็นๆ”

ปฐวีรีบห้ามทัพ “ไปกันเถอะครับคุณพ่อคุณแม่คุณน้า ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว ข้าวบนเครื่องไม่ค่อยอร่อยเลยครับสู้ฝีมือคุณแม่ก็ไม่ได้”

เขารีบเข้าไปอ้อนกอดเอวคุณแม่ คุณหญิงจิตตราเชิดใส่สามีแล้วก็หันไปพูดกับลูกว่า “งั้นก็รีบกลับบ้านเถอะ แม่ทำขนมจีนแกงเขียวหวานไว้ให้ด้วยนะจ๊ะ”

“เย้! คุณแม่น่ารักที่สุดเลยครับ” ปฐวีดีใจรีบหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ คุณหญิงจิตตราหอมกลับแล้วก็บอกว่า “ไปกันเถอะจ้ะ”

ปฐวีเดินโอบแม่พร้อมกับคล้องแขนพ่อเดินตามคนขับรถไป ส่วนจิตตรีก็เดินตามไปติดๆ

หลังจากที่ปฐวีกลับมาเมืองไทยได้ 3 วัน คุณหญิงจิตตราก็ตัดสินใจว่าจะบอกลูกเรื่องหย่า “วีจ๊ะ คือว่าแม่…….”

ครั้นบอกแล้วปฐวีก็ลุกขึ้นยืนกระฟัดกระเฟียดใส่คุณแม่ทันที “ไม่ได้นะครับคุณแม่ ผมไม่ยอมเด็ดขาด! ทำไมคุณแม่จะต้องหย่ากับคุณพ่อด้วยล่ะครับ? ทำไมครับ? ทำไมคุณแม่จะต้องแต่งงานใหม่ด้วยล่ะครับ?”

“แม่คุยกับคุณพ่อแล้วน่ะจ้ะ” คุณหญิงจิตตราตอบอย่างใจเย็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปฐวีอารมณ์เย็นตามไปด้วย “ยังไงผมก็ไม่ยอม!”

พลเอกณรงค์ฤทธิ์ทนดูพฤติกรรมที่เริ่มจะก้าวร้าวของลูกชายต่อไปไม่ไหวก็ลุกขึ้นตวาดเสียงดังว่า “เอ๊ะ! เจ้าวีนี่ชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะ แกจะให้แม่เขาแต่งงานใหม่ทั้งๆ ที่ยังไม่หย่ากับพ่อรึไงห๊า!”

“คุณคะ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ” คุณหญิงจิตตรารีบห้ามทัพด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ปฐวีชะงักไป! เขารีบยกมือไหว้ “ผมขอโทษครับคุณแม่คุณพ่อ”

แล้วเขาก็เดินปึงๆ ออกจากห้องรับแขกไปด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจและยังทำใจไม่ได้ที่พ่อแม่จะหย่าขาดจากกัน พลเอกณรงค์ฤทธิ์หันไปปลอบใจภรรยาว่า “ปล่อยมันไปก่อนเถอะคุณ เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็ทำใจได้เองแหละ”

“ค่ะคุณ” คุณหญิงจิตตราพยักหน้ารับอย่างกังวลใจ เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้กระทบกระเทือนใจลูกยิ่งนัก

หลายวันต่อมา พลเอกณรงค์ฤทธิ์ก็พาคุณหญิงจิตตราไปจดทะเบียนหย่าที่สำนักงานเขตอย่างเงียบๆ โดยที่ปฐวีค้านหัวชนฝาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากจะเห็นแม่เป็นทุกข์

หลังจากหย่าขาดจากสามีแล้วคุณหญิงจิตตราก็ย้ายออกจากบ้านเดชารงค์ไปอยู่คอนโดที่พลเอกณรงค์ฤทธิ์สร้างเอาไว้และยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเธอ จิตตรีรีบแจ้นไปหาพี่สาวทันทีเมื่อรู้ข่าว “พี่จิตตราจะแต่งงานใหม่จริงๆ เหรอคะ?”

“จริงจ้ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!