1323. เพลิงนรกานต์
พื้นที่ระยะหมื่นฟุตหดลงในร่างหวังหลิน แต่หวังหลินกลับจ้องไปในอวกาศอย่างตะลึงงัน หลังจากผ่านไปสักพักจึงได้สติ มีสีหน้าประหลาดใจและความไม่เชื่อปะปนกันอยู่
ร่างกายกะพริบวูบวาบและหายไป ปรากฏตัวอีกครั้งบนภูเขาและนั่งลง เขาตกตะลึงไปชั่วขณะและยังพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าเหลือเชื่อ
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที หวังหลินหลับตาลง ความคิดเข้าสู่ร่างกาย เหนือดวงวิญญาณดั้งเดิมมีวังวนทรงกลมลอยอยู่และข้างในคือโลกแห่งสายลมและสายฝน!
ถึงแม้โลกใบนี้จะปกคลุมพื้นที่ระยะหมื่นฟุตตอนอยู่ข้างนอกร่างเขา แต่ข้างในร่างกลับไร้ขอบเขต! วินาทีนี้มีแผ่นดินหลายแห่งกำลังลอยอยู่ในดินแดน พวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากตราประทับผนึกเทพที่แตกสลายไป…
บนแผ่นดินมีหลายขนาดและมีวิญญาณรบอยู่ด้วย พวกดวงวิญญาณไม่ได้ส่งเสียงร้องโหยหวน พวกมันเพียงแค่นั่งลง ควันสีขาวนวลผุดออกมาจากศีรษะแต่ละคนและถูกดินแดนดูดซับ ขณะเดียวกันกลิ่นอายพวกนี้ก็ตรงเข้าสู่ความคิดหวังหลินเข้าหาห้าแก่นแท้
ห้าแก่นแท้ของหวังหลินเป็นเสมือนต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่มีกลิ่นอายสีขาวนวลล้อมรอบและปลดปล่อยพลังชีวิตหนาแน่น!
‘นี่…นี่มัน…’ หวังหลินยังคงตกใจ ยิ่งเขาจำกลิ่นอายสีขาวนวลนี้ได้จึงทำให้อาการตกตะลึงเพิ่มมากขึ้นไปอีก ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางจิตใจ
ไม่ใช่ว่าหวังหลินไม่คุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้ ตอนที่รูปปั้นปีศาจโบราณในดินแดนวิญญาณปีศาจถูกฉือซานทำพิธีสักการะ มันก็มีกลิ่นอายนี้ด้วยเช่นกัน…
ในทะเลเมฆา ตอนที่ต่อสู้กับฉุยต้าว วิชาสุดท้ายที่ฉุยต้าวใช้ออกมาก็มีกลิ่นอายนี้เช่นกัน…
การสนทนากับจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกและปรมาจารย์เต๋าความฝันได้ชี้จุดสำคัญทั้งหมดในการกลายเป็นเซียนขั้นที่สาม เพลิงนรกานต์!
หวังหลินไม่เข้าใจว่าเพลิงนรกานต์นั้นคืออะไรและถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ทว่าตอนที่เขาผสานโลกแห่งสายลมและสายฝนกับตราประทับผนึกเทพ ฉากเหตุการณ์นี้จึงตีแผ่ออกมาทำให้เขางุนงงเพิ่มไปอีก
วิญญาณรบทั้งหมดนี้คือคนที่ถูกเขาสังหาร แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหล่าศิษย์ที่เสนอเพลิงนรกานต์ให้ นี่คือโชคแห่งหวังหลินโดยแท้ มรดกของจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกและเป็นการแตกแขนงที่ไม่สามารถทำซ้ำได้อีกครั้ง แม้กระทั่งปรมาจารย์เต๋าความฝันคงไม่คาดคิดว่าการสอนวิชาเต๋าผสานให้หวังหลินจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับนี้
ตราประทับผนึกเทพถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของแดนสวรรค์วายุ แดนสวรรค์วายุถูกสร้างขึ้นมาในอดีตเมื่อนานมากแล้วด้วยความสามารถของจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกเพื่อป้องกันไม่ให้ค่ายกลผนึกดินแดนดูดซับเพลิงนรกานต์ของดินแดนชั้นใน ซึ่งทำให้เพลิงนรกานต์สามารถปรากฏขึ้นในดินแดนชั้นในได้
ถึงแม้สี่แดนสวรรค์จะถูกทำลาย พวกมันคือวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการสร้างเพลิงนรกานต์! อย่างไรก็ตามหากเพียงแค่นี้มันก็คงไม่เพียงพอ แต่ชิ้นส่วนนี้ยังได้รับทัณฑ์สวรรค์อีกด้วย มันจึงเหมือนมีสวรรค์หล่อหลอมชิ้นส่วนนี้ด้วยตัวเองเพื่อกลายเป็นสมบัติของหวังหลิน!
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้เพลิงนรกานต์ถือกำเนิดขึ้นจากการหลอมด้วยทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง
หวังหลินได้ของสิ่งนี้มาโดยไม่ตั้งใจเพื่อจะใช้ไสยเวทย์ เขาใช้เขตแดนแห่งชีวิตและความตายก่อสร้างนรกสิบแปดชั้นขึ้นมาดูดซับดวงวิญญาณทั้งหมดที่เขาฆ่าเพื่อให้ไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ ขณะที่วันเวลาผ่านไปพลังอำนาจในการสรรค์สร้างเพลิงนรกานต์จากชิ้นส่วนแดนสวรรค์จึงเต็มไปทั่วทั้งนรกสิบแปดชั้น
ทว่าเมื่อไม่มีโอกาสกระตุ้นมัน พลังนี้จึงค่อยๆสูญสลาย หวังหลินคงไม่มีวันพบความผิดปกติอันใดได้เนื่องจากพวกวิญญาณรบแค่ล้อมรอบด้วยพลังอำนาจเพื่อสร้างเพลิงนรกานต์ขึ้นมาและไม่ได้ปลดปล่อยออกไป
โอกาสนี้ผ่านเข้ามาเมื่อปรมาจารย์เต๋าความฝันผสานวิชาเรียกขานสายลมและอัญเชิญสายฝนให้กลายเป็นโลก! มันเหมือนการมอบรากให้กับต้นไม้ที่ไม่มีราก!
เมื่อหวังหลินพยายามผสานวิชาไสยเวทย์และโลกแห่งสายลมและสายฝน จึงทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงและปรากฏโอกาสครั้งนี้ขึ้นมา!
แม้จะมีวิญญาณอยู่หลายดวงและเพลิงนรกานต์ยังอ่อนแอมาก อ่อนแอยิ่งกว่าเหล่าศิษย์สองพันล้านของฉุยต้าว แต่เพลิงนรกานต์นี้เป็นของจริง กุญแจสำคัญในการบรรลุขั้นที่สามและเป็นสมบัติแห่งเต๋าที่เซียนขั้นที่สามอยากจะช่วงชิง!
หวังหลินมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป เขาลืมตาขึ้นมาขบคิดเงียบๆก่อนจะโยนมันกลับไปในความคิด ยังมีอันตรายจากสตรีชุดขาวที่อยู่นอกเผ่าแพรฟ้า ถึงแม้เขาจะสร้างสมบัตินี้ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หากมันไม่ได้ช่วยเขาแก้ปัญหาเรื่องสตรีคนนั้นได้ มันก็ไร้ประโยชน์
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง แขนขวายื่นออกไปเปิดมิติเก็บของและมีกระดูกนิ้วยักษ์ข้างหนึ่งลอยออกมาในอากาศดูคล้ายกับแผ่นดิน!
กระดูกเทพโบราณชิ้นนี้เป็นเสมือนดาวเคราะห์เซียน ถึงแม้มันจะมีขนาดเพียงแค่ครึ่งเดียวจากของเดิมแต่มันก็มีกลิ่นอายหนาแน่นยิ่ง หวังหลินสัมผัสถึงกลิ่นอายนี้ได้ชัดเจนจากด้านล่าง
กลิ่นอายเก่าแก่ในนิ้วมือนั้นแข็งแกร่งมากจนแทบจะเป็นรูปเป็นร่าง แต่มันไม่สามารถดูดซับได้ มีเศษเสี้ยวพลังอำนาจข้างในที่ไม่ยอมให้ใครกลืนกินมัน
พอจดจ้องกระดูกนิ้วครึ่งส่วน ดวงดาวเทพโบราณของหวังหลินปรากฏขึ้นมาและหมุนอย่างช้าๆ เขาพยายามดูดซับมันแต่ก็ยังล้มเหลวในท้ายที่สุด
‘ต้าเสินใช้วิชาทรงแข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำให้ดาวของเขากลืนกินดัชนี เขาทำได้แม้กระทั่งกลืนกินเซียนขั้นที่สามเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดาวตัวเอง…อย่างไรก็ตามมันมีอำนาจอยู่ในกลิ่นอายเทพโบราณนี้ด้วย ดังนั้นการจะกลืนกินมันจึงยากสำหรับเขาแน่นอน…ทว่ามันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางดูดซับมัน…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างพลางยกแขนขวาขึ้นมาเปิดมิติเก็บของอีกครั้ง
เกิดแสงกะพริบวาบ แส้ฟาดวิญญาณลอยออกมาพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิมของชายชราผมขาวแห่งเผ่าจันทรา
ดวงตาของชายชรากำลังหลับสนิท อักขระเสี้ยวจันทราตรงกลางหน้าผากกะพริบมืดมัวต่อต้านกับแส้ฟาดวิญญาณ
‘ในเมื่อเผ่าจันทราครอบครองกระดูกเทพโบราณชิ้นนี้ พวกเขาต้องมีวิธีบางอย่างในการใช้มัน…’ หวังหลินส่งสายตาไปที่วิญญาณชายชราผมขาว
ระดับบ่มเพาะของเขาสูงส่งมาก แทบจะเทียบได้กับจักรพรรดิมังกรฟ้าที่เกือบจะถึงทลายสวรรค์ครั้งที่สี่ หากหวังหลินพบเจอเขาระหว่างทางคงไม่สามารถเทียบเคียงได้
อย่างไรก็ตามคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าเทียบไม่ได้พลังการโจมตีทรงพลังของต้าเสินและถูกต้าเสินทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นตอนที่กระดูกดัชนีแบ่งครึ่งออกจากกัน ร่างกายเขาจึงพังทลายเนื่องจากคลื่นกระแทกของกลิ่นอายเทพโบราณ
แม้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมยังได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งทำให้หวังหลินได้โอกาสจับตัวเขามา
อย่างไรก็ตามชายชราคนนี้ก็ทรงพลังมาก วิญญาณดั้งเดิมเปลี่ยนเป็นรูปร่างเหมือนร่างจริง หากไม่ใช่เพราะแส้ฟาดวิญญาณส่งผลต่อวิญญาณดั้งเดิม หวังหลินคงไม่สามารถผนึกเขาได้
ยามที่จ้องมองวิญญาณดั้งเดิมของชายชราผมขาว หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและชี้ออกไป แส้ฟาดวิญญาณเรืองแสงสีทองดำทันทีและหดลง วิญญาณอีกฝ่ายสั่นเทาและสีหน้าเผยความเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นมามองหวังหลินอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นเพียงแค่เทพโบราณหกดาว เผ่าจันทราของข้าฆ่าเทพแบบเจ้าไปเยอะมาก ถึงแม้เจ้าจะจับวิญญาณข้าได้ เจ้าจะทำอะไรได้? วิญญาณข้าเปลี่ยนเป็นรูปร่างแล้ว ข้าไม่ตายหรือโดนทำลายหรอก!” ชายชราแสยะยิ้มและหลับตา เขาหยุดสนใจหวังหลินและพยายามใช้พลังดั้งเดิม แต่ต้องขอบคุณแส้ฟาดวิญญาณที่ทุกอย่างโดนผนึก
หวังหลินไม่เอ่ยออกมาและเพียงแค่สะบัดแขนขวา แสงโลหิตกะพริบวาบปรากฏกระบี่โลหิตขึ้นมา เขาใช้กระบี่แทงใส่วิญญาณชายชราอย่างรุนแรง
กระบี่โลหิตแทงตรงใส่วิญญาณดั้งเดิมของอีกฝ่ายจนส่งเสียงร้องโหยหวน เขาพลันลืมตาขึ้นมาจ้องหวังหลิน ขณะที่ชายชรากรีดร้อง หวังหลินยกกระบี่โลหิตขึ้นและตัดเปิดวิญญาณดั้งเดิม
แก่นแท้วิญญาณดั้งเดิมจำนวนมากถูกปลดปล่อยและหวังหลินก็กลืนกินเข้าไป
“ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้รึ? เป็นแค่เผ่าทาสกล้าดีมาทำตัวโอหัง!” หวังหลินน้ำเสียงเยือกเย็น สะบัดกระบี่โลหิตอีกครั้งตัดเข้าใส่วิญญาณชายชรา ชายชรากรีดร้องโหยหวนุรนแรง ร่างกายสั่นเทาจ้องมองกระบี่โลหิตในมือหวังหลินด้วยความหวาดกลัว
“นี่…นี่มันกระบี่แบบไหนกัน!?!”
หวังหลินไม่ตอบคำถามชายชรา เขาสะบัดกระบี่โลหิตในมือเข้าหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่แยแส ยิ่งเวลาผ่านไปชายชราค่อยๆส่งเสียงกรีดร้องเบาลง เขาพอจะคาดเดาเจตนาหวังหลินได้และเริ่มตื่นตระหนก
หวังหลินไม่ได้จะฆ่าเขา แต่ทำให้เขาอ่อนแอไปเรื่อยๆ ด้วยแส้ฟาดวิญญาณ เขาจึงไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ทำได้เพียงมองแก่นแท้วิญญาณของตัวเองรั่วไหลออกไปทั้งยังไม่สามารถทำลายตัวเองได้อีก
ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง ชายชราอ่อนแอลงจนถึงขีดสุด พลังดั้งเดิมในร่างทั้งหมดรั่วไหลออกไปและมีรอยแผลปกคลุมวิญญาณ กระบี่โลหิตมีพลังดึงดูดเช่นกันจึงดึงพลังชีวิตเขาออกไปทุกครั้งที่ฟาดฟันลงมา ไม่เพียงแต่จะเจ็บปวดแสนสาหัสแต่เหมือนเขากำลังจะตาย
ขณะนั้นหวังหลินดวงตาส่องสว่าง ถอนกระบี่โลหิตออกมา แขนขวากดลงใส่วิญญาณดั้งเดิมของชายชรา ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปค้นหาความทรงจำของอีกฝ่าย!
เสียงกรีดร้องอ่อนแอของชายชราก่อนหน้านี้พลันดังขึ้น ร่างกายสั่นเทาและเริ่มต่อต้าน ทว่าในวินาทีที่เขาเริ่มต่อต้าน หวังหลินสะบัดแขนให้ปรากฏกระบี่โลหิตอีกครั้งตรงเข้าทิ่มแทงดวงวิญญาณของชายชรา
ชายชราร่างสั่นเทาและแรงต้านทานพังทลาย วิญญาณมืดมัวและร่างกายเปลี่ยนเป็นโปร่งใสราวกับสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ
ผ่านไปสักพักหวังหลินยกแขนขวาขึ้นมา สีหน้ากลายเป็นเคร่งเครียด
วิญญาณดั้งเดิมของชายชราผมขาวตอนนี้โปร่งใสที่สุดและเริ่มจะสลายไปอย่างช้าๆ ทว่าในขณะที่กำลังจะสลายไปนั้นมีแสงสีโลหิตกะพริบวาบ กระบี่โลหิตแทงทะลุผ่านศีรษะเข้าทำลายเขาให้แหลกเหลว!
เมื่อตายลงไป วิญญาณของชายชราผมขาวปรากฏขึ้นบนแผ่นดินในดินแดนแห่งสายลมและสายฝน เขานั่งอยู่ที่นั่นปลดปล่อยกลิ่นอายสีขาวนวลจำนวนมาก…
‘เผ่าจันทรามีขนาดใหญ่มาก กลุ่มที่ต้าเสินและข้าทำลายไปเป็นแค่กิ่งก้านสาขา ในดาราจักรโบราณ เผ่าจันทรายังมีอีกสามสาขา…ในสาขาหลักมีบรรพชนของเผ่าจันทราคนหนึ่ง เขาเป็น…เซียนขั้นที่สาม!’
‘ชายชราคนนี้ไม่เคยเจอราชันย์มาก่อนในชีวิต เขารู้แต่เพียงว่าเมื่อนานมาแล้ว ราชันย์ลอยล่องออกมาจากดินแดนชั้นในด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัสและกำลังฟื้นฟูตัวเองในสถานที่ลึกลับ!’
‘ผสมกับคำพูดของปรมาจารย์เต๋าความฝันเข้าด้วยกัน ราชันย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากเสียงคำรามอะไรบางอย่างในดินแดนชั้นในและหนีออกมาด้วยความตื่นตระหนก ถือว่าเรื่องนี้เชื่อถือได้! ราชันย์ปิดด่านบ่มเพาะอยู่เนื่องจากอาการบาดเจ็บ…ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาฟื้นฟูไปได้มากแค่ไหนแล้ว…’ ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและมองไปบนท้องฟ้า
‘ถึงเวลาออกไปแล้ว…สตรีชุดขาวคนนั้นคงยังรออยู่ที่นั่น…’
………………………………….