Skip to content

King of Gods 600

King Of Gods

บทที่ 600 เงามรณะที่น่ากลัว

“กองหนุน?” สีหน้าของผู่เฒ่าหน้าดำเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่างได้

เพียะ…

เส้นลำแสงที่มืดมิดพุ่งผ่านจากนอกดินแดนตรงดิ่งมาที่ทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว

เขาเชื่อคำพูดของจ้าวเฟิงอยู่เจ็ดแปดส่วน เพราะว่าจ้าวเฟิงออกมาเตรียมระวังยังด้านนอกนี้ก่อนเขา หนำซ้ำเห็นได้ชัดว่าเขาและ ‘กองหนุน’ นั่นมีประสาทสัมผัสที่เกี่ยวโยงกัน

“เป็นกลิ่นอายมรณะที่น่ากลัวยิ่งนัก! พลังของผู้มาเยือนอย่างน้อยๆ น่าจะอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสุดยอด” ใจของผู้เฒ่าหน้าดำเต้นกระตุก ประหนึ่งเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

แต่ทว่าเขาก็ยังคงยิ้มเย็น ไม่ได้มีทีท่าจะถอยหนีแม้แต่น้อย

วูบ!

ลำแสงสีชาดกวาดผ่าน ผู้เฒ่าหน้าดำผละออกจากวงของการต่อสู้ ก่อนทะยานผ่านฟ้าไป กลิ่นอายพลังปราณอัคคีบนเรือนร่างเพิ่มฉับพลันไปจนถึงระดับใหม่ แล้วร่างกายของเขาก็ตรงดิ่งไปที่ ‘เงามรณะ’

“นี่เขาคิดจะทำ…”

บนเรือทะเล จ้าวเฟิงและพวกต่างสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผดเผาในร่างกาย ปากลิ้นแสบแห้ง ไม่สบายตัวไปหมด

“เมฆาชาดกำราบฟ้า!” ผู้เฒ่าหน้าดำเป็นประหนึ่ง ‘ดวงอาทิตย์’ ที่เจิดจ้าแสบตา ปลดปล่อยพลังคลื่นเมฆสีแดงเพลิงทับซ้อนกัน เหมือนกับกลุ่มเมฆควันขนาดมหึมาหลังเกิดการระเบิด

โครม ตูม ตูม…

ภายในรัศมีสิบลี้ กลุ่มเพลิงไฟก้อนดังกล่าวพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ทลายทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง

ผู้เฒ่าหน้าดำที่อยู่ในครรลองสายตา ประหนึ่งว่ากลายเป็นอาทิตย์ที่สาดแสงเจิดจ้าไร้เทียมทาน พลังเพลิงปราณอัคคีไร้ขอบเขต สะเทือนเลือนลั่นถึงสนามรบที่อยู่ไกลๆ

“ช่างเป็นสายเลือดอัคคีที่น่ากลัวนัก!” พวกของจ้าวเฟิงบนเรือใจเต้นกระตุกถี่รัว

ตัวจ้าวเฟิงเองเรียกให้หุ่นเชิดศพต้องสาปร่วมมือกับเจ้าหอโครงกระดูก ก็ยังยากที่จะต้านทานพลังโจมตีในระดับนี้ได้

ในเวลาเดียวกัน เขาต้องนับถือในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของผู้เฒ่าหน้าดำ ขณะเผชิญกับเงามรณะแสนน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยพานพบมาก่อน ฝ่ายตรงข้ามกลับยังชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบโดยไม่รีรอสักนิด

“เมฆาชาดกำราบฟ้า…”

‘ดวงอาทิตย์’ สีแดงเพลิงเจิดจ้าปลดปล่อยกลุ่มคลื่นเมฆไฟเป็นชั้นๆ เป็นดั่งกลุ่มควันระเบิดสะเทือนแผ่นดินที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง

จากนั้นตรงดิ่งไปทางเงามรณะนั้น!

“เฮอะ! ตาแก่คนนี้ กล้าลงมือกับตัวแทนของพลังมรณะ”

‘เงามรณะ’ ที่สูงใหญ่ร่างดังกล่าวแค่นเสียงฮึออกมา แล้ววาดเส้นลำแสงสีดำสนิทพุ่งทะลุไปกลางอากาศด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นหลายส่วน

เพียะ เพียะ! โครม…

เงาสีชาดและเงาสีดำมืดปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง

ในวินาทีถัดมา

วูบ!

ทั่วผืนฟ้าเป็นประกายวูบวาบ กลิ่นอายมรณะและกลิ่นอายเพลิงหมุนวนพัวพัน เสียงทั้งหมดโดนกลบไปจนเกินคลื่นความถี่ที่หูจะรับไหว

เพียงแค่บางส่วนของพลังที่เล็ดลอดออกมาก็ทำลายภูเขาและแม่น้ำด้านล่างจนพังทลาย

โครม โครม ตู้ม!

ค่ายกลหุ่นเชิดศพทั่วเรือหลานเหลยปริร้าวเป็นชั้นๆ เรือหมุนคว้างอยู่ภายในคลื่นของกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว

อึก!

หลี่อวิ๋นหยากระอักเลือดออกมาเมื่อโดนโจมตีจากกลิ่นอายน่ากลัวนั้น

เคราะห์ดีที่ได้ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป อย่างน้อยก็สามารถลดทอนความรุนแรงของพลังราวสามสี่ส่วน

จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกเองก็ชุลมุนวุ่นวาย

วิ้ง~

กำแพงระลอกคลื่นน้ำที่หุ้มร่างกายจ้าวเฟิง หลั่งไหลออกมาสลายกลุ่มคลื่นพลังที่หลงเหลือ

“พลังของผู้เฒ่าหน้าดำผู้นี้อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เกรงว่าคงเป็นพวกชั้นยอด…”

จ้าวเฟิงเปิดผนึกดวงตาเทพเจ้า แล้วมองทะลุไปยังขอบฟ้าที่ไกลลิบ

“เมฆาชาด?แย่ละ! ผู้อาวุโสเว่ยเจอศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว มิฉะนั้นคงไม่ใช้เคล็ดวิชาลับสุดยอดขนาดนี้” ยอดฝีมือระดับสูงของ ‘วังลิ่วหวน’ ในสนามรบที่อยู่ไกลออกไปสัมผัสได้

ตุบ ตุบ! โครม โครม!

ใจกลางของกลุ่มเมฆเพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ ผู้เฒ่าหน้าดำและเงามรณะนั่นปะทะกันอย่างรุนแรงภายในเวลาอันรวดเร็ว

การโจมตีของผู้เฒ่าหน้าดำคล้ายเมฆเพลิงที่ระเบิดออก ดุดันอาจหาญ กดขี่ทุกสรรพสิ่ง

ทว่าเงามรณะนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง จนยากเกินจะคาดเดา

“ตาเฒ่า พลังก็พอตัวทีเดียว แต่ทว่าเจ้าขัดขวางแผนการของข้า” มือข้างหนึ่งของเงามรณะที่ล้อมรอบด้วยควันดำลอยกรุ่น ปรากฏกระบี่สั้นสีดำที่ไร้เงาในฉับพลัน

วูบ โครม!

กระบี่สีดำกลางอากาศนั้น ลำแสงกระบี่ของมันคล้ายเงาแหวกอากาศ ไอเหมันต์มรณะทะลวงผ่านดวงวิญญาณ ลำแสงเพลิงสีแดงสดกระจายออกมา พุ่งแทงไปที่ผู้เฒ่าหน้าดำ

“เจ้า…” ผู้เฒ่าหน้าดำตื่นตระหนก ร่างกายแข็งค้าง

นี่ขนาดว่าเขาพยายามหลบหลีกอย่างสุดความสามารถแล้ว กระบี่สั้นเล่มนั้นก็ยังแทงทะลุผ่านบ่าขวาอยู่ดี

ในระยะเวลาสั้นๆ ไอหนาวเหน็บแห่งความตายก็อบอวลไปทั่วร่าง มากพอที่จะสังหารผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงธรรมดาอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าผู้เฒ่าหน้าดำคนดังกล่าวก็ไม่ใช่ธรรมดา ระดับของพลังสายเลือดเทียบเท่าได้กับจ้าวเฟิง

โครม สวบ!

ผู้เฒ่าหน้าดำฝืนโคจรพลังสายเลือด ลำแสงสีชาดสว่างเจิดจ้า ก่อนเกิดเสียงหักของไหล่ด้านขวา

ค่าตอบแทนของการหักแขนตัวเองคือการที่เขาสามารถเอาชีวิตรอดไปได้ชั่วคราว

“ตายซะ!” น้ำเสียงของเงามรณะมีความเยือกเย็น ตามผู้เฒ่าหน้าดำมาติดๆ ราวกับเป็นเงาตามตัว

“ชีวิตข้าคงจบสิ้นเป็นแน่…” ผู้เฒ่าหน้าดำใจเต้นกระตุกถี่รัว ความเร็วของอีกฝ่ายว่องไวกว่าเขามาก

หากจะพูดเรื่องการโจมตี เขามีสายเลือดธาตุไฟที่แข็งแกร่ง ถนัดในการโจมตีไม่ด้อยไปกว่าฝ่ายตรงข้ามมากนัก

แต่ทว่าฝ่ายนั้นยังมีกระบี่สั้นไร้เงาที่ลึกลับ อบอวลไปด้วยพลังมรณะ เหนือกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิด และมากเพียงพอที่จะโจมตีราชันในขอบเขตปราณเทวะด้วย

ในสนามรบของสำนักสองดาว เหตุใดจึงมีศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้โผล่ออกมาได้?

“กองหนุนของเจ้าพลังแปลกประหลาดลึกล้ำยิ่งนัก พลังที่แข็งแกร่งของ ‘ทหารตรวจตรามรณะ’ ยังรับมือกับกระบวนท่าของเขาได้ไม่ถึงสองกระบวนท่า” หลี่อวิ๋นหยาสูดหายใจอย่างตื่นตะลึง

ขอบเขตพลังต่ำกว่าราชันปราณเทวะลงไป ยอดฝีมือในระดับนี้ล้วนแต่ดำรงอยู่อย่างไร้เทียมทาน

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!” จ้าวเฟิงตะโกนสุดเสียง ดวงตาซ้ายกลายเป็นบึงน้ำเหมันต์ที่ลึกล้ำไร้ขอบเขต

ภายในระยะเวลาอันสั้น กลิ่นอายหนาวเหน็บของจิตวิญญาณเหมันต์เล็งเป้าหมายไปที่ร่างของ ‘เงามรณะ’

ในสนามรบแห่งนี้ มีเพียงดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงที่พอจะสามารถตรึงที่ร่องรอยการเคลื่อนกายของ ‘เงามรณะ’ ได้

ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ สภาวะวิญญาณของเขาและพลังการฝึกตนเพิ่มขึ้น ทะเลสาบพลังดวงตาของดวงตาเทพเจ้าจึงขยายออกกว่าสามสิบจั้ง

แซ่ด!

เมื่อโดน ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ เล็งเป้าหมายไว้ ความเร็วของเงามรณะนั้นลดลงไปกว่าหนึ่งสองส่วน

“ดวงตาเทพเจ้าของข้ากับสายเลือดดวงตาที่เปิดผนึกออกจนหมด กลับลดทอนความเร็วของเขาได้แค่เล็กน้อยเพียงเท่านี้” ใจของจ้าวเฟิงพลันหนักอึ้ง

‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ เป็นวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ถ้าหากว่าตรึงเป้าหมายไปที่ผู้สูงศักดิ์ธรรมดาจะทำให้ความเร็วลดลงราวกับเต่าคลาน ต่อให้อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงธรรมดา ความเร็วก็น่าจะลดลงอย่างน้อยเกือบครึ่ง

แน่นอนว่าลดความเร็วลงไปส่วนสองส่วน ก็สามารถลดความเร็วในการโจมตีปลิดชีพของ ‘เงามรณะ’ ได้

โครม สวบ!

แผ่นหลังของผู้เฒ่าหน้าดำมีรอยเลือดไหลจนส่งเสียงร้องครวญคราง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ผู้เฒ่าหน้าดำพบว่าคนที่ช่วยชีวิตตนกลับเป็นจ้าวเฟิง

“เขาไม่ใช่กองหนุนของเจ้ารึ?” หลี่อวิ๋นหยามีสีหน้างุนงง ความคิดสับสนปนเปไปหมด

ตูม โครม โครม!

 

แต่ในช่วงเวลาความเป็นความตาย ผู้เฒ่าหน้าดำไม่ได้สนใจอย่างอื่นมากนัก ทุ่มเทพลังทั้งหมดกระตุ้นพลังสายเลือดและปราณที่แท้จริง ร่างกายเป็นประหนึ่งก้อนดวงไฟเจิดจ้า ระเบิดพลังไฟที่น่ากลัวพุ่งตรงดิ่งไปที่เงามรณะดังกล่าว

“ความเร็วของอีกฝ่ายเร็วมากนัก ถ้าหากจะหนี วินาทีถัดไปข้าคงต้องตายแน่ แต่ถ้าหากทุ่มเทพลังทั้งหมดต่อสู้สักหน่อย คงพอจะถ่วงเวลารอกำลังเสริมได้” ผู้เฒ่าหน้าดำสงบใจลงแล้วตั้งสติให้มั่น

พลังของทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าหน้าดำจะอยู่ในขอบแขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ไม่ว่าจะสภาวะจิตใจหรือว่าพลังก็จัดอยู่ในระดับยอดฝีมือ

“ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไร ความตายก็เป็นเรื่องที่ช้าเร็วต้องเกิดขึ้น” กระบี่สั้นสีดำในมือของเงามรณะกวาดเป็นเงาลำแสงเหมันต์ กลิ่นอายมรณะทะลุทะลวงทุกช่องทาง

โครม ตูม!

ผู้เฒ่าหน้าดำร้องโหยหวน เลือดสาดกระจายเต็มท้องฟ้า ร่างกายกระเด็นไปไกลกว่าสิบจั้ง

ถ้าหากว่าไม่ได้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงควบคุมความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของเงามรณะ ดาบนี้อาจจะปลิดชีพเขาไปแล้ว

“เนตรพิฆาตของข้ายังใช้ได้อย่างมากสุดก็สามสี่ครั้งเท่านั้น” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจ้องมองไปที่เงามรณะที่กำลังรวบรวมพลัง

เป็นเพราะว่าความเร็วในการเคลื่อนตัวของเงามรณะพลิ้วไหวจนแปลกพิสดารเกินไป สัดส่วนความสำเร็จของเนตรพิฆาตจึงต่ำลงกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไป

‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ สังหารยอดผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำในคราก่อนได้ เพราะฝ่ายตรงข้ามโดนโจมตีกลับจนได้รับบาดเจ็บ พลังวิญญาณและสายเลือดไม่มั่นคงแล้ว

วูบ!

เงามรณะบินเข้ามาใกล้ กระบี่ครั้งที่สามตรงดิ่งมาหมายสังหารผู้เฒ่าหน้าดำ

ผู้เฒ่าหน้าดำโดนกลิ่นอายมรณะแทรกซึมเข้ากัดกร่อนภายในร่าง บาดเจ็บภายในมากกว่าภายนอกหลายเท่าตัว จึงยากที่จะต้านทานกระบี่ครั้งที่สามได้

ในวินาทีนี้ ใจของจ้าวเฟิงเต้นถี่รัว ทันที่ผู้เฒ่าหน้าดำโดนสังหาร ตนเองจะต้องเป็นคนต่อไปแน่นอน

“ยั้งมือ!”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในชั้นของดวงวิญญาณ เป็นประหนึ่งเสียงที่แว่วมาจากโลกหลังความตาย พลังในขอบเขตปราณเทวะที่ยิ่งใหญ่เกินต้านทานทะลักไหลหลั่งเข้ามา

ยามนั้น ไอสวรรค์ในบริเวณใกล้เคียงเกาะตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อนขึ้น พลังที่ไร้รูปร่างตรงเข้ากดดันในชั้นดวงวิญญาณ

“ครึ่งก้าวสู่ราชัน…ขอบเขตปราณเทวะ…” รูปร่างของเงามรณะหยุดการโจมตีอีกครั้ง

ที่แท้ในเวลาดังกล่าว ครึ่งก้าวสู่ราชันคนที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ สาดพลังในขอบเขตราชันปราณเทวะแหวกตรงมายังเงามรณะ

ถ้าหากเป็นผู้สูงศักดิ์ธรรมดาโดนโจมตีโดยพลังมรณะนี้ มากกว่าครึ่งน่าจะวิญญาณหลุดลอย ต่อให้เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงธรรมดาก็ต้องหวาดกลัวแทบสิ้นสติ หรืออาจถึงขั้นจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บได้

พู่!

ผู้สูงศักดิ์หน้าดำก้าวผ่านความลำบากได้อีกครั้ง เขาจ้องเขม็งไปยังจ้าวเฟิง

แน่นอนว่าเขาทั้งโกรธโมโห แต่ก็รู้สึกว่าตนโชคดีอยู่ไม่น้อย ถ้าหากว่าไม่ได้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงกับ ‘พลังปราณเทวะ’ โจมตีเข้ามา เขาคงไม่อาจรอดมาได้จนถึงตอนนี้

“เหอะ! ก็แค่พลังขอบเขตปราณเทวะของครึ่งก้าวสู่ราชัน ยังคิดจะมาต่อสู้กับข้า”

เงามรณะยิ้มแย้มอย่างลำพองใจ กระบี่สั้นในมือปลดปล่อย ‘พลังมรณะ’ ที่บริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ พุ่งตรงไปปะทะพลังขอบเขตปราณเทวะของครึ่งก้าวสู่ราชัน

โครม~

พลังสูงสุดของชั้นดวงวิญญาณปะทะเข้าหากัน

สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอจำนวนนับไม่ถ้วนภายในรัศมีพันลี้ ตกใจจนวิญญาณแตกกระจายไปชั่วขณะ ภายในเรือก็มีโหลวหลานจื๋อสุ่ยกับพวกลูกเรือไม่น้อยที่ล้มพับลงไปในทันที

“พลังของขอบเขตราชันปราณเทวะยากที่จะต้านทานได้อย่างแท้จริง หากเป็นราชันปราณเทวะ เพียงแค่ห้วงความคิดเดียวก็ตัดสินความเป็นความตายของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้แล้ว ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าราชันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น”

ทะเลสาบพลังดวงตาของจ้าวเฟิงเกิดระลอกพลังเป็นชั้นๆ

ยังดีที่องค์ประกอบดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดวงตาเทพเจ้าก็มีคุณสมบัติพิเศษอย่างยิ่ง สามารถทนต่อการโจมตีในชั้นจิตวิญญาณได้

ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการปะทะของพลังปราณเทวะบนสนามรบ จ้าวเฟิงจึงผ่อนคลายเป็นที่สุด

“พลังมรณะ…เจ้าเป็นใครกันแน่…”

ครึ่งก้าวสู่ราชันของฝั่ง ‘วังลิ่วหวน’ ผู้นั้นลอยตัวอยู่กลางอากาศไกลๆ ใบหน้าซีดเผือด

‘พลังครึ่งก้าวสู่ขอบเขตปราณเทวะ’ ที่เขารวบรวมปล่อยออกไป กลับโดนฝ่ายตรงข้ามใช้พลังที่ประกอบอยู่ในอาวุธต้านทานไว้ได้

ไม่เพียงเท่านั้น พลังมรณะที่อาวุธในมือของเงานั่นสาดซัดออกมา ยังทะลักเข้ากัดกร่อนดวงวิญญาณเขาทีละน้อยด้วย

“ไม่ได้การ…พลังปราณเทวะของข้า”

‘ครึ่งก้าวสู่ราชัน’ ของวังลิ่วหวนผู้นั้นใบหน้าถอดสี เมื่อสัมผัสได้ว่าชั้นจิตวิญญาณของตนเองโดนกัดกร่อนจากกลิ่นอายมรณะ

และในเวลาที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก พลังปราณเทวะสองเส้นสายกำลังพัวพันชุลมุนกันอยู่นั่นเอง

วูบ สวบ!

ทันใดนั้น ‘ใบมีดสามชุ่น’ ก็พุ่งทะลวงออกจากภายในร่างของเงามรณะ

“อั่ก!”

เงามรณะร่างกายสั่นสะท้าน ใบหน้าตื่นตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วมองไปยังมีดสามชุ่นล้อมรอบด้วยกลิ่นอายรัศมีม่วงพิฆาตที่ค่อยๆ ชัดเจนเป็นรูปร่างขึ้นบริเวณหน้าอก

เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!

วิชาดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงทำร้ายศัตรูสำเร็จในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่ทั้งสองฝั่งกำลังประมือกัน

ฟู่~

บริเวณช่วงอกของเงามรณะเกิดเป็นควันสีดำลอยกรุ่น กลิ่นอายทำลายล้างกัดกร่อนภายในร่างกาย ถึงแม้ว่าเขาจะมีสภาวะความตายเป็นพิเศษ ก็ยังคงรู้สึกทนทานไม่ไหวอยู่ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!