Skip to content

King of Gods 602

King Of Gods

บทที่ 602 กริชจักรพรรดิเงาสังหาร

บนทะเลความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต ในฟากฝั่งที่ไกลออกไป

บนเรือสำเภาเหล็กสีดำประหลาดที่บรรทุกเงาของคนหลายคน

บุรุษหนุ่มหยางกวงและเด็กหญิงนัยน์ตาขาวนั่งเคียงข้างกัน เบื้องหลังมีเงาขนาดใหญ่สองร่างซึ่งเป็นองครักษ์แห่งความตายสองคน

“สี่ราชาจิตวิญญาณมรณะและสามสิบหกองครักษ์แห่งความตายกระจายกำลังไปทั่วกลุ่มดินแดนสิบกว่าแห่ง ถึงแม้ว่าตรามรณะทุกชิ้นจะสัมผัสอาณาเขตคร่าวๆ ได้ แต่ว่าในบริเวณที่กว้างใหญ่อย่างดินแดนทะเลความว่างเปล่า โอกาสที่จะหาคนเพียงคนเดียวสำเร็จนับว่าน้อยเต็มที…” บุรุษหนุ่มหยาวกวงเอ่ยเสียงต่ำ

หืม?

บุรุษหนุ่มหยางกวงฉับพลันรู้สึกได้ องครักษ์แห่งความตายเบื้องหลังเขาสองคนร้องขึ้นมาเบาๆ พร้อมกัน

พรึ่บ!

นอกจากเด็กหญิงนัยน์ตาขาวโพลน บุรุษหนุ่มหยางกวงและองครักษ์แห่งความตายสองคนพลิกตรามรณะในมือ

“ฝ่าบาทสามหรือองครักษ์แห่งความตายที่สามสิบสามพบเป้าหมายแล้ว”

“เขาอยู่ไกลจากพวกเรามากเหลือเกิน หากวิเคราะห์จากกระแสของข้อความแล้วน่าจะอยู่ห่างประมาณสองกลุ่มดินแดน” องครักษ์แห่งความตายสองคนเอ่ยอย่างยินดี

“ฮ่าฮ่า…จู่ๆ ก็โชคดีอะไรเช่นนี้ องครักษ์แห่งความตายที่สามสิบสามพบเป้าหมายเข้าจนได้” บุรุษหนุ่มหยางกวงยิ้มกว้าง

 

อาณาเขตสิบกลุ่มดินแดนกว้างใหญ่มากนัก คนนับสิบแยกย้ายกันตามหาในแต่ละที่ก็เปรียบได้กับการหาฝุ่นธุลีในมหาสมุทร ตามหาแบบนี้แต่กลับพบเป้าหมายเข้า ต้องยอมรับเลยว่าองครักษ์แห่งความตายที่สามสิบสามโชคดีไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

แกรก! แกรก! แกรก!

เด็กหญิงนัยน์ตาขาวโพลนตั้งใจจดจ่อวาดภาพออกมารูปหนึ่ง

“หืม?”

บุรุษหนุ่มหยางกวงหันศีรษะไปมอง บนภาพปรากฏเป็นทิวทัศน์แห่งหนึ่ง

ภาพยังไม่ทันจะวาดเสร็จ แต่ว่าอย่างแรกที่ปรากฏในรูปวาดดังกล่าวคือเงาสีดำร่างหนึ่ง ร่างภาพออกมาเป็นร่างขนาดใหญ่ ในมือถือกระบี่สั้นอยู่

“ไม่ผิดแน่! นั่นคือองครักษ์ที่สามสิบสาม” น้ำเสียงขององครักษ์แห่งความตายสองคนมีความลิงโลดเจืออยู่

ถัดจากนั้น

ในภาพวาดก็ปรากฏแมวตัวสีเทาเงิน ในมือถือกริชลึกลับกึ่งโปร่งแสง ลากเงาลำแสงออกมาเป็นเส้น

“คิกคิก ข้าอยากได้แมวตัวนี้จัง” เด็กหญิงนัยน์ตาขาวโพลนวาดภาพได้ครึ่งหนึ่งก็เอ่ยอย่างดีใจ

แต่สายตาของบุรุษหยางกวงและองครักษ์แห่งความตายทั้งสองกลับจับจ้องไปที่ของอีกสิ่งหนึ่งบนร่างมัน

“แมวตัวนั้น อาวุธในมือของมัน…” องครักษ์อีกคนเอ่ยอย่างตกใจ

ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง

ในดินแดนอู่เยวี่ย สนามรบของสำนักสองดาว

“ตุบ โครม!”

กริชลึกลับของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยต้านรับแทนจ้าวเฟิง

ฟุ่บ ฉับ!

ไม่เพียงเท่านั้น นิ้วสองนิ้วของเงามรณะก็ขาดลงพร้อมๆ กับเสียงดังกล่าวด้วย

“ร่างเงามรณะของข้าอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นจริงและมายา แล้วทำไมถึงได้…” เงามรณะพูดอะไรไม่ออกเป็นครั้งแรก ด้วยยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นได้

ไหล่ข้างหนึ่งของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย แล้วหางตาก็มองเห็นเจ้าแมวขโมยตัวหนึ่งนั่งอยู่บนบ่าของตนเอง

แมว?

คนทั้งสองฝ่ายรวมไปถึงครึ่งก้าวสู่ราชันที่กำลังบุกทะลวงเข้ามาสังหารล้วนแต่ตกใจไปชั่วขณะ

แมวตัวหนึ่ง…เป็นไปได้อย่างไร!

เงามรณะเหมือนว่าจะรับไม่ได้ ร่างเงาที่แข็งแกร่งของเขา ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไปยังยากจะทำร้ายได้แม้เพียงปลายขน

ร่างเงามรณะได้รับพลังมรณะจากจักรพรรดิแห่งความตาย อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นและความตาย อยู่ระหว่างร่างที่จับต้องได้และร่างเงา ในสภาวะแบบนี้สามารถป้องกันการโจมตีประเภทต่างๆ ได้ถึงเจ็ดแปดส่วน

แต่ว่าสภาวะอมตะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับโดนแมวขโมยตัวสีเทาแปลกประหลาดใช้กริชตัดนิ้วสองนิ้วขาดไป

“กริชนั่น…ช้าก่อน!” แววตาของร่างเงามรณะจับจ้องไปยังกริชลึกลับที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยใช้ทำร้ายเขา

กริชลึกลับด้ามนั้นกึ่งโปร่งแสง ลากเงาลำแสงใบมีดออกมา

กริชลึกลับนั่นมีกลิ่นอายลึกล้ำจนยากจะคาดเดา รอบๆ คมมีดเป็นเส้นสายวิบวับราวกับดวงดาราในยามราตรี มีเสียงเยือกเย็นให้ได้ยินอยู่เลือนราง

“หรือว่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สูงส่งที่ใช้สำหรับสังหารเงา…กริชจักรพรรดิเงาสังหาร!” องครักษ์แห่งความตายใจเต้นเร็วขึ้น

“กริชจักรพรรดิเงาสังหาร!” รูม่านตาของร่างเงามรณะหรี่เล็กลง เผยให้เห็นแววของความละโมภ ความยำเกรง และความวิตกกังวล

แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้หายตื่นตกใจ

แคว่ก!

กรงเล็บข้างหนึ่งของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็ตะปบเข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง

“อ๊าก!”

ร่างเงามรณะร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ถึงแม้เขาจะมีสภาวะเช่นนี้ ใบหน้ายังร้อนเห่อ เกิดความรู้สึกวิงเวียน

วูบ!

กลุ่มเงาที่เลือนรางจึงค่อยๆ เลือนหายไป

“เจ้าแมวขโมยตัวน้อย ทำได้ดีนัก” จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังมรณะเย็นยะเยือกที่กดร่างของตนจางหายไปโดยพลัน

ในเวลาสำคัญนั้นมีเพียงแค่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่ลงมือได้ทันเวลา

“ดูๆ ไปแล้วองครักษ์ผู้นั้นไม่ได้อยากจะลงมือสังหารข้าจริงๆ เหมือนอยากจะจับเป็นข้าเสียมากกว่า” ใจของจ้าวเฟิงสงบลง

การลงมือสังหารและการจับเป็นนั้นเป็นสองเรื่องต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ถ้าหากว่าองครักษ์แห่งความตายอยากสังหารจ้าวเฟิงแล้วล่ะก็ คงง่ายดายยิ่งกว่าการสังหารผู้เฒ่าหน้าดำ ด้วยลำดับขั้นพลังของทั้งสองต่างกันมาก

แต่หากดูจากเบาะแสต่างๆ ภารกิจที่แท้จริงขององครักษ์แห่งความตายไม่ใช่สังหารจ้าวเฟิง แต่เป็นการจับตัวกลับไป

“มิน่าล่ะ เขารู้ว่าผู้เฒ่าหน้าดำเป็นศัตรูของข้าแต่ก็ยังจัดการ นั่นเป็นเพราะว่าผู้เฒ่าคนนี้ก็เป็นปัจจัยที่อาจเอาชีวิตข้าได้” จ้าวเฟิงพลันเข้าใจกระจ่างแจ้ง

เมื่อเข้าใจตรงนี้ปรุโปร่งแล้ว เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าหากว่าเป้าหมายของ ‘องครักษ์แห่งความตาย’ คืออยากจะจับเป็นเขา ความยากก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมาก

“ไม่ว่าเจ้ามีสถานะอย่างไร แต่ในเมื่อสังหารน้องหก จงมอบชีวิตมาให้ข้าซะดีๆ…”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับดังมาจากห้วงนรกทะลวงผ่านมา แล้วกระทบไปยังชั้นของดวงวิญญาณทุกดวงในอีกฝั่งฟ้า

พลังขอบเขตปราณเทวะที่ยิ่งใหญ่เป็นหอกยาวประหนึ่งสายรุ้ง ตรงดิ่งไปยังร่างเงามรณะดังกล่าว

ในเวลานี้เอง

ครึ่งก้าวสู่ราชันที่อยู่ไกลออกไปก็โบยบินมาโจมตีร่างเงามรณะอย่างไม่ลังเล

ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้นั้นเป็นบุรุษหนุ่มสูงศักดิ์ ในแววตากลับมีเส้นเลือดสีแดงฉาน สายตาอาฆาตแค้นจับจ้องไปที่ร่างเงามรณะนั้น

“ขอบเขตราชันปราณเทวะ? ไร้ประโยชน์! ความแตกต่างอย่างมากที่สุดของครึ่งก้าวสู่ราชันและขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ก็คือการเปลี่ยนระดับของดวงวิญญาณ เมื่อมีพลังครึ่งก้าวสู่ขอบเขตราชันปราณเทวะ จะสามารถต่อกรคนในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งหมดได้” ร่างเงามรณะยิ้มเยือกเย็น ไม่มีวี่แววความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

สวบ สวบ โครม!

องครักษ์แห่งความตายที่อยู่บนสนามรบกระตุ้นเงามืดทมิฬเป็นเส้นสาย ความเร็วในการเคลื่อนร่างกายยากที่จะคาดเดาได้ ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่ราชัน ความเร็วก็ไม่อาจเทียบเท่าองครักษ์แห่งความตายได้

“พิฆาตเซียน บรรพตโกรธาวารีพิโรธ!”

บุรุษหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์ผู้นั้นลอยนิ่งอยู่กลางอากาศแล้วกางแขนสองข้างออก ทั่วทั้งร่างถูกห้อมล้อมด้วยลำแสงวาววับกึ่งโปร่งใส ก่อนจะสาดแสงแห่งเซียนที่น่ากลัวไปทั่วฟ้า

โครม~

ภายในดินแดนความว่างเปล่าสั่นสะเทือนน้อยๆ พลังที่หลั่งไหลประหนึ่งอุทกภัยทะลักไปทั่วในรัศมีสามสิบลี้

ทั่วแผ่นดินราวน้ำหลาก ภูเขาและแม่น้ำต่างสั่นไหว พระจันทร์พระอาทิตย์อับแสงลง

ที่มาของแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดนี้มาจากครึ่งก้าวสู่ราชันผู้นั้นทั้งสิ้น

“ครึ่งก้าวสู่ราชันมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” จ้าวเฟิงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เขาโบกธงค่ายกลเรียกเอาพลังทั้งหมดของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป เพียรพยายามจะสกัดกั้นพลังที่หลงเหลือ

หลี่อวิ๋นหยาผู้นั้นถูกย้ายเข้าไปภายในเรือแล้ว มิฉะนั้นร่างกายคงแหลกเละเป็นแน่

“เจ้าเองก็เข้าไปด้วย” จ้าวเฟิงโบกมือน้อยๆ เอาเจ้าหอโครงกระดูกเก็บเข้าไปภายในประคำหมื่นวิญญาณ

การโจมตีของครึ่งก้าวสู่ราชันสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ผู้ที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงลงไปจะต้องตายอย่างแน่นอน

วูบ~

 

ร่างกายของจ้าวเฟิงเกิดเป็นระลอกคลื่นพลังสีน้ำเงินเข้ม แล้วลดทอนดูดซึมพลังที่หลงเหลือในส่วนมาก

สภาวะวิญญาณของเขาเข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงขั้นสุดยอด สายเลือดวารีแข็งกล้า จึงสามารถยืนหยัดอยู่บนเขตแดนสนามรบได้เช่นนี้

โครม โครม สวบ~

ร่างเงามรณะใช้ท่าร่างที่รวดเร็วในการเคลื่อนย้ายร่าง ในที่สุดจึงโดนพลังต้านทานเข้า

แต่ด้วยมีคุณสมบัติอมตะของ ‘ร่างเงามรณะ’ เขาจึงยังไม่หยุดเข้าใกล้ครึ่งก้าวสู่ราชัน ภายนอกร่างกายมีควันสีดำลอยกรุ่น

“เพลงกระบี่เซียนมรณะ!” กระบี่สั้นในมือขององครักษ์แห่งความตายสร้างเงามีดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก พลังมรณะระลอกแล้วระลอกเล่าหมุนวนออกไปเรื่อยๆ

วูบ โครม ตูม!

ทันเห็นก็เพียงแต่เงามีดมรณะที่คมกริบเกาะกลุ่มกันจนถึงขีดสุด สะเทือนเลือนลั่นเป็นรัศมีกว่าหลายสิบจั้ง ก่อนปะทะเข้ากับครึ่งก้าวสู่ราชันอย่างจัง

“พู่กันราชาศักดิ์สิทธิ์!”

บุรุษหนุ่มสูงศักดิ์ยิ้มเย้ยหยันอย่างอวดดี โบกสะบัดอาวุธชั้นพิภพลึกลับในมือเบาๆ เกิดเป็นลำแสงเจิดจ้ากระเทือนไปทั่วทั้งเก้าทวีป ในแต่ละลำแสงจะทลายภูเขาขนาดใหญ่ราบลงเป็นหน้ากลอง

“พู่กันราชาศักดิ์สิทธิ์ของเทียมรึ? พู่กันราชาที่แท้จริงมาจากราชาศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์ในตำนาน สูงส่งพอๆ กับอาวุธชั้นพิภพระดับสุดยอด…” องครักษ์แห่งความตายสีหน้าตึงเครียด

ตูม โครม โครม!

ในอีกฟากหนึ่ง เมื่อลำแสงกับปราณมรณะปะทะพัวพันจนระเบิดออก คลื่นปราณที่น่ากลัวและเศษฝุ่นธุลีคละคลุ้งก็ปกคลุมทุกอย่างไปจนสิ้น

“ถอยก่อน!” จ้าวเฟิงเปิดผนึกดวงตาเทพเจ้าเพื่อกำหนดทิศทาง แล้วอาศัยการป้องกันของค่ายกลร้อยศพต้องสาปรีบตรงดิ่งไปยังฝั่งนอกดินแดน

“การต่อสู้ของระดับครึ่งก้าวสู่ราชา ไม่ว่าฝ่ายใดจะมีชัย พวกเราก็ยากที่จะหนีรอดทั้งนั้น”

จ้าวเฟิงสูดหายใจเข้าปอด พลังของเขายังไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่งกับการสู้รบในระดับนี้

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยตัวน้อยนั่งอยู่บนบ่าของเขาพลางหมุนกริชลึกลับในมือเล่น

“กริชจักรพรรดิเงาสังหารก็คือกริชลี้ลับด้ามนี้น่ะรึ? ขนาดนิ้วมือขององครักษ์แห่งความตายก็ยังตัดขาดได้” จ้าวเฟิงรู้สึกตกใจ

พลังของตัวเจ้าแมวขโมยตัวน้อยยากที่จะทำร้ายองครักษ์แห่งความตายได้

การช่วยเหลือจ้าวเฟิงเมื่อครู่ หรือกระทั่งการตัดนิ้วขององครักษ์แห่งความตาย ล้วนแต่เป็นเพราะพลังของกริชจักรพรรดิเงาสังหารทั้งสิ้น

ในยามก่อนที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยอยู่ในวิหารสือเฉิง และใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อให้ได้กริชลี้ลับชิ้นนี้ มันก็เคยสร้างความตื่นตระหนกแก่เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงมาแล้ว

สวบ…

เรือหลานเหลยรีบลี้ภัยออกจากทวีปต่างแดนอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าไปในอาณาเขตนอกดินแดนที่ทะเลความว่างเปล่า

 

หลังจากที่เข้าสู่ทะเลความว่างเปล่า แรงดึงดูดก็ลดลงอย่างมาก ความเร็วของเรือหลานเหลยจึงเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าอย่างรวดเร็ว และยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด

ระยะห่างระหว่างเรือหลานเหลยและสนามรบต่างแดนยิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ

เคร้ง โครม ตูม!

ยามออกจากสนามรบของสำนักสองดาว จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากการปะทะที่ยิ่งใหญ่ของราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสอง

แต่ทว่า

ระดับการประลองของขอบเขตปราณเทวะยิ่งสูง การรบด้านล่างในสายตาของพวกเขายิ่งเป็นดั่งการละเล่นของมดปลวก

“กลิ่นอายมรณะ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ในตำนานคนนั้น?”

ขอบเขตราชันปราณเทวะสองคนสังเกตพบการดำรงอยู่ของ ‘องครักษ์แห่งความตาย’

วูบ!

ห้วงคิดเซียนที่ยิ่งใหญ่ของหนึ่งในนั้นกวาดผ่านเรือหลานเหลยผ่านระยะทางหลายแสนลี้

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่ากลัวเหลือเกิน…”

ฝูงชนบนเรือหลานเหลยรู้สึกคล้ายจะหายใจไม่ออก ประหนึ่งยามเผชิญหน้ากับกลิ่นอายน่ากลัวของราชาวาฬทะเลความว่างเปล่าในตอนแรก

โชคยังดีที่ห้วงคิดเซียนกลุ่มนั้นเพียงกวาดผ่านไปครู่เดียวเท่านั้น

“เร็ว! รีบหนีออกจากสนามรบนี่” จ้าวเฟิงกระตุ้นสายเลือดวารีกับปราณที่แท้จริงแห่งวายุอัสนี แล้วหลอมรวมเข้าไปภายในค่ายกล

เพราะธาตุของเรือคือวารีอัสนี ปราณที่แท้จริงและพลังสายเลือดที่จ้าวเฟิงกระตุ้นออกมา จึงสามารถเพิ่มความเร็วได้ในระยะเวลาอันสั้น

วูบ…

เรือหลานเหลยแล่นฉิวผ่านไป กลิ่นอายของสนามรบสำนักสองดาวก็ค่อยๆ ห่างไกลออกไปทุกที

สองชั่วยามหลังจากนั้น

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเต้นกระตุกเป็นสัญญาณเตือนว่ามีกลิ่นอายมรณะเข้ามาใกล้

“เป้าหมายสังหาร เหอะ เจ้าจะหนีไปไหน ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องจับเป็นเจ้าก็คงไม่ยุ่งยากเช่นนี้ ทำให้ข้าต้องเข้าไปพัวพันกับการรบของสำนักสองดาวเสียได้” เงาสูงใหญ่ในสภาพขาดวิ่นตามมาจากด้านหลัง

คำสั่งล่าสังหารกำลังใกล้เข้ามา

“พวกเจ้าจงดำดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทร” จ้าวเฟิงเดินไปบนเสากระโดงแล้วถ่ายทอดคำสั่งในทันที

“หัวหน้าเรือ ท่าน…” โหลวหลานจื๋อสุ่ยและคนอื่นมีสีหน้าวิตกกังวลเมื่อเขาสั่งให้เรือดำดิ่งลึกลงไป

บนทะเลหมอกความว่างเปล่า

เหลือเพียงแค่ผู้เยาว์ผมสีน้ำเงินที่พยายามรักษาความสงบภายในจิตใจ ดวงตาเป็นประกายแวววับ จมอยู่กับความคิดที่ว่า

“ทางรอดเพียงทางเดียวคือต้องโจมตีกลับ…”

เพราะความเร็วขององครักษ์แห่งความตายรวดเร็วยิ่งกว่าครึ่งก้าวสู่ราชันธรรมดา ในที่แห่งนี้ไม่มีใครสามารถอาศัยความเร็วหนีรอดไปได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!