Skip to content

Swallowed Star 668

ตอนที่ 668 กลับไปยังทางช้างเผือก

ในเสี้ยวพริบตา 182 ปี ก็ได้ผ่านไป ระหว่างช่วงเวลานั้นนักรบกว่าร้อยล้านคนที่นั่งอยู่รอบๆ รูปปั้นและคนที่นั่งอยู่ในถ้ำไม่ได้ลุกขึ้นยืนเลยสักครั้ง

สำหรับนักรบจักรวาลแล้วนั้น จะมีชีวิตที่ยืนยาว เวลาสั้นๆ แค่ 182 ปีนั้นไม่ได้มีความหมายอะไร

ผู้อาวุโสชิฟานจี และ ดิลลัน นั้นนั่งอยู่ด้านหลัง หลัวเฟิง พลังอมตะของทั้งคู่นั้นคอยปกป้องสิ่งรอบข้างจาก หลัวเฟิง อยู่

“ดิลลัน ฝ่าบาท หลัวเฟิง ได้ทำการฝึกฝนมาเกือบ 200 ปี และเขาไม่ได้มีแผนใดๆ เลย เขาจะฝึกเสร็จเมื่อใดกัน?” ผู้อาวุโสชิฟานจี หันไปหาดิลลัน และถามออกมา ดิลลัน หัวเราะและส่ายหน้า “ฝ่าบาท นั้นคงอยากฝึกให้นานที่สุดเท่านที่จะทำได้”

“หืม?” ทั้งสองคนหันไปมอง หลัวเฟิง พร้อมกัน

หลัวเฟิง ที่นั่งหลังเหยียดตรงอยู่ได้ยืดคอขึ้นและขยับข้อมือของเขาในตอนที่ลุกขึ้นยืน

“ฝ่าบาท” ดิลลัน และ ผู้อาวุโสชิฟานจี ยืนขึ้น นี่ทำให้ผู้คุ้มกัน และ

คาสน่า ที่อยู่ด้านหลังลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจและรีบลุกขึ้นยืน

“หลายปี ที่ผ่านมานี้ ผมต้องขอโทษที่สร้างปัญหาให้กับพวกท่าน”

หลัวเฟิง หันกลับมายิ้ม

“ไม่มีปัญหา ฝ่าบาท” ดิลลัน พูดขึ้น

“เกือบสองร้อยปี นั้นไม่มีค่า ผมคิดว่าฝ่าบาท จะอยู่ที่นี่อีกสักหมื่นปี”

ผู้อาวุโสชิฟานจี ยิ้มออกมา

หลัวเฟิง หันกลับไปมองที่รูปปั้นและอุทานในใจ

ฝึกเป็นเวลากว่าหมื่นปี

ถูกต้อง

ถ้าไม่เพราะรังแม่บนโลก เขาคงไม่ต้องรีบกลับไป การอยู่ที่นี่ดูรูปปั้น

และเลียนแบบมันนั้นทำให้เขาเข้าใจวิญญาณของเทพอสูรได้มาก

กว่าเดิมซึ่งจะส่งผลดีต่อเขา แม้ว่าเขาจะสามารถดูรูปภาพจากยาน ยุนโม และทำการเปรียบเทียบมันแต่ภาพและภาพที่บันทึกนั้นให้ความกดดันที่ไม่เหมือนกัน

และระดับความรู้สึกมันจะต่างกันเล็กน้อย

“มุมมองของผมยังแคบนัก การเลียบแบบรูปปั้นเทพอสูรตัวใหญ่นั้น

ผมสามารถทำได้แล้ว แต่ถึงยังไงมันก็มีวิญญาณอยู่ในรูปปั้นตัว

เล็ก และความเร็วในการศึกษานั้นยังคงถือว่าช้า แต่ผมก็ยังสามารถที่

จะทำได้” หลัวเฟิง ไม่ได้มีตัวเลือกมากมายนัก ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นสมาชิกของ องค์กรจักรวาลเสมือน อยู่

และเขานั้นถือเป็นทูตด้วย

มันทำให้เขาไม่สามารถอยู่ที่ใดได้นานเกินไป

1 เขาอาจมีภารกิจที่ต้องไปทำ

2 มันได้เวลากลับไปและควบคุมรังแม่ เขาทุ่มเทไปมากเพื่อมัน ในตอนที่เขากลับไปควบคุมมันได้ มันจะกลายเป็นแขนขาให้กับเขา แม้แต่ยูฮันโบ ที่ทำการควบคุมกองทัพแมลงที่มีพลังพอที่จะต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่งได้ นั่นหมายความว่ารังแม่ระดับห้วงมิตินั้นมีความแข็งแกร่งเท่ากับระดับอมตะ อย่างน้อยๆ ก็เป็นอุปสรรคให้ศัตรูได้บ้าง มันจะดีที่สุดที่จะทำแบบนี้ และในตอนที่มันอยู่ในระดับอมตะแล้ว งั้นมันจะสามารถสร้างกองทัพแมลงระดับอมมตะได้ ตอนนั้นมันจะทรงพลังแค่ไหน

“ฝ่าบาท จะกลับไปตอนนี้เลยรึ?” ผู้อาวุโสชิฟานจี ตกใจ คาสน่า ที่

อยู่ข้างๆ เองก็พูดขึ้นมา “ถ้าฝ่าบาท ไม่มีเรื่องที่ต้องทำ ท่านสามารถมาเยี่ยมที่นี่ได้อีก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำอีกอย่างผมจะไม่หยุด

ศึกษารูปปั้นนี้แน่” หลัวเฟิง ส่ายหน้า

“ฝ่าบาท พอเข้าใจมันแล้วรึ?” ผู้อาวุโสชิฟานจี ถามอย่างสงสัย

“เข้าใจในเรื่องเกล็ดแค่เล็กน้อย” หลัวเฟิง พูดขึ้น

“อื้อ” ผู้อาวุโสชิฟานจี พยักหน้า “เผ่าเขาทองของเรานั้นได้พบคุณสมบัติพิเศษของเกล็ดและการเปิดระลอกในเส้นเลือดมานานแล้ว และสำหรับกฎของมันนั้นเรายังไม่อาจทราบได้ ตราบใดที่เป็นระดับอมตะ เขาจะเห็นสิ่งน่าสงสัยนี้…และเพราะเส้นเลือดเหล่านั้น รูปปั้นนี้จึงดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาศึกษา แม้แต่มนุษย์นักรบเองก็ยังสนใจ มองไปด้านหลังท่านสิ มีมนุษย์นักรบ 3 คน 3 คนนั้นล้วนแต่เป็นจักรพรรดิระดับอมตะของมนุษย์”

“อ่า?” หลัวเฟิง หันกลับไปมอง 3 คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่คอยควบคุมออร่าของตัวเอง หลัวเฟิง ไม่ได้รู้จักสามคนนั้นเลย

เผ่าเขาทองนั้นจะให้ความรู้สึกถึงหินออกมาจากตัว

ไม่ว่าจะเป็นอสูรอวกาศหรือมนุษย์ พวกนี้จะให้ความรู้สึกถึงเลือดและเนื้อ

“ยังมีมนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่านี้แต่พวกนั้นอยู่ที่ปราสาทผู้อาวุโสข้างๆ”

ผู้อาวุโสชิฟานจี อธิบาย “ส่วนระดับของพวกนั้นผมยังไม่รู้”

“ฮ่า ฮ่า” หลัวเฟิง ยิ้มและพยักหน้า “เอาล่ะ ผมเสร็จธุระที่นี่แล้ว ผมดีใจอย่างมากที่มายังโลกนี้ การต้อนรับและการดูแลของท่านผู้อาวุโส ชิฟานจี ผมจะจดจำไว้”

“ฮ่า ฮ่า มิเป็นไร” ผู้อาวุโส ชิฟานจี ดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนที่ทำการต้อนรับคือผู้ที่ทำตัวหยิ่งทะนงและคำพูดของ หลัวเฟิง นั้นได้ทำให้ ผู้อาวุโสชิฟานจี ที่ทำการดูแลมากว่า 200 ปี นั้นมีความสุข

“ผู้อาวุโส ชิฟานจี” ดิลลัน พูดขึ้นมา “งั้นเราขอตัว”

“อื้อ” ผู้อาวุโสชิฟานจี พยักหน้า

“คาสน่า เราจะได้พบกันอีก” หลัวเฟิง ยิ้มไปให้ลูกชายผู้นำเผ่าพาโกด้า

“อื้อ แล้วพบกันใหม่ ฝ่าบาท” คาสน่า พยักหน้า

หลัวเฟิง และ ดิลลัน ยิ้ม

“ไปกันเถอะ!” หลัวเฟิง สั่งออกมา

ซู่ๆๆ!

หลัวเฟิง, ดิลลัน และผู้คุ้มกันระดับห้วงมิติอีก 5 คนได้พุ่งขึ้นไปบน

ฟ้า หลัวเฟิง ดึงเอายาน ยุนโม ออกมาจากโลกภายในและประตูยานก็ได้เปิดออกให้ทั้ง 7 คนได้บินเข้าไป

ภายในห้องควบคุม

หลัวเฟิง และคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างในและมองลงไปยังรูปปั้นเทพอสูรที่อยู่ด้านล่าง

“ไปกันเถอะ”

“รูปปั้นเทพอสูรยักษ์” หลัวเฟิง มองลงไปแล้วแอบถอนหายใจ

เทียบกับจารึกเมืองศักดิ์สิทธิ์แล้ว การพบกับรูปปั้นเทพอสูรในหุบเขา

แห่งนี้นั้นสำคัญยิ่งกว่าการฝึกของเขา!

การศึกษาจารึกศักดิ์สิทธิ์และการได้คู่มืออาวุธนันเชียน 36 ระดับนั้น

เทียบกับ 182 ปี ในการทำการเลียนแบบรูปปั้นไม่ได้เลย เพราะมัน

ค่อยๆ ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและเข้าใจถึงจิตวิญาณของเทพอสูร!

จิตวิญญาณนี้ใน 2 ปี แรกในการศึกษานั้นแทบจะรู้สึกไม่ได้และยังส่งผลที่เบาบาง อย่างมากก็ทำให้แค่อสูรเขาทองนั้นปลดปล่อยกรงเล็บฉีกฝ้าออกมา

แต่ตอนนี้!

หลังจากผ่านไป 182 ปีการควบคุมจิตวิญญาณของเทพอสูรนั้นมี

ความก้าวหน้าอยู่บ้าง บางทีถ้าเทียบกับทักษะจิตวิญญาณเทพอสูรจริงๆ แล้ว มันจะมีพลังกว่าเป็นล้านๆ เท่า แต่ถึงยังไงการแกะสลักเลียบแบบก็ยังคงทำให้ได้ความกดดันออกมาอยู่ได้บ้าง

ใช่

ความกดดัน!

และเมื่อจิตวิญญาณนั้นรวมเข้ากับกรงเล็บฉีกฟ้าแล้วล่ะก็…มันจะทำให้กรงเล็บฉีกฟ้ายกระดับขึ้นมาจนน่ากลัว

“การเข้าใจกฎต้นกำเนิดทองและอวกาศของผมในด้านของพลังแล้ว

จิตวิญญาณของเทพอสูรนั้นมีระดับสูงกว่า” หลัวเฟิง คิด “ถ้าผมทำการฝึกฝนต่อไปและทำให้จิตวิญญาณนั้นแข็งแกร่งขึ้น มันจะเป็นไพ่ตายสุดยอดของผม”

เขารู้วิธีที่จะใช้มันแม้ว่าจะไม่เข้าใจมันอย่างเต็มที่

คลื่นอันน่าสงสัยของรูปปั้นนั้น หลัวเฟิง ยังไม่ได้เข้าใจมันทั้งหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาใช้มันไม่ได้ อย่างน้อยหลังจากที่ทำการ

เลียนแบบกว่าร้อยล้านครั้ง มันก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่วิญญาณ

เทพได้ส่งมาให้กับเขาทำให้เขายกระดับขึ้นมากกว่าเดิม

วิญญาณเทพอสูร!

ความเข้าใจกฎต้นกำเนิด!

เทคนิคการควบคุมหมื่นวิญญาณ!

182 ปี มานี้ หลัวเฟิง ได้ทำการศึกษาทั้ง 3 อย่าง…

รูปปั้นเทพอสูรนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความแปลกใจให้เขามากที่สุด

และความเร็วในการเข้าใจของเขาเองก็น่าแปลกใจด้วย การเข้าใจของระดับห้วงมิตินั้นจะเร็วกว่ามาก วันหนึ่งของระดับห้วงมิตินั้นจะเท่ากับ 1 ปี ของระดับขอบเขต

และ 182 ปีก็เท่ากับหลายหมื่นปี

และการฝึกฝนเทคนิคการควบคุมหมื่นวิญญาณก็พัฒนาขึ้นมาอย่าง

รวดเร็ว

ระดับ 1 นั้นเขาใช้เวลา 3 วัน

ระดับ 2 เขาใช้เวลาไป 1 ปี

ระดับ 3 นั้นเขาเพิ่งเสร็จสิ้นในปี ที่ 182

จริงๆ แล้วเมื่อเทียบกับผู้อ่านจิตวิญญาณระดับห้วงมิติคนอื่นๆ แล้วต้องใช้เวลากว่าล้านปีกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ การมาถึงขั้นนี้โดยใช้เวลาไม่กี่ร้อยปี ของเขานั้นเป็นเรื่องน่าทึ่ง จุดกำเนิดของเขานั้นแข็งแกร่ง เพราะทักษะมันซับซ้อนทำให้เขาต้องใช้เวลากว่าร้อยปีกว่าจะเสร็จสิ้นได้

ในตอนที่เขามาถึงระดับ 3 เขาก็อดทนไม่ไหวและได้ตัดสินใจ…ที่จะ

กลับไปที่โลกทันที

เขายืนอยู่ในห้องควบคุมและมองลงไปยังรูปปั้นเทพอสูร มีหลายอย่างแว็บขึ้นมาในหัวของเขา

“ฉิงหลูเต๋า ขอบคุณที่ให้ผมสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณเทพอสูร”

หลัวเฟิง พึมพำ “และขอบคุณผู้อาวุโส คาบู ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผมคงไม่ได้มาที่แห่งนี้”

“บาบาต้า ไปได้” หลัวเฟิง สั่งออกมา

ครืน…

ยาน ยุนโม เพิ่มความเร็วและทะยานขึ้นบนฟ้าและฝ่าบรรยากาศเข้าไปที่มิติ

ที่หุบเขาเทพอสูร

ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสชิฟานจี และ คาสน่า มองขึ้นไปดูยานที่บินหายไปบนฟ้า

“พวกนั้นไปแล้ว” คาสน่า พูดขึ้นเบาๆ

“ภารกิจในการดูแล ฝ่าบาท หลัวเฟิง ได้เสร็จสิ้นแล้ว คาสน่า กลับไปยังเผ่าเถอะ” ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสชิฟานจี พูดขึ้น คาสน่า ตอบกลับด้วย

ความเคารพ “ครับ อาจารย์”

ผู้อาวุโสโบกมือให้และ คาสน่า ก็ได้เข้าไปในโลกภายในของเขา

ซู่!

เทเลพอต!

ชิฟานจี หายไปจากหุบเขานั้นทันทีพร้อมกับไปปรากฏตัวอยู่ที่เผ่าพา

โกด้า

ผู้อาวุโสคาบู ที่ซึ่งรอคอยอย่างอดทนเพื่อหาโอกาสได้มองไปยังยาน ยุนโม ที่หายไปบนฟ้า เขากัดฟันแน่น “มนุษย์ หลัวเฟิง นั้นเป็นคนบ้า เขามายังหุบเขานี้และไม่เคยไปที่ตำหนักผู้อาวุโส หรือไปเยี่ยมมนุษย์คนอื่นที่นั่นเลย เขาแค่นั่งเฉยๆ และฝึกฝน ผู้อาวุโสชิฟานจี และ ดิลลัน ก็คอยปกป้องเขาตลอด และในตอนที่เขาศึกษาเสร็จ..เขาก็ขึ้นยานจากไปทันที ไอ้หนูนี่มัน…”

จะไม่ให้ผู้อาวุโสคาบู หงุดหงิดได้ยังไงกัน?

มีนักรบกว่า 1 ร้อยล้านคนทำการฝึกฝนอยู่ที่นี่ อันที่จริงมีระดับห้วงมิติและระดับขอบเขต ที่คาบู ส่งมาให้อยูที่นี่หลายร้อยคนเลยทีเดียว

เพื่อทำตามแผนแล้ว ผู้อาวุโสคาบู ได้เสียสละเวลาไปอย่างมาก

แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด…

หลัวเฟิง มาถึงที่นี่แล้วทำการฝึกฝนทันที หลังจากที่ฝึกเสร็จก็ได้จากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาเลยสักนิด

“อาจารย์ ข้าลงมือฆ่ามนุษย์ หลัวเฟิง ตามแผนไม่ได้” ผู้อาวุโสคาบู ใช้ระดับห้วงมิติที่เขาควบคุมอยู่เข้าไปยังจักรวาลเสมือน และรายงานเรื่องนี้ คำรายงานนั้นมีการเข้ารหัสมากมาย…ในที่สุดมันก็กลายเป็นแค่หนึ่งในจดหมายของจักรวาลเสมือน

ในที่สุดมันก็ได้เข้าไปในกล่องจดหมายของสมาชิกระดับนักเดินทาง

แห่งดวงดาวทั่วๆ ไป

นักเดินทางแห่งดวงดาวนั้นคือคนที่อยู่ในจักรวรรดิ เหงเมน ที่ซึ่งเป็น

เศษเสี้ยวของมิติเทพ เขารีบส่งรายงานนี้ให้กับคนระดับสูงในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!