ตอนที่ 867 อันตราย
ตะขาบสองตัวนั้นมีความยาวหลายร้อยเมตร ต่างจากแมงป่องที่มีความยาวเพียง 20 เมตร มันเหมือนเทียบมดกับภูเขา
มันขยับหางเบา แต่สร้างการระเบิดขึ้นรอบๆ หาง ดวงตาสีแดงเลือดเข้มรูปหยดน้ำตาได้จ้องมายังหลัวเฟิงและศรคลั่ง
มันส่งเสียงร้องออกมา
ตะขาบทั้งสองได้ตอบสนองด้วยการหมอบลงบนพื้นเพื่อให้แมงป่องได้ปีนขึ้นมา แต่มันก็ยังไม่ละสายตาไปจากหลัวเฟิงและศรคลั่ง
หลัวเฟิงได้จ้องมันตอบกลับไป
“นายท่าน สิ่งมีชีวิตเกราะสีทองนั้นแข็งแกร่งมาก มันได้ทำการโจมตี
สวนกลับมาอย่างเร็วได้ก่อนหน้านี้”
“แม้ว่ามันจะไม่มีกฎใดๆ และเป็นการโจมตีด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว
แต่ก็เท่ากับการโจมตีของจักรพรรดิระดับสูงสุด แล้วหางนั่น…ควรจะ
เป็นอาวุธโจมตีที่แข็งแกร่ง”
หลัวเฟิงยังคงต้องไปยังแมงป่อง “เจ้าพบจุดอ่อนของมันไหม”
“ไม่” ศรคลั่งตอบ
“เมื่อตอนที่ข้าสู้กับผู้คุ้มกัน ข้าได้ค้นพบว่าตรงบริเวณร่างกายของมัน
อ่อนแอมาก จึงทำให้ลูกธนูของข้าเจาะผ่านได้”
“มันอาจจะเป็นที่หลบซ่อนสิ่งมีชีวิตเกราะทองไว้ด้านใน ท้องของมัน
จึงถูกทำลายออกง่าย เจ้าตัวนี้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก การจัดการกับมันคงจะลำบาก”
“มันไม่ดีที่จะปะทะกับมันตรงๆ แต่ถ้าเรายื้อการต่อสู้ออกไป เรา
อาจจะค้นพบทางออกจากพื้นที่หวงห้ามนี้ พวกผู้คุ้มกันไม่สามารถจากออกจากพื้นที่นี้ได้”
“อืม” หลัวเฟิงจ้องมองอย่างระมัดระวัง
เขาสัมผัสถึงการจ้องมองจากแมงป่องมายังพวกเขาทั้งสอง ดูเหมือนมันจะมุ่งมาที่เขาเป็นพิเศษไม่ใช่ศรคลั่ง
สิ่งมีชีวิตลึกลับได้ส่งเสียงร้องขึ้นมา
ตะขาบทั้งสองที่อยู่ด้านล่างพุ่งเข้าหาศรคลั่ง หลัวเฟิงและศรคลั่งได้
แยกกันหนีไปคนละทาง จากการโจมตีที่เข้ามาใกล้
การต่อสู้กับผู้คุ้มกัน ด้วยการใช้คริสตัลเปลวเพลิงเทพเจ้า หรือเผา
ร่างกายอมตะ เป็นสิ่งไม่คุ้มค่า ควรจะยื้อการต่อสู้ออกไปเพื่อหาทาง
ออก
กรงเล็บยาวสิบกิโลเมตรพุ่งเข้าหาศรคลั่ง ทันใดนั้นนาฬิกาโบราณก็
ปรากฎขึ้นบนร่างกายของเขา แม้ตะขาบทั้งสองนั้นจะทรงพลังแต่ก็ไม่สามารถทำร้ายแม้เพียงเส้นขนของเขาได้ นาฬิกาโบราณนี้สามารถทำให้การโจมตีของคริสตัลเปลวเพลิงเทพเจ้า สร้างความเสียหายกับร่างกายอมตะของเขาเหลือเพียงแค่ 1%
หลัวเฟิง รู้สึกทึ่งเมื่อเห็นการโจมตีของตะขาบทั้งสอง
แม่งป่องเกราะทองที่อยู่เฉยๆ ก็เริ่มทำการเคลื่อนไหว มันสะบัดหางจนเหมือนกับสายฟ้าสีทองทะลวงมายังหลัวเฟิง
“มาดูว่าแมงป่องนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน”
หลัวเฟิงมั่นใจในการป้องกันของตัวเอง ด้วยขนาดเพียง 20 เมตรจึงไม่เป็นภัยคุกคามกับเขา หลัวเฟิง จึงหลบการโจมตีได้ง่ายๆ
แมงป่องเป็นลำแสงสีทอง ส่วนหลัวเฟิงเป็นลำแสงสีเงินได้เข้าปะทะกัน
การฟันของแสงสีเงินได้สว่างขึ้น มันได้ปะทะเข้ากับกรงเล็บ ส่วนหาง
แมงป่องที่รวดเร็วได้ทำให้เกิดเป็นลำแสงสีทอง พุ่งทะลวงไปที่หลัวเฟิง
ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของหลัวเฟิงบังคับปีกของเขาทำให้บินถอยหลัง
หางที่คมนั้นได้ปะทะเข้ากับปีก หลัวเฟิงในลำแสงสีเงินได้ถูกกระแทกถอยหลังออกไป
หลังจากการโจมตีเข้ากำแพงนั้นแมงป่องก็ไม่เคลื่อนไหว มันไม่
สามารถสร้างความเสียหายให้กับปีกได้ แม้ว่ามันจะมีพลังมหาศาล
แต่มันยังกระเด็นถอยไปชั่วขณะ
“ศรคลั่งพูดถูกแล้ว” หลัวเฟิงได้กระพือปีกหยุดอยู่กลางอากาศ แล้วจ้องไปยังแมงป่อง
“หางของมันทรงพลังจริงๆ กับหุ่นกลแบบนี้ พิษเฟว่ยม่อ นั้นไร้ค่า”
“รับการโจมตี”
หลัวเฟิงถือดาบเงาเลือดพุ่งเข้าหาอีกครั้ง
แมงป่องส่งเสียงร้องแล้วพุ่งเข้าหาอย่างไร้ความกลัวเช่นกัน
หลัวเฟิงยกดาบขึ้นมา
แมงป่องใช้ก้ามป้องกัน
หลัวเฟิงขยับปีกขวาอย่างรวดเร็ว ปล่อยหลักการของดวงจันทร์ มันเป็นเทคนิคชั้นยอดที่สร้างมาเพื่อการใช้ปีก ต่อมาก็ดัดแปลงสำหรับดาบ
แมงป่องได้ป้องกันดาบที่โจมตีมา ปีกสีเงินที่พุ่งเข้ามาในตอนที่มันเสียสมดุล ด้วยระยะห่างที่ใกล้ ความคมของปีกที่เป็นสมบัติแท้จริงมันสูงกว่าคมดาบใดๆ
พื้นที่รอบๆ เกิดการฉีกขาดจากการโจมตีที่ราวกับเทพมาโจมตีเอง การฟันจากแสงสีเงินได้ฉีกร่างแมงป่องพลังงานอวกาศที่พิเศษได้เข้าไปภายใน แม้เคลือบด้วยพลังงานอมตะร่างกายยังถูกทำลาย
การป้องกันของแมงป่องนั้นยังอ่อนแอเกินไป เสียงแปลกๆ ของโลหะ
กระแทกกัน ตามด้วยการม้วนตัวถอยหลังของแมงป่อง
เกราะสีทองนั้นดูจะไม่มีความเสียหาย แต่ภายในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน
แมงป่องสีทองยังคงม้วนตัวไปตามทะเลทรายจนหยุดนิ่งไม่ไหวติง
ตะขาบได้บินเข้ามาหาในทันทีโดยที่ไม่สนใจศรคลั่งอีกต่อไป หนึ่งใน
นั้นได้อ้าปากและกลืนแมงป่องโลหะเข้าไป หลังจากนั้นมันก็เหลือบ
มองไปที่หลัวเฟิงกับศรคลั่ง ก่อนที่จะมุดลงไปในทราย
หลังจากที่ตะขาบได้มุดลงไปในทราย ความเงียบสงบก็กลับคืนมา
“มันจะง่ายแบบนี้เหรอ” หลัวเฟิงพ่นลมหายใจ
ศรคลั่งที่เฝ้าดูการต่อสู้เข้ามาพูดว่า “นายท่าน การโจมตีเมื่อกี้ของท่าน ทำให้เกิดความเสียหายที่แกนพลังงานภายใน ด้วยขนาดที่เล็กมาก มันต้องเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจึงเข้าถึงแกนกลางได้ง่ายๆ”
เมื่อได้ยินความอธิบายของเขา หลัวเฟิงก็เห็นด้วย การที่จะโจมตีพวกหุ่นกลนั้นจะต้องทำลายจากภายใน ร่างกายของพวกมันนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะจัดการ
แต่เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ศรคลั่ง ไม่เจอผู้คุ้มกันมานานหลายปีแล้ว แล้วนี่เป็นครั้งแรกของข้า
และยังเป็นครั้งแรกในพื้นที่หวงห้าม ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“นอกจากนี้แมงป่องเกราะทองได้ กันให้เขาออกไป แล้วมันเข้ามา
จัดการกับข้าแทน”
“ข้ารู็สึกได้ถึงความตั้งใจฆ่าของตะขาบทั้งสองและแมงป่อง ที่พยายามจะฆ่าข้า”
“หรือว่า…การมาของข้าจะไปกระตุ้นการป้องกันขึ้นมา”
หลัวเฟิงได้ขบคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แม้เขาจะรู้สึกถึงการเรียกที่รุนแรงจากหอคอย ก็ยังไม่อาจเป็นเจ้านายของมันได้ มันแตกต่างไปจากเกราะทหาร เกราะนายพล เกราะราชา อย่างสิ้นเชิง การที่จะได้สมบัติล้ำค่าเช่นหอคอยดวงดาวนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
“หอคอยนี้มีปฏิกิริยากับข้าแตกต่างออกไป มันเป็นไปได้สองอย่างคือ
ถ้าไม่เป็นมิตรกับข้าก็ต้องการจะฆ่าข้าจริงๆ”
“ถ้าข้าเป็นผู้สร้างมัน ข้าจะต้องทิ้งเครื่องมือที่ทรงพลังไว้ที่นี่ เพื่อไม่ให้คนรุ่นต่อมาเอามันไปง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่อาศัยเพียงแค่โชค มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชั้นยอดของจักรวาลแต่ก็ยังเป็นสมบัติที่น่าเหลือเชื่อ” หลัวเฟิงคิด
วิญญาณของหลัวเฟิงกำลังตื่นเต้นจากความสุข แต่ก็ยังคงความสงบไว้เสมอ
“ข้ารู้สึกว่า…หอคอยดวงดาวนี้จะเป็นสถานที่ตายของข้า” หลัวเฟิงมองไปยังพื้นที่ทะเลทราย ทั้งตะขาบและแมงป่องนั้นมีความตั้งใจฆ่าที่รุนแรงกับเขามาก
เขาไม่ได้กลัวผู้คุ้มกัน แต่เป็นเพราะทั้งหอคอย
“หอคอยดวงดาวมีเจ้านายมาก่อน และเจ้านายของมันน่าจะเป็นผู้สร้างคู่มือไร้ชื่อ มันเป็นโชคที่ได้รับคู่มือมา”
“เป็นไปได้ว่าหอคอยนี้ถูกใช้เป็นพิเศษสำหรับคนที่พึ่งโชคเช่นข้า เป็นคนที่ได้คู่มือนี้โดยไม่คาดฝัน”
“หากสำเร็จก็จะรอด แต่ถ้าล้มเหลวก็เท่ากับตาย?”
ความคิดหลายอย่างเข้ามาในใจของหลัวเฟิง
“นายท่าน นายท่าน ข้าได้ค้นพบเส้นทางแล้ว” ศรคลั่งได้ปลุกหลัวเฟิงให้ตื่นจากการจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
พวกเข้ารีบเข้าไปหามัน ศูนย์กลางของทะเลทราย มีวังวนที่ด้านในเป็นสีดำ…แต่มีแสงดาวส่องสว่างอยู่
“นี่คือเส้นทางผ่าน ข้าเคยผ่านมันไปหลายครั้งแล้ว”
“อืม ไปกันเถอะ” หลัวเฟิงพยักหน้า
พวกเขาได้ก้าวตรงไปยังวังวน…