Skip to content

Swallowed Star 893

ตอนที่ 893 ล่า

ด้านนอกเขตสงครามภายในหอคอยดวงดาว

ภายในพระราชวัง

หลัวเฟิง ได้สั่งการผ่านจักรวาลเสมือนไปยัง ศรคลั่ง “ศรคลั่ง ตรวจสอบตำแหน่งข้าและเทเลพอร์ทผ่านทาง จักรวรรดิเทพ มาที่นี่”

ในไม่กี่วินนาที

แสงเบลอๆ ก็เกิดขึ้นในพระราชวังและมิติเริ่มสั่นไหว เงาหนึ่งได้ปรากฏออกมา มันคือ ศรคลั่ง เขาโค้งให้กับ หลัวเฟิง ทันที “นายท่าน”

“อืม” หลัวเฟิง พยักหน้า

ตอนนั้นเขารู้สึกได้ถึงความคิดของหอคอยดวงดาว…เราควรฆ่าผู้บุกรุกเลยหรือไม่?

นี่เองก็ถือว่าเป็นพื้นที่ใจกลางของหอคอยและมันเป็นเขต

หวงห้ามของผู้บุกรุก ในตอนที่มีใครเข้ามา มันสามารถที่จะเปิดการ

ป้องกันและฆ่าผู้บุกรุก สำหรับพื้นที่หวงห้าม มันให้อิสระสำหรับ

นักรบมากมายให้เข้ามาได้

“ไม่” เขาสื่อสารกลับไป หอคอยดวงดาวเองก็ถือว่าเป็นสมบัติที่

แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล อาวุธยังไงซะก็เป็นอาวุธ ความฉลาดของมันน้อย ความเร็วในการคำนวณนั้นอาจจะเทียบเท่าได้กับ AI แต่ด้านอารมณ์นั้นเหมือนกับเด็ก 2-3 ปี

“ตอนนั้นเรื่องของ เทียนเฉิน เขาได้เปิดเผยตัวเองรึเปล่า?” หลัวเฟิง ถามออกมา

“นายท่าน เขาไม่ได้เปิดเผยตัว” ศรคลั่ง ตอบกลับด้วยความเคารพ “ถ้าท่านไม่เตือนข้า ข้าคงไม่รู้ว่าเขานั้นเจ้าเล่ห์ มีแค่สังเกตเขาดีๆ ข้าถึงพบว่ามีบาอย่างผิดปกติกับการตายของจักรพรรดิ ฉูวู และหลังจากที่ตายแล้ว ข้าจึงได้หนีออกมาทันที กองทัพปิศาจจริงๆ แล้วกดดันใส่ข้า เหลือแค่ฝั่ง เทียนเฉิน…ในทางทฤษฎีแล้ว เขาควรที่จะตายแต่เขากลับรอดมาได้”

“อืม” หลัวเฟิง พยักหน้า

นี่เองก็เป็นตามที่เขาคาดเอาไว้ ตัดสินจากการพบกับ เทียนเฉิน คนนี้

ระวังตัวอย่างมาก แม้ว่าจะวางแผนฆ่า หลัวเฟิง แต่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีออกมาจนถึงตอนสุดท้าย ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจที่เข้มแข็งของเขาในการต่อต้านภาพลวงตา เทียนเฉินอาจจะทำสำเร็จไปแล้ว

“หอคอยดวงดาว” หลัวเฟิง สั่งออกมา “ค้นหา อมตะ เผ่ามนุษย์”

ดวงดาวมากมายเริ่มโคจรไปรอบๆ ภายในพระราชวัง หลัวเฟิง นั่งขัดสมาธิ และสื่อสารกับหอคอย

ศรคลั่ง นั้นยืนอยู่ข้างเขาด้วยท่าทีเคารพ

“มีมนุษย์ระดับ อมตะ ทั้งหมด 359 คนในหอคอย”

ข้อมูลนี้ไหลเข้ามาในหัวและภาพก็ได้ปรากฏออกมา มนุษย์หลายคน

กำลังทำการต่อสู้ ฝึกฝนและพูดคุยปรากฏขึ้นมา…พวกนี้ล้วนแต่เป็น

มนุษย์ แม้ว่าจะมีผู้ที่อยู่ระดับ อมตะ เป็นแสนแต่มีมนุษย์จริงๆ เพียงไม่กี่คน

เขารีบทำการตรวจสอบทุกคนทันที

“ไม่มี เทียนเฉิน งั้นรึ?” เขาคิ้วขมวด “หอคอยดวงดาว ทำการ

ตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้ มีชายคนนี้รึเปล่า?” ภาพของ เทียนเฉิน

ปรากฏออกมาที่แขนของเขา

“ไม่มีคนเช่นนี้ เขาได้ออกไปเมื่อ 1,800 ปี ก่อน” หอคอยตอบกลับ

“เขาออกไปแล้วรึ?” หลัวเฟิง ตาเบิกกว้างและลุกขึ้นยืนทันที

“นายท่าน?” ศรคลั่ง เดินออกมาข้างหน้าและถาม “เราจะไปจัดการ

กับ เทียนเฉิน งั้นรึ?”

“เขาไม่ได้อยู่ในหอคอยตอนนี้” หลัวเฟิง ส่ายหน้า นี่คือสนามรบของเขา และเขามีข้อได้เปรียบอย่างมากแต่เพราะการสืบทอดมรดกชีวิตและความตายนั้นใช้เวลากว่า 6,000 ปี นักรบหลายคนนั้นจะทำการสำรวจเขตนอกสงครามถึง 10,000 ปี มันเป็นธรรมดาที่ เทียนเฉิน จะออกไปแล้ว

“ใครจะไปรู้หากเขาอยู่นอกเขตสงคราม”

“เขากลับมาเป็นมนุษย์แล้วอย่างนั้นหรือ?”

หลัวเฟิง ส่ายหน้าพร้อมกับตาที่เป็นประกาย “ดีมาก ที่เจ้ากลับไป มันถือว่าดียิ่งกว่าเดิม! ข้าก็ยังฆ่าเจ้าได้อยู่!”

“นายท่าน เราจะเคลื่อนไหวยังไงต่อ?” ศรคลั่ง ถามออกมา

“ไม่ต้องกังวล” เขายิ้มออกมา “เขาน่ะยังไงซะก็เป็นสมาชิกของ

พันธมิตรหง ข้ารู้จักเพื่อนหลายคนที่เป็นเพื่อนเขาด้วย! แม้ว่าข้าจะ

ติดต่อเขาโดยตรงไม่ได้แต่หากผ่านเพื่อนของเขา…มันง่ายมากที่จะหาเขาพบ จากนั้นข้าค่อยลงมือแต่ก่อนนั้น…ข้ามีบางอย่างต้องทำ”

ศรคลั่ง เริ่มสงสัยขึ้นมา

หลัวเฟิง หันกลับไปมองด้านนอก ดวงดาวมากมายกำลังโคจรไปรอบๆ “ข้าต้องหาทาสจิตวิญญาณ เพิ่ม!”

******

เขาคือเจ้าของหอคอย แม้วาเขาจะไม่สามารถเปิดการทำงานของทั้ง

หอคอยได้แต่เขาก็ยังได้เปรียบอย่างมาก การใช้หอคอยนี้เขาจะรู้ได้

ตำแหน่งของ อมตะคนอื่นๆ ได้อย่างชัดจน และส่วนต้องห้ามส่วนไหนที่พวกนี้อยู่ เขาสามารถที่จะส่งตัวเองไปที่นั่นได้

“ตราบใดที่ข้าต้องการ ข้าสามารถที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ได้”

“และไม่มีทางออกเปิดอออกมานอกซะจากว่าข้าจะสร้างมันขึ้น ไม่ว่า

จะเป็น 1 วัน 10 วัน หรือเป็นเดือน”

“อย่างนั้นแล้ว…”

“จะมีเรื่องผิดพลาดได้ยังไง?”

ตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาด้วยความทะเยอทะยาน การมีพวกและ

ทาสนั้นคือเรื่องสำคัญอย่างมากในจักรวาล!

และการมีทาสจำนวนมาก คือสิ่งที่ยากที่จะทำ คนนั้นต้องเจอใครที่สามารถจัดการและทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถหนีได้และการควบคุมจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่นักสะกดจิตเชี่ยวชาญที่สุดและพวกเหล่านี้นั้นหายากอย่างมาก

นอกจากนี้แล้วมันยังมีทางโง่ๆ แค่เพียงทางเดียวที่จะทำมัน!

บังคับให้พวกนั้นอยู่ในอาการสาหัสแล้วค่อยควบคุมพวกนั้น!

แต่วิธีนี้น่ะมันก็มีจุดอ่อนของตัวเอง การบังคับศัตรูให้อยู่ในสภาพสาหัส?

ศัตรูอาจจะรู้สึกได้ถึงอันตรายและระเบิดตัวเอง อีกอย่างแล้วถ้าเขาทำ

เกินไปเล็กน้อย เขาอาจจะฆ่าศัตรูแทน อย่างที่สองแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จ แต่การควบคุม อมตะ นั้นก็ต้องให้เขารอนานกว่าที่พวกนั้นจะตื่นและฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา การใช้สมบัตินั้นจะช่วยเร่งความเร็วขึ้นแต่ราคามันสูง

ในการควบคุม อมตะ ให้เป็นทาสนั้นต้องให้คนนั้นมีความแข็งแกร่ง

ใกล้เคียงหรือมากกว่าและมันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำมันอยู่ดี

ปกติแล้วมีแค่ผู้เชี่ยวชาญการโจมตีทางวิญญาณที่สามารถทำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ในจักรวาล ใครกันที่จะสามารถพบนักรบมากมายง่ายๆ แบบนี้ได้?

และใครกันที่มีอำนาจในการเลือกใครก็ตามที่เขาต้องการ?”

“ข้าทำการควบคุมมันได้”

“มันขึ้นอยู่กับว่าข้ามีความสามารถในการควบคุมพวกมันหรือไม่”

หลัวเฟิง สื่อสารกับหอคอยและเริ่มทำการค้นหานักรบ เป้าหมายนั้นจำกัดอยู่ที่จักรพรรดิ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ การจัดการกับจักรพรรดิความมืดมน หรือ เจ็ดดาบ ก็ยังคงยากอยู่ดี

สำหรับจักรพรรดิระดับสูงสุดน่ะหรือ ?

หลัวเฟิง ไม่ได้สนใจพวกนั้นเลย นอกซะจากว่ามันจะเป็นนักสะกดจิต

ระดับจักรพรรดิขั้นสุดยอด

ดังนั้นเขาจึงตั้งเป้าหมายของเขาจำกัดไว้ที่ จักรพรรดิขั้นสุดยอด ที่เป็นนักสะกดจิต

“เขา!” หลัวเฟิง ยิ้มออกมา “เผ่าคาชิ…จักรพรรดิ อีกาทมิฬ นักสะกด

จิต ระดับจักรพรรดิขั้นสุดยอด นี่จะเป็นเป้าหมายแรกของข้า”

มีพื้นที่ต้องห้ามมากมายภายในหอคอยดวงดาว

ภายในส่วนหนึ่งจะมีเสียงคำรามของลมพร้อมกับหิมะที่ตกลงมา

ท่ามกลางหิมะมีเงาสามเงาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างใน

“โชคของข้าคงแย่แน่ๆ จักรพรรดิมนุษย์ก่อนหน้านี้เกือบที่จะถูกฆ่า

แล้ว แต่ในตอนสุดท้ายเขากลับหนีจากการควบคุมของ อีกาทมิฬ ไปได้” สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเต่าร้องออกมา ตาของเขาแดงกล่ำ เต็มไปด้วยท่าทีดุร้าย

“บัดซบ” สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกันคำรามออกมา

ทั้งสองคนนั้นมาจากจักรวาลอันไกลโพ้นและจำนวนจักรพรรดินั้นมี

น้อยนิด ภายในหอคอยดวงดาว มันมีจักรพรรดิแค่สามคนและพวกนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในนามพี่น้อง ชิจา คาชิ

“เราต้องอดทน”

เสียงแหบๆ ดังขึ้นมา มันคือนกขนดำที่มีตาสีหยก เขาคือจักรพรรดิ อีกาทมิฬ หัวหน้าของทีมนี้ “มี อมตะ กว่าแสนคนที่นี่ เรายังมีโอกาส

ด้วยความอดทนที่มี การล่อของเขาจะสำเร็จ”

นักรบ ชิจาและ คาชิ ทั้งสองคำรามออกมาแสดงความเห็นด้วย

“หืม?”

อีกาทมิฬ หันกลับออกไป สิ่งมีชีวิตทั้งสองด้านข้างเองก็หันกลับไปด้วย มันเกิดการฉีกขาดของมิติปรากฏขึ้นมา

“ข้าคิดถูก ด้วยความอดทน ดูสิ เหยื่อมาแล้ว” อีกาทมิฬ พูดออกมา

ด้วยเสียงแหบๆ

กรู๊ว….

กรู๊ว…. นักรบ คาชิ ทั้งสองคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น ตาของพวกนั้นเป็นประกายเมื่อมองออกไป แม้ว่าจะเต็มไปด้วยคามต้องการฆ่าแต่ เมื่อไม่เห็นเป้าหมาย พวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว มันอาจจะเป็นนักรบกองทัพปิศาจรึใครที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา

เงาหนึ่งได้ปรากฏออกมาท่ามกลางหิมะ

อีกาทมิฬ และเพื่อนมองไปอย่างระมัดระวัง เงานั้นดูเหมือนจะเป็น

มนุษย์ ปีกสีเงินและเกราะทำให้เขาลอยอยู่กลางอากาศ

“มนุษย์” พี่น้องทั้งสามคำรามออกมา

“จักรพรรดิดาบสายน้ำ!” สีหน้าของ อีกาทมิฬ เปลี่ยนไป ชื่อของ

ดาบสายน้ำ นั้นเป็นที่รู้จักกันดี แม้ว่าจะทำให้พวกนี้ตื่นตัวแต่ก็ไม่อาจ

ทำให้พวกนี้กลัวได้

“ฮ่า ฮ่า…ข้าเจอกับ อีกาทมิฬ เข้าแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่กลางอากาศ

หัวเราะออกมาพร้อมกับทำให้มิติสั่นไหว

“ดาบสายน้ำ!” เสียงหัวเราะของ อีกาทมิฬ ดังก้อง “ทาสของเจ้า

ศรคลั่ง ไปไหนกัน? เรียกเขาออกมา”

ผัวะ!

เงาหนึ่งได้ปรากฏออกมาด้านข้าง มันคือ ศรคลั่ง

นี่ทำให้เสียงหัวเราะของ อีกาทมิฬ ดังขึ้นกว่าเดิม “ฮ่า ฮ่า ดีมาก ดาบ

สายน้ำ ถ้าข้าฆ่าเจ้า มันก็จะเป็นลาภชิ้นโต”

เขาแอบสั่งการออกมาด้วย “พี่น้อง ข้าต้องพึ่งพวกเจ้าในการถ่วง ศรคลั่ง เอาไว้ ส่วนข้าจะไปจัดการกับ ดาบสายน้ำ”

“ใจเย็นไว้ แม้ว่าเราจะเทียบกับ ศรคลั่ง ไม่ได้แต่เราก็ถ่วงเขาได้สักพัก” สองพี่น้องมั่นใจอย่างมาก

รังสีอาฆาตแผ่มาจากทั้งสองฝั่ง

ศรคลั่ง ยังคงยืนอยู่ข้าง หลัวเฟิง ด้วยความเคารพ หลัวเฟิง ยิ้มออกมาเมื่อเห็นฉากนั้น เขาต้องเลือกทีมที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเขา ไม่งั้นแล้วจะมีคนหนีไปได้หากเห็น ศรคลั่ง

“มาดูพลังของแผนที่ดวงดาวกัน” ด้วยการพลิกมือซ้าย แผนที่

ดวงดาวได้ปรากฏออกมา มันมีดาวที่มองเห็นประทับอยู่ภายในและลูกบอลสีดำ ได้ลอยขึ้นมา หลังจากนั้นก็ลอยขึ้นมาที่ฝ่ามือของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!