Skip to content

King of Gods 1025

King Of Gods

บทที่ 1025 ผลประโยชน์ที่คาดคิดไม่ถึง

“วายุอัสนีธาตุดิน ให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุม…”

มีวายุอัสนีธาตุไฟและสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ การโจมตีชั้นกายเนื้อของจ้าวเฟิงก็มากเพียงพอแล้ว ด้วยเหตุนี้ วายุอัสนีธาตุดินที่ฝึกต่อจากวายุอัสนีธาตุไฟก็สอดคล้องกับเงื่อนไขที่จ้าวเฟิงต้องการอย่างยิ่ง

“ทรัพยากรล้ำค่าที่แฝงไปด้วยพลังธาตุดิน นับว่าพอหาได้ค่อนข้างง่าย!”

จ้าวเฟิงรู้สึกอุ่นใจอยู่เล็กน้อย

ในแร่ล้ำค่าจำนวนมาก จะมากจะน้อยก็ยังแฝงไปด้วยพลังธาตุดินส่วนหนึ่ง

แต่เมื่อดูดซึมพลังธาตุดินที่มีจำนวนน้อยนิดในหินแร่ ก็เท่ากับว่าใช้มูลค่าของแร่ทั้งชิ้นไป สมบัติล้ำค่าธาตุดินจะดีกว่ามาก

จ้าวเฟิงสิ้นสุดการเข้าฌาน และเดินออกจากห้องไป

“แม่ทัพจ้าวเฟิง!”

ด้านนอกเรือนพักของจ้าวเฟิง มีองครักษ์คนสนิทคนหนึ่งขององค์ชายเก้ายืนอยู่

“มีเรื่องอะไร?” จ้าวเฟิงถาม

ดูจากสถานการณ์ องครักษ์ผู้นี้น่าจะรออยู่ที่นี่นานแล้ว จนถึงตอนนี้ที่จ้าวออกจากปิดด่าน

“เชิญท่านขุนพล!”

ต่อจากนั้น จากการนำขององครักษ์ผู้นี้ จ้าวเฟิงมาถึงตำหนักที่องค์ชายเก้าอยู่

“สหายจ้าว ครั้งนี้มีภารกิจสำคัญจะมอบให้เจ้า แต่แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็จะไม่บีบบังคับ!”

องค์ชายเก้าพูดตรงๆ

เขารู้ว่าจ้าวเฟิงไม่ชอบให้พูดจาอ้อมค้อม

“สายลับในฟากข้า ช่วงก่อนไปสอดแนมข่าวของเมืองเหมิงฝ่ายศัตรู หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีก!”

ตาเฒ่าอิงบอกความลับอย่างหนึ่ง

เมืองเหมิงเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองมังกรจันทราขององค์ชายเก้า

สายลับระหว่างกองทัพทั้งสองล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่ชำนาญการรับรู้ ลอบฟัง และพรางตัว

แต่สายลับที่ไปสอดแนมยังไม่กลับมา พอจะเดาได้โดยไม่ต้องบอกว่าคงจะโดนอีกฝ่ายจับได้และสังหารไปแล้ว

“ตามข่าวที่ได้มาในช่วงก่อน ในเมืองเหมิงมี ‘มังกรวารี’ จากเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีคนหนึ่ง เทียบเท่าได้กับองค์ชายแห่งต้าเฉียน ทว่ามังกรวารีผู้นี้พายอดฝีมือมาด้วยไม่น้อย!”

ตาเฒ่าอิงเอ่ยต่อ

รู้เขารู้เรา ถึงจะมีโอกาสได้ชัยชนะ

ถ้าหากองค์ชายเก้าผลีผลามเข้าโจมตีเมืองเหมิง

ผลคือฝ่ายตรงข้ามมีขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นโผล่ออกมา เช่นนั้นก็คงแย่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ทหารสองฝั่งจะต่อสู้กัน ต้องมีสายลับไปสอดแนมเอาข่าวสารประเภทต่างๆ

“อีกทั้งตอนนี้ ในรัศมีหมื่นลี้ของเมืองเหมิงจะมีพวกต่างเผ่าพันธุ์ตรวจตราอยู่ตลอด จึงทำให้สอดแนมได้ยากลำบากมากขึ้น!”

ตาเฒ่าอิงทอดถอนใจ เล่ารายละเอียดให้จ้าวเฟิงฟัง

“ไม่รู้ว่าสหายจ้าวจะรับหน้าที่สายลับชั่วคราว แล้วเดินทางไปแถวเมืองของต่างเผ่าพันธุ์เพื่อสืบหาข่าวได้รึไม่!”

องค์ชายเก้ากล่าวชี้แจง

ทุกคนกันรู้ว่าตำแหน่งสายลับนี้มีความเสี่ยงอย่างยิ่ง บางทีฝ่ายศัตรูอาจจะวางกับดัก รอให้สายลับตกหลุมพรางลงไป แต่มีบางครั้งสายลับอาจจะสืบได้ข่าวปลอมมา จนทำให้ฝ่ายตนเองตกที่นั่งลำบาก

ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงทั้งเสี่ยงทั้งสำคัญ

แต่จะให้คนที่ไม่เคยผ่านการฝึกเฉพาะมารับตำแหน่งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับผลักพวกเขาไปสู่ความตาย

ทว่าใช้ไม่ได้กับคนในระดับจ้าวเฟิง

“สหายจ้าว หากไม่ยินยอมข้าก็จะไม่บังคับ เช่นนั้นพวกเราก็เปลี่ยนจากโจมตีเป็นป้องกัน รอให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือก่อนก็จะรู้สถานการณ์ของพวกเขาแล้ว!”

องค์ชายเก้าเอ่ยซ้ำ

แต่เดิมจ้าวเฟิงมายังสนามรบแนวหน้าด้วยตนเองเพื่อช่วยรบ ก็เป็นความช่วยเหลืออย่างมากแล้ว

ถ้าหากขนาดตำแหน่งสายลับก็ยังให้จ้าวเฟิงทำ องค์ชายเก้ารู้สึกละอายใจอยู่บ้าง

แต่กว่าที่เขาและตาเฒ่าอิงจะเสนอความคิดนี้ ก็ใช้เวลาปรึกษาหารือกันนาน

อย่างแรก จ้าวเฟิงมีอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศ ถึงจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็ยังหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาจ้าวเฟิงมีสายเลือดดวงตา เรื่องสอดส่องหาข่าวคงเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

“ภารกิจสายลับนี่ ให้ข้าจัดการเอง!”

จ้าวเฟิงทราบสถานการณ์แล้วก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ตลอด เหตุใดองค์ชายเก้าจึงไม่โจมตีต่อ ที่แท้แล้วมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น

จ้าวเฟิงย่อมสนับสนุนการสู้รบ ทั้งสามารถฝึกฝนตัวเอง และยังสะสมผลงานการรบเพื่อเอามาแลกเปลี่ยนทรัพยากรได้อีกด้วย

เขาเองก็หวังว่ายามที่ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากสู้กัน รู้เรื่องของศัตรูไว้บ้างจะดีกว่า

“สหายจ้าวยินดีจะไปสอดแนมที่แนวหน้างั้นหรือ?”

องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงชะงักไป

คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะตอบรับอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้

“จ้าวเฟิง ต้องการผู้ช่วยหรือไม่?” ตาเฒ่าอิงเอ่ยถาม

“ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”

หลังจากจ้าวเฟิงเอ่ยจบก็เดินออกจากตำหนักไป

เมื่อทิ้งสัญลักษณ์มิติของมนตราอากาศเอาไว้ในเมืองมังกรจันทรา จ้าวเฟิงก็ออกจากเมือง มุ่งหน้าตรงไปที่อาณาเขตของเมืองเหมิง

เมื่อบินไปได้ไม่นานนัก ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

เปรี๊ยะ แซ่ด!

จ้าวเฟิงสำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบิน เข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างไวว่อง

ตรงนั้นคือกองหินรกระเกะระกะแห่งหนึ่ง ในละแวกใกล้เคียงยังมีศพอีกหลายร่างกระจัดกระจาย ส่งกลิ่นเหม็นอบอวล

ยามนั้น พวกต่างเผ่าพันธุ์ที่เร้นกายอยู่ในกองหินยักษ์ มือสองข้างกดลงบนพื้นดิน ปลดปล่อยระลอกจิตวิญญาณแกร่งกล้าที่รางเลือนออกมา

‘แย่แล้ว มีคนกำลังเข้ามาใกล้ที่นี่!’

ชาวต่างเผ่าพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกองหินมีสีหน้าตื่นตะลึง จู่ๆ มีมนุษย์บุกเข้ามายังอาณาเขตการรับรู้ของเขา

‘เขาไม่มีทางเจอข้า น่าจะเพียงแค่ผ่านมาทางนี้เท่านั้น!’

ต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้คิดขึ้นมาได้

ตั้งแต่แรกจนตอนนี้ เขายังไม่เคยสังเกตเจอระลอกจิตวิญญาณ ดังนั้นถึงมั่นใจเหลือเกินว่าจ้าวเฟิงจะไม่มีทางรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขา

เขาเป็นถึงสายลับที่มากความสามารถที่สุดของเมืองเหมิง เพราะอาศัยสายเลือดประหลาดในกาย จึงทำให้เขาไม่เคยทำงานพลาดแม้แต่ครั้งเดียว

เปรี๊ยะ!

จ้าวเฟิงบินตรงไปหาต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ด้วยความเร็วสูงสุด เข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว

โครม ตุบ!

จ้าวเฟิงสะบัดฝ่ามือ ทำลายกองหินนั้นละเอียดเป็นผุยผง เงาสีเหลืองเข้มที่ใบหน้าหวาดกลัวพลันกระโจนออกมา

“เจ้าคงเป็นสายลับของต่างเผ่าพันธุ์กระมัง!”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงฉายแววยินดี ระลอกแสงสีทองม่วงในดวงตาซ้ายหมุนวนไปมา

“หนามจิตวิญญาณ!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปลดปล่อยผลึกสายฟ้าสีทองม่วงออกมา ทะลุไปที่ดวงวิญญาณของต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้

ฉัวะ!

ต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้อยู่ในขอบเขตพลังจักรพรรดิ จึงถูกวิชาดวงตากระบวนท่าของจ้าวเฟิงสังหารในพริบตา

จ้าวเฟิงสะบัดมือครั้งหนึ่ง มิติเก็บของและศีรษะของอีกฝ่ายก็ถูกฉกฉวยมา

“จักรพรรดิหนึ่งคน ผลงานการรบหนึ่งพัน จะให้สิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ไม่ได้…”

จ้าวเฟิงยินดีอยู่บ้าง ช่างโชคดีเหลือเกิน เพิ่งจะออกเดินทางมาก็มีต่างเผ่าพันธุ์มาให้เก็บผลงานการรบเลยทีเดียว

อย่างไรเสียจักรพรรดิก็ไม่ใช่คนเขลา ในเมืองแห่งหนึ่งก็มีเพียงหยิบมือ ยังเหลือจักรพรรดิต่างเผ่าพันธุ์ส่วนหนึ่งไว้ให้แม่ทัพคนอื่นๆ

ฟุ่บ! หลังจากสังหารสายลับต่างเผ่าพันธุ์แล้ว จ้าวเฟิงจึงออกเดินทางต่อ

ทั้งสองเมืองมีระยะห่างไม่มากนัก

ห้าวันต่อมา จ้าวเฟิงก็มาถึงระยะหลายสิบลี้นอกเมืองเหมิง

“ภารกิจนี้บางทีอาจจะใช้เนตรสวรรค์ทำภารกิจได้เลย!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิด

แต่ทำเช่นนี้ จะเป็นการเปิดเผยไพ่ตายของจ้าวเฟิงกับพวกต่างเผ่าพันธุ์ และไม่ได้ประโยชน์อะไร

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงรุกคืบไปยังเมืองเหมิง

ป่าเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองเหมิง

โครม! ในป่าไม้พลันเกิดเสียงดังโครมครามขึ้น ตามด้วยระลอกปราณแท้จริงที่บ้าคลั่ง

“ฮ่าๆ ผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาวก็ไม่เท่าไหร่นัก!”

บุรุษต่างเผ่าพันธุ์ผู้มีปีกค้างคาวสีม่วงเบื้องหลังโบยบินวูบวาบอย่างเร็วรี่ภายในป่า

โครม!

ทุกครั้งที่บุรุษปีกค้างคาวม่วงผู้นี้สะบัดปีก คมดาบสีม่วงสองสายจะหมุนวนรุนแรงออกมากวาดในอากาศ และทำลายทุกสิ่งเป็นเถ้าธุลี

“เจ้าก็อ่อนแอลงไปทุกทีแล้ว!” น้ำเสียงซื่อๆ ดังมาจากป่าด้านล่าง

ทันใดนั้นเอง ร่างสีเหลืองทองทะยานออกมา พุ่งไปหาบุรุษปีกค้างคาวม่วง กรงเล็บทองขนาดยักษ์ยื่นมาทันที

เคร้ง! ทุกแห่งที่กรงเล็บยักษ์สีทองกวาดผ่าน ทิ้งเสียงแหวกอากาศเขย่าขวัญผู้คนไว้ ไอปีศาจจากร่างกายสะเทือนวิญญาณ

เปรี๊ยะ! บุรุษต่างเผ่าพันธุ์กระพือปีกม่วงอย่างรวดเร็ว หลบการโจมตีของบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาว

ตุบ! กรงเล็บทองกระทบลงหุบเขายักษ์ด้านหลังบุรุษปีกค้างคาว กลายเป็นปราการล้อมทั้งสี่ทิศ

“พายุหมุนปีกม่วง!”

บุรุษปีกม่วงเองก็ไม่น้อยหน้า ปลดปล่อยท่าไม้ตายออกมา

กำลังรบที่ปฐมเซียนต่างเผ่าพันธุ์ทั้งสองแสดงออกมาในตอนนี้ มากพอจะทำให้เซียนทั่วไปตื่นตะลึง

พวกเขาสองคนเป็นยอดปฐมเซียนที่ติดตามบุตรมังกรวารีที่ห้าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีมายังเมืองเหมิง

หลังจากที่ทั้งสองมาถึงเมืองเหมิงก็เหนื่อยหน่ายอย่างยิ่ง จึงมักจะออกมาแลกเปลี่ยนฝีมือกันด้านนอก มนุษย์ผู้สอดแนมก่อนหน้านี้ พวกเขาก็สังเกตเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจและสังหารอีกฝ่ายทิ้ง

“ช้าก่อน ข้าสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติที่ด้านหน้า!”

บุรุษปีกค้างคาวส่งเสียงมาทันที

“เหอะ คงจะเป็นสายลับของพวกมนุษย์ โง่งมเสียจริง คราวก่อนถูกพวกเราสังหารไปยังจะกล้ามาอีก!”

บุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาวไม่เปลี่ยนสีหน้า

“เหอะๆ ไม่เช่นนั้นพวกเรามาแข่งกัน ดูว่าใครจะสังหารสายลับมนุษย์ได้ก่อน!”

บุรุษปีกค้างคาวยิ้มเจ้าเล่ห์

“ตกลง!”

บุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาวเผยจิตต่อสู้ออกมา

ฟู่ เปรี๊ยะ!

เห็นเพียงแสงสว่างสีทองและม่วงสองสายตรงดิ่งไปยังทิศทางเดียวกัน

ทั้งสองเป็นผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ค้างคาวและเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาว ต่างชำนาญในเรื่องความเร็วกันหมด

“ฮ่าๆ สายลับครั้งนี้เป็นปฐมเซียน มิน่าพวกมนุษย์ถึงกล้ามาอีก!”

บุรุษปีกค้างคาวมองชายผมทองที่เดินทางช้าๆ อยู่ด้านหน้า เลียริมฝีปาก แล้วเผยรอยยิ้มลิงโลด

“คิดไม่ถึงว่าจะตกปลาได้ถึงสองตัว!”

สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นเต้นเล็กน้อย ปฐมเซียนสองคนได้ผลงานการรบหนึ่งพันสองพันเลยทีเดียว

“ตายซะเถอะ เจ้ามนุษย์!”

ชายเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาวกลายร่างเป็นเสือดาวทอง รวดเร็วราวสายฟ้า หอบพลังที่น่ากลัวโจมตีไปที่จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ตุ้บ! ตอนที่กรงเล็บสีทองของมนุษย์เสือดาวตะปบลงไปบนทรวงอกของจ้าวเฟิง รู้สึกเหมือนเต้าหู้นิ่มพุ่งไปหาเหล็กกล้า พลังอัสนีและร่างกายที่แกร่งกล้ากระแทกมนุษย์เสือดาวต่างเผ่าพันธุ์ถอยร่นไปหลายพันลี้ทันใด ในเวลาเดียวกัน กรงเล็บทองสองข้างของเขาก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นมา

จะต้องรู้ว่า แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงสามารถรับการโจมตีซึ่งหน้าของเซียนทั่วไปได้ การโจมตีของชายเผ่าพันธุ์มนุษย์เสือดาวผู้นี้จะส่งผลต่อจ้าวเฟิงได้อย่างไร

“นี่…เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

ความเร็วของบุรุษปีกค้างคาวลดลงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็เกือบตกใจจนร่วงลงพื้น

ฟึ่บ!

บุรุษปีกค้างคาวหมุนกายบินหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พลังที่ชายผมทองผู้นี้ปลดปล่อยออกมาน่ากลัวเกินไป แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ถูกเลือกของเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกรวารีที่เขาเคยเจอมาอย่างมาก

“ผลงานการรบหนึ่งหมื่นสองพัน ข้าคงจะปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปแบบนี้ไม่ได้”

ปีกแสงอัสนีสีชาดด้านหลังจ้าวเฟิงแผ่สยาย กลายร่างเป็นเส้นวายุอัสนีสายหนึ่งไปปรากฏกายเบื้องหน้ามนุษย์เสือดาวและบุรุษปีกค้างคาว

เปรี้ยง แซ่ด!

พลังวายุอัสนีคลั่งที่เก่าแก่พวยพุ่งขึ้นจากเบื้องหลังของจ้าวเฟิง หลอมรวมเข้าไปในความว่างเปล่า

อากาศในรัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ในความมืดมิดที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง ต่างเผ่าพันธุ์สองคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวก็ถูกกดดันอย่างรุนแรง

“พลังมิติส่วนตัวแข็งแกร่งนัก!”

บุรุษปีกค้างคาวตกตะลึง รู้สึกถึงสายเลือดและปราณที่แท้จริงถูกกดดันจนถึงขีดสูงสุด

ฟิ้ว! บุรุษปีกค้างคาวปลดปล่อยโลกมิติส่วนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มร่างกายตนเองเอาไว้เพื่อลดทอนแรงกดดันของโลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิง

เปรี๊ยะ แซ่ด!

ในโลกมิติส่วนตัววายุอัสนี ความเร็วของจ้าวเฟิงจะมากกว่าธรรมดา เขาไปถึงด้านหน้าบุรุษปีกค้างคาวในพริบตา ก่อนสะบัดฝ่ามือออกมา

ฝ่ามือที่ฟาดออกมาส่งๆ ของจ้าวเฟิง เป็นฉบับง่ายของฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา ซึ่งแฝงไปด้วยแก่นแท้ของฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา

โครม!

เงาฝ่ามือสีทองแดงตรงเข้าปะทะกับโลกมิติส่วนตัวสีม่วงของบุรุษปีกค้างคาว

แกรก แกรก!

โลกมิติส่วนตัวของบุรุษปีกค้างคาวปรากฏรอยปริร้าวขึ้นในฉับพลัน และแผ่ขยายไม่หยุด

“เป็นไปได้อย่างไรกัน มิติส่วนตัวของข้า!”

บุรุษปีกค้างคาวใจเต้นระรัว ทั้งร่างสั่นสะท้าน

ในวินาทีนั้น โลกมิติส่วนตัวของเขาไม่เพียงแต่ปรากฏรอยร้าว แต่โครงสร้างพื้นฐานของโลกมิติส่วนตัวก็ถูกทำลายไปบางส่วนด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!