บทที่ 1084 กัดไม่ปล่อย
“คิดไม่ถึงว่าผู้เยาว์คนนี้จะน่ารังเกียจขนาดนี้ เมื่อครู่นี้เขาเองก็ฉวยโอกาสปล้นชิงทรัพยากรล้ำค่าทั้งหมดที่ข้าได้มาจากในร่างเทพ ข้าจะติดตามสหายอวี่หลิงไปจัดการเจ้าเด็กนั่นด้วยกัน!”
ราชาเซียนปี้กวงมีสีหน้าตื่นเต้น ดูดีใจเสียยิ่งกว่าราชาเซียนอวี่หลิงเสียอีก
“ผู้อาวุโสอวี่หลิง จ้าวเฟิงจะเป็นฆาตกรที่สังหารองค์ชายสิบสามได้อย่างไรกัน?”
เซียนเกาหวงสีหน้าตื่นตระหนก
ในวันนั้นคนของตำหนักรบมณฑลหลานและราชวงศ์ก็เคยสำรวจฐานที่มั่นขององค์ชายเก้า และยืนยันว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางจะสังหารองค์ชายสิบสาม แต่ยามนี้ราชาเซียนอวี่หลิงกลับพูดว่าจ้าวเฟิงเป็นฆาตกรสังหารองค์ชายสิบสาม ทำให้เขาไม่อาจเข้าใจได้
อีกอย่าง การกระทำทุกอย่างของราชาเซียนปี้กวงในเวลานี้ก็ทำให้เขารังเกียจเดียดฉันท์อย่างยิ่ง
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพวกจ้าวเฟิงให้ความช่วยเหลือพวกเขา ราชาเซียนปี้กวงก็มอบทรัพยากรให้ด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ยังวางแผนจะยึดคืนอีก
แต่สองคนนี้เป็นราชาเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ มีตำแหน่งอำนาจสูงส่งในตำหนักไท่หวง ย่อมไม่ใช่บุคคลที่เซียนเกาหวงจะล่วงเกินได้
“เหอะ เจ้าสงสัยในผลการสืบค้นของข้า?”
ราชาเซียนอวี่หลิงขมวดคิ้วมุ่น จ้องเขม็งไปที่เซียนเกาหวง
ทันใดนั้น เสวียนอ้าวในฟ้าดินที่ไร้รูปร่างรอบบริเวณรัดตรึงเซียนเกาหวงเอาไว้อย่างแน่นหนา สายเลือดและพลังศักดิ์สิทธิ์ถูกกดเอาไว้จนถึงขีดสุด จนเหมือนกลายเป็นเพียงแพะรอถูกเชือด
นี่ก็คือจุดแตกต่างของผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนและเทวาเร้นลับชั้นต้น
เมื่อเซียนเกาหวงอยู่เบื้องหน้าราชาเซียนอวี่หลิงก็อ่อนด้อยจนไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
หนำซ้ำราชาเซียนอวี่หลิงเป็นคนอาวุโสมากฝีมือในบรรดาผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียน
“ข้าจะติดตามผู้อาวุโสทั้งสามไป!”
เซียนชั้นต้นอีกคนหนึ่งในกลุ่มราชาเซียนปี้กวงเอ่ยขึ้นทันที
จากที่เขามองดู ไม่ว่าอย่างไรจ้าวเฟิงก็ไม่สามารถหนีจากการไล่ล่าสังหารของเซียนทั้งสามคนได้ อีกทั้งเขายังอยากสำรวจในร่างเทพต่อ ติดตามราชาเซียนทั้งสามย่อมต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว
“สหายอวี่หลิง พวกเราไปเถอะ เมื่อกี้พวกนั้นเพิ่งไปทางนี้!”
ราชาเซียนปี้กวงใช้ยาศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผลส่วนหนึ่ง ก่อนรีบเอ่ยขึ้น
“ไป!”
จากนั้น กลุ่มราชาเซียนอวี่หลิงและกลุ่มราชาเซียนปี้กวงผนึกกำลัง ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทวาเร้นลับทั้งเจ็ดคนไล่ตามไปทางที่จ้าวเฟิงจากไป
“เฮ้อ จ้าวเฟิง ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้!”
เซียนเกาหวงทอดถอนใจ ในวันนี้เขาแยกตัวออกจากกลุ่ม เดินทางเพียงลำพัง ย่อมไม่กล้าอยู่ในร่างเทพต่อ ยิ่งไปกว่านั้น ผลประโยชน์ของเขาในครั้งนี้มากมายอย่างยิ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้เซียนเกาหวงจึงตัดสินใจเดินทางออกจากที่นี่
เปรี๊ยะ! เซียนเกาหวงอาศัยความทรงจำของตนเองกลับออกไปทางเดิม
……
อีกฟากหนึ่งในร่างเทพ
พวกจ้าวเฟิงเดินทางอยู่ภายในอุโมงค์กำแพงผลึกที่ซับซ้อน
“พวกเราน่าจะมาถึงพื้นที่ใจกลางของร่างเทพแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเนิบนาบ
ตลอดทางที่ผ่านมา วัตถุดิบยาล้ำค่าที่มีดาษดื่นรอบตัวยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กำแพงผลึกก็ยิ่งส่องแสงสว่างเรืองรอง ทอประกายขาววูบวาบ
“พี่เฟิง ด้านหลัง…”
เหมือนจ้าวหยูเฟยมองเห็นอะไรบางอย่าง
จ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาซ้ายก็ปรากฏลายคลื่นสีทองอ่อน กวาดผ่านด้านหลังทันที
“แย่ล่ะ รีบไปเร็ว!” จ้าวเฟิงรีบเอ่ย
“เกิดเรื่องอะไรกัน?”
หนานกงเซิ่งเผยสีหน้าสงสัย
“ราชาเซียนปี้กวงและราชาเซียนอีกสองคนของตำหนักไท่หวงไล่ตามมาแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างรวบรับ
เขาแน่ใจได้ว่าผู้แข็งแกร่งเจ็ดคนในขอบเขตเทวาเร้นลับด้านหลังมาเพื่อรับมือกับตนเอง เพราะว่าในนั้นมีราชาเซียนอวี่หลิงด้วย
ถ้าหากเผชิญหน้ากับราชาเซียนอวี่หลิงเพียงลำพัง จ้าวเฟิงย่อมไม่หวาดกลัว แต่ในเวลานี้กลุ่มที่ไล่ล่าสังหารด้านหลังมีทั้งหมดเจ็ดคน มีผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนถึงสามคน
ด้วยพลังของจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่ง แต่ละรับมือกับราชาเซียนผู้หนึ่งก็เป็นขีดจำกัดแล้ว หากฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมาก จ้าวเฟิงทำได้เพียงหนีไป
หนานกงเซิ่งได้ยินก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก อีกอย่างเขาก็เชื่อความสามารถในการตัดสินใจของจ้าวเฟิง
สวบ! สวบ! พรึ่บ!
คนทั้งสามใช้เคล็ดวิชาหลบหนี โบยบินเข้าไปในอุโมงค์กำแพงผลึก โอกาสส่วนหนึ่งที่พบเจอระหว่างทางก็ไม่ได้สนใจ
ด้านหลังไม่ไกลนัก
“รู้สึกได้ถึงระลอกพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแล้ว อยู่ทางนี้!”
ราชาเซียนซีไห่ผมน้ำเงินแววตาเป็นประกายเล็กน้อย พลันพุ่งทะลวงออกมา
ราชาเซียนสามคนกระตุ้นพลังเจตจำนงให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม ทำให้ความเร็วของสมาชิกเท่าเทียมกันหมด หนำซ้ำยังไปถึงระดับที่น่าตะลึงอย่างยิ่งด้วย
“พี่เฟิง พวกเขาเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว!”
จ้าวหยูเฟยเผยสีหน้ารีบร้อน สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวด้านหลังจากระลอกของไอสวรรค์ในฟ้าดิน
ในกลุ่มจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงรวดเร็วที่สุด ถ้าหากสำแดงปีกอัสนีผ่านฟ้า กระทั่งจะอยู่เหนือราชาเซียนทั่วไป ต่อมาเป็นหนานกงเซิ่ง ท้ายสุดคือจ้าวหยูเฟย
แต่ว่าจ้าวเฟิงมีความเร็วเพียงคนเดียวก็ไร้ซึ่งประโยชน์ เขาคงไม่อาจทอดทิ้งหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยได้
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงก็สามารถให้หนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยเข้าไปในมนตราอากาศ และหนีไปเพียงลำพังยังพอจะมีความหวังมากกว่า
ทว่าในมนตราอากาศมีความลับต่างๆ ของจ้าวเฟิง ปล่อยให้หนานกงเซิ่งเข้าไปภายใน จ้าวเฟิงไม่วางใจยิ่งนัก อย่างไรเสียจิตใจและสติของหนานกงเซิ่งในตอนนี้ก็บิดเบี้ยวไปมากแล้ว
“พี่เฟิง จะใช้มนตราอากาศจากไปหรือไม่?”
จ้าวหยูเฟยเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ไม่ได้!” จ้าวเฟิงปฏิเสธทันที
เขาเพียงทิ้งตราสัญลักษณ์มิติเอาไว้ตามสถานที่ที่เข้ามา
ถ้าหากทุกคนใช้มนตราอากาศเคลื่อนย้ายก็ต้องกลับไปที่จุดเดิม ทั้งสามคนใช้เวลาไปมากกว่าจะมาถึงอาณาเขตใจกลางร่างเทพได้
“พวกเจ้าจะหนีไปไหน?”
ในเวลานี้ เสียงของราชาเซียนอวี่หลิงดังขึ้นจากด้านหลัง
พลานุภาพกดดันที่แกร่งกล้าราวสะเทือนทุกสิ่งในใต้หล้า หมุนกวาดไปทางพวกจ้าวเฟิ
จ้าวเฟิงและพวกรู้ใจกันนานแล้ว ปลดปล่อยเงาโลกมิติส่วนตัวออกมาในทันที
พลังแห่งเงาโลกมิติส่วนตัวสามกลุ่มที่แข็งแกร่งเกินจะเปรียบปรากฏขึ้นเบื้องหลังพวกจ้าวเฟิง ต้านทานพลานุภาพพลังของราชาเซียนสามคนไว้
“เจ้าหนุ่มนี่ คิดไม่ถึงว่ายังมีมิติส่วนตัวแห่งหนึ่ง?”
ราชาเซียนปี้กวงตื่นตะลึงอย่างยิ่ง มองพลังเงาโลกมิติวายุอัสนีที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมา
เขาจำได้ว่าในการต่อสู้เมื่อครู่ สิ่งที่จ้าวเฟิงใช้ก็คือเงาโลกมิติส่วนตัวอีกแห่งในศาสตร์ลวงตา
อีกทั้งพลังมิติส่วนตัววายุอัสนีที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยในตอนนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
“หึ มิติส่วนตัวแข็งแกร่งจะมีประโยชน์อะไร สำนึกรู้ของไม่มากพอ ยากจะปลดปล่อยพลังของมิติส่วนตัว!”
ราชาเซียนอวี่หลิงหัวเราะเยาะเย้ย
ฉับพลันนั้น ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนสามคนก็ปลดปล่อยพลังเงาโลกมิติส่วนตัวออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ราชาเซียนทั้งสามมีกลวิธีไม่ธรรมดา พลังเงาโลกมิติส่วนตัวของพวกเขาสอดประสานกันจนเกาะกลุ่มกันเป็นรูปธรรม กดดันพลังมิติทั้งหมด แล้วพุ่งทะลวงไปด้านหน้า
โครม!
การปะทะที่ไร้รูปร่างของมิติส่วนตัว ทำให้ฟ้าดินบิดเบี้ยวส่งเสียงอึกทึกครึกโครม
ถึงแม้ว่ามิติส่วนตัวพวกจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเหมือนที่ราชาเซียนอวี่หลิงพูดเอาไว้ ระดับสำนึกรู้ของพวกเขาไม่มากพอ ย่อมด้อยกว่าการโคจรพลังมิติส่วนตัวของราชาเซียนทั้งสาม แต่พวกจ้าวเฟิงอาศัยพลังที่พุ่งปะทะไป ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นโดยพลัน
เวลาเดียวกัน ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏจุดแสงสว่างสีเขียวมรกต คือไหมเมฆาผีเสื้อเซียนนั่นเอง
ในร่างของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนสั่งสมคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งไว้
ฟู่ ฟู่! ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนปลดปล่อยละอองเกสรไฉ่เมิ่งและใยไหมเมฆาในเวลาเดียวกัน ทางด้านหลังของจ้าวเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยเส้นแสงสีรุ้งและละอองเกสร
หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว จ้าวเฟิงเก็บไหมเมฆาผีเสื้อเซียน และให้เซียนหมื่นปรากฏการณ์ที่หลบอยู่ในมนตราอากาศออกมา
“โลกวายุอัสนีหมื่นปรากฏการณ์!”
เซียนหมื่นปรากฏการณ์เพ่งสายตา เปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ธรรมชาติกับเสวียนอ้าวและธาตุในฟ้าดิน
ทันใดนั้นเอง เสวียนอ้าววายุอัสนีไร้ขอบเขตกระจายออกไปรอบบริเวณ หนำซ้ำธาตุวายุอัสนีกลุ่มนี้บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ควบคุมได้อย่างง่ายดายนัก
จ้าวเฟิงควบคุมเงามิติส่วนตัววายุอัสนี หลอมรวมเสวียนอ้าววายุอัสนีมหาศาลเข้าไปภายในร่างกาย
วิ้ง แซ่ด!
ปีกแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีสีชาดด้านหลังจ้าวเฟิงพลันขยับแสงวิบวับ เสวียนอ้าววายุอัสนีไร้ขอบเขตประหนึ่งแสงศักดิ์สิทธิ์หมุนวนรอบตัวจ้าวเฟิง
“ไป!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังวายุอัสนี ม้วนตัวจ้าวหยูเฟย หนานกงเซิ่ง และเซียนหมื่นปรากฏการณ์โบยบินหายไปในอุโมงค์กำแพงผลึก
“เป็นการช่วยเหลือที่ดีเยี่ยมอย่างยิ่ง!” จ้าวเฟิงอดชมไม่ได้
เนตรหมื่นปรากฏการณ์มีประโยชน์มากจริงๆ
ในตอนนี้ ทั้งกลุ่มล้วนแต่ใช้ความเร็วของจ้าวเฟิงหนีไป
ทว่าหากจ้าวเฟิงไม่สำแดงปีกอัสนีผ่านฟ้า ความเร็วคงยังไม่อาจมากกว่าราชาเซียน
แต่ปีกอัสนีผ่านฟ้าของจ้าวเฟิงเป็นเพียงการบินหนีด้วยตนเอง และเหมือนวจะไม่สามารถใช้วิชานี้พาคนอื่นหนีได้
อนึ่ง ลักษณะพื้นที่ของที่นี่ซับซ้อนอย่างยิ่ง ทั้งยังมีการรบกวนจากกลิ่นอายเทพ ปีกอัสนีผ่านฟ้าที่วิชาโบยบินข้ามมิติไม่เพียงแต่โดนจำกัด กระทั่งไม่อาจใช้มันได้
ผัวะ!
กลุ่มราชาเซียนทั้งสามทะลวงการขัดขวางของใยไหมเมฆาและละอองเกสรไฉ่เมิ่ง
“นั่นมันเซียนหมื่นปรากฏการณ์!”
ราชาเซียนผู้หนึ่งในกลุ่มร้องอย่างตื่นตระหนก
“จ้าวเฟิง เจ้ากลับรวมหัวกับพวกต่างเผ่าพันธุ์!”
ราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
ภาพที่เซียนหมื่นปรากฏการณ์ออกมาช่วยเหลือจ้าวเฟิง ทุกคนในตำหนักไท่หวงมองเห็นแล้ว
“ตาม!” สีหน้าของราชาเซียนปี้กวงดูไม่ได้อยู่บ้าง
ถ้าหากถูกจ้าวเฟิงสลัดทิ้งไปแบบนี้ ราชาเซียนสามคนอย่างพวกเขายังจะมีหน้าอยู่อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ถึงมีเนตรหมื่นปรากฏการณ์ช่วยเหลือพวกจ้าวเฟิง พวกนั้นก็หนีไปไม่พ้น
เปรี๊ยะ! ราชาเซียนทั้งสามโคจรพลังที่ยิ่งใหญ่ กวาดผ่านทั้งกลุ่ม แล้วทะยานตามไป
“ก่อกวน!” จ้าวเฟิงเอ่ยกับเซียนหมื่นปรากฏการณ์
“ขอรับ นายท่าน!”
เกลียววนหลากสีในดวงตาสองข้างของเซียนหมื่นปรากฏการณ์หมุนวนอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ด้านหลังของพวกจ้าวเฟิง พลังวายุอัสนีกลุ่มนั้นกลายเป็นพลังธาตุดินอันกดดันหนักอึ้ง
โครม ตูม! ความเร็วของกลุ่มราชาเซียนสามคนช้าลงไปส่วนหนึ่ง
ในราชาเซียนทั้งสาม มีทั้งคนที่ชำนาญในเสวียนอ้าวธาตุลม ชำนาญเสวียนอ้าวธาตุน้ำ แต่ไม่มีผู้ชำนาญในเสวียนอ้าวธาตุดิน ทว่า ขอบเขตพลังของเซียนหมื่นปรากฏการณ์ต่ำยิ่งนัก ราชาเซียนทั้งสามเผาผลาญพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ สามารถมองข้ามพลังต้านทานได้
“นายท่าน ขอบเขตพลังของข้าต่ำเกินไป ไม่สามารถยับยั้งพวกเขาได้!”
เซียนหมื่นปรากฏการณ์เอ่ยกับจ้าวเฟิง
“เหตุใดคนเหล่านี้ถึงไล่สังหารพวกเรา?”
สีหน้าหนานกงเซิ่งเคร่งขรึม ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร อยากจะทะลวงออกไปเข่นฆ่าพวกนั้นให้หมดสิ้น
แต่เขาเข้าใจว่าตนเองแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านั้นที่ด้านหลัง
จ้าวเฟิงไอแห้งๆ เป้าหมายที่ราชาเซียนอวี่หลิงและราชาเซียนผมน้ำเงินไล่ล่าสังหาร เหมือนจะมีเพียงจ้าวเฟิงคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้แปลว่าจ้าวเฟิงเป็นตัวถ่วงจ้าวหยูเฟยและหนานกงเซิ่ง
“ราชาเซียนอวี่หลิง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไล่ล่าสังหารต่อไป?”
จ้าวเฟิงถามเสียงดัง
สิ้นเปลืองเวลาไปไล่ล่าสังหารฝ่ายตรงข้ามในร่างเทพ เป็นตัวเลือกที่โง่เง่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“หึ สังหารองค์ชายของราชวงศ์ ดูหมิ่นข้า เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้!”
ราชาเซียนอวี่หลิงลังเลไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยทันที
พวกเขาราชาเซียนทั้งสามไล่ล่าสังหารนานแล้ว ถ้ายอมแแพ้ไปเช่นนี้ เมื่อเรื่องแพร่สะพัดออกไปแล้วมีแต่จะกลายเป็นเรื่องน่าขบขัน
“เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าแล้วกันแล้วกัน!”
น้ำเสียงจ้าวเฟิงเย็นชา จิตสังหารแผ่กระจายออกไป
พรึ่บ!
มือสองข้างของจ้าวเฟิงปรากฏธนูแสงสีเงินโบราณคันหนึ่ง ศรสีทองดอกหนึ่ง
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงเอาศรสังหารเทพชั้นรองวางไว้บนสายธนูเหนือนภา จากนั้นจึงดึงสายธนู
พลังแสงเทพสีทองเข้มที่น่ากลัวสาดซัดออกมา เงาธนูเทพยาวร้อยจั้งค่อยๆ สาดกระจาย
พลังที่ทะลวงผ่านวิญญาณ ปะทะลงบนร่างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทวาเร้นลับเจ็ดคนด้านหลังทันใด
“ศรสังหารเทพ?”
ตอนราชาเซียนอวี่หลิงเห็นจ้าวเฟิงหยิบธนูดอกนั้นออกมาก็ตื่นตะลึงไม่น้อย
ราชาเซียนสามคนหยุดชะงัก ใจเต้นระรัว
เซียนหลายคนที่เหลือแรงต้านทานค่อนข้างอ่อนกำลัง จึงรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกทะลวงผ่านในพริบตา ความเจ็บปวดประเดประดังเข้ามาไม่หยุด
และตอนที่พวกเขาได้ยินราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยว่า ‘ศรสังหารเทพ’ ขาสองข้างพลันอ่อนยวบ สีหน้าซีดเผือด ความหวาดกลัวปกคลุมทั่วใบหน้า