บทที่ 1091 อันตรายกว่าเดิม
“พลังที่หายไปพวกนั้นทะลักลงใต้พิภพ!”
สายตาของจ้าวเฟิงมองทะลุเห็นทุกสรรพสิ่ง
พลังกลุ่มนั้นที่ทะลักลงไปใต้พิภพ เคลื่อนไหวอยู่ภายในกำแพงผลึก พุ่งไปยังด้านหลังจ้าวเฟิง
แล้วทิศนั้นเหมือนจะเป็นตำแหน่งศีรษะของร่างเทพ!
“ประหลาดเกินไปแล้ว!”
จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว
หลังจากที่เถาวัลย์ในผลึกยักษ์ฟื้นคืนชีวิต พลังภายในนั้นก็สลายออกไปจนหมด แม้แต่กำแพงผลึกและสมบัติภายในก็ไม่เป็นข้อยกเว้นเช่นกัน
เช่นนั้นแล้วสิ่งใดกันแน่ที่ดึงดูดพลังจากที่นี่ไป?
จ้าวเฟิงไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า หลังจากพลังที่น่ากลัวเพียงนี้รวมตัวเข้าด้วยกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
“กลิ่นอายพลังในกำแพงผลึกด้านนอกก็กำลังค่อยๆ หายไป!”
ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเอ่ยออกมา
สายตาของทุกคนพลันเบนออกจากวัตถุผลึกขนาดยักษ์ แล้วมองไปรอบๆ
ไม่ผิดคาด กลิ่นอายเทพในกำแพงผลึกรอบบริเวณกำลังอ่อนแรงลงไม่หยุด ไอสวรรค์ฟ้าดินที่หนาแน่นในอากาศสลายไปอย่างช้าๆ
เช่นเดียวกัน คุณสมบัติของทรัพยากรล้ำค่าและสมบัติที่ผนึกอยู่ในกำแพงผลึกก็ค่อยๆ ลดต่ำลง ไม่ล้ำค่าเหมือนกับในตอนแรกอีก
“หรือว่าพลังทั้งหมดในร่างเทพกำลังสูญสลายไปอย่างช้า?”
ตอนนี้ ในหัวของทุกคนต่างก็มีคำถาม
“พวกเราจำเป็นต้องรีบลงมือ อาศัยช่วงก่อนที่โอกาสในร่างเทพยังไม่หายไปทั้งหมด ไปหาสมบัติล้ำค่าส่วนหนึ่งอีก!”
เซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นทันที
จากนั้นเซียนผู้นี้จึงนำสมาชิกของกลุ่มตนโบยบินออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
การสลายตัวของพลังในร่างเทพมีทั้งเร็วช้าสลับกันไป ดังเช่นทั้งหมดในผลึกยักษ์หายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพลังที่แฝงในกำแพงผลึกส่วนนอกสลายไปเชื่องช้า หรือไม่ก็มีบางสถานที่ที่ยังไม่มีสัญญาณใดๆ
กลางอากาศ ครึ่งเทพทั้งสองสีหน้าเคร่งเครียด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ครึ่งเทพกูซีพึมพำอย่างกังวล
พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ค่อยๆ สูญสลาย เชื่อว่าอีกไม่นานเท่าไหร่จะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
พรึ่บ!
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่าชิงออกจากที่นี่ก่อน อย่างไรเสียภายในพื้นที่ผลึกยักษ์เมื่อครู่ เขาเคยยื่นมือเข้าไปขัดขวางครึ่งเทพกูซี
ตอนนี้โอกาสทั้งหมดหายไปสิ้น และกำลังพลเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่นี่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าหากครึ่งเทพกูซีร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งที่นี่รับมือเขา เช่นนั้นก็จะยุ่งยากแล้ว
ครึ่งเทพเมี่ยฝ่านำสมาชิกส่วนหนึ่งโบยบินไปยังทิศทางด้านหลัง เขาย่อมสังเกตเห็นทิศทางที่พลังไหลไปเช่นกัน
คล้อยหลังการจากไปของครึ่งเทพเมี่ยฝ่า ต่างเผ่าพันธุ์จำนวนมากขึ้นก็เริ่มจากออกไปจากที่นี่
ในกลุ่มนี้ ราชาเซียนเสี้ยวเทียนฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์หยุดอยู่กับที่ วันนี้เขาอยากสังหารจ้าวเฟิงนัก แต่ครึ่งเทพเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังอยู่ที่นี่ เขาย่อมไม่กล้าลงมือทำอะไร จึงทำได้เพียงจากไปอย่างกราดเกรี้ยว
“จ้าวเฟิง พวกเราก็ไปกันเถอะ!”
หนานกงเซิ่งเอ่ยขึ้นก่อน
เขาเก็บเกี่ยวได้ผลสีดำแสงอ่อนจางลูกหนึ่ง ส่วนคนอื่นก็ได้ผลประโยชน์ไปมากมาย
“หึ พวกเจ้าจะหนีไปที่ไหน!”
ยามนี้ ด้านหลังของพวกจ้าวเฟิงมีเสียงเย็นชาของราชาเซียนอวี่หลิงดังขึ้น
“เอาของที่พวกเจ้าได้มาออกมาให้หมด!”
สีหน้าราชาเซียนปี้กวงเคร่งขรึม
ในสายตาพวกเขา ถ้าหากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่ จนพวกเขามุทะลุพุ่งเข้าไป พวกเขาราชาเซียนทั้งสามคงจะได้สมบัติส่วนหนึ่งมาจากในผลึกขนาดยักษ์
วัตถุผลึกขนาดยักษ์พังทลายไปทั้งหมดแล้ว พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้จ้าวเฟิงหนีไปได้
เซียนและราชาเซียนส่วนหนึ่งด้านข้างมองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ จึงรีบหนีจากไป
“จ้าวเฟิงทำอะไรไปกันแน่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยั่วโทสะตำหนักไท่หวง!”
“หนำซ้ำยังเป็นราชาเซียนสามคน เซียนสี่คน!”
ราชาเซียนจำนวนไม่มากกับเซียนส่วนหนึ่งตื่นตะลึง
ด้วยกระบวนพลของพวกราชาเซียนอวี่หลิง ถึงเป็นกลุ่มของวังลอยฟ้าก็ยังไม่กล้ามีปัญหา นอกเสียจากว่าครึ่งเทพกูซีจะยื่นมือเข้ามายุ่ง
“พี่เฟิง ทำอย่างไรกันดี!”
วงหน้างามของจ้าวหยูเฟยดูกระวนกระวาย
ถึงแม้ภายในพื้นที่ผลึกขนาดยักษ์นั้น พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับและระดับพลังสำนึกรู้ของนางเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่นางยังไม่ได้ทำให้เสถียรทั้งหมด ด้วยพลังของพวกเขาสามคน เผชิญหน้ากับกระบวนพลเช่นนี้ก็ยังไม่มีโอกาสจะชนะ
“จ้าวเฟิง มาสะสางบัญชีระหว่างเรากันเถอะ!”
ในเวลานี้ ราชาเซียนตี้กุ่ยสาวเท้าออกมา
ไม่ได้ผลไม้ลูกนั้นมา ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง
หากไม่ใช่จ้าวเฟิงมีปัญหากับตำหนักไท่หวง ดึงดูดให้ราชาเซียนหลายคนของฝ่ายนั้นมาสังหาร บีบให้ราชาเซียนตี้กุ่ยถอดใจกับผลไม้ลูกนั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสำเร็จไปแล้ว
ราชาเซียนตี้กุ่ยย่อมไม่กล้ายั่วโทสะ แต่จ้าวเฟิงในเวลานี้ถูกราชาเซียนสามคนแห่งตำหนักไท่หวงล่าสังหาร ถ้าหากเขาเข้าร่วม ต่อให้จ้าวเฟิงยังมีศรสังหารเทพลอกเลียนแบบ เขาก็ไม่หวาดกลัว
ถึงจ้าวเฟิงจะมีศรสังหารเทพจริงๆ ด้วยความสามารถของจ้าวเฟิงก็ยากจะสำแดงพลานุภาพออกมาได้ พวกเขาราชาเซียนทั้งสี่บวกกับเซียนอีกจำนวนหนึ่งยังสามารถต้านทานเอาไว้
หนำซ้ำราชาเซียนตี้กุ่ยเองก็นำกลุ่มเล็กๆ มาถึงที่นี่ ในกลุ่มของเขามีเซียนลัทธิมารพิภพหลายคน
“ราชาเซียนตี้กุ่ย?”
ราชาเซียนอวี่หลิงชะงักไปเล็กน้อย
ในผลึกยักษ์เมื่อครู่ ราชาเซียนตี้กุ่ยยังยืนอยู่ข้างจ้าวเฟิง เหตุใดตอนนี้จึงกลับลำเสียได้
“ข้าและเจ้าเด็กนี่เพียงร่วมมือกันชั่วคราวก็เท่านั้น ในวันนี้ออกมาแล้ว ความร่วมมือย่อมหมดไป!”
ราชาเซียนตี้กุ่ยระบายยิ้มเย็นชา
ราชาเซียนสามคนแห่งตำหนักไท่หวงผงกศีรษะน้อยๆ
จากที่พวกเขาดูแล้ว คราวนี้ถึงจ้าวเฟิงจะติดปีกก็ยังยากจะหนีไปได้ มีราชาเซียนตี้กุ่ยเพิ่มมาหนึ่งคนก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนัก
“ขนาดลัทธิมารพิภพยังยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย!”
“ได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงไล่ล่าสังหารเซียนโม๋ยวนในตอนแรก จึงขัดแย้งกับลัทธิมารพิภพ!”
เซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนหนึ่งในที่นั้นคุยกันอื้ออึง ส่วนมากแล้วเป็นพวกรอดูอะไรสนุกๆ เสียมากกว่า
ครึ่งเทพกูซีผู้อาวุโสสูงสุดแห่งวังลอยฟ้าปรายตามองจ้าวเฟิง จากนั้นจึงนำเหล่าผู้แข็งแกร่งของวังลอยฟ้าโบยบินไปด้านหลัง
ทางนั้นเป็นทิศที่พลังในร่างเทพหลั่งไหลไป ถึงแม้ว่าครึ่งเทพกูซีรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่เขาจำเป็นต้องไปดูสักหน่อย
“ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว!”
ราชาเซียนอวี่หลิงมองเห็นกำลังคนของวังลอยฟ้าจากไปก็ยิ้มเอ่ย
ในตอนนี้ พวกจ้าวเฟิงทั้งสามต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งราชาเซียนสี่คน และยังมีเซียนอีกหลายคน กองกำลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ต่อให้ทำลายสำนักสามดาวที่มีศักยภาพอย่างยิ่งในดินแดนทวีปก็ยังเหลือเฟือ
สีหน้าของหนานกงเซิ่งร้อนรนเป็นครั้งแรก
เดิมทีเผชิญหน้ากับกลุ่มราชาเซียนสามคน ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ถ้าหากหยิบเอาไพ่ตายจำนวนมากออกมายังพอจะสู้ได้
แต่ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาเซียนสี่คนและเซียนจำนวนมาก แม้กระทั่งหนานกงเซิ่งก็ยังไม่รู้สึกถึงความหวังอะไรทั้งสิ้น
หนานกงเซิ่งยังอดมองจ้าวเฟิงไม่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับมีใบหน้านิ่งเฉย
หนานกงเซิ่งตื่นตะลึงไปเล็กน้อย ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ จ้าวเฟิงยังสามารถมีใบหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังมีวิธีอะไรอีกกันแน่?
“หึ ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก!”
ราชาเซียนอวี่หลิงมองจ้าวเฟิงพลางเอ่ยเยาะ
พรึ่บ วู้ม!
ราชาเซียนสี่คนพลันปลดปล่อยพลังเจตจำนงมหาศาล หลอมรวมไปในอากาศ กักขังพวกจ้าวเฟิงทั้งสามเอาไว้
ทำแบบนี้สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกจ้าวเฟิงใช้มนตราอากาศหนีไป
ยามราชาเซียนสี่คนเตรียมจะลงมือ จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ย
“ผู้ช่วยของข้ามาแล้ว!”
จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย
“ผู้ช่วย?” ราชาเซียนอวี่หลิงสีหน้าตะลึงค้าง จ้าวเฟิงยังมีผู้ช่วย?
“หึ ตอนนี้ใครจะช่วยเจ้าได้?”
ราชาเซียนปี้กวงยิ้มเยาะเย้ย
ที่นี่มีราชาเซียนสามคนแห่งตำหนักไท่หวง และยังมีผู้อาวุโสสูงสุดแห่งลัทธิมารพิภพ
ในดินแดนทวีป นอกเหนือจากผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพและวังลอยฟ้า ยังจะมีใครช่วยจ้าวเฟิงได้อีก
อีกทั้งจากที่เขารู้มา จ้าวเฟิงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับครึ่งเทพในดินแดนทวีปแม้แต่น้อย
วูบ! เวลานี้เอง ในทางสายหนึ่ง เงาร่างสีทองร่างหนึ่งโบยบินออกมา
“คุนอวิ๋น!” ราชาเซียนอวี่หลิงร้องทันที
ราชาเซียนสามคนที่เหลือมีสีหน้าตกตะลึง
พวกเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องราวของคุนอวิ๋น ได้ยินมาว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นในตอนนั้นถือกำเนิดใหม่ขึ้นครั้ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะรู้จักคุนอวิ๋น!”
“คุนอวิ๋นผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
เซียนส่วนหนึ่งที่รอดูอะไรสนุกอยู่รอบๆ ตื่นตะลึงเกินจะเปรียบเช่นกัน
คุนอวิ๋นเคยเป็นครึ่งเทพเซียน ถึงจะเป็นตำหนักไท่หวงก็ไม่กล้าทำผิดต่อครึ่งเทพคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นราชาเซียนพวกนี้ก็ไม่อาจเป็นตัวแทนของครึ่งเทพตำหนักไท่หวงได้
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา!”
หนานกงเซิ่งเองก็อึ้งไป
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจ้าวเฟิงจึงสงบสุขุม เดิมทีจ้าวเฟิงติดต่อคุนอวิ๋นไว้นานแล้ว
อีกทั้งคุนอวิ๋นในตอนนี้ไปถึงขอบเขตพลังราชาเซียนแล้ว พลานุภาพที่แท้จริงของเขา เกรงว่าน่าจะเป็นขั้นราชาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์ทวีป
ถ้าหากพวกเขาสามคนร่วมกับคุนอวิ๋น ก็ไม่จำเป็นหวาดกลัวศัตรูตรงหน้า
อีกฟากหนึ่ง จ้าวหยูเฟยเองก็ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย
“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว!”
จ้าวเฟิงมองไปที่คุนอวิ๋น
ตอนที่เขาออกมาจากผลึกยักษ์ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่าคุนอวิ๋นอยู่ใกล้ๆ นี้ผ่านทางตราคำสั่งในมนตราอากาศที่คุนอวิ๋นมอบให้เขา
ด้วยเหตุนี้หลังจากออกมาแล้ว จ้าวเฟิงจึงไม่ได้รีบร้อนออกไป
“ไสหัวออกไปให้หมด พวกเจ้าคนไหนกล้าทำร้ายเขา!”
ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นโบยบินมา แก่นแท้พลังน่ากลัวที่หนักหน่วงทรงอำนาจกดดันเข้ามาทันที
พลังเจตจำนงในฟ้าดินของราชาเซียนทั้งสี่ถูกทำลาย
“ผู้อาวุโสคุนอวิ๋น ข้าน้อยผู้อาวุโสจากตำหนักไท่หวง จ้าวเฟิงเขาปล้นชิงผลประโยชน์ของสมาชิกตำหนักไท่หวงไป อีกทั้งยังเป็นฆาตกรสังหารองค์ชายสิบสาม…”
ราชาเซียนอวี่หลิงมีสีหน้าเคารพนบนอบ รีบเอ่ยอธิบาย
“พูดจาไร้สาระอะไร ไสหัวไป ไม่ได้ยินรึไง?”
สีหน้าคุนอวิ๋นกระวนกระวาย เอ่ยขัดจังหวะ
ราชาเซียนสี่คนสีหน้าหนักอึ้ง รู้สึกยุ่งยากใจอย่างยิ่ง
ถึงแม้พวกเขาและคุนอวิ๋นจะเป็นราชาเซียนเหมือนกัน แต่คุนอวิ๋นในตอนนี้กลับให้แรงกดดันต่อพวกเขามหาศาล
จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย มองไปที่คุนอวิ๋นที่กำลังหงุดหงิด รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
จากที่เขาดู คุนอวิ๋นทำได้อย่างมากก็แค่ช่วยตนเองฝ่าวงล้อมออกไปเท่านั้น จะไม่ขัดแย้งกับตำหนักไท่หวงเพื่อตนแน่ แต่ตอนนี้คุนอวิ๋นกลับไม่ไว้หน้าคนระดับสูงของตำหนักไท่หวงเสียอย่างนั้น
ขณะที่จ้าวเฟิงกำลังครุ่นคิดนั้นเอง
ทางเดินที่คุนอวิ๋นทะยานออกมาเมื่อครู่ มีเงาร่างหนึ่งโบยบินออกมาอีก
โครม!
พลังกดดันที่น่ากลัวทำให้ฟ้าดินสั่นเคว้งน้อยๆ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดตรงนั้นใจพลันหนักอึ้ง สายเลือดและพลังศักดิ์สิทธิ์ได้รับแรงกดดันที่ไร้รูปร่าง
“ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์!”
เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับผู้หนึ่งด้านข้างเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า
“คุนอวิ๋น เจ้าจะหนีไปไหน!”
ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ตะโกนเสียงดัง ไอสวรรค์ในฟ้าดินสั่นสะเทือนน้อยๆ
หลังจากที่เขาเห็นคุนอวิ๋นที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิง สีหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าคงเป็นจ้าวเฟิงกระมัง!”
ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้มองไปที่จ้าวเฟิง ใบหน้ามีจิตสังหาร
“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง!” ดวงตาจ้าวเฟิงตื่นตระหนก กลืนน้ำลายลงคอ
ในที่สุดแล้วเขาก็เข้าใจ เหตุใดคุนอวิ๋นจึงมีสีหน้ากระสับกระส่าย ที่แท้คุนอวิ๋นกำลังถูกไล่ล่าจากครึ่งเทพคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงกลัดกลุ้มก็คือ ครึ่งเทพที่ไล่ล่าสังหารคุนอวิ๋นเป็นครึ่งเทพจวี้เหมิ่งฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์
หากรู้แบบนี้ ตอนนี้ที่จ้าวเฟิงออกมา เขาหนีไปพร้อมกันกับหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยเสียก็ดี
สุดท้ายเมื่อจ้าวเฟิงรอให้คุนอวิ๋นมาคลี่คลายภัยอันตรายตรงหน้า กลับต้องมาเผชิญอันตรายหนักกว่าเดิม