Skip to content

King of Gods 1188

King Of Gods

บทที่ 1188 เสวียนอ้าวแห่งไฟขั้นที่หนึ่ง

บนยอดเขา เพลิงอาทิตย์ อัสนี และแสงสีทองสอดประสาน พลานุภาพมหาศาล

ระหว่างปรากฏการณ์ประหลาดกลุ่มนี้ จะเห็นเงาคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่รางๆ เบื้องหน้าของเขามีวัตถุที่ส่องประกายหลากสีลอยอยู่

ของวิเศษสำหรับฝึกฝนที่ลอยอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ก็ต้องมองตาเป็นมัน และปรากฏการณ์ประหลาดแถวนั้นก็เกิดขึ้นเพราะจ้าวเฟิงใช้ทรัพยากรฝึกฝนพวกนี้

ท่ามกลางทรัพยากรฝึกฝนล้ำค่ามหาศาลเพียงนี้ พลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฟู่! แซ่ด แซ่ด~

ร่างของจ้าวเฟิงมีแสงเพลิงแวววาวสีทองแดงชั้นหนึ่ง ไหลเวียนเปลี่ยนแปลงไม่หยุด

วู้ม ครืน!

กายแวววาวสีทองแดงของเขาแผ่กระจายเพลิงอาทิตย์ร้อนแรงสีแดงเข้มออกมา ส่องประกายงดงามดั่งโลหิต

ฟู่! เปลวเพลิงในขนหางทั้งสามอันเบื้องหน้า ผสานเข้าไปในเพลิงที่ลุกไหม้บนผิวกายจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน พลังสายเลือดในขนหางก็แทรกซึมเข้าไปในกายของจ้าวเฟิงอย่างไร้รูปร่าง และไหลเข้าไปในโลหิต

ครืน ฟู่ ฟู่!

ยามที่พลังสายเลือดยูงหางหงส์ที่แก่กล้าผสานเข้าไปในกายของจ้าวเฟิง เพลิงมารโลหิตโบราณเดือดพล่านอย่างสมบูรณ์ ก่อนเข้าปะทะสอดประสานอย่างดุเดือดกับสายเลือดบรรพกาลที่ทะลวงเข้ามา

“ช่างเป็นปฏิกิริยาที่รุนแรงนัก!”

จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน

ที่แล้วมา ตอนจ้าวเฟิงผสานหรือหลอมรวมสายเลือดบรรพกาลอื่น เพลิงมารโลหิตโบราณจะเพียงแค่ปะทุลักษณะพิเศษที่ร้อนแรง ลุกไหม้ผสานไม่หยุดหย่อนเท่านั้น

นี่เป็นไปได้มากว่าสายเลือดยูงหางหงส์และเพลิงมารโลหิตโบราณมีส่วนที่เหมือนกันมากเกินไป หรือสายเลือดยูงหางหงส์มีระดับสูงเกินไป จึงทำให้รุนแรงได้เพียงนี้

และสิ่งที่จ้าวเฟิงต้องทำก็คือควบคุมเพลิงมารโลหิตโบราณ กลืนกินและหลอมพลังสายเลือดยูงหางหงส์ไม่หยุด

ฟู่~

พลังเปลวเพลิงรอบกายจ้าวเฟิงยิ่งใหญ่มโหฬารขึ้นเรื่อยๆ ราวกับอาบเพลิงเกิดใหม่ ดุจจอมมารแห่งไฟ

เสี้ยวขณะหนึ่ง

สายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณในกายของจ้าวเฟิงกลืนกินพลังสายเลือดยูงหางหงส์ไปทั้งหมด

ฟู่ ฟู่! เลือดในกายของจ้าวเฟิงเดือดพล่านราวกับน้ำเดือด

วูบ ฟู่~

เปลวเพลิงมหาศาลที่ล้อมรอบกายจ้าวเฟิงลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง แดงสดราวกับจะหยดออกมาได้ กลิ่นอายสายเลือดที่ทำให้คนหวาดหวั่นกลุ่มนั้นยิ่งร้อนแรงทรงพลังกว่าเดิม

วู้ม! ด้านหลังที่อาบไปด้วยเพลิงสีแดงสด เงาของอาทิตย์โลหิตปรากฏเงาร่างยูงหางหงส์อยู่เลือนราง

ทันใดนั้น

เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่อยู่ใกล้ๆ จ้าวเฟิงรู้สึกถึงการลุกไหม้และเดือดพล่านของเลือดตน จึงสั่นสะท้านหวั่นกลัวอย่างน่าประหลาด

“ท่าทางสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณของข้าจะสำเร็จ…”

จ้าวเฟิงพูดเสียงเบา สีหน้าฉายแววลิงโลดเล็กน้อย

เพียงแต่ไม่รู้ว่าสายเลือดของจ้าวเฟิงในวันนี้สามารถเทียบเคียงกับสายเลือดบรรพกาลอันดับที่เท่าไหร่

“ลองดูผลลัพธ์สักนิด!”

จ้าวเฟิงลุกขึ้นยืน รัศมีชวนให้คนรู้สึกว่าทรงอำนาจและบ้าคลั่ง

ฟู่ ฟู่!

เมื่อโคจรเพลิงมารโลหิตโบราณ แขนของจ้าวเฟิงถูกโอบล้อมด้วยเปลวเพลิงบ้าคลั่งสีแดงชาดชั้นหนึ่งทันใด

ครืน! จ้าวเฟิงเหวี่ยงหมัดออกไปหมัดหนึ่ง

ครืน บึ้ม ตูม!

เห็นเพียงหมัดสีแดงชาดที่ราวกับลูกไฟและลุกไหม้ด้วยแสงเพลิงสีเดียวกันพุ่งโจมตีออกมา สีแดงเพลิงสาดส่องไปทั่วท้องฟ้ารอบด้าน

“เป็นพลังที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก โดยเฉพาะอานุภาพเปลวเพลิงที่เพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว!”

จ้าวเฟิงสัมผัสกับลูกเพลิงที่ใหญ่มโหฬารเบื้องหน้า

วู้ม ฟู่ ฟู่!

ลูกเพลิงลูกใหญ่นี้ลุกไหม้อยู่ในอากาศต่อไป ราวกับจะไม่หายไปอย่างไรอย่างนั้น

“หืม?” จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงสิ่งปกติ ความคิดขยับเล็กน้อย

ทันใดนั้น ลูกเพลิงก็แตกออก แปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงกว้างใหญ่และยังคงไม่มอดดับ

“ความรู้สึกนี้ หรือว่าเสวียนอ้าวแห่งไฟถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่งแล้ว?”

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าความคิดหนึ่งของตนก็ควบคุมเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาได้ สามารถแปรเปลี่ยนไอสวรรค์ธาตุไฟในอากาศเป็นพลังเปลวเพลิงให้ตนเองใช้

“คิดไม่ถึงเลยว่าการผสานกันของสายเลือดยูงหางหงส์และเพลิงมารโลหิตโบราณ จะทำให้การบรรลุเสวียนอ้าวแห่งไฟถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่ง!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกเป็นรอยยิ้ม

เขาเคยเห็นด้วยตาตนเอง กำลังรบที่โหวชิ่งแสดงออกมาตอนเสวียนอ้าวลมและน้ำใกล้ถึงขั้นที่หนึ่งล้ำหน้ากว่าระดับขั้นเดียวกันมากนัก และในยามนี้ เสวียนอ้าวแห่งไฟของจ้าวเฟิงก็ก้าวเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งอย่างสมบูรณ์ แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกฝ่าย

จ้าวเฟิงหยุดเพิ่มความแข็งแกร่งของสายเลือดชั่วคราว

เริ่มฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ อย่างตั้งอกตั้งใจ

ถึงแม้ว่าการยกระดับพลังจะไม่ส่งผลกับกำลังรบ แต่ยามนี้พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงต่ำมาก จึงเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนากำลังรบของเขา

พรึ่บ! ข้างหน้าจ้าวเฟิงมีเขามหึมาสีทองอันหนึ่ง ผกาทองสีเลือดหนึ่งดอก และผลทองที่มีเกล็ดลูกหนึ่งปรากฏขึ้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนศาสตร์แห่งทองที่ล้ำค่าที่สุดของจ้าวเฟิง และช่วงก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงก็ลอกแบบพวกมันเอาไว้บางส่วนแล้ว ในวันนี้จึงใช้ได้อย่างสบายใจ

วู้ม ฟิ้ว ฟิ้ว!

สรรพคุณยาธาตุทองในของล้ำค่าทั้งสามชนิดถูกจ้าวเฟิงดึงออกมา ทะลักเข้าไปในเส้นเลือดและเส้นเอ็นทั่วองคาพยพ สุดท้ายก็รวมไปที่แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์

แสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงหมุนอย่างช้าๆ ประหนึ่งแท่นโม่หินห้าสี

สรรพคุณยาเหล่านั้นทะลักเข้าไปในพื้นที่สีทอง จากนั้นก็ถูกหลอมอย่างรวดเร็ว ผสานเข้าไปข้างใน

วู้ม ครืน!

พลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุทองในพื้นที่สีทองพลันส่องประกายระยิบระยับในขณะเดียวกัน รอบๆ กายของจ้าวเฟิง แสงทองระยิบระยับพลันสาดส่องไปทั่วทุกทิศ พร้อมด้วยพลังวายุอัสนีกลุ่มหนึ่ง

“รากฐานของวายุอัสนีธาตุทองของข้ามั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ใช้ของวิเศษธาตุทองฝึกฝนอีกสักหน่อยก็สามารถทะลวงระดับสุดยอดได้แล้ว!”

จ้าวเฟิงพึมพำ

วายุอัสนีธาตุทองขั้นที่สิบมาถึงระดับสุดยอดแล้ว แต่จ้าวเฟิงก็ไม่ได้หยุด ยังฝึกฝนต่อไป

หลังจากนั้นสามวัน จ้าวเฟิงดูดเอาสรรพคุณยาจากของวิเศษทั้งสามจนเกลี้ยงจึงค่อยหยุดลง

“สมกับเป็นของวิเศษสำหรับฝึกฝนธาตุทอง วายุอัสนีธาตุทองเพิ่งทะลวงถึงระดับสุดยอดก็มั่นคงสมบูรณ์ กระทั่งพัฒนาขึ้นด้วย!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงดูตกใจเล็กน้อย แต่รอยยิ้มยิ่งชัดขึ้น

จากการพัฒนานี้ อีกไม่นานเท่าไหร่วายุอัสนีธาตุทองก็จะสามารถก้าวสู่ระดับบริบูรณ์ ถึงตอนนั้น วายุอัสนีธาตุทองของเขาจะมีพลังเทพ ดังนั้นจึงนับว่าเป็นครึ่งเทพได้แล้ว

และตอนนี้ เสวียนอ้าวแห่งไฟของจ้าวเฟิงถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่ง หากผสานเข้ากับวายุอัสนีธาตุทองระดับบริบูรณ์ อัสนีเพลิงทำลายล้างจะมีอานุภาพแข็งแกร่งมากเพียงใด จ้าวเฟิงแอบวาดหวังไว้เล็กน้อย

ฟู่! ประกายหม่นดำมืดกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยกลิ่นอายมรณะร้ายแรงเฉียดผ่านมาข้างกายจ้าวเฟิง

คนคนนี้ก็คือจ้าวหวาง ในช่วงเวลาที่จ้าวเฟิงฝึกฝน ทุกสามสี่วันเขาจะมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ให้จ้าวเฟิงช่วยควบคุมคทาสีดำมืด ส่วนเขาก็ดูดกลิ่นอายแห่งความตายของคทา และทำความเข้าใจเสวียนอ้าวมรณะ

จ้าวหวางก็ไม่ได้รีบร้อนทะลวงถึงขั้นครึ่งเทพ แต่เขาบรรลุเสวียนอ้าวมรณะได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จึงใช้เนตรมรณะได้อย่างชำนาญขึ้นเช่นกัน

เขาไม่เหมือนจ้าวเฟิงที่ฝึกฝนหลายอย่าง จ้าวหวางเพียงแค่ฝึกฝนเสวียนอ้าวมรณะ ศึกษาเนตรมรณะเท่านั้น

แต่เขาก็เหมือนกับจ้าวเฟิง พลังแท้จริงล้ำหน้าระดับพลังฝึกตนไปมาก สามารถสังหารศัตรูข้ามขั้น สู้กับเทพแท้จริงขั้นหนึ่งล้วนไม่ใช่ปัญหา

พรึ่บ!

กลางอากาศ น้ำวนพลังดวงตาปรากฏขึ้น จากนั้นคทาสีดำมืดอันหนึ่งก็ลอยออกมาจากในนั้น

วู้ม ฟิ้ว!

เสี้ยววินาทีที่คทาสีดำมืดปรากฏออกมา ปฏิกิริยาแรกคือขัดขืน

สำหรับมัน หากตนเองอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อม เพียงเศษเสี้ยวพลังมรณะตามแต่อารมณ์ก็สามารถสังหารคนเบื้องหน้าทั้งสองได้ มันจึงไม่เต็มใจศิโรราบต่อจ้าวเฟิงและจ้าวหวาง

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง รวบรวมพลังอัสนีเทวะมหาศาล โจมตีมันก่อนเป็นอันดับแรก

หลังจากที่ถูกพลังอัสนีเทวะฟาดผ่าแล้ว คทาสีดำมืดก็สงบเสงี่ยมขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นจ้าวหวางโคจรเนตรมรณะ ดูดซับกลิ่นอายแห่งความตายอย่างเงียบๆ พร้อมสัมผัสเสวียนอ้าวมรณะ

ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น กลิ่นอายแห่งความตายบนร่างของจ้าวหวางยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่กลิ่นอายแห่งความตายนี้ไม่มีผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

วู้ม ฟิ้ว!

เนตรมรณะของจ้าวหวางพลังหมุนวนเร็วขึ้น ท้องฟ้ารอบด้านค่อยๆ มีหมอกดำแห่งความตายชั้นหนึ่งปรากฏ ทั้งมืดทะมึนและน่าหวาดกลัว

“ไม่เลว อาวุธเทพมรณะชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ช่วยให้เสวียนอ้าวมรณะของจ้าวหวางก้าวเข้าสู่ขอบเขตขั้นที่หนึ่งแล้ว!”

จ้าวเฟิงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เสี่ยงอันตรายชิงอาวุธเทพชิ้นนี้มาได้ก็คุ้มค่าแล้ว

ตอนนี้ ร่างแยกทั้งสองร่างของจ้าวเฟิงมีกำลังรบที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งหากสามคนรวมพลังสู้กับศัตรู สามารถพูดได้ว่าไม่มีช่องโหว่ใดๆ จิตใจสื่อถึงกัน เอาชนะเทพแท้จริงขั้นสามอย่างซึ่งหน้าก็อาจเป็นไปได้

ฟิ้ว!

หลังจากตระหนักรู้ไปครึ่งวัน จ้าวหวางก็จากไปฝึกฝนทำความเข้าใจเพียงลำพัง

พรึ่บ! จ้าวเฟิงดูดคทาดำมืดเข้าไปในมิติเนตรเทพเจ้าทันที

อาวุธเทพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้กระทั่งจ้าวเฟิงก็ยังอดไม่ได้ คิดอยากจะฝึกฝนเสวียนอ้าวมรณะแล้วใช้อาวุธเทพชิ้นนี้

อีกทั้งด้วยความสามารถในการเรียนรู้ของจ้าวเฟิง ศึกษาทำความเข้าใจเสวียนอ้าวมรณะน่าจะไม่ยากอะไร

แต่ว่าเสวียนอ้าวมรณะคือเสวียนอ้าวการโจมตีที่แข็งแกร่ง แต่เสวียนอ้าวโจมตีของจ้าวเฟิงมีเสวียนอ้าวแห่งไฟ เสวียนอ้าวอัสนี และเสวียนอ้าวธาตุทองแล้ว อีกทั้งจ้าวหวางมีเนตรมรณะ มอบคทาดำมืดอันนี้ให้เขาใช้จะเหมาะสมกว่า

“ใช่แล้ว ยังมีหินผนึกเทพ!”

พูดถึงคทาดำมืด ก็ทำให้จ้าวเฟิงนึกถึงหินผนึกเทพที่สะกดมันไว้ขึ้นมาได้

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงนำหินผนึกเทพที่แตกออกเป็นหลายก้อนออกมาจากมนตราอากาศ

วู้ม! พลังผนึกไร้รูปร่างลอยตลบไปทั่วด้าน ราวกับว่าพลังเสวียนอ้าวใดๆ ก็ล้วนถูกสกัดกั้น ไม่อาจสำแดงพลังที่สมบูรณ์ได้

“ของล้ำค่าเพียงนี้ ช่างน่าเสียดาย!”

จ้าวเฟิงส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนใจ

ได้ยินเผ่าพาหาทองว่าเอาไว้ หินผนึกเทพคือของวิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ของเผ่าผนึกเทพซึ่งอยู่ในอันดับที่สิบสี่ของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

หินผนึกเทพก้อนนี้ แม้กระทั่งคทาดำมืดที่น่ากลัวขนาดนั้นยังสามารถผนึกเอาไว้ได้ หากจ้าวเฟิงนำมันมาใช้ต่อสู้ หินผนึกเทพเพียงปรากฏออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถใช้พลังได้แม้เพียงเศษเสี้ยว แล้วให้เขาฆ่าแกงได้ตามใจ

คิดถึงตรงนี้จ้าวเฟิงก็ยังไม่พอใจ หินผนึกเทพก้อนนี้จะต้องมีคุณค่าให้ขุดค้นออกมาได้อีกแน่นอน

“หินผนึกเทพถึงแม้จะแตกหัก แต่พลังผนึกข้างในยังคงอยู่ เพียงแต่ข้าไม่อาจใช้มันได้ ในเมื่อข้าไม่ใช่เผ่าผนึกเทพ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

หากตนเองเป็นเผ่าผนึกเทพ เกรงว่าจะสามารถหลอมหินผนึกเทพที่แตกหักนี้ขึ้นใหม่เป็นก้อนเดียวอีกครั้ง

เผ่าผนึกเทพครอบครองเสวียนอ้าวผนึก หินก้อนนี้คือของวิเศษที่พวกเขาหลอมขึ้นเอง จึงสามารถใช้มันได้

หรือก็คือ แค่เพียงจ้าวเฟิงบรรลุถึงเสวียนอ้าวผนึกก็สามารถใช้พลังของหินผนึกเทพได้ นอกจากนั้น บางทีอาจจะใช้หินผนึกเทพที่แตกหักนี้สร้างค่ายกลผนึกออกมาได้ชุดหนึ่ง

แต่ว่าของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ จ้าวเฟิงกล้าเอามันมาเปิดเผยง่ายๆ เสียที่ไหนกัน

“เช่นนี้แล้ว ข้ามีแต่ต้องทำความเข้าใจในเสวียนอ้าวผนึกเท่านั้น!”

จ้าวเฟิงเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น

เขาเคยเห็นพลังของหินผนึกเทพมาก่อน มีหินผนึกเทพนี้ กระทั่งสามารถป้องกันไม่ให้ศัตรูใช้ความสามารถเคลื่อนย้ายมิติในชั่วพริบตาหรือทะลุมิติต่างๆ

จ้าวเฟิงหยิบหินผนึกเทพสองก้อนขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ ความคิดจิตวิญญาณดิ่งลึกเข้าไปในหิน

“พลังผนึก พลังเสวียนอ้าวเลือนรางยิ่งนัก!”

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าพลังผนึกไม่เหมือนกับศาสตร์ห้าธาตุหรือศาสตร์วายุอัสนีที่ตนฝึกเลย ทำให้เขาจับทางไม่ถูก

วู้ม!

จ้าวเฟิงเบิกดวงตาเทพเจ้า กระตุ้นความเร็วของการตอบสนองความคิดและความสามารถในการตระหนักรู้ ในขณะเดียวกัน ดวงตาซ้ายสีทองก็วิเคราะห์โครงสร้างของหินผนึกเทพ

ภายใต้การร่วมมือของพลังทั้งสอง จ้าวเฟิงก็เข้าไปในโลกของพลังผนึกได้อย่างรวดเร็ว และสัมผัสถึงเศษเสี้ยวเสวียนอ้าวผนึกได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!