Skip to content

King of Gods 1229

King Of Gods

บทที่ 1229 ตกเป็นเป้าโจมตี

ยอดฝีมือรอบบริเวณชะงักไป คิดไม่ถึงว่าปฐมเทพหลินกวงจะถูกกระบวนท่าเดียวจ้าวเฟิงข่มขวัญ จนไม่กล้าลงมือทำร้ายอีกฝ่าย แต่ให้เทพแท้จริงขั้นห้าของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ออกหน้าแทน

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นหวั่นใจ

บุญคุณความแค้นของคนรุ่นใหม่ถึงกับทำให้เทพแท้จริงผู้มากฝีมือที่อาวุโสกว่าต้องออกหน้า เผ่าปีศาจวารีสวรรค์ช่างหน้าไม่อายจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับจ้าวเฟิง ย่อมไม่ยั่วโทสะเผ่าปีศาจวารีสวรรค์เพื่อจ้าวเฟิงอยู่แล้ว

“เหอะๆ เจ้าหนุ่มนี่มุทะลุเสียจริง!”

เทพแท้จริงเฮยเต้าที่อยู่ในมุมหัวเราะชั่วร้าย

และยังมีปฐมเทพจื่อเฟิงที่ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ เขาก็ยินดีที่จะได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้

“กล้าทำร้ายคนของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ เจ้าเบื่อจะมีชีวิตแล้วกระมัง!”

เทพแท้จริงขั้นห้าของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ทำสีหน้าขึงขัง มองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

จ้าวเฟิงชายตามองเทพแท้จริงขั้นห้าผู้นี้อย่างเฉยชา

ตอนนี้เขากำลังยึดครองใจกลางของตำหนักผลึกห้าสี จะถูกขัดจังหวะไม่ได้

จ้าวเฟิงยึดครองใจกลางของตำหนักผลึกห้าสีไปแล้วห้าส่วน ยามนี้เขาสามารถใช้พลังบางส่วนในตำหนักนี้ได้ จะรับมือเทพแท้จริงขั้นห้าผู้หนึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

แต่หากจ้าวเฟิงหยิบยืมพลังของตำหนัก เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะเปิดเผยออกมามิใช่หรือ

ในตอนนั้นจ้าวเฟิงจะเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากทุกคน ต่อให้จ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่ก็ต้องตายแน่

“คนเผ่าปีศาจวารีสวรรค์หน้าไม่อายเลยจริงๆ คนรุ่นหลังกลับปล่อยให้ตาเฒ่าที่อายุหลายหมื่นปีออกหน้าเสียอย่างนั้น!”

บริเวณทางเข้าโถงลับในตอนนี้ มีเสียงชราดังลอดเข้ามา

เทพแท้จริงขั้นห้าของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ขมวดคิ้ว แค่ได้ยินเสียงนี้ เขาก็พอจะรู้แล้วว่าใครมาเยือน

“เผ่าหมอกสวรรค์จะยื่นมือเข้าสอดเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

เทพแท้จริงขั้นห้าเผ่าปีศาจวารีสวรรค์แค่นเสียงหยัน

“ข้อแรก ข้าไม่ชอบการกระทำของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ สอง เดิมทีเขาเป็นแขกของเผ่าหมอกสวรรค์ เผ่าเจ้าจะทำร้ายเขา ก็เท่ากับทำร้ายคนของเผ่าเรา จะให้ข้านั่งดูเฉยๆ ได้อย่างไร!”

คำพูดของหญิงชราผมฟ้าแห่งเผ่าหมอกสวรรค์ทำให้เทพแท้จริงขั้นห้าผู้นั้นไม่อาจคัดค้านได้เลย

“หึ!” เทพแท้จริงขั้นห้าแค่นเสียงเย็น หมุนกายไป ไม่สนใจจ้าวเฟิงอีก

“ขอแค่เจ้าหนุ่มนี่อยู่ห่างจากคนเผ่าหมอกสวรรค์ ข้าจะสังหารมันเสีย!”

เทพแท้จริงขั้นห้าส่งกระแสจิตบอกปฐมเทพหลินกวง

ปฐมเทพหลินกวงทำอะไรไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยจ้าวเฟิงไป

“ขอบคุณมาก!” จ้าวเฟิงเอ่ยพลางยิ้ม

หญิงชราผมฟ้าผงกศีรษะ ไม่พูดอะไรมากนัก

อย่างไรเสียเผ่าหมอกสวรรค์ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะโน้มน้าวจ้าวเฟิงมาเป็นพวก เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ไม่ยากเย็นอะไร จากนั้น คนจำนวนหนึ่งของเผ่าหมอกสวรรค์ก็เริ่มสำรวจโถงลับแห่งนี้

ส่วนจ้าวเฟิงก็เริ่มยึดครองใจกลางของตำหนักผลึกห้าสี

“หืม นี่คือ?” ในเวลานี้เอง บนเบาะรองนั่งอีกอัน ปฐมเทพกุยอีร้องตกใจ

เมื่อครู่นี้ประสาทสัมผัสเทพของเขาก็พบสิ่งของนิรนามผ่านเบาะรองนั่งเช่นกัน

‘นี่คือสมบัติอะไร?’ ปฐมเทพกุยอีตื่นเต้นยินดีในใจ

เดิมทีเขาอยากจะฝึกตนอยู่ที่นี่เพื่อเพิ่มขอบเขตพลังเสวียนอ้าว แต่กลับได้ผลประโยชน์อื่นมาโดยคาดคิดไม่ถึง

จากนั้นปฐมเทพกุยอีค่อยๆ สำรวจกลุ่มแสงห้าสีนี้

“คิดไม่ถึงว่าจะควบคุมของสิ่งนี้ได้!”

ปฐมเทพกุยอีตื่นเต้นเป็นที่สุด

ของที่สามารถควบคุมได้ ปกติจะเป็นอาวุธเทพและอุปกรณ์พิเศษ หลังจากพบจุดนี้แล้ว ปฐมเทพกุยอีก็เริ่มลองยึดครองกลุ่มแสงห้าสีบ้าง แต่ตอนที่ปฐมเทพกุยอียึดครองไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงแรงต้านทานมหาศาลกลุ่มหนึ่ง

“ยังมีคนอื่นกำลังยึดครองกลุ่มแสงนี้อีก!”

สีหน้าปฐมเทพกุยอีตื่นตะลึง

จากพลังที่ยึดครองกลุ่มแสง ปฐมเทพกุยอีเดาได้แล้วว่าคนที่ยึดครองมันคือใคร

จ้าวเฟิงเองที่นั่งบนเบาะตรงกลางก็พบจุดนี้เช่นกัน

‘ดูแล้วเบาะรองนั่งอีกสองอันก็สามารถสื่อสารกับใจกลางของตำหนักได้เหมือนกัน แต่ข้ายึดครองกลุ่มแสงห้าสีได้ถึงแปดส่วนแล้ว ปฐมเทพกุยอีเพิ่งจะยึดครองได้เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!’

สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึมเล็กน้อย ไม่ไปยุ่งกับส่วนที่ปฐมเทพกุยอียึดครองไป และรีบจัดการส่วนที่เหลือโดยเร็วที่สุด

“บัดซบ ระดับการยึดครองของคนผู้นี้มากกว่าข้าไปมากแล้ว!”

ปฐมเทพกุยอีร้อนรน ขุ่นเคืองไม่น้อย

ตอนแรกที่รู้ว่าจ้าวเฟิงกำลังยึดครองกลุ่มแสงห้าสี ปฐมเทพกุยอีไม่ได้ใส่ใจมากนัก

เพราะเสวียนอ้าวห้าธาตุและพลังวิญญาณของเขาอยู่เหนือจ้าวเฟิง ความเร็วในการยึดครองควรจะเร็วกว่าด้วยด้วย แต่ในตอนที่รับมือกับพลังของจ้าวเฟิง เขาถึงจะรู้ว่าตนเองเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้เลย

โครม บึ้ม! ในเวลานี้เอง ณ มุมหนึ่งในห้องลับมีเสียงดังขึ้น พลังเสวียนอ้าวในตำหนักก็แผ่พวยพุ่งมา

“นี่มันเรื่องอะไร?”

“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงอึกทึกนี้เรียกความสนใจจากแทบทุกคนที่นั่น

เปรี๊ยะ! เห็นเพียงประกายแสงมืดหม่นเส้นหนึ่งโฉบผ่านไปมาบนพื้น แล้วจึงออกไปจากห้องลับดังกล่าว

“นั่นคือเทพแท้จริงเฮยเต้า เขาต้องได้อะไรไปแน่แล้ว!”

เทพแท้จริงขั้นสี่ผู้หนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจ

เทพแท้จริงเฮยเต้าเป็นหัวขโมยและนักขุดสุสานที่มีชื่อเสียง เขาคุ้นเคยเรื่องมรดก สุสาน และพื้นที่ลึกลับส่วนหนึ่งอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ว่ามรดกและพื้นที่ลึกลับบางส่วน ขอแค่เทพแท้จริงเฮยเต้าปรากฏกายขึ้น ผลเก็บเกี่ยวของเขาจะมากที่สุดแทบทุกครั้ง

“รีบตามไปเร็ว!” หนึ่งกลุ่มที่แกร่งกล้าไล่ตามไป

ทั้งตำหนักผลึกห้าสี ทุกคนต่างรู้ว่าโถงลับแห่งนี้มีความเป็นไปได้ที่สุดที่จะซุกซ่อนสมบัติเอาไว้

แต่ทุกคนค้นหากันนานขนาดนี้ ก็มีเพียงขั้วอำนาจไม่มากนักที่ได้อะไรติดมือกลับไปบ้าง เช่นขั้วอำนาจของปฐมเทพเทียนเสวี่ย ตำหนักรัตติกาลม่วง และปฐมเทพกุยอี

คนอื่นส่วนมากยังสำรวจภายใน หรือไม่ก็ทำความเข้าใจในเคล็ดวิชากับกลยุทธ์ในภาพบนผนัง

ตอนนี้เทพแท้จริงเฮยเต้าเหมือนได้ผลประโยชน์ไปจำนวนมาก พวกเขาจึงรีบเปลี่ยนเป้าหมายไปไล่ตามเขาทันที แน่นอนว่าคนที่พอรู้จักเทพแท้จริงเฮยเต้าไม่ได้ไปสนใจ

เทพแท้จริงเฮยเต้าแข็งแกร่งอย่างยิ่งในบรรดาเทพแท้จริงขั้นห้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาชำนาญเสวียนอ้าวแห่งเงา เดินทางไปมาไร้ร่องรอย วิชาหลบหนีลึกล้ำยิ่ง ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นหกทั่วไปก็ยังยากจะจับเขาได้

หนำซ้ำในโถงยังมีคนอีกสองคนที่ไม่ใส่ใจเรื่องเทพแท้จริงเฮยเต้าแม้แต่น้อย

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงยึดครองกลุ่มแสงห้าสีได้เก้าส่วนแล้ว

‘แย่ล่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยึดครองส่วนที่เหลือทั้งหมดไปแล้ว!’

ปฐมเทพกุยอีร้องเสียงหลงในใจ

ในตอนแรกเขายังไม่รู้ จนกระทั่งเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อครู่นี้ ตนเองไม่มีพื้นที่เหลือให้ยึดครองอีกแล้ว

“ถ้าต่อสู้กับเขา ข้าต้องพ่ายแพ้แน่นอน!”

ปฐมเทพกุยอีจำต้องยอมรับในจุดนี้

เปรียบเทียบได้ว่าหนึ่งกลุ่มที่มีสิบคน เก้าคนจะเชื่อฟังจ้าวเฟิง ส่วนปฐมเทพกุยอีจะควบคุมได้เพียงแค่คนเดียว

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาก็แพ้!

“เจ้าเด็กขนทอง เจ้ากำลังยึดครองสมบัติใต้ดินหรือ?”

ปฐมเทพกุยอีลืมตา ถามเสียงดังทันใด

“อะไรกัน เจ้าคนขนทองยึดครองสมบัติ?” ปฐมเทพคนหนึ่งในโถงลับตื่นตะลึงเกินจะเปรียบ

“มิน่าล่ะ มันถึงไม่ผละออกจากเบาะนั่นเลย ถึงขั้นที่ว่าข้าจะลงมือทำร้ายเมื่อครู่ มันก็ยังไม่มีทีท่าจะผละออกจากที่นั่น ที่แท้ก็กำลังยึดครองสมบัติอยู่!”

แววตาของเทพแท้จริงขั้นห้าเผ่าปีศาจวารีสวรรค์เป็นประกาย

ในเวลาเดียวกัน ปฐมเทพกุยอีส่งกระแสจิตบอกขั้วอำนาจของตนเอง “ไม่ต้องสนเจ้าหนุ่มขนทองผู้นั้น ทุ่มเทพลังปกป้องข้า!”

ขอแค่คนอื่นจัดการจ้าวเฟิง ฝ่ายนั้นก็จะไม่สามารถยึดครองกลุ่มแสงต่อ

ขณะนั้น ปฐมเทพกุยอียังส่งเสียงบอกยอดฝีมือของตำหนักรัตติกาลม่วงเพื่อขอความช่วยเหลือ

ถึงอย่างไรตำหนักรัตติกาลม่วงก็เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ ถ้าหากได้ความช่วยเหลือจากพวกเขา ปฐมเทพกุยอีมีความหวังอย่างยิ่งที่จะยึดครองกลุ่มแสงห้าสีได้ก่อน

“ไสหัวไป!” เทพแท้จริงขั้นสี่ผู้หนึ่งร้องตะโกน โคจรพลังเทพตรงไปกดดันจ้าวเฟิงทันที

ขวับ! บนร่างจ้าวเฟิงพลันปรากฏชุดคลุมสีเงินเข้ม อักษรสีเงินด้านบนเปล่งแสงมายาเรืองรอง

ในขณะเดียวกันกับที่จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติ จ้าวหวังและมังกรวารีล้างโลกาก็เผยตัวในมิติแห่งนี้

“รนหาที่ตาย!” มังกรวารีล้างโลกาปรากฏตัวขึ้นในฉับพลัน โคจรพลังทำลายล้างดั้งเดิมที่ชวนให้พรั่นพรึง เพลิงทมิฬลุกโชนขึ้นทั่วร่างมังกรวารีล้างโลกา สาดซัดอานุภาพน่าหวาดกลัวที่กดดันสรรพสิ่งออกมา

“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนี้!”

ผู้แข็งแกร่งรอบๆ ที่เตรียมจะล้อมโจมตีจ้าวเฟิงชะงักไปในทันที

ทุกคนตรงนั้นเป็นเผ่าพันธุ์บรรพกาลแทบทั้งหมด แต่สายเลือดบรรพกาลของพวกเขากลับเหมือนได้รับแรงกดดันมหาศาลเมื่ออยู่เบื้องหน้ามังกรวารีล้างโลกา ไม่สามารถโคจรมันได้

ฟิ้ว วูบ วูบ! มังกรวารีล้างโลกาโบกกรงเล็บสองข้าง กรงเล็บมังกรที่เกิดขึ้นจากเพลิงมังกรลอบโจมตีเทพแท้จริงขั้นสี่ผู้นั้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

“อ๊าก…” เทพแท้จริงขั้นสี่ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาเกือบจบชีวิตจากกระบวนท่าเดียวของมังกรวารีล้างโลกา

เพลิงมังกรดำแดงที่แฝงด้วยเสวียนอ้าวทำลายล้างล้อมเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเผาไหม้ทำลายทุกสิ่ง

มังกรวารีล้างโลกาใช้พลังทั้งหมดกระตุ้นสายเลือด ก่อนคำรามขึ้นฟ้า

สายเลือดเบาบางที่มาจากเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาถูกเขากระตุ้นออกมาจนหมดสิ้น ระลอกเพลิงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ากระจายตัวปกคลุมทั่วบริเวณ

คนที่มีพลังต่ำกว่าเทพแท้จริงขั้นสามเกือบจะทรุดตัวลงบนพื้น ทั่วร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด

“หรือ…หรือว่านี่จะเป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!”

ดวงตาตื่นตะลึงของเทพแท้จริงขั้นห้าฝ่ายตำหนักรัตติกาลม่วงจับจ้องมังกรวารีล้างโลกา

เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาเป็นเผ่าพันธุ์ทำลายล้างในสิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เมื่ออยู่เบื้องหน้าเผ่าพันธุ์สายเลือดที่น่ากลัวประเภทนี้ พลังสายเลือดของพวกเขาจะสำแดงพลานุภาพได้ไม่มากนัก

ถ้าหากพลังฝึกตนของมังกรวารีล้างโลกาสูงขึ้นอีกหน่อยแล้วละก็ พลังสายเลือดของทุกคนที่นี่จะถูกข่มเอาไว้ ไม่อาจสำแดงประโยชน์ใดได้

“นี่..เป็นไปได้อย่างไร?”

ปฐมเทพกุยอีคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะมีผู้ช่วยอีกคน

หนำซ้ำประวัติความเป็นมาของผู้ช่วยคนนี้ช่างน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง ถึงกับมีสายเลือดในสิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

ยามนี้ ปฐมเทพกุยอีหลงลืมการยึดครองกลุ่มแสงห้าสี

และตอนนี้เอง จ้าวเฟิงค่อยๆ ใช้พลังทั้งหมดขับไล่พลังของปฐมเทพกุยอีออกไปจากกลุ่มแสงห้าสี

“ไม่…” ปฐมเทพกุยอีร้องอย่างตื่นตระหนก กระโดดออกมาทันที

การโจมตีกลับของจ้าวเฟิงกะทันหันเกินไป เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย

“รีบสังหารมัน เจ้าหนุ่มขนทองนี่กำลังยึดครองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในตำหนักแห่งนี้!”

ปฐมเทพกุยอีตะเบ็งเสียงสั่ง

“ลงมือเร็ว จนถึงตอนนี้เจ้านี่ยังไม่ลุกออกจากเบาะนั่ง ใต้นั้นมีสมบัติอะไรกันแน่!”

นัยน์ตาของผู้ถูกเลือกปฐมเทพคนหนึ่งฉายแววละโมบ

“สังหาร!” ปฐมเทพจื่อเฟิงสั่งเสียงต่ำ เตรียมจะลงมือ

ผู้แข็งแกร่งเกือบยี่สิบคนในโถงลับทะยานไปหาจ้าวเฟิง

เมื่อครู่เทพแท้จริงเฮยเต้าล่อคนออกไปส่วนหนึ่ง มิฉะนั้นคนโจมตีจ้าวเฟิงจะมีมากกว่านี้อีก แต่ในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงต้องขับพลังของปฐมเทพกุยอีออกไป ยังเหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็จะยึดครองกลุ่มแสงห้าสีได้ ไม่อาจแบ่งสมาธิไปไหน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!