บทที่ 1273 เผ่าเปลวทองลงมือ
จ้าวเฟิงไปจากสระน้ำแห่งชีวิตอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ระหว่างทางจ้าวเฟิงได้รู้ว่าในสามวันนี้หานหนิงเอ๋อร์ก็เก็บเกี่ยวได้มากมายเช่นกัน
นางเยี่ยมชมเขตเพาะปลูกวัตถุดิบล้ำค่ามากมาย ได้เห็นทรัพยากรหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งยังโชคดีได้เข้าไปยัง ‘ตำหนักก่อวิชา’ หลายชั้น และได้อ่านตำราโบราณล้ำค่าที่นางสนใจบางเล่มอีกด้วย
ภายใต้การนำทางของเซี่ยโหวอู่ พวกจ้าวเฟิงทั้งหลายมาถึงยังโถงลับ
ข้างในมีเพียงสามคน ผู้อาวุโสสองคน คนหนุ่มคนหนึ่ง
ผู้อาวุโสสองคนนี้ หนึ่งในนั้นคืออาจารย์ของเซี่ยโหวอู่ หรือผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวที่จ้าวเฟิงเจอตอนมาถึงที่นี่ตอนแรก ส่วนอีกคนหนึ่งร่างค่อนข้างเล็กเตี้ย บนเส้นผมสีดอกเลามีประกายแสงสีเขียวอ่อนเคลื่อนไหว กลิ่นอายของเขาเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยว
ส่วนชายหนุ่มที่คลุมชุดคลุมสีเหลืองทองข้างกายพวกเขาก็คือปฐมเทพก้วนหลงนั่นเอง
“คนรุ่นหลังจ้าวเฟิง คารวะผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกท่าน”
จ้าวเฟิงมองไปยังผู้อาวุโสทั้งสอง
“สหายน้อยจ้าว สามวันนี้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตได้ไม่เลวเลยสินะ!”
ผู้อาวุโสใบหน้าเหี่ยวพูดทันที
“ผู้เยาว์มาแดนศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก ทุกสิ่งที่นี่สำหรับข้าล้วนไม่เคยพบเห็นมาก่อน…”
จ้าวเฟิงพูดตามความจริง
ทุกอย่างที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตล้วนเป็นสิ่งดีที่สุดที่เขาเคยเจอมา
“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ปฐมเทพก้วนหลงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยด้วยท่าทีภูมิใจ
เกียรติยศของเขาถูกจ้าวเฟิงแย่งชิงไป ดังนั้นเขาจึงปรารถนาที่จะแซงหน้าจ้าวเฟิงในด้านอื่น นำความรู้สึกภาคภูมิใจกลับคืนมา จากนั้นทั้งสองก็เอ่ยไปตามมารยาทอีกสองสามประโยค ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวถึงเข้าสู่ประเด็น
“สหายน้อยจ้าว แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตต้องการอัจฉริยะเช่นเจ้า หากเจ้าอยู่ที่นี่ ความเป็นอยู่ดีกว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณหลายเท่าแน่นอน อีกทั้งเจ้าก็เป็นผู้ฝึกฝนสายกาย มีสายเลือดดวงตา ในด้านนี้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเท่านั้นจึงเจ้าช่วยเจ้าได้มากที่สุด…”
ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนโยน
ดวงตาของจ้าวเฟิงทอประกายเล็กน้อย นับจากมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เขาก็คิดแล้วว่าจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ เขาก็รู้ว่าทุกอย่างหลังจากมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเป็นผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์ช่วยจัดการ ก่อนอื่นให้จ้าวเฟิงได้เห็นทรัพยากรและรายละเอียดของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จากนั้นก็ให้ประโยชน์มหาศาลแก่เขา เป็นสระน้ำแห่งชีวิต…
สุดท้ายก็ให้คำสัญญามากมาย หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญเช่นนี้ไปได้อย่างไร
หานหนิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง นางคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะได้รับคำเชื้อเชิญด้วยตนเองจากผู้อาวุโสแดนศักดิ์สิทธิ์
สามารถเข้ามายังแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เป็นเรื่องที่แพทย์ทุกคนเฝ้าถวิลหา เรื่องดีเช่นนี้ในยามที่ฝันหานหนิงเอ๋อร์ก็เคยฝันถึงมาก่อน
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของปฐมเทพก้วนหลงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หากจ้าวเฟิงเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ชื่อเสียงของเขาก็จะถูกจ้าวเฟิงกลบลงไปโดยสิ้นเชิง ทว่าคำพูดต่อไปของจ้าวเฟิงทำเอาทุกคนที่นั่นต่างอึ้งตะลึงไป
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่รักและเมตตา ผู้เยาว์อยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่เลวเลย จึงไม่คิดอยากจะเปลี่ยนที่เร็วเช่นนี้”
จ้าวเฟิงปฏิเสธ อีกทั้งเหตุผลในการปฏิเสธก็ไม่อาจนับว่าเป็นเหตุผล
จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะมาที่นี่จ้าวเฟิงก็คิดถึงปัญหานี้ หากเขามายังแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จ้าวหยูเฟยก็จะตามมาด้วย
เขาสามารถไร้ห่วงไร้กังวล แต่จ้าวหยูเฟยอยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณมาสามสิบกว่าปีแล้ว คบค้าสมาคมกับคนมากมาย
จ้าวเฟิงไม่อยากให้นางละทิ้งทุกอย่างเพื่อตน
อีกทั้งหลังจากนี้จ้าวเฟิงไม่คิดจะเดินสายศาสตร์ฝึกร่างกาย และเส้นทางของดวงตาเขาและเนตรชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก ดังนั้นถ้าพูดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมอบความช่วยเหลือให้เขา ก็ไม่ได้ใหญ่โตเช่นที่ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวพูด ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาไม่รู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะรักษาท่าทีต่อเนตรเทพเจ้าของเขาเช่นไร
เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าสำคัญเป็นอย่างมาก!
‘เขาปฏิเสธรึ?’ ปฐมเทพก้วนหลงตกใจ ในใจก็รู้สึกค่อนข้างแปลกๆ
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เขาภาคภูมิใจเป็นฝ่ายเชื้อเชิญจ้าวเฟิง แต่กลับถูกปฏิเสธ
“สหายน้อยจ้าว เจ้ามีเรื่องลำบากใจอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจึงถามขึ้น
“ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ หวังว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะรับสหายของข้าเอาไว้สักคน…”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา สายตาของทุกคนย้ายมายังร่างของหานหนิงเอ๋อร์
“ผู้เยาว์หานหนิงเอ๋อร์คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน!”
หานหนิงเอ๋อร์อึ้งไป จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง พูดจบนางก็มองมายังจ้าวเฟิง ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“เนตรชีวิตอยู่ที่นี่ได้!” ผู้อาวุโสรูปร่างค่อนข้างเล็กเอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรก
“เนตรชีวิตรึ?” เซี่ยโหวอู่และปฐมเทพก้วนหลงมองหานหนิงเอ๋อร์อย่างตกใจเล็กน้อย
ตลอดมา สายตาของทุกคนจ้องรวมไปยังจ้าวเฟิง แน่นอนว่าละเลยหานหนิงเอ๋อร์ที่มีพลังฝึกตนต่ำข้างๆ ไป
เมื่อรับรู้อย่างละเอียด พวกเขาก็สามารถพบสายเลือดของทายาทเนตรชีวิตบนร่างหานหนิงเอ๋อร์ทันที
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ไม่ฝืนใจ หลังจากนี้หากเจ้าอยากมา ประตูของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะเปิดเพื่อเจ้าเสมอ!”
ผู้อาวุโสร่างเล็กพูดต่อ
ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกไป ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวตกใจเล็กน้อย ต่อให้เมื่อครู่จ้าวเฟิงปฏิเสธแล้ว แต่ก็น่าจะยังมีโอกาสเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้
ยกตัวอย่างเช่นเอาอาวุธเทพ ทรัพยากร สมบัติล้ำค่าต่างๆ ออกมา หรือให้คำสัญญาที่ดีกว่าเดิม
“อะไรนะ?” ปฐมเทพก้วนหลงมองผู้อาวุโสด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะแข็งทื่อ
จ้าวเฟิงปฏิเสธคำเชิญของแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ท่านผู้นี้กลับเป็นมิตรถึงเพียงนี้ ให้ประตูแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดเพื่อจ้าวเฟิงตลอดไป
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เอ็นดูและเมตตา!”
สายตาของจ้าวเฟิงมองประเมินผู้อาวุโสรูปร่างเล็กคนนี้อย่างละเอียด
ผู้อาวุโสคนนี้แค่พูด ทุกคนที่นี่ก็ยอมรับโดยดุษณี ไม่พูดอะไรมากความ ท่าทางอีกฝ่ายจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่!
“ผู้เยาว์ขอลาไปก่อน…”
หลังจากคุยกันอีกสักสองประโยคจ้าวเฟิงก็เอ่ยลา
ในเมื่อจากเผ่าพันธุ์วิญญาณมานานช่วงระยะหนึ่งแล้ว
“อยู่ที่นี่ ศักยภาพของเจ้าถึงจะสำแดงออกมาได้ และสามารถทำเรื่องที่สำนักรากฐานเทพฝากฝังเจ้าได้สำเร็จ…”
จ้าวเฟิงพูดกับหานหนิงเอ๋อร์
เมื่อพูดถึงสำนักรากฐานเทพ สายตาของหานหนิงเอ๋อร์ก็แน่วแน่ขึ้น หลังจากเอ่ยลาแล้ว จ้าวเฟิงก็ไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จากนั้นเซี่ยโหวอู่และปฐมเทพก้วนหลงก็พาหานหนิงเอ๋อร์ลงไป
ในตำหนักใหญ่เหลือเพียงผู้อาวุโสทั้งสอง
“ท่าน ไยจึงให้เขาจากไปง่ายๆ เช่นนั้น?” ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวไม่ค่อยเข้าใจ
“พลังฝึกตนที่แท้จริงของเขาคือขั้นเจ็ด!” ผู้อาวุโสรูปร่างเล็กคนนั้นพูดขึ้นโดยพลัน
“อะไรนะ? นี่…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” สีหน้าของผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวเปลี่ยนไปทันที ตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
แน่นอน พวกเขาก็ทำได้เพียงยืนยันว่าจ้าวเฟิงตอนนี้คือเทพโบราณขั้นเจ็ด แต่จะทะลวงถึงขั้นหกแล้วค่อยยกระดับถึงขั้นเจ็ดหรือทะลวงถึงขั้นเจ็ดเลยทีเดียวก็ไม่มีทางได้รู้
“ถึงแม้จะค่อนข้างเสียดาย แต่จ้าวเฟิงส่งทายาทเนตรชีวิตมาคนหนึ่ง นี่ก็ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตกับเขาแล้ว…”
ผู้อาวุโสร่างเล็กพูดจบก็หายวับไป
……
หลังไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จ้าวเฟิงยืนยันเส้นทางกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณ แล้วเริ่มออกเดินทาง ระหว่างทาง เขาอาศัยป้ายศิษย์คนสำคัญเผ่าพันธุ์วิญญาณ ผ่านค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจต่างๆ อย่างราบรื่น
เพียงแต่ว่าเพิ่งจะส่งข้ามได้สามครั้ง จ้าวเฟิงก็เผชิญหน้ากับเหตุการณ์หนึ่ง
“ออกมาเสีย!” จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตามองไปยังท้องฟ้าไกล!
ฟู่ พรึ่บ พรึ่บ! ในตอนนี้เอง ท้องฟ้าลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่ง
จากนั้นชายร่างดุจเหล็กกล้า ตัวเหยียดตรงสูงใหญ่ ทั้งยังแขนขาดคนหนึ่ง ก็ก้าวออกมาจากข้างในช้าๆ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งนั่นเป็นเทพโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย
‘จับข้าได้งั้นรึ!’ ชายคนนั้นประเมินจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าตกใจ
ก่อนอื่น จ้าวเฟิงเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเขตเทพสวรรค์ เขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก ต่อมา จ้าวเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงเขาที่ซ่อนอยู่ในท้องฟ้า นี่ทำให้เขาแปลกใจยิ่งนัก
“ท่าทางเผ่าเปลวทองรู้ว่าข้ามาปรากฏตัวอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ดำเนินการลงมือ จึงมาเฝ้าสังเกตเส้นทางกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณ…”
จากการแต่งกายของชายคนนี้ จ้าวเฟิงก็สามารถเดาได้ถึงขั้วอำนาจเบื้องหลังของอีกฝ่าย
จ้าวเฟิงปรากฏตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ข่าวนี้แน่นอนว่าปิดไม่อยู่
“เจ้าคงปฏิเสธคำเชิญของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติแล้วกระมัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าเปลวทองก็ไม่ต้องดึงเจ้ามาเป็นพวกแล้ว!”
สีหน้าของชายแขนขาดพลันเย็นเยือกขึ้น
จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เผ่าเปลวทองย่อมรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะต้องเชื้อเชิญจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน หากจ้าวเฟิงตกลงจะต้องอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต หากปฏิเสธต้องกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณแน่ ดังนั้นเผ่าเปลวทองจึงวางหูตาเอาไว้มากมายบนเส้นทางกลับเผ่าพันธุ์วิญญาณนานแล้ว แค่เพียงจ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้น ชายแขนขาดก็จะลงมือ
“เผ่าพันธุ์วิญญาณคงจะมอบไพ่ตายบางอย่างให้เจ้ากระมัง ไม่เช่นนั้นเจ้าเจอข้าคงไม่ใจเย็นเช่นนี้!”
ชายแขนขาดเผยรอยยิ้มหยอกเล่น
“แต่ว่าการสังหารเจ้าด้วยมือของข้า ข้าเองก็เตรียมการมาเช่นกัน เจ้าตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน!”
สีหน้าของชายแขนขาดเปลี่ยนไปทันใด จิตสังหารร้อนผะผ่าวพุ่งมายังจ้าวเฟิง
ฟุ่บ! ในมือของชายแขนขาดมีลูกทรงกลมแสงสีเงินปรากฏขึ้น พื้นผิวลูกกลมมีอักขระสีขาวระยับเป็นแถบๆ
เขาเพียงชี้ออกไป ในลูกทรงกลมแสงสีเงินนั่นก็สาดม่านแสงอักขระสีเงินออกมา ผสานไปในดินฟ้าอากาศทันที พลังพันธนาการมิติกระจายไปทั่วท้องฟ้า ทั้งยังพุ่งเป้าเล่นงานจ้าวเฟิงโดยเฉพาะ
“มี ‘มุกพันธนาการเวหา’ อาวุธเทพกั้นท้องฟ้าเช่นนี้อยู่ เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
ชายแขนขาดยิ้มเหี้ยมเกรียม พุ่งมายังจ้าวเฟิงดุจแสงเจิดจ้าสีทองสายหนึ่ง
ยังไม่ทันเข้าใกล้ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงประกายคมกริบร้อนแรง
เผ่าเปลวทองอยู่ในอันดับที่ยี่สิบเอ็ดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ อยู่ค่อนไปข้างหลังเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่กำลังรบกลับแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดูแคลนไม่ได้เลย
“เจ้านั่นก็เรียกว่าอาวุธเทพกั้นท้องฟ้าได้รึ?” จ้าวเฟิงอดหัวเราะไม่ได้
“ตาย!“ ฝ่ามือของชายแขนขาดกลายเป็นคมมีด ร่างแปลงเป็นแสงเพลิงสีทอง ทะลุผ่านท้องฟ้าพุ่งตรงมายังจ้าวเฟิง
อาวุธเทพกั้นท้องฟ้าของชายแขนขาดมีระดับค่อนข้างสูง ไม่ให้คนอื่นใช้เสวียนอ้าวมิติ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง
ในตอนนี้เอง ชุดคลุมยาวสีเงินหม่นปรากฏขึ้นบนร่างของจ้าวเฟิง
พรึ่บ! ชุดคลุมยาวสะบัดพลิ้ว เงาเพลิงสีดำทะมึนปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
ครืน บึ้ม! กรงเล็บทั้งสองของมังกรวารีล้างโลกาโจมตีออกไปอย่างรุนแรง เพลิงมังกรสีแดงเข้มปะทะเข้ากับชายแขนขาด
“นี่มันผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา” ชายแขนขาดถอยหลังไประยะหนึ่ง สีหน้าค่อนข้างตกใจ
ท่าทางนี่คงเป็นองครักษ์ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณมอบให้แก่จ้าวเฟิงกระมัง แต่ว่า อีกฝ่าถึงแม้จะมีสายเลือดที่อยู่ในสิบอันดับแรก แต่ความเข้มข้นต่ำเกินไป สู้เขาที่มีสายเลือดเผ่าเปลวทองไม่ได้
“ชุดคลุมมิติ!” สายตาของชายแขนขาดหยุดบนชุดคลุมของจ้าวเฟิง สีหน้าตื่นตะลึง ตกใจเสียยิ่งกว่าเห็นมังกรวารีล้างโลกา
ในตอนนี้จ้าวเฟิงโคจรเสวียนอ้าวมิติ กระตุ้นชุดคลุมแห่งมิติ
ฟู่ ฟู่! เงามิติสีเงินหม่นแต่ละชั้นๆ แทรกซึมไปในมิติฟ้าดิน แรงพันธนการท้องฟ้าซึ่งไร้รูปร่างแผ่มายังร่างของชายแขนขาด
“เช่นนี้เจ้าก็หนีไม่รอดเช่นกัน!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยคำพูดที่ชายแขนขาดพูดเมื่อครู่คืนไปให้
ชุดคลุมมิติของเขามีความสามารถหลากหลาย ความสามารถสกัดกั้นท้องฟ้า แน่นอนว่าย่อมมี
“ฮ่าๆ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” ชายแขนขาดพลันหัวเราะขึ้น สีหน้ายิ่งเพิ่มความตื่นเต้น เปลวเพลิงสีทองลุกไหม้ในดวงตา
มังกรวารีล้างโลกาไม่ใช่คู่มือของเขา ชุดคลุมมิติถึงแม้จะเป็นอาวุธเทพระดับสุดยอด แต่ก็เป็นอาวุธประเภทป้องกันสนับสนุน ดังนั้นจ้าวเฟิงยากที่จะสร้างความบาดเจ็บให้เขา แค่เพียงสังหารมังกรวารีล้างโลกา จ้าวเฟิงก็ไม่ใช่ว่าแล้วแต่เขาจะฆ่าจะแกงเลยรึ?
ต่อให้จ้าวเฟิงยังมีไพ่ตายอื่นๆ ของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ชายแขนขาดไม่อาจสังหารอีกฝ่ายลงได้ แต่ความมั่นใจที่จะหนีรอดได้นั้นยังมีอยู่ ถึงตอนนั้น ความลับของชุดคลุมมิติเผยแพร่งพรายออกไป ศัตรูที่จ้าวเฟิงต้องระวังก็ไม่ใช่แค่เผ่าเปลวทองเผ่าเดียวแล้ว