Skip to content

King of Gods 1289

King Of Gods

บทที่ 1289 วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง

หลังจากที่จ้าวเฟิงเข้าไปในตำหนักหมื่นวิญญาณแล้ว สายตาของศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณจำนวนมากต่างจับจ้อง

เขาไม่ได้ใส่ใจ เดินตรงขึ้นไปชั้นบนสุดพร้อมกับผู้อาวุโสที่เฝ้าตำหนัก

“เขาก็คือจ้าวเฟิง ทะลวงผ่านเทพแท้จริงขั้นหกมาได้เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนนี้เป็นเทพโบราณแล้ว!”

“หนำซ้ำในการประลองของสองเผ่า เขาอาศัยกำลังตนเพียงคนเดียวพลิกสถานการณ์เลวร้ายทั้งหมด เอาชนะติดต่อกัน เอาชนะเทพโบราณของเผ่าเปลวทองได้สองคน ส่วนคนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็มอบคะแนนคุณูปการจำนวนห้าแสนให้เขาด้วย…”

ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณมากมายที่กำลังเลือกวิชาและเคล็ดการต่อสู้พากันตื่นตะลึงในความสามารถของจ้าวเฟิง

“คะแนนคุณูปการห้าแสน!” ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ไหว

พวกเขาส่วนมากเป็นเทพแท้จริงชั้นล่าง วิชาที่สามารถฝึกไปจนถึงเทพโบราณขั้นเจ็ดได้ก็ราคาหมื่นกว่า อย่างมากก็สองหมื่น หากมอบคะแนนคุณูปการห้าแสนให้แก่พวกเขาก็ใช้ไม่หมด

ไม่นาน จ้าวเฟิงมาถึงชั้นบนสุดของตำหนักหมื่นวิญญาณ ต้องไปถึงขั้นเทพโบราณเท่านั้นถึงจะเข้าไปในชั้นนี้ได้

ตอนนี้ที่นี่มีแค่จ้าวเฟิงและผู้อาวุโสที่ดูแลตำหนักหมื่นวิญญาณ

ชั้นสุดท้ายนี้ว่างเปล่าอย่างมาก มีเพียงกำแพงผลึกโปร่งแสงสี่บานประตู

ในกำแพงทุกด้านฝังมุกผลึกใหญ่น้อยสีสันหลากหลายไว้ส่วนหนึ่ง ในมุกผลึกซุกซ่อนเคล็ดวิชาและวิชาระดับเทพ

“เจ้าจะเลือกเองหรือให้ข้าช่วยเจ้า?” ผู้อาวุโสระบายยิ้ม

“ข้าต้องการวิชาที่ช่วยให้ทะลวงขั้นจอมเทพ!” จ้าวเฟิงเอ่ยตามตรง

วิชาในระดับเดียวกัน หากสามารถฝึกไปถึงขั้นจอมเทพได้ย่อมดีที่สุด

สามารถฝึกฝนไปจนถึงขั้นจอมเทพ ก็จะแสดงให้เห็นว่าตัววิชาค่อนข้างสมบูรณ์ ช่วยเพิ่มพลังได้ค่อนข้างมาก และขอแค่เป็นวิชาฝึกแล้วทะลวงถึงขั้นจอมเทพได้ ก็นับเป็นว่าวิชาขั้นเทพระดับสุดยอดได้

“ดูนั่น!” ผู้อาวุโสที่อารักขาตำหนักระบายยิ้มเหมือนคาดไว้แล้ว จากนั้นจึงชี้นิ้วไป

จ้าวเฟิงมองกำแพงทางทิศตะวันออก ด้านบนสุดฝังมุกผลึกจำนวนสี่เม็ด

“เผ่าพันธุ์วิญญาณมีทั้งหมดสี่วิชาที่สามารถทะลวงได้ถึงขั้นจอมเทพ!”

ผู้อาวุโสเอ่ยแนะนำด้วยสีหน้าภาคภูมิ

“วิชาแรกคือวิชาฝึกสำหรับสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณโดยเฉพาะ เจ้าไม่ได้มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ไม่เหมาะกับวิชานี้ ดังนั้นข้าไม่จะแนะนำแล้วกัน!”

ผู้อาวุโสแนะนำสามวิชาที่เหลือแก่จ้าวเฟิง

วิชาที่สองก็คือ ‘วิชาห้าธาตุ’ ฝึกเสวียนอ้าวทั้งห้าธาตุโดยเฉพาะ

เสวียนห้าธาตุ รวบรวมพลังเสวียนอ้าวทั้งห้าชนิดเอาไว้ด้วยกัน ตอนฝึกต้องแน่ใจว่าเสวียนอ้าวทั้งห้าไม่ได้ต่างกันมากนัก มิฉะนั้นแล้วคงยากที่จะพัฒนา ระดับความยากค่อนข้างมาก

วิชาที่สามก็คือ ‘วิชาอัคคีอัสนี’ เหมาะกับผู้ฝึกตนศาสตร์อัคคีและอัสนี

หากฝึกวิชานี้กำลังรบจะแข็งแกร่ง และก็ค่อนข้างง่ายดาย โดยรวมแล้วเป็นวิชาระดับมาตรฐาน

วิชาที่สี่คือ ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ รวบรวมธาตุทั้งห้าในฟ้าดิน มิติหมื่นปรากฏการณ์ หลอมรวมเสวียนอ้าวหลากหลายประเภท สร้างเป็นพลังเทพรวมศูนย์ ทรงพลานุภาพอย่างยิ่ง แต่เพราะวิชาประเภทนี้กว้างมาก ไม่มีเป้าหมายชัดเจน การจะทะลวงไปขั้นจอมเทพจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก อีกทั้งตัวของวิชาเองก็ฝึกยากยิ่ง

“คะแนนคุณูปการห้าแสนของเจ้าแลกเปลี่ยนได้เพียงแค่วิชาเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงขอแนะนำให้เจ้าแลกวิชาที่ด้อยลงมาเล็กน้อย จะได้แลกเคล็ดการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอื่นๆ อีกหลายวิชาด้วย!”

ผู้อาวุโสเฝ้าตำหนักเสนอความคิดของตนเอง

“วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง?” ตอนที่จ้าวเฟิงได้ยินชื่อวิชานี้ เขาชะงักไปทันที

ตอนแรกที่เขามาเลือกวิชาที่นี่ ก็มาเพื่อจะเลือกวิชาธาตุทั้งห้าที่ผู้อาวุโสแนะนำในคราวก่อน แต่เขาพบว่าพลังของ ‘วิชาห้าธาตุ’ นี้เหมือนจะด้อยกว่าวิชาทั้งสอง

หนำซ้ำจ้าวเฟิงยังพบว่า ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ เหมาะสมกับตนเองมากกว่า ‘วิชาห้าธาตุ’ ด้วย อย่างไรเสีย ถ้าหากว่าเขาฝึกฝน ‘วิชาห้าธาตุ’ จะต้องเลิกฝึกเสวียนอ้าวลมและสายฟ้า แต่ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ กลับต่างออกไป แทบจะรวมเสวียนอ้าวทั้งหมดไว้

“ข้าต้องการ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’”

เมื่อครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่ง จ้าวเฟิงก็เอ่ยทันใด

“วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง?”

สีหน้าผู้อาวุโสชะงักไป เดิมเขาคิดว่าจ้าวเฟิงจะเลือก ‘วิชาห้าธาตุ’

“จ้าวเฟิง ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ นี้มีความยากไม่ธรรมดา จำนวนเสวียนอ้าวยิ่งมาก พลานุภาพก็จะยิ่งแข็งแกร่ง แต่พลังเสวียนอ้าวมากก็จะยิ่งใช้และควบคุมยาก…”

ผู้อาวุโสอารักขาตำหนักก็ค่อนข้างเข้าใจในวิชาทั้งสี่ จึงเอ่ยโน้มน้าว

“ข้าต้องการมัน!” แววตาจ้าวเฟิงแน่วแน่

พลังเสวียนอ้าวของเขาในตอนนี้มีมากจนเกินไป หากต้องละทิ้งไปบ้างก็เสียดายอยู่

เมื่อผู้อาวุโสเห็นจ้าวเฟิงแน่ใจขนาดนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรอีก หยิบป้ายตราคำสั่งผลึกชิ้นหนึ่งออกมา ก่อนจะดำดิ่งพลังเทพเข้าไปภายใน มุกผลึกเม็ดหนึ่งบนผนังลอยมาอยู่ตรงหน้าจ้าวเฟิง

“ต้องจำวิชาให้ได้ที่นี่ก่อนแล้วจึงจะจากไปได้ ในเวลาเดียวกันยังก็ไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ทันทีที่ตรวจพบเผ่าพันธุ์วิญญาณจะลงโทษอย่างสาสม”

เมื่อผู้อาวุโสท่านนี้เอ่ยจบก็จากไป จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะดำดิ่งเข้าไปภายในมุกผลึกเม็ดนี้

ข้อมูลของ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ทะลักเข้าไปในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว

‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ รวมธาตุทั้งห้าในฟ้าดิน มิติหมื่นปรากฏการณ์ และพลังทั้งหมดเอาไว้ ในตอนที่สมบูรณ์อาจสามารถสร้างพลังรวมศูนย์ได้…

“ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!” ดวงตาจ้าวเฟิงฉายแววปีติ

พลังเสวียนอ้าวที่ตัวเขาชำนาญนั้นมีมากมายอย่างยิ่ง รวมทั้งธาตุทั้งห้า วายุอัสนี และมิติเวลา…

อีกทั้งเขายังมีดวงตาเทพเจ้า ระดับความเข้าใจลึกซึ้งสูงมาก ความเข้าใจในเสวียนอ้าวก็ยิ่งคล่องแคล่ว ถ้าหากเขาสนใจก็ยังสามารถศึกษาเสวียนอ้าวอื่นๆ ได้อีก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็อดจะนึกถึง ‘งานชุมนุมเนตรเทพเจ้า’ ที่เซี่ยโหวอู่พูดถึงไม่ได้!

“ในเมื่อเป็นงานชุมนุมของแปดเนตรเทพเจ้า ภายในน่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับแปดเนตรเทพเจ้าเป็นจำนวนมาก และยังมีเคล็ดลับการใช้วิชาดวงตา หรือถึงขั้นมีวิธีการฝึกฝนวิชาดวงตา…”

จ้าวเฟิงตื่นเต้นกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง แต่สิ่งที่เขากังวลใจก็คือความเป็นไปได้ของดวงตาเทพเจ้าประเภทที่เก้าของตน

“ถ้าหากไปที่นั่นแล้วจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของดวงตาข้าได้ ถึงจะอันตรายก็คุ้มค่า!”

หลังจากนั้นสักพักใหญ่ จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจ

ดวงตาซ้ายที่ลึกลับนี้เป็นความลับยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา บางทีหลังจากที่ขุดเอาศักยภาพของดวงตาซ้ายออกมา ความลับเกี่ยวกับดวงตาข้างนี้ก็จะเปิดเผยพร้อมกัน

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงตัดสินใจไปดูงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าสักหน่อย

หนึ่งวันต่อมา จ้าวเฟิงอาศัยความสามารถในการจดจำที่แข็งแกร่งของดวงตาซ้าย จำ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ เอาไว้ทั้งหมด

เพิ่งเดินออกจากชั้นนี้ ผู้อาวุโสที่อารักขาตำหนักก็บินมาที่นี่อย่างรวดเร็ว

“จำได้หมดแล้วหรือ?” ผู้อาวุโสเอ่ยถามอย่างตกใจ

หนังสือมากมายราวท้องสมุทร วิชาที่สามารถทะลวงผ่านไปถึงขั้นจอมเทพได้ ต่อให้ใช้ความสามารถของเทพโบราณขั้นเจ็ด โดยปกติแล้วก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าวันถึงจะจดจำมันได้ทั้งหมด

“ใช่! จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ก่อนจะมอบมุกผลึกให้กับผู้อาวุโสที่อารักขาตำหนัก

“จ้าวเฟิง?” ในเวลานี้เอง มีเสียงร้องตื่นตกใจดังขึ้น

จ้าวเฟิงปรายตามอง เป็นเทพโบราณผู้หนึ่งที่เคยปรากฏกายขึ้นในการต่อสู้ชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ จินคุนพี่ชายของจินเวยชื่อนั่นเอง

จ้าวเฟิงจำได้ ตอนนั้นเขารู้สึกได้ว่าคนผู้นี้เป็นศัตรูกับเขาอย่างชัดเจน

หลังจากที่จ้าวเฟิงปรายตามองเขาแวบหนึ่ง จึงออกจากที่นี่ทันที

“บัดซบ…” จินคุนกำมือสองข้างแน่น กัดฟันกรอด

เขาอยากจะต่อสู้กับจ้าวเฟิงมาโดยตลอด แต่หลังจากจ้าวเฟิงทะลวงผ่านขั้นเทพแท้จริงได้แล้วก็เอาแต่ปิดด่านไม่ยอมออกมา แล้วก็ลอบออกจากสำนักไป

เมื่อกลับมาที่เผ่าพันธุ์วิญญาณก็เริ่มเข้าร่วมประลองชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ ต่อมาก็เป็นตัวแทนเผ่าเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ ดังนั้นเขาจึงทำอะไรจ้าวเฟิงไม่ได้ แต่ทันทีที่จ้าวเฟิงกลับมา คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังฝึกตนในขั้นเทพโบราณ หนำซ้ำเขายังได้ยินมาว่าในการต่อสู้ของสองเผ่า จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวยังเอาชนะคนของเผ่าเปลวทองเจ็ดคน โดยในนั้นรวมเทพโบราณเอาไว้ด้วยสองคน

จินคุนในตอนนี้ไหนเลยจะกล้าไปท้าประลองกับจ้าวเฟิง

เมื่อออกจากตำหนักหมื่นวิญญาณ จ้าวเฟิงเตรียมจะกลับไปยังที่พักของตนเองเพื่อฝึกฝน ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’

แต่ในระหว่างทาง เขาก็ได้ยินข้อมูลที่น่าตกใจบางอย่าง

จ้าวหยูเฟยของเผ่าพันธุ์วิญญาณทะลวงตำแหน่งเทพขั้นห้า กลายเป็นผู้ถูกเลือกของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ

‘คิดไม่ถึงเลยว่าหยูเฟยจะทำสำเร็จ!’ ในใจจ้าวเฟิงยินดีอย่างยิ่ง

ตั้งแต่กลับมาเขาก็ไม่เห็นจ้าวหยูเฟย แต่หลังจากสอบถามจึงได้รู้ว่านางย้ายไปที่อื่นเพื่อทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์

ในตอนนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกว่าจ้าวหยูเฟยรีบร้อนมากไป หากสั่งสมพลังรออีกสักช่วงหนึ่งก็จะสามารถทะลวงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวหยูเฟยจะทะลวงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้เป็นผลสำเร็จ

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะทะลวงไปยังขั้นหก พรสวรรค์ดีกว่าจ้าวหยูเฟย แต่จ้าวหยูเฟยมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ย่อมต่างจากจ้าวเฟิงโดยสิ้นเชิง!

“ตอนนี้จ้าวหยูเฟยกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ!”

“ทะลวงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้แล้ว เมื่อบวกกับความพิเศษในการฝึกของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้วก็ประเมินความสำเร็จในภายหน้าของจ้าวหยูเฟยไม่ได้เลย!”

การทะลวงขั้นของจ้าวหยูเฟยในครั้งนี้สะเทือนคนทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ในวันนี้ จ้าวหยูเฟยเดินทางกลับมาที่ตำหนักของตน

“พี่เฟิง ข้าใกล้จะตามท่านทันแล้วนะ!” รัศมีบริสุทธิ์แผ่ออกจากทั่วร่างของจ้าวหยูเฟย ราวเทพเซียนที่พิสุทธิ์ไร้ราคี

“จริงหรือ? ตอนนี้ข้ากลายเป็นเทพโบราณแล้วนะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยกระเซ้า

จ้าวหยูเฟยเอาแต่ปิดด่านเพื่อทะลวงขั้น จึงไม่รู้เรื่องการสู้รบระหว่างสองเผ่า

“นี่…เป็นไปได้อย่างไรกัน?” จ้าวหยูเฟยอ้าปากเล็กน้อย มีท่าทีตื่นตระหนกเหลือประมาณ แต่เมื่อสัมผัสดูอย่างละเอียดแล้วจึงพบว่าจ้าวเฟิงไปถึงขั้นเทพโบราณแล้วจริงๆ

“แย่จริง สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของข้าฝึกได้รวดเร็วนัก แต่ก็ยังตามท่านไม่ทัน…”

จ้าวหยูเฟยออกจะหงุดหงิด แต่ในใจของนางดีใจแทนจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงพูดอะไรไม่ค่อยออก หากไม่ใช่เพราะศักยภาพและพรสวรรค์ที่เกินคนทั่วไปที่เขาแสดงออกมา ตัวเขาเองจะยังอยู่รอดปลอดภัยได้ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณได้อย่างไร?

……

สามวันต่อมา คนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับจ้าวหยูเฟยที่ทะลวงผ่านเทพแท้จริงขั้นห้า

งานเลี้ยงครั้งนี้เชิญขั้วอำนาจจำนวนมากของเขตเทพสวรรค์มา อย่างน้อยคนที่มางานเลี้ยงจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงที่แข็งแกร่ง ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณมีจำนวนน้อยอย่างยิ่ง

สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณพิเศษมาก มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกโดยเฉพาะ จ้าวหยูเฟยสามารถทะลวงผ่านเทพขั้นห้าได้ในทันที ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเป็นไปได้มากที่นางจะทะลวงถึงจอมเทพ

ภายในเผ่าพันธุ์วิญญาณมีคนระดับสูงขั้นเทพโบราณไม่น้อยที่อยากจะสนิทชิดเชื้อกับจ้าวหยูเฟย

ถึงแม้งานเลี้ยงครั้งนี้จ้าวหยูเฟยจะเป็นตัวหลัก ความงามของนางทำให้ชายทั้งเขตเทพสวรรค์ต้องอ่อนระทวย

แต่จ้าวเฟิงที่ยืนข้างกายนางก็โดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง

“เขาก็คือจ้าวเฟิงที่ทะลวงถึงเทพขั้นหก ใช้เวลาหนึ่งปีก็ถึงขั้นเทพโบราณ และเอาชนะศิษย์เจ็ดคนของเผ่าเปลวทอง?”

“ในอนาคตเป็นไปได้มากว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณจะกลายเป็นขั้วอำนาจห้าดาวลำดับแรกของเขตเทพสวรรค์!”

แววตาทุกคนที่มองจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยเต็มไปด้วยความชื่นชมและริษยา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ยังตื่นตะลึงกับความโชคดีของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

บางทีพันปีต่อมา จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยสามารถอาจทะลวงถึงขั้นจอมเทพไปพร้อมกัน

ที่งานเลี้ยง คนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณต่างยิ้มไม่หุบ

ในช่วงระยะนี้ เผ่าพันธุ์วิญญาณเกิดเรื่องต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมในเขตเทพสวรรค์ไปแล้ว

สามวันต่อมา งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลง

จ้าวเฟิงกลับไปยังที่พักของตนเอง เตรียมปิดด่านฝึกตนไปอีกช่วงหนึ่งเพื่อฝึกฝน ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!