Skip to content

King of Gods 1293

King Of Gods

บทที่ 1293 ภารกิจลับ

ในภาพเหตุการณ์เป็นที่มืดมิดไร้แสงสว่างใด รอบบริเวณว่างเปล่าไปหมด คนที่ครอบครองความทรงจำนี้โฉบไปมาในที่รกร้างว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเป็นภาพจากครรลองสายตาของคนผู้นั้น ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงมองไม่เห็นเจ้าตัว หนำซ้ำบางสถานที่ยังถูกลบทิ้งไปอย่างจงใจ

ทันใดนั้นเอง กลางซากปรักหักพังประหลาดแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลลิบๆ ร่างเทพอสูรทองที่มีดวงตาสีทองข้างหนึ่งและแขนสองข้างสีทองทะยานออกมา

เจ้าของความทรงจำตรงดิ่งไปต่อสู้กับเทพอสูรตัวนั้นทันที

“เสวียนอ้าวแห่งความตาย เสวียนอ้าวทำลายล้าง!”

จากภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า จ้าวเฟิงพอจะตัดสินได้ว่าคนที่ครอบครองความทรงจำนี้เป็นทายาทเนตรมรณะ ส่วนเทพอสูรนัยน์ตาสีทองข้างหนึ่งตัวนั้นใช้วิชาดวงตาในการโจมตีเช่นกัน หนำซ้ำยังแฝงเสวียนอ้าวทำลายล้างเอาไว้ด้วย

เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้วจะเห็นว่าเทพอสูรนัยน์ตาทองและผู้ครอบครองเนตรทำลายล้างมีจุดคล้ายคลึงกันอย่างมากมาย สุดท้ายทายาทเนตรมรณะสังหารเทพอสูรตัวนั้น ก่อนจะได้รับผลึกสีทองระยิบระยับที่ดูประหลาดมาหนึ่งชิ้น

“ผลึกเสวียนอ้าวที่แฝงไปด้วยเสวียนอ้าวทำลายล้างนี่!”

จ้าวเฟิงเคยเจอสถานการณ์เช่นนี้แล้วขณะที่อยู่ในตำหนักผลึกห้าธาตุ เขาจึงเดาออกได้ทันที แต่หากเปรียบกับผลึกเสวียนอ้าวห้าธาตุ ผลึกเสวียนอ้าวทำลายล้างชิ้นนั้นล้ำค่ากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

พรึ่บ! ภาพเหตุการณ์วูบวาบ ทายาทเนตรมรณะเดินทางมาถึงสิ่งปลูกสร้างที่ผุพังแห่งหนึ่ง

“สิ่งปลูกสร้างจากเผ่าความลับสวรรค์!” ดวงตาจ้าวเฟิงพลันเป็นประกาย

เขาเคยเข้าไปในเมืองเผ่าความลับสวรรค์มาหลายครั้ง จึงพอจะมีความเข้าใจในรูปแบบของสิ่งปลูกสร้างภายในนั้น แน่นอนว่าต่อให้สิ่งปลูกสร้างที่นี่คล้ายคลึงกับเมืองเผ่าความลับสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้บ่งชี้อะไรชัด

แต่ก็ยังไม่ตัดเรื่องขั้วอำนาจบางแห่งรู้เกี่ยวกับเคล็ดลับเล็กน้อยของเผ่าความลับสวรรค์ หรือไม่ก็ลอกเลียนลักษณะของสิ่งปลูกสร้างเผ่านี้ทิ้งไป

ท้ายที่สุดภาพเหตุการณ์ก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ทายาทเนตรมรณะคนนั้นปรากฏกายขึ้นที่ด้านในสิ่งปลูกสร้าง

เบื้องหน้าของเขามีประตูผลึกสีม่วงบานหนึ่ง ทว่าบนบานประตูมีปราการพลังอยู่ ทายาทเนตรมรณะใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ก็ยังไม่อาจทำลายผนึกได้ แต่เมื่อมองทะลุผนึกไป จ้าวเฟิงพอจะมองเห็นบ่อน้ำสีดำสนิทขนาดใหญ่ภายใน

รอบๆ บ่อน้ำมีผลึกสีดำแวววาวจำนวนมาก จ้าวเฟิงมองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าคือผลึกเสวียนอ้าว แต่ผลึกเสวียนอ้าวสีดำจะเป็นเสวียนอ้าวพลังอะไร จ้าวเฟิงก็ยังไม่แน่ชัดนัก

ฟิ้ว! ทันใดนั้นเองภาพทรงจำก็พลันสลายไป

“ดูจบแล้วใช่หรือไม่!” เสียงที่ไม่ชัดเจนดังขึ้น

“เจ้าอยากแลกเปลี่ยนกับอะไร?” จ้าวเฟิงถามในทันที

“นี่คือซากปรักหักพังที่ข้าพบโดยบังเอิญ สิ่งที่เจ้ามองเห็นก็คือภาพเหตุการณ์ที่ข้าเข้าไปสำรวจเมื่อคราวก่อน แต่ในตอนนี้ข้าอยากจะหาเพื่อนร่วมทางสองสามคนไปสำรวจซากปรักหักพังนี้ด้วยกัน!”

เสียงพูดไม่ชัดเจนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

ดวงตาจ้าวเฟิงสว่างวาบ ที่จริงเขาก็พอจะเดาได้แล้ว ไม่อย่างนั้นใครจะมาแบ่งภาพความทรงจำที่ล้ำค่าเช่นนี้อย่างไร้ที่มาที่ไปกันเล่า

“ข้าต้องการข้อมูลมากกว่านี้!” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึม

อาศัยเพียงแค่ภาพเหตุการณ์สั้นๆ นี้ ข้อมูลที่เข้าใจได้มีน้อยนิดอย่างยิ่ง หนำซ้ำยังไม่สามารถตัดสินระดับความอันตรายได้

“ข้าไปสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าลักษณะสิ่งปลูกสร้างจะเป็นของเผ่าความลับสวรรค์ แต่ข้าเดาได้ว่าน่าจะอยู่ในช่วงบรรพกาลหรือไม่ก็ช่วงโบราณ เป็นสถานที่พักอาศัยของทายาทเนตรเทพเจ้าที่แข็งแกร่ง อย่างไรเสียขั้วอำนาจที่ทรงพลังในตอนนั้นก็ติดต่อกับเผ่าความลับสวรรค์เพื่อพึ่งพาอาศัยความรู้ของพวกเขา อีกอย่างเจ้าเองก็รู้รูปแบบการแลกเปลี่ยนที่นี่ ระดับพลังของข้าและเจ้าย่อมไม่ต่างกันมากนัก ข้าไปสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ในระดับหนึ่งแล้วไปกลับได้อย่างปลอดภัย นั่นแสดงว่าระดับความอันตรายในนั้นไม่ได้สูงมากนัก!”

คนผู้นั้นเอ่ยต่ออย่างไหลลื่นมาก อย่างไรเขาก็มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยน ย่อมคิดดีแล้วว่าจะพูดหว่านล้อมอย่างไร อีกทั้งเขายังพูดโยงเพียงสองเรื่องเท่านั้น หนึ่งคือผลประโยชน์ สองคือความปลอดภัย

ซึ่งนี่คือสองเรื่องที่คนทั่วไปจะให้ความสำคัญที่สุด

“เหตุใดเจ้าไม่ไปที่จุดแจกภารกิจเล่า?” เมื่อจ้าวเฟิงฟังจบจึงถามอีกครั้ง

“หากทำเช่นนั้น ซากปรักหักพังแห่งนี้ก็จะเป็นที่รู้กันหมด ยังมีสถานะของข้าอีก อาจจะถึงขั้นทำให้ข้าโดนไล่ล่าจากมือสังหาร แล้วข้ายังต้องการเพียงเพื่อนร่วมทางอีกสองสามคน ผลประโยชน์ที่แต่ละคนได้รับก็จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นปราการแลกเปลี่ยนลับถึงจะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประกาศภารกิจนี้!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของคนผู้นี้ไปทั้งหมด ใช้เพียงประกอบการพิจารณา จากที่ดูในตอนนี้ การสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ไม่ได้อันตรายมากนัก

เจ้าของความทรงจำนี้มีชีวิตรอดกลับมาได้ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีมากที่สุดแล้ว

ต่อให้เขาปิดบังอันตรายบางอย่างเอาไว้ จ้าวเฟิงก็ไม่ถือสา เพราะเขาเชื่อในไพ่ตายของตนเองว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ อันที่จริงแล้วจ้าวเฟิงอยากรับภารกิจนี้แล้ว แต่เขาแค่อยากได้ข้อมูลมากกว่านี้

“บอกเจ้าตามจริงแล้วกัน ที่ข้าสงสัยว่าที่นั่นจะเป็นที่พักอาศัยของทายาทเนตรเทพเจ้า ก็เพราะว่าผลึกเสวียนอ้าวที่ข้าได้มาล้วนแต่เป็นเสวียนอ้าวที่เกี่ยวข้องกับแปดเนตรเทพเจ้า!”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

จ้าวเฟิงใจเต้น ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด

แต่จากการคาดเดาของจ้าวเฟิง สถานที่ดังกล่าวเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็นที่พักของทายาทเนตรเทพเจ้าในช่วงโบราณหรืออาจจะถึงช่วงบรรพกาลด้วยซ้ำ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น สิ่งของที่ซุกซ่อนไว้ภายในคงจะเกี่ยวข้องกับแปดเนตรเทพเจ้าทั้งสิ้น บางทีอาจได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็ได้

อนึ่ง ที่นี่คืองานชุมนุมเนตรเทพเจ้า สายเลือดดวงตาแทบทั้งหมดสืบสายมาจากแปดเนตรเทพเจ้า ซากปรักหักพังแห่งนั้นจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นคนส่วนมากจึงยากจะปฏิเสธในจุดนี้

“ข้าเคยบอกแล้วว่าต้องการเพื่อนร่วมทางสองคน ตอนนี้สิบเอ็ดคนในสถานที่แห่งนี้มีห้าคนตอบรับภารกิจนี้แล้ว แต่ข้ายังต้องคัดเลือกเพื่อนร่วมทางที่เหมาะสมที่สุด!”

เสียงไม่ชัดเจนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

“ตกลง ข้ารับภารกิจนี้แล้วกัน!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่งจึงตอบตกลง

อย่างแรก อีกฝ่ายต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดในบรรดาคนที่ตอบรับภารกิจ

จ้าวเฟิงจะได้ข้อมูลมากขึ้นจากขั้นตอนการคัดเลือกนี้ ระหว่างนั้นหากเจอข้อสงสัยอะไร ก็ยังสามารถพิจารณาอีกครั้งได้ ถึงอย่างไรหากเขาไม่ไปสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ อีกฝ่ายก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี

จ้าวเฟิงเดินทางร่วมกับคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต และตัวเขาเองก็ยังเป็นศิษย์ของเผ่าพันธุ์วิญญาณด้วย

“ข้าต้องการทำพันธะสัญญาโลหิตกับเจ้า เพื่อรับรองว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับคนอื่น!”

ฝ่ายนั้นแจ้งความต้องการ

เงื่อนไขนี้ของเขาทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังปกป้องตนเอง

จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจอะไร เขาจัดแจงลงนามทันที

“ตกลง รับป้ายส่งข่าวของข้าไป เมื่อการแลกเปลี่ยนจบลงค่อยติดต่อกันอีกที!”

คนผู้นั้นวางป้ายส่งข่าวแผ่นหนึ่งเข้าไปในกลุ่มแสงของจ้าวเฟิง เมื่อจ้าวเฟิงรับป้ายส่งข่าวมาแล้วก็สำรวจในทันที ผลพบว่านี่เป็นเพียงแค่ป้ายส่งข่าวธรรมดาเท่านั้น ระยะทางในการสื่อสารก็มีขีดจำกัดอย่างยิ่ง และไม่ได้มีข้อชวนสงสัยแต่อย่างใด

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ก่อนจะสำรวจสิ่งของในกลุ่มแสงอื่นต่อไป

“วิชาผนึกดวงตา!”

ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงชะงักอยู่ที่สิ่งของในกลุ่มแสงที่ห้า

“นี่คือเคล็ดวิชาที่สามารถผนึกพลังของวิชาสายเลือดดวงตา!”

เสียงกังวานของสตรีดังขึ้น

หากสามารถผนึกพลังสายเลือดดวงตาได้และคลายผนึกในช่วงสำคัญ บางทีอาจกลายเป็นไพ่ตายที่เหนือความคาดหมายของคนอื่นได้

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงยังได้ยินมาว่ามี ‘วิชาปิดบังดวงตา’ ที่สามารถทำให้ลักษณะพิเศษของสายเลือดดวงตากลับมาเป็นปกติได้

ถ้าหากว่าทั้งสองวิชานี้ใช้ด้วยกันผลลัพธ์จะเพิ่มมากขึ้น

“เจ้าต้องการอะไร?” จ้าวเฟิงถามอย่างตรงไปตรงมา

‘วิชาผนึกดวงตา’ เป็นของที่จ้าวเฟิงต้องการในตอนนี้พอดี

“ข้าต้องการวิชาดวงตาประเภทมิติ!” ฝ่ายนั้นตอบกลับมา

จากจุดนี้พอจะมองออกว่าหากนางไม่ใช่ทายาทเนตรมิติก็คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับมัน

สีหน้าจ้าวเฟิงเผยความยินดี เขามีสิ่งนี้พอดี เป็นสองวิชาดวงตาประเภทมิติที่มาจากชุดคลุมมิติ เมื่อชั่งใจแล้วจ้าวเฟิงจึงตัดสินใจเอา ‘มิติพันธนาการ’ ที่อยู่ในระดับที่สูงกว่ามาแลกเปลี่ยน

“จะใช้ ‘วิชาผนึกดวงตา’ ของเจ้าแลกกับวิชาดวงตาประเภทมิติของข้า ยังห่างชั้นกันนัก!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างหยิ่งยโส

แต่อีกฝ่ายต้องการ ‘มิติพันธนาการ’ อย่างเห็นได้ชัด จึงยินยอมเอาของบางส่วนออกมาเพื่อแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม

ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงก็ถามถึง ‘วิชาปิดบังดวงตา’

บังเอิญที่นางมีเคล็ดวิชาประเภทนี้พอดี คนทั้งสองจึงสามารถแลกเปลี่ยนกันได้อย่างราบรื่น จากนั้นตอนที่จ้าวเฟิงกำลังปรายตามองสิ่งของในกลุ่มแสงอื่นๆ ก็แบ่งห้วงความคิดส่วนหนึ่งไปทำความเข้าใจในเคล็ดวิชาทั้งสองประเภทนี้

เมื่อมองผ่านๆ แล้วเขาก็ค้นพบว่า ‘วิชาผนึกดวงตา’ ค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ส่วนมูลค่าของ ‘วิชาปิดบังดวงตา’ ค่อนข้างต่ำ เพราะ ‘วิชาปิดบังดวงตา’ มีระดับขั้นที่จำกัด มันไม่สามารถปิดบังดวงตาที่แข็งแกร่งบางส่วนได้อย่างสิ้นเชิง

ในการแลกเปลี่ยนต่อจากนั้นก็ไม่มีสิ่งของที่จ้าวเฟิงถูกใจอีก เขาจึงเริ่มศึกษาวิชาดวงตาทั้งสองในมิติที่ถูกปิดผนึกแห่งนี้

จากนั้นครู่ใหญ่ๆ การแลกเปลี่ยนครั้งนี้จึงจบลง จ้าวเฟิงถึงชันกายลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่ร้านค้าแห่งอื่นใกล้ๆ บริเวณ

หลังจากที่เขาเจอเซี่ยโหวอู่จึงเดินออกไปหาอีกฝ่าย

“เป็นอย่างไรบ้าง?” จ้าวเฟิงระบายยิ้มพลางเอ่ย

“คนที่แลกเปลี่ยนกับข้าน่าจะเป็นเทพโบราณขั้นเจ็ด ข้าชอบผลึกเสวียนอ้าวที่แฝงไปด้วยเสวียนอ้าวธาตุไม้ แต่ของของข้าระดับต่ำเกินไป แต่สุดท้ายก็ยังทู่ซี้แลกผลึกเสวียนอ้าวมาได้!”

เซี่ยโหวอู่เอ่ยยิ้มๆ

เพราะพลังฝึกตนของเขาอยู่ในขั้นหกสุดยอด อยู่ไม่ไกลจากเทพโบราณนัก ดังนั้นจะแลกเปลี่ยนกับเทพโบราณก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักไป ในตอนนั้นเขาก็ครุ่นคิดได้ว่า เมื่อครู่ตนเองเพิ่งจะแลกเปลี่ยนผลึกเสวียนอ้าวธาตุไม้บางส่วนกับคนในกลุ่มแสงคนที่สอง แต่ทรัพยากรฝึกวิญญาณที่อีกฝ่ายเอามาใช้แลกนั้นก็ไม่เท่าไหร่นัก

ที่แท้คนผู้นั้นก็คือเซี่ยโหวอู่!

จ้าวเฟิงหัวเราะในใจ

“ไปลองดูที่อื่นดีกว่า งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าครั้งนี้ยากจะเกิดขึ้น จะพลาดไปไม่ได้!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้ม จากนั้นคนทั้งสองจึงเดินชมงานจนมาถึงหอแลกเปลี่ยนวิชา

เคล็ดวิชาลับและวิชาที่นี่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับวิญญาณและดวงตาทั้งสิ้น ข้อเสียเดียวก็คือแพงเกินไป

ผลึกเทพในมือจ้าวเฟิงมีมากมาย แต่ในฐานะที่เป็นเทพโบราณขั้นเจ็ด เขาไม่สามารถแพร่งพรายความร่ำรวยออกมาได้ ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงเลือกวิชาดวงตาและวิชาต่างๆ ที่เขาสนใจไม่กี่วิชามา

“หาโรงเตี๊ยมพักผ่อนก่อนสักหน่อยแล้วกัน!” จ้าวเฟิงเสนอ

บุคคลากรที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถในงานชุมนุมเนตรเทพเจ้ามีมากเกินไป การไม่แพร่งพรายสายเลือดดวงตาออกไปน่าจะดีกว่า

ดังนั้นเขาจึงเลือกศึกษา ‘วิชาปิดบังดวงตา’ และ ‘วิชาผนึกดวงตา’ ให้ปรุโปร่งเสียก่อน เพื่อจะได้ปกปิดดวงตาเทพเจ้าของตนเองเอาไว้

เซี่ยโหวอู่ก็เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยจึงเห็นด้วย

คนทั้งสองจึงหาห้องพักที่สะดวกสบายสักแห่งก่อนจะเข้าไปพักด้านใน

พรึ่บ! เพื่อประหยัดเวลา จ้าวเฟิงจึงเข้าไปที่มิติในชุดคลุมเพื่อฝึกฝนวิชาดวงตาทั้งสองประเภท

สิบวันจากนั้น จ้าวเฟิงก็พอจะคุ้นเคยวิชาดวงตาทั้งสองแล้ว จึงเตรียมทดลองปกปิดดวงตาเทพเจ้าของตนเองดู

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!