บทที่ 681 คนอื่นอย่าได้หวัง!
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ข้าน้อยคิดว่าบางทีเขาอาจไม่ได้สนใจลูกเสือเหล่านั้น แต่คิดจะวางอุบายอะไรกับพญาเสือที่เป็นผู้พิทักษ์…” ในที่สุดมู่เหลยก็ทำใจกล้าพูดออกมา
“หากแม้แต่ความสามารถในการปกป้องตัวเองจากจิ้งจอกยังไม่มี เสือยังจะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นผู้พิทักษ์อีก?” นํ้าเสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผะแผ่ว
นี่ก็ใช่! มู่เหลยไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
….
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง มีแท่นสูงแท่นหนึ่งเหมือนกัน บนแท่นคือผังที่ดูคล้ายค่ายกลเชิงยุทธ์วิถี ด้านล่างแท่นกลับเป็นกองลูกแก้วนับไม่ถ้วนดั่งทะเลดวงดาว
ดวงดาวที่ดาษดื่นบนท้องนภาและลูกแก้วที่อยู่ใต้เท้า ต่างส่องแสงพร่างพราว เมื่อคนยืนอยู่บนแท่นสูงจึงไม่อาจทราบได้ว่าอยู่ในโลกมนุษย์ หรือ อยู่บนสรวงสวรรค์
บนแท่นสูงมีคนชุดขาวผู้หนึ่งกำลังชมดาวอยู่ เขาจ้องมองดวงดาวที่เจิดจ้าที่สุดบนท้องฟ้าดวงนั้น ดาวดวงนั้นสีสันเหลือบรุ้งพลาย ดั่งดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะจักรวาลก็มิปาน ดาวทุกดวงล้วนโคจรรอบตัวมัน…
คนชุดขาวจับจ้องมัน คล้ายปรารถนาจะกระชากมันลงมายิ่งนัก!
สูงสุดสู่สามัญ ดวงดาวที่เจิดจ้าพร่าตาเกินไปย่อมร่วงหล่นได้ง่ายดายนัก แล้วดาวดวงนี้ต้องใช้เวลาเท่าใดถึงจะร่วงหล่นเล่า?
ผู้ใดจะได้แทนที่มัน?
สายตาของคนชุดขาวผู้นั้นสอดส่ายไปในหมู่ดาว ปรารถนาจะเสาะหาดาวอีกดวงที่แตกต่างจากดวงอื่นๆ แต่เนื่องจากดวงดาวหลักกลางท้องนภาเจิดจ้าเกินไป ทำให้ดาวดวงอื่นอับแสง ดังนั้นเขามองอยู่นานสองนาน ก็มองอะไรไม่ออกอยู่ดี
เขาพ่นลมหายใจออกมานิดๆ ก็ไม่เลว นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
หากมีดาวหลักดวงอื่นปรากฏขึ้นมาจริงๆ เขาจะกำจัดอีกฝ่ายทิ้งเสียในยามที่ยังไม่ปีกกล้าขาแข็ง!
โลกนี้สมควรเปลี่ยนผู้ปกครองแล้วจริงๆ!
แต่ผู้ปกครองในอนาคตจะต้องเป็นเขาเท่านั้น!
คนอื่นอย่าได้หวัง!
….
“ซีจิ่ว การประลองครั้งนี้เจ้ามีความมั่นใจอยู่กี่ส่วน?” นี่เป็นยามเช้าตรู่ เป็นเวลาที่ทั้งสามคนมารวมตัวกัน ผู้ที่ถามคือเชียนหลิงอวี่
กู้ซีจิ่วตอบอย่างสบายๆ ยิ่งนัก “สิบส่วน!”
เชียนหลิงอวี่เบิกตากว้างมองดูเธอ พลางกระแอมไอ “ซีจิ่ว ข้ารู้ว่ากลุ่มของพวกเราแข็งแกร่งมาก แต่กลุ่มของพวกเขาวิปริตมากจริงๆ ในชั้นเรียนเมฆาม่วงห้องหนึ่งกลุ่มของพวกเขาไร้คู่ต่อสู้ ได้ยินว่าพวกเขาเคยเอาชนะหลายกลุ่มในชั้นเรียนเมฆาม่วงระดับกลางด้วย…”
หลานไว่หูก็กังวลอยู่ในใจเช่นกัน นางกล่าวความคิดเห็นออกมา “อวิ๋นชิงหลัว เป็นสานุศิษย์สวรรค์เดิมทีวรยุทธ์ของนางก็สูงส่งดั่งเทพเซียนจำแลงอยู่แล้ว ส่วนเล่อชิงซิ่งกับเล่อจื่อซิ่ง ฝาแฝดคู่นั้นยิ่งกว่าวิปริตเสียอีก ปกติแล้วแม้แต่คำพูดคำจาก็เข้าขาไร้ช่องว่าง ยามต่อสู้ไม่ต้องสื่อสารกัน เพียงสบตากันแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าควรออกกระบวนท่าใด! ได้ยินว่าเมื่อก่อนแฝดชายหญิงคู่นี้ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเลย ยามจับกลุ่มต่อสู้ก็ไม่รวมกลุ่มกับผู้อื่นเลย ทั้งสองสู้กับผู้อื่นที่มีสามคน มีชัยมาก ปราชัยน้อย พออวิ๋นชิงหลัวเข้ามา พวกเขาถึงคล้ายว่าหาสหายประเภทเดียวกันพบแล้ว
จึงจับกลุ่มกับนาง ยามนี้พวกเขาประสานงานกับมาหลายเดือนแล้วและเข้าจังหวะกันดียิ่งนัก…”
กู้ซีจิ่วยกนํ้าขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง เธอเองก็ทราบว่าความจริงแล้วเอาชนะได้ยากมาก แถมเธอยังไม่มีทั้งนิ้วทองคำ และสูตรโกง เป็นไปไม่ได้ที่จะกวาดล้างทุกสิ่งในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ทันที ทุกอย่างต้องอาศัยเพียงฝีมือล้วนๆ เธอเป็นนักฆ่าแถมยังเป็นหัวหน้ากิลด์ในเกมออนไลน์ด้วย
ย่อมทราบถึงความสำคัญของการต่อสู้ประสานกัน หากต่อสู้ประสานงานเข้าขากันดี ต่อให้เป็นสิงโตสักตัวก็ถูกพวกเขาโค่นลงได้…
เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ประสานกัน เคยผ่านความเป็นความตายมาสักเท่าใดแล้ว กล้าสู้กล้าลุย ยอดฝีมือร้อยเล่ห์มากน้อยเพียงใดแล้วที่มอดม้วยในกำมือเธอ ตอนนี้ถึงแม้วรยุทธ์ของผู้ช่วยตัวน้อยจะยอดเยี่ยมยิ่ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังอ่อนประสบการณ์…
ดังนั้น ในการประลองเหล่านี้ กลุ่มของเธอมีชัยมาก ปราชัยน้อย ต่อให้บางครั้งพ่ายแพ้ถูกกลุ่มอื่นบดขยี้ ทว่าครั้งหน้าเมื่อต้องประลองอีกครั้ง เธอก็จะเอาชนะได้แน่นอน เนื่องจากเธอหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายพบแล้ว …
ตอนนี้สิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับเธอมากที่สุดก็คือ ผู้อื่นทราบกลยุทธ์เธอทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่เธอกลับเข้าใจอีกฝ่ายน้อยมาก