Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1148

บทที่ 1148 ข้าชอบที่เจ้าเรียกข้าเช่นนี้

กู้ซีจิ่วมองเขาอีกครั้ง “แต่อย่างไรก็ไม่เหมือนสตรี”

คนผู้นั้นยิ้มออกมาแล้ว ขนงเนตรทรงเสน่ห์ “เดิมทีข้าก็มิใช่สตรีอยู่แล้ว เด็กน้อยบรรยายถึงรูปโฉมบุรุษควรใช้ถ้อยคำจำพวกหล่อเหลาสง่างาม คำว่างดงามไม่เพียงพอจะใช้บรรยายถึงตัวข้า…”

กู้ซีจิ่วที่ถูกเรียกว่าเด็กน้อยใจเต้นแรงแวบหนึ่ง หากว่าผู้อื่นมาเรียกเธอเช่นนี้ เธอคงประเคนฝ่ามือใส่นานแล้ว แต่พอเป็นเขาที่เรียกเธอเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ทำไมเจ้าเรียกข้าแบบนี้?” เธอในยามนี้เป็นคนที่นึกจะถามก็ถามออกมาเลย “เป็นเพราะรู้สึกว่าสติปัญญาข้าไม่ดี เหมือนเด็กน้อยใช่หรือไม่?”

“ไม่เลย ซีจิ่วฉลาดเป็นที่สุดเสมอมา สติปัญญาเลิศลํ้ายิ่ง ผู้ใดก็เทียบไม่ติด ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้เพราะนี่เป็นชื่อเฉพาะที่ข้าใช้เรียกเจ้า และเจ้าก็อนุญาตให้ข้าเท่านั้นที่เรียกเจ้าเช่นนี้ได้” คนผู้นั้นยิ้มละไม ทว่าสุ้มเสียงกลับจริงจัง

หัวใจของกู้ซีจิ่วอุ่นวาบคันยุบๆ ยิบๆ ดวงตาหยีโค้งเขยิบเข้าไปใกล้เข้าอีกหน่อยอย่างอดใจไม่อยู่ “อื้อ ถ้างั้นเจ้าก็เรียกเช่นนี้เถอะ”

แล้วเสริมอีกประโยคด้วยเสียงเล็กๆ “ข้าชอบที่เจ้าเรียกข้าเช่นนี้”

ต่อให้เป็นเด็กน้อยก็ทราบชัดเจนว่าผู้ใดดีต่อนางด้วยใจจริง นับประสาอะไรกับกู้ซีจิ่วเล่า?

ต่อให้นางไม่มีความทรงจำใดๆ แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนฉลาด ใครดีต่อเธอด้วยใจจริง ใครดีต่อเธอเพียงฉากหน้า เธอยังคงแยกแยะได้

หลายวันมานี้ถึงแม้โม่เจ้าจะอยู่ข้างกายเธอบ่อยๆ ถึงขั้นที่บอกว่าเธอคือว่าที่ภรรยา ซํ้ายังพูดจาเป็นห่วงเป็นใยเธอ แต่เธอยังคงสัมผัสได้รางๆ ว่าอีก ฝ่ายดูแคลนเธอ มองเธอเหมือนเด็กน้อย…

หลงฟั่นผู้นั้นก็เช่นกัน เห็นเธอเปรียบเสมือนวัตถุอย่างหนึ่ง ต่อให้เป็นวัตถุลํ้าค่าที่สุดก็ยังเป็นเพียงวัตถุอย่างหนึ่งอยู่ดี

มีเพียงคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ที่ดีต่อเธอด้วยใจจริง ทราบว่าเธอหวาดกลัวที่ต้องอยู่ในหมอกหนาจึงมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ซํ้ายังพาเธอเดินดูรอบๆ ด้วย

ตอนที่พบเขาในฝันเป็นครั้งแรก เธออยากรู้อยากเห็นในตัวเขาอย่างน่าประหลาด แต่ยังคงหวาดระแวงอยู่บ้าง ถึงขั้นที่พูดจากับเขาอย่างหยาบคายไร้มารยาท แต่คนผู้ไม่ถือสาเลย ตอนที่เธอกลัวเขา เขาก็ยืนคุยกับเธออยู่ห่างๆ สนทนาเป็นเพื่อนเธอ จนกระทั่งเธอตื่น…

ตอนที่พบเขาในฝันเป็นครั้งที่สอง เธอก็เปิดใจมากขึ้น และกล้าเข้าใกล้เขานิดหน่อยแล้ว เขาก็พาเธอเดินทะลุม่านหมอก คุยเล่นกับเธอ

เดิมทีในหมอกหนาทึบแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดเลย แต่หลังจากเดินกับเขาไปเรื่อยๆ บางครั้งเธอก็เห็นทิวทัศน์ที่กระจัดกระจายของสถานที่บางแห่ง ในทิวทัศน์เหล่านั้นคล้ายมีเธอและมีคนอื่นอยู่ด้วย ถึงแม้ทิวทัศน์ที่กระจัดกระจายเหล่านั้นไม่อาจปะติดปะต่อเป็นหนึ่งเดียวได้ ถึงขั้นที่ไม่อาจมองให้ชัดเจนได้จริงๆ ทว่ากลับทำให้จิตใจเธอสั่นไหวโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เธออยากค้นหามากขึ้นอีกหน่อย

แน่นอนว่าตอนที่ค้นหาทิวทัศน์ที่แตกแยกกระจัดกระจายเหล่านั้นก็ได้พบภัยพิบัติบางอย่างที่ยากจะคาดเดาได้ล่วงหน้า อย่างเช่น จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาจากหมอกหนาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นจู่ๆ เส้นทางใต้ฝ่าเท้าก็หายไปกะทันหัน กลายเป็นทะเลเพลิง บึงโคลน หน้าผาชัน…

แต่เขาก็ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ว่าจะพบภยันอันตรายอันใด เขาล้วนพาเธอผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเธออยู่ในม่านหมอกจึง ขวัญกล้าขึ้นไม่น้อย ถึงขั้นที่ชมชอบความฝันเช่นนี้…

ครั้งนี้เธอพบเขาในความฝันเป็นครั้งที่สามแล้ว เธอสนิทสนมคุ้นเคยกับเขามากแล้ว นั่งอยู่ข้างกายเขาตกปลาให้เขา และในขณะที่เธอกำลังตกปลาให้เขาอยู่ เบื้องหน้าก็มีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นมาอีกครั้งปานภาพมายาที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เธอมองเห็นฉากที่ตนนั่งตกปลากับตี้ฝูอีหลายครั้งหลายครา…

ครั้งนี้มีความก้าวหน้ามากกว่าครั้งที่แล้ว ทิวทัศน์ไม่กระจัดกระจายถึงเพียงนั้นแล้ว ถึงขั้นที่เชื่อมกันเป็นผืนแล้ว…

เธอสัมผัสได้แม้กระทั่งความจนปัญญาและความอบอุ่นจากในฉากนั้น เธอมองดูอย่างละโมบ รู้สึกว่าทิวทัศน์นั้นแทรกซึมเข้ามาในสมองที่ว่างเปล่าของเธอแล้วก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน

ตี้ฝูอีก็ไม่รบกวนเธอ ยิ้มน้อยๆ มองดูเธอ นิ้วมือในแขนเสื้อจรดนิ้วร่ายเคล็ดคาถาชนิดหนึ่งไว้ตลอด…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!