Skip to content

Swallowed Star 947

ตอนที่ 947 : การสืบทอด

มีศิษย์นับล้านใน เกาะบัวฮิเนียล หลัวเฟิง และ ทรูหยัน ไปยังตำแหน่งที่อัศวินได้ให้และเริ่มสร้างวังขึ้นมา

“รวม!” หลัวเฟิง พูดขึ้น

เขาได้ใช้พลังของโลกภายในของเขาในการสร้างแมนชั่น มันเป็นลานขนาดใหญ่ซึ่งทำให้นึกถึง สวนจินนาน ของจีนโบราณ มีทางเดินที่ทำมาจากหินและมีดอกไม้ทุกแบบปลูกไว้ที่ตามข้างทาง

ที่มุมของลานนั้นมีบ่อน้ำ น้ำนั้นคือแกนกลางของสวนจินนาน มีสะพานหินด้านบนน้ำ และมีศาลาวางไว้รอบๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีห้องนอนและห้องนั่งเล่นอีกทั้งด้านหน้าห้องยังมีสระน้ำ ที่มีสวนให้เห็น แม้ว่าทั้งสวนนั้นจะมีพื้นที่แค่เพียง 1 ตร.กม. แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีซึ่งเป็นไปตามที่ หลัวเฟิง จำได้จากบ้านเกิดตัวเอง สวนจำนวนมากถูกทำลายระหว่างยุคหายนะ แต่พวกคนรวยบางคนได้สร้างสวนขึ้นมาโดยอิงจากยุคนี้ หลัวเฟิง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมันมาก่อนในตอนที่เขายังเป็นนักเรียนและเขามีความทรงจำพิเศษ ทั้งหมดที่เขาทำ คือเขาจำภาพที่อยู่ในหนังสือเรียน หลัวเฟิง ได้ใช้พลังของโลกเพื่อสร้างสวนแห่งนี้ขึ้นมา

หลัวเฟิง ชี้ไปยังภูเขาที่อยู่ไกลๆ

“ออกไป!”

ปึง!

สวนส่วนตัวอีกแห่งได้ปราฏขึ้นมา หลังจากที่ปรับเนินเขาซึ่งให้เชื่อมต่อกับแม่น้ำแล้ว สวนก็ได้ทำการล้อมรอบพวกมันเอาไว้

“ศิษย์ข้า เจ้า…” ทรูหยัน ยังคงสร้างวังขนาดใหญ่โดยแอบมองมาที่สิ่งที่ หลัวเฟิง ได้สร้าง “วิเศษจริงๆ”

“อาจารย์ ท่านไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความลับของบ้านเกิดข้าได้โดยใช้พลังทองของท่าน เข้ามาข้างในเถอะ” หลัวเฟิง ยิ้มและพา ทรูหยัน เข้าไปข้างใน

ทรูหยัน นั้นเป็นนักผจญภัยในจักรวาลมานานพอที่จะเห็นสถานที่มากมาย มีการออกแบบนับไม่ถ้วนบน เกาะบัวฮิเนียล และพวกมันก็แค่สวยพอๆ กับที่ หลัวเฟิง สร้างแต่ ทรูหยัน นั้นไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

ทรูหยัน พูดขึ้นด้วยความแปลกใจในตอนที่เดินไปบนสะพานหิน “วิเศษ ข้ารู้สึกว่ามันใหญ่กว่าที่เป็นจริงหลายเท่า มีฉากที่แตกต่างกันในบ่อน้ำอันเดิมเมื่อมองจากมุมต่างกัน”

หลัวเฟิง ยิ้ม “แค่เพียงก้าวเดียวก็เปลี่ยนฉากได้และนี่คือความลึกลับของมัน ฉากทั้งหมดนั้นล้วนแต่น่าพอใจโดยมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ตามการแนะนำของภาพ”

“เจ้าทำให้ข้าได้หรือไม่?” ทรูหยัน ถามเขา

“เหตุใดจะไม่ได้? ในเมื่อท่านขอข้าแล้ว” หลัวเฟิง ทำอีกสวนที่แบบแตกต่างกันเล็กน้อย สวนที่เขาทำให้กับตัวเองนั้นคล้ายกับส่วนที่อยู่ในยุคการพิชิตหมิงของชิง ส่วนที่เขาทำให้กับอาจารย์นั้นคือยุคสงครามถัง ซึ่งดูน่าเคารพกว่า

******

หลัวเฟิง และ ทรูหยัน กลับไปที่ลานด้านหน้าของวังของเจ้าของเกาะ

“ไปกันเถอะ”

หลัวเฟิง และ ทรูหยัน เข้าไปที่น้ำพุที่อยู่ด้านซ้าย

ในตอนที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาก็ได้หายไปทันที ฉากได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและก่อนที่ หลัวเฟิง จะเห็นรอบๆ ได้ชัดเจน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัว

ปึง!

พลังนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าในนรกน้ำแข็งและเขารู้สึกว่ามีดาวหลายสิบดวงอยู่บนตัวของเขา รวมกับวิญญาณอื่นๆ ด้วย

“นี่มันอะไรกัน?” หลัวเฟิง ถามออกมา

ในที่สุดเขาก็เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนและมันคือโพรงที่ถูกล้อมรอบด้วยหมอกสีดำรอบตัวเขา มีอุกกาบาตลอยรอบตัวเขาในโพรงและมีผู้แข็งแกร่งเกราะสีม่วงที่ทรงพลังซึ่งหัวเป็นหมาป่านั่งอยู่ข้างบน มันคือส่วนย่อยของสาขาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีจำนวนมากที่สุดนั่นคือมนุษย์หมาป่า

มนุษย์หมาป่าแปลกใจเมื่อเห็น หลัวเฟิง และ ทรูหยัน เขาหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “เจ้าต้องเป็น ดาบสายน้ำ และ ทรูหยัน ข้ารู้ว่าเจ้าสองคนจะมา”

“สวัสดี อัศวิน จิลฟาง” ทรูหยัน ทำความเคารพอีกฝ่าย

“สวัสดี อัศวิน จิลฟาง” หลัวเฟิง โค้งให้กับอีกฝ่ายด้วยแต่เขานั้นสับสน

ตอนนั้น ทรูหยัน ก็เริ่มคุยกับเขาในใจ ศิษย์ข้า จิลฟาง คือหนึ่งในเจ็ดขุนพลที่แข็งแกร่ง ของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเขาเทียบเท่าได้กับเจ้าแห่งจักรวาลของพระราชวัง ข่าวลือบอกว่าเขาได้รับการสืบทอดนายพลที่สมบูรณ์มา

หลัวเฟิง อึ้ง

การสืบทอดที่สมบูรณ์?

เทียบเท่าได้กับ เจ้าแห่งจักรวาลของพระราชวัง?

“นี่คือดินแดนแห่งการสืบทอดของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล” จิลฟาง พูดขึ้นและมองไปที่ทั้งสองพร้อมรอยยิ้ม “ปกติแล้วมันจะมีแรงกดดันที่ทรงพลังซึ่งกดทับผนึกจิตวิญญาณในร่างเทพ สิ่งมีชีวิตที่พลังน้อยกว่าจักรพรรดิ จะตายภายใต้แรงนั้นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมีแค่ระดับอมตะ ที่สามารถรับเหรียญส่วนมากได้ ยังไงซะผู้ที่มีพรสวรรค์ที่รับเหรียญมาได้นั้นก็ต้องแข็งแกร่งอย่างน้อยเทียบเท่ากับจักรพรรดิ เจ้าเห็นหมอกดำรอบตัวเราหรือไม่?”

จิลฟาง ชี้ไปรอบๆ

ทั้ง หลัวเฟิง และ ทรูหยัน ต่างก็พยักหน้า มันเป็นเขตที่แปลก พลังเทพรึ

พลังโลกก็ไม่อาจตรวจจับสิ่งใดได้และมันถูกล้อมรอบด้วยหมอกดำ

“ไปในหมอกดำ และรับการสืบทอด” อัศวินพูดขึ้น “เจ้าสองคนแยกกัน”

“ได้” หลัวเฟิง และ ทรูหยัน ตอบกลับด้วยความเคารพ

ทั้งสองได้บินออกไปคนละทาง

ในวินาทีที่ หลัวเฟิง บินเข้าไปในหมอกดำ เขารู้สึกได้ถึงแรงที่กดทับร่างกายและแม้ว่า หลัวเฟิง จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับอัศวินอวกาศ แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานมันได้ เขายืนในโพรงนั้นอยู่นานและเอื้อมมือขวาออกไป

ชี๊!

พลังโลกได้ระเบิดออกมาและเปลี่ยนเป็นพลังจารึกกฎ พลังจารึกได้ทำการระเบิดออกมาโดยเริ่มจากอวกาศและทอง

หลัวเฟิง อึ้ง เขาไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายตัวเองได้ ตั้งแต่พื้นฐาน เขาได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับกฎ จารึกได้ระเบิดออกมาเพิ่มอีกเรื่อยๆ และเส้นพลังนั้นก็เริ่มหมุนวนเข้าหาร่างกาย มันเต็มไปด้วยพลังกฎอันสวยงาม

หลัวเฟิง หยุดในเวลาต่อมาสักพัก แรงลึกลับได้ออกจากตัว หลัวเฟิง ไป

“หือ?” ในที่สุด หลัวเฟิง ก็ได้สติ “อะไรกัน?”

หลัวเฟิง กลัวอย่างมากจนตัวเขาเปียกชุ่มไปทั่ว เขาจำได้โดยสัญชาตญาณ ถึงวิธีที่เขาใช้จัดการโดยพลังของการกฎของการรวมตัว

“มัน…มันวิเศษ” เขาตะกุกตะกัก จิตใจของข้านั้นแข็งแกร่งและมีหอคอยไข่มุกในจิตวิญญาณของข้าที่คอยปกป้องมัน แม้แต่เจ้าแห่งจักรวาล ก็ยากที่จะควบคุมจิตใจข้าได้แต่พลังลึกลับนี่มัน…”

ในที่สุด หลัวเฟิง ก็ตระหนักได้ว่าโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

“ถูกต้อง มันคือดินแดนแห่งการสืบทอด แม้แต่ อัศวินอวกาศ ที่แข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าแห่งจักรวาลของพระราชวัง จะมาที่นี่หากพวกเขาไม่ได้รับการสืบทอดที่สมบูรณ์ แรงนี้นั้นจะจัดการทุกคนเหมือนกับที่มันทำกับข้า แรงอันลึกลับนั้นไม่ได้รุกรานแต่มันไม่ได้ให้โอกาสข้าต้านทาน มันมาจากไหนกัน?”

ในตอนที่ หลัวเฟิง กำลังสงสัยอยู่นั้น แรงนั้นก็ได้กลับมาอีกครั้ง

“ระดับสาม” หลัวเฟิง ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา

มันไม่ได้พูดอย่างอื่นอีกแต่มันทำให้ หลัวเฟิง ตระหนักได้ว่าแรงระดับสาม หมายถึงอะไร เสียงนั้นดังก้องในหัวของ หลัวเฟิง และ หลัวเฟิง ตกอยู่ในการเห็นภาพหลอน เขาถูกขังอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอันน่ากลัว

ด้านในดินแดนนั้น หลัวเฟิง ได้แสดงเส้นทางสัตว์เทพอสูรอันลึกลับและซับซ้อนอีกทั้งยังกฎการรวมอวกาศและทองที่แสดงออกมาด้วยรายละเอียดที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเหมือนว่ามีบางคนได้เทความรู้ทั้งหมดเข้ามาในสมองของ หลัวเฟิง มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการอ่าน

จารึกทั้ง 52 หรือการมองไปที่รูปปั้นของสัตว์เทพอสูร

หลังจากนั้นอีกนานแรงก็ได้ออกไป หมอกสีดำ เริ่มดีดตัว หลัวเฟิง ออกจากดินแดนแห่งความฝัน

“มันเหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้” หลัวเฟิง กะพริบตาและดูคึกขึ้นมา “ข้าหวังว่าจะได้แบบนี้อีก ข้าฝึกฝนตัวเองในนรกน้ำแข็งมานานกว่า 2,000 ปี และข้าแทบไม่เข้าใจเศษเสี้ยวของขั้นที่ 3 ของอาวุธนันเชียนทั้ง 7 ขั้น ข้าเข้าใจมันได้อย่างมากหลังจากใช้เวลาสั้นๆ ที่นี่ ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถเข้าใจขั้นที่ 3 ได้อย่างสมบูรณ์หากข้าสามารถที่จะเข้าถึงสภาวะนั้นได้อีกครั้ง ข้าต้องได้รับการทบทวนทั้ง 3 ขั้น แต่ข้าเข้าใจมันได้แค่ครึ่งเดียว”

หลัวเฟิง กังวลขึ้นมา เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน มันเหมือนกับฝันแต่เขาจำได้แค่เศษเสี้ยวของมัน หลังจากกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาไม่เคยผ่านพ้นประสบการณ์แบบนี้แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นและที่เขาจำได้คือเศษเสี้ยวความลับของขั้นที่ 3

“อย่ายืนเฉย” อัศวินบนอุกกาบาตพูดขึ้นมา

หลัวเฟิง และ ทรูหยัน มองหน้ากันด้วยความแปลกใจ

“ดินแดนแห่งการสืบทอดนั้นเกิดมากับจักรวาลและมันเต็มไปด้วยความพิศวง” อัศวินพูดขึ้น “มันคือที่สำคัญที่สุดของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ทุกครั้งมันจะทดสอบว่าเจ้าเข้าใจถึงกฎเพียงใด มี 7 ระดับของการสืบทอดสัตว์เทพอสูรและถ้าเจ้าเข้าใจสองระดับแรกได้ เจ้าก็จะได้สิทธิ์ไปยังระดับต่อไปอีก”

จิลฟาง มองไปที่ หลัวเฟิง และ ทรูหยัน “พวกเจ้าสองคนเป็นเช่นใด? พวกเจ้าไปถึงระดับไหนกัน?”

“ระดับ 3” หลัวเฟิง พูดขึ้น

“ข้าเรียนรู้ได้อย่างมาก ระดับ 4” ทรูหยัน พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ข้ารู้สึกว่า…ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังจะยกระดับไปได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!