ตอนที่ 1019 อาวุธ
ในวังของหลัวเฟิงบนเกาะโบฮีเนียล
หลัวเฟิงรู้ว่าทางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลจะมามอบของมีค่าในที่สาธารณะ เขาจึงมารอที่เกาะโบฮีเนียลอย่างอดทน
“สัตว์เทพสายฟ้าจะมาที่นี่และมอบของมีค่าด้วยตัวเอง” ทรูหยันยืนขึ้นและเปิดตากว้าง
“เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“คิดว่านี้จะเป็นเรื่องล้อเล่นไหมละอาจารย์ มันอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้” หลัวเฟิงกล่าว
ทรูหยันลูบเส้นผมและเดินไปรอบๆ ห้องโถง เขาขมวดคิ้วและพึมพำ “ถ้าหนึ่งในแปดสัตว์เทพมาที่นี่ด้วยตัวเอง อย่างน้อยต้องเป็นสมบัติที่แท้จริง ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในจักรวาล มันจะต้องไม่ใช่สมบัติทั่วๆ ไป”
“จักรพรรดิซูเชียว ได้รับสมบัติที่แท้จริงสองชิ้น อย่างน้อยข้าควรได้ซักชิ้นหนึ่ง” หลัวเฟิงกล่าว
ทรูหยันส่ายหัว “เจ้าไม่เหมือนกับจักรพรรดิซูเชียว”
“ไม่เหมือนยังไง” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงคิดว่าพลังที่เขาได้แสดงให้เห็นอยู่ในระดับจักรพรรดิซูเชียว แล้วทั้งสองเป็นสมาชิกพิเศษของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล แล้วความแตกต่างมันคืออะไร
“จักรพรรดิซูเชียวเป็นรูปแบบชีวิตพิเศษ เขาไม่ได้อยู่ใต้ผู้มีอำนาจคนอื่นๆ นอกจากโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล แต่เขาเป็นสมาชิกของพันธมิตรหงก่อนที่จะเป็นสมาชิกพิเศษของทางโรงเรียน จักรพรรดิกระจกเงาที่ได้รับการยอมรับจากพันธมิตรแดนเหนือ ยังไม่เคยได้รับสมบัติจากทางโรงเรียน”
“โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลเป็นมหาอำนาจที่ไม่ได้ต่อสู้กับฝ่ายไหน เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังจากที่อื่นมากกว่าสมาชิกของตัวเอง”
“จักรพรรดิกระจกเงาภักดีต่อพันธมิตรแดนเหนือมากที่สุด เจ้าภักดีต่อพันธมิตรหงของมนุษย์ จักรพรรดิซูเชียวไม่ได้เข้าร่วมกับอำนาจอื่น ดังนั้นเขาจึงภักดีต่อทางโรงเรียนมากที่สุด”
“ข้าได้รวบรวมข้อมูลจำนวนมากของผู้สืบทอดพิเศษไว้ แล้วก็ได้พบว่าผู้ที่ภักดีกับทางโรงเรียนจะได้สิ่งที่ดีที่สุด ผู้ที่ร่วมกับอำนาจอื่นจะไม่ได้รับปฎิบัติที่เทียบกับผู้ที่ภักดีต่อทางโรงเรียนโดยสมบูรณ์”
หลัวเฟิงพยักหน้า
“ถ้าต้องเลือกระหว่างทางโรงเรียนกับมนุษย์ มันชัดเจนมากที่เจ้าจะอยู่ฝั่งมนุษย์ นั่นถือเป็นสาเหตุที่ทางโรงเรียนไม่ให้ค่ากับเจ้ามาก แม้ว่าพวกเขาต้องการให้เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา แต่ก็ยังถือเป็นการดูถูก ถ้าสัตว์เทพสายฟ้ามามอบสมบัติให้กับเจ้า มันจะต้องเป็นสมบัติที่แท้จริงเท่านั้น” ทรูหยันกล่าว
หลัวเฟิงพยักหน้า เขาต้องยืนอยู่ฝั่งมนุษย์แน่นอน สำหรับทางโรงเรียนเขาคงยังไม่ซื่อสัตย์ด้วย แม้เขาจะมอบสิ่งมีค่าให้ เขายังคงยืนอยู่ข้างมนุษย์
“ของมีค่านั้นคืออะไร…ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเจ้ามาก แม้พวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะอยู่ข้างมนุษย์”
“ข้าเข้าใจ” หลัวเฟิงพยักหน้า
“อย่าได้คาดหวังกับมันมากเกินไป แม้ว่าข้าจะคิดว่าเป็นสมบัติที่แท้จริง แต่ทางโรงเรียนไม่มีทางใจกว้างแน่นอน”
“ข้าจะรอดูมัน” หลัวเฟิงกล่าว
———-
วันเวลาผ่านไป หลัวเฟิงยังคงรออยู่ที่เกาะโบฮีเนียล ช่วงที่เขารอก็ทำความคุ้นเคยกับของที่ได้มาจากจักรพรรดิกระจกเงา
“ฮ่า ฮ่า พันธมิตรแดนเหนือจ่ายไปมากเพื่อจะผูกมัดจักรพรรดิกระจกเงา”
ร่างมนุษย์โลกหลัวเฟิงได้สวมเกราะสีทองดูฉูดฉาด เกราะมีการแกะสลักลวดลายสัตว์แปลกๆ ทั่วทั้งเกราะ มันไม่ได้เป็นสัตว์เทพตัวใดเลย แต่ก็ยังเป็นสมบัติที่แท้จริง
เมื่อหลัวเฟิงทำการใส่ข้อมูลเกี่ยวกับเกราะลงไปเขาก็รู้โดยทันที เกราะสมบัติที่แท้จริงนี้มีชื่อว่า เกราะราชาทอง มันมีสามรูปแบบ รูปแบบที่หนึ่งทำให้ลดพลังการโจมตีวัตถุร้อยละ 1 จากปกติ รูปแบบที่สอง ทำให้การโจมตีวัตถุลดลง 1 ในพัน จากปกติ รูปแบบที่สามทำให้การโจมตีวัตถุลดลง 1 ในหมื่นของปกติ
ถ้าเกราะไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลง และพลังโจมตีที่แข็งแกร่งเกินไป มันก็ไม่สามารถทำให้พลังอ่อนลงได้
เมื่อผู้ใช้ต่อสู้กับอัศวิน รูปแบบที่สามสามารถลดพลังโจมตีของอัศวินได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น สมบัติที่แท้จริงทั่วไปไร้ประโยชน์กับเจ้าแห่งจักรวาล
“เจ้าแห่งจักรวาลคงไม่สนสมบัติที่แท้จริงพวกนี้ แต่ก็ยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับอัศวิน ข้ายังไม่มีอำนาจที่ต่อกรกับเจ้าแห่งจักรวาล เกราะนี้ถือว่ามีค่ามาก” หลัวเฟิงกล่าว
ตอนนี้หลัวเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมอัศวินเป่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดร่างมหาสมุทรเท่านั้น เป็นเพราะเขาพึ่งพาเกราะสมบัติแท้จริง
หลัวเฟิงสงสัยว่าเกราะของเขาหรือเกราะอัศวินเป่ยเฟิง จะดีกว่ากัน
“ข้าจะให้ร่างมนุษย์ใส่เกราะสีทอง แล้วให้อสูรเขาทองใส่เกราะพลังในอนาคต” หลัวเฟิงคิด
ตามแผนของหลัวเฟิง ร่างมนุษย์โลกจะเดินตามเส้นทางจิตวิญญาณ เพียงแค่เกราะทองนี้ก็เพียงพอ อสูรเขาทองใช้การต่อสู้ประชิด เกราะพลังจึงดีกับอสูรเขาทองที่สุด
หลัวเฟิงได้รับสมบัติจากจักรพรรดิกระจกเงาสองอย่าง อันแรกเป็นเกราะราชาทอง ส่วนอีกอันเรียกว่ากรงเล็บกลืนกิน กรงเล็บมีสี่เล็บบนถุงมือที่สวมใส่บนเล็บของจักรพรรดิกระจกเงา ถุงมือจะช่วยเพิ่มพลังให้กับอสูรเขาทอง
สมบัติอื่นที่จักรพรรดิกระจกเงามีนั้นไร้ประโยชน์กับหลัวเฟิง มีเพียงวัตถุมีค่าที่ใช้ฟื้นฟูร่างอมตะหลัวเฟิงที่มีความหมาย
หลัวเฟิงยังคงรอสัตว์เทพสายฟ้าขณะที่ทำความคุ้นเคยกับเกราะและกรงเล็บ
สิบเอ็ดวันได้ผ่านไปหลังจากได้รับจดหมายจากทางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล พลังงานที่พิเศษได้ปรากฎตัวเหนือเกราะโบฮีเนียล พลังงานอันแข็งแกร่งเหนือพลังของสัตว์เทพคุ้มกันเกราะโบฮีเนียล เหล่าผู้สืบทอดทำการบินออกมาจาวังเพื่อเฝ้ามอง
“สัตว์เทพสายฟ้าปรากฎตัวแล้ว?” ทรูหยันกล่าวแล้วบินออกจากวังของตัวเอง
ในวังของหลัวเฟิงมีร่างเผ่าโมชานนั่งไขว้ขาอยู่ ร่างมนุษย์โลกยังคงทำความคุ้นเคยกับเกราะ เมื่อร่างเผ่าโมชานสัมผัสกับพลังงานมหาศาลก็รู้สึกตื่นเต้น ร่างมนุษย์โลกก็ทำการออกมาจากแหวนโลก
“ในที่สุดเขาก็มา” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะบินออกจากวังไปบนฟ้า
———-
ในท้องฟ้าเหนือเกาะโบฮีเนียลมีผู้สืบทอดนับร้อยล้านยืนอยู่ หลัวเฟิง ทรูหยันยืนข้างกัน
สายฟ้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและทะเลสาบออโรร่า 5 สี
เงาขนาดมหึมาอยู่ในสายฟ้า ร่างนี้เป็นที่มาของพลัง เสียงที่ดัง กับพลังอันเหลือล้น ทำให้ผู้สืบทอดทั้งหมดหล่นลงจาก
ท้องฟ้า แม้กับอัศวินก็ไม่อาจต่อต้านได้
เงาร่างขนาดใหญ่ได้ทำการเคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้าช้าๆ ใบหน้าที่แท้จริงของเงานั้นก็ปรากฎ เขาปกคลุมด้วยขนสีฟ้า แต่ละเส้นขนดูเหมือนกับแส้สายฟ้า กรงเล็บทั้งสามเหมือนจะทำลายพื้นที่ทั้งหมด ปีกที่เปิดอยู่ได้สร้างสายฟ้าปั่นป่วนอยู่เหนือเขา ดวงตาของเขานั้นโดดเด่นที่สุด ตาของเขาเหมือนกับมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสายฟ้า ไม่มีใครกล้าที่จะสบตากับเขา
“ท่านผู้สูงส่ง” หลัวเฟิงกล่าว หลังจากเห็นเพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกว่ากำลังอยู่ในท้องฟ้าของกฎต้นกำเนิดจักรวาล
“สัตว์เทพเป็นการรวมกันของกฎ แต่ผู้คุ้มกันสัตว์เทพก็ยังไม่ทรงพลังเช่นนี้ การเป็นสัตว์เทพเป็นการเปลี่ยนรากฐานหรือไม่” หลัวเฟิงคิด
ไม่มีผู้สืบทอดคนไหนต้านทานพลังนี้ได้ มันเหมือนกับการมาถึงของกฎต้นกำเนิด
“ข้าคือสัตว์เทพสายฟ้า” เสียงราวกับฟ้าร้องดึงขึ้นทั่งทั้งเกาะโบฮีเนียล
“ผู้เป็นหนึ่งในแปดสัตว์เทพ ผู้สืบทอดจักรพรรดิดาบสายน้ำ…”
พลังที่มองไม่เห็นได้ล้อมรอบตัวหลัวเฟิง แล้วนำเขาขึ้นไปด้านบน
ผู้สืบทอดที่อยู่บนพื้นได้มองไปที่จักรพรรดิดาบสายน้ำ ด้วยความตกใจ และเข้าใจถึงการมาของสัตว์เทพสายฟ้าต่อมนุษย์ที่ชื่อว่าจักรพรรดิดาบสายน้ำ