ตอนที่ 1032 พบกันครั้งแรก
“ทำบ้าอะไร” นักสู้อมตะเผ่าเทพเพลิงตะโกนด้วยความโกรธ หอกโผล่ออกมาบนมือของนักสู้อมตะ เขาชี้ปลายหอกไปที่หลัวเฟิง “จักรพรรดิเพลิงไม่ใช่คนที่มนุษย์อย่างเจ้าจะเรียกได้”
จักรพรรดิเพลิงคือกฎของเผ่าเทพเพลิง แม้ว่าหลัวเฟิงจะแสดงพลังที่น่าเกรงขาม นักสู้อมตะก็ไม่กลัว
“แม้จะอยู่ในพลังที่รุนแรงที่ล้อมรอบตัวเขาก็ยังคงมีจิตวิญญาณต่อสู้” หลัวเฟิงคิด
หลัวเฟิงกระจายพลังงานอมตะของตัวเอง นักสู้อมตะได้ถูกกดดันจากพลังของหลัวเฟิง เขามีดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะพ่นไฟออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลัวเฟิงหันไปที่วังหลักแล้วตะโกนอีก “จักรพรรดิเพลิง แม้นักสู้อมตะที่ต่ำต้อยยังกล้าที่จะตะโกนใส่ ทำไมท่านถึงซ่อนตัวในสถานที่ตัวเองควบคุมกฎอวกาศและเวลา อย่ามาแกล้งเป็นไม่ได้ยินที่ข้าพูด”
หลัวเฟิงพูดจบแล้วรออย่างเงียบๆ
———-
ทุกคนรู้ว่านี่คือบ้านจักรพรรดิผู้ควบคุมสูงสุดในเผ่าเทพเพลิง ถ้าพวกเขาทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของหลัวเฟิง นั่นทำให้เขาเป็นคนโง่สำหรับหลัวเฟิง
ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
คลื่นพลังที่แข็งแกร่งได้กระจายออกมาจากวังหลักไปไกล แล้วตามด้วยการผนึกกฎอวกาศอย่างสมบูรณ์ มีเส้นแสงหนึ่งปรากฎตัวตรงหน้าหลัวเฟิง
“เจ้าคือหลัวเฟิง จักรพรรดิดาบสายน้ำ ใช่ไหม” ชายร่างผอมถาม เขาสวมใส่ชุดเกราะสีดำ มีความสูงราว 10 เมตร ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเกล็ดคล้ายงู เขาเป็นอัศวินของเผ่าเทพเพลิง
“ใช่” หลัวเฟิงพยักหน้ารับ
“ข้าคืออัศวินดิวเทอเรียม จักรพรรดิเพลิงได้สั่งให้ข้ารอจักรพรรดิดาบสายน้ำ ที่นี่ เมื่อข้ารู้ว่าเจ้ามาถึงก็ทำการปิดผนึกกฎอวกาศปกป้องเผ่าของเรา”
หลัวเฟิงหัวเราะ เขารู้ว่าการผนึกกฎอวกาศนี้ถูกเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับเขา
นักสู้อมตะที่โดดพลังงานอมตะของหลัวเฟิงกดดันไม่ได้ยินการพูดคุยระหว่างทั้งสอง
“จักรพรรดิดาบสายน้ำ ช่างใจดีจริงๆ ที่จะปล่อยชายคนนั้น?” อัศวินกล่าว
หลัวเฟิงดึงพลังของเขากลับมา
อัศวินดิวเทอเรียมหันมาพูดกับนักสู้อมตะ “ทำไมยังไม่ออกไปอีก”
“ครับ ท่านอัศวิน” นักสู้อมตะทำความเคารพแล้วก็หายตัวไป
อัศวินหันกลับมามองหลัวเฟิงด้วยรอยยิ้มเล็กๆ “จักรพรรดิดาบสายน้ำ โปรดตามข้ามา”
หลัวเฟิงพยักหน้าตอบ เขาไม่กลัวกลอุบายของจักรพรรดิเพลิง เขาเดินทางมาที่นี่ได้พบกับอุปสรรคต่างๆ เขาไม่ได้มีความรู้สึกที่จะต้องยอมแพ้ ตอนนี้เขามาถึงดินแดนของเผ่าเทพเพลิงแล้ว หากเขาทำแบบนั้นจะถือเป็นการดูถูกอาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่
ทั้งสองได้เทเลพอตไปยังพื้นที่วังโดยตรง วังถูกล้อมรอบไปด้วยไฟอันไร้สิ้นสุด ตามเส้นทางมีนักสู้อมตะที่เป็นข้ารับใช่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของทางเดิน
หลัวเฟิงและอัศวินได้เดินคู่ไปด้วยกัน
“จักรพรรดิเพลิงอยู่ที่ไหน” หลัวเฟิงถาม
“ที่นี่คือวังหลัก ทั้งสองด้านมีที่พักของจักรพรรดิเพลิงส่วนอีกด้านเป็นของแขก จักรพรรดิดาบสายน้ำ โปรดไปยังห้องโถงที่สองสำหรับแขก รอจักรพรรดิเพลิงกลับมา”
หลัวเฟิงเปลี่ยนสีหน้าแล้วคิด “ต้องการซื้อเวลาอย่างงั้นเหรอ”
หลัวเฟิงจ้องไปที่อัศวิน “หรือว่านี่คือสิ่งที่จักรพรรดิเพลิงสั่งเจ้า เจ้าได้ส่งข่าวเกี่ยวกับการมาของข้าไปหรือไม่”
“ไม่จำเป็นต้องบอกวิธีที่เจ้าสามารถส่งขอมูลให้กับเขา จักรพรรดิเพลิงเป็นเจ้าแห่งจักรวาลเพียงคนเดียวของเผ่าเทพเพลิง เขาจะต้องรู้ข่าวที่ถูกกระจายผ่านดินแดนนี้ตลอดเวลา”
“ไม่ต้องกังวลจักรพรรดิดาบสายน้ำ ข้าเพิ่งจะส่งข้อมูลไปให้กับจักรพรรดิเพลิง ตอนนี้เขากำลังอยู่บนดวงดาวต้นกำเนิด ตอนที่เขาจะกลับมา เขาจะทำการเคลื่อนย้ายผ่านจักรวรรดิเทพมายังที่นี่ได้ตลอดเวลา”
“ผู้นำของเจ้าไม่อยู่ ข้าก็จะทำตามคำแนะนำของเจ้าที่จะพักในวัง ข้าจะรอจนกว่าจักรพรรดิเพลิงจะกลับมา”
“โปรดตามข้ามา” อัศวินกล่าว
อัศวินได้นำทางหลัวเฟิงอยู่ด้านหน้า ทั้งสองได้เดินไปยังห้องโถงที่สอง
อัศวินได้สั่งคนให้เตรียมอาหารเข้ามาและหายไป
———–
“เขายิ่งยโสอะไรขนาดนี้” อัศวินหงุดหงิดเมื่อออกไป เขามองไปยังวัง พร้อมกับการบ่น
“ก็แค่สิ่งมีชีวิตรูปแบบอมตะที่มีพลังเท่ากับอัศวินชั้นกลางเท่านั้น ยังเก่งแต่หลบหนี มันเป็นใครที่ไม่กล่าวอย่างเคารพกับจักรพรรดิเพลิงของเรา”
“ถ้าไม่มีคำสั่งของจักรพรรดิว่าไม่ให้สร้างปัญหา ข้าจะไม่ยอมให้มันแสดงความไม่สุภาพแบบนี้แน่”
ด้วยเหตุผลนี้อัศวินได้ออกไปโดยที่ไม่สนใจกับหลัวเฟิงอีก
———-
ห้องโถงรับแขกได้มีการเสริมอาหารต่างๆ ทั่วจักรวาล ยังมีไวน์อย่างดีที่ถูกเลือกมา อาหารเหล่านี้มีค่าใช่จ่ายทั้งชีวิตอมตะระดับจักรพรรดิ
หลัวเฟิงส่ายหัวหลังจากคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา
เกราะพลังเป็นของหลัวเฟิงตั้งแต่แรก จักรพรรดิเพลิงได้ใช้มันมาเป็นเวลานานแล้ว เจ้าของของมันกำลังจะนำมันกลับคืนแล้ว เขาสั่งลูกน้องของเขาเพื่อจะได้ถือครองเกราะพลังเอาไว้
“เรามาดูกันว่าข้าจะต้องรอนานแค่ไหน ข่าวที่ถูกกระจายออกไปทั่วจักรวาลทำให้อาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่ต้องรู้เกี่ยวกับมัน ในเมื่ออาจารย์ได้จับตาดูเจ้าศิษย์พี่รอง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหนในเกมนี้”
วันเวลาผ่านไปหลายวันจนเป็นหลายเดือน ข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของจักรพรรดิเพลิงยังไม่มีมา
“เขาต้องการทำให้ทุกอย่างล่าช้า”
หลัวเฟิงทำการเชื่อมต่อจักรวาลเสมือนเพื่อรออยู่เงียบๆ พลังของเขาด้อยกว่า สิ่งที่เขาทำได้ก็เพียงแค่รออย่างเดียว
———-
จักรพรรดิเพลิงนั่งไขว้ขาอยู่ในป่าโบราณบนดวงดาวต้นกำเนิด เขาตั้งใจรับรู้ถึงคลื่นการเกิดของสมบัติ
“การที่น้องสามหยิ่งเป็นเพราะเขาคืออัจฉริยะของมนุษย์ แต่ข้ายังแข็งแกร่งกว่ามากในตอนนั้น ข้าจะทำให้เข้าใจว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าต้องเคารพผู้อาวุโส”
———-
หลัวเฟิงยังคงรออยู่ที่เดิมจนเกินหนึ่งปี อย่างสงบ
ในวันหนึ่งที่หลัวเฟิงกำลังนั่งใช้ความคิดก็เกิดเสียงดังขึ้น
กฎอวกาศและเวลาที่อยู่รอบๆ มีการเปลี่ยนแปลง หลัวเฟิงสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่อยู่รอบๆ เขาได้พบว่าตัวเองได้อยู่ในห้องโถงกว้างขวาง บนบัลลังก์มีร่างที่มีเกล็ดปกคลุมนั่งอยู่ เขาของเขามีขนาดใหญ่ ร่างของเขาเหมือนกับรูปภาพที่หาได้ในเผ่าเทพเพลิง ตาของเขามองลงมาที่หลัวเฟิง เหมือนกับถูกโยนเข้าสู่เตาเผา
หลัวเฟิงมองไปที่จักรพรรดิเพลิงและยิ้ม “ศิษย์พี่รอง ในที่สุดเจ้าก็มา น้องชายของเจ้าได้รอมาเป็นเวลานาน”
ร่างสูงใหญ่ได้ก้าวเดิน ทุกครั้งที่ก้าว ร่างอมตะสูงใหญ่ของเขาก็หดตัวลงจนมีความสูงเท่ากับหลัวเฟิง จากมุมมองที่เห็นจักรพรรดิเพลิงความเย่อหยิ่งของเขาอยู่ในกระดูกและวิญญาณของเขา มันเล็ดรอดออกมาจากเขาจนเห็นได้ปกติ
สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นคือความเย่อหยิ่งและความทะเยอทะยาน สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิเพลิงได้รับความเชื่อมั่นว่าเขาได้อยู่เหนือกว่าผู้อื่น
จักรพรรดิเพลิงส่งสายตาเป็นมิตรให้กับหลัวเฟิง “น้องสาม ตอนนี้ข้าอยู่บนดวงดาวต้นกำเนิด กำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่อื่นเพื่อของล้ำค่า มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ คงจะล่าช้าไปสักพัก”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่ใส่ใจเกี่ยวกับมัน”
“แน่นอนว่าข้าไม่มีปัญหา” หลัวเฟิงตอบ
จักรพรรดิเพลิงพยักหน้า “ข้าได้คุยกับพูติ และอาจารย์ ยังได้รับคำสั่งบางอย่างด้วย ข้าได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเจ้า อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาของเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“แต่ก็ต้องรู้ว่าที่เจ้ามีอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะอาจารย์ของเจ้า อย่าเย่อหยิ่ง และจงเป็นอัศวินให้เร็วที่สุด ข้ากับศิษย์พี่ใหญ่กำลังรอเวลาที่เจ้าจะเป็นเจ้าแห่งจักรวาล”
หลัวเฟิงย่นคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบการแสดงของจักรพรรดิเพลิง แต่เขาก็ยังทำการตอบกลับ “แน่นอนว่าข้าจะตั้งใจทำมันให้ดี”
“โชคดีที่เจ้าสามารถเสี่ยงชีวิตจนได้รับหอคอยดวงดาวจนได้เป็นศิษย์คนที่สามของอาจารย์ อย่าทำให้อาจารย์ของเราผิดหวัง”
“พี่รอง เจ้าน่าจะรู้จุดประสงของข้าในการมาที่นี่” หลัวเฟิงตอบ
“ฮ่า ฮ่า ข้ารู้ เกราะพลังใช่ไหม”
จักรพรรดิเพลิงได้ยิ้มให้กับหลัวเฟิงที่เป็นศิษย์คนที่สามที่เขาไม่ชอบ มันเป็นสัญญาณที่จะทำให้อาจารย์ได้ฝึกฝนเหมือนกับเขาตอนหนุ่ม จนเขาได้กลายเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจักรวาล
แล้วในตอนนี้หลัวเฟิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาในตอนนั้นซักเท่าไร
จักรพรรดิเพลิงรู้ว่าในอนาคตศิษย์น้องของเขาจะมาพร้อมกับสมบัติที่แท้จริงสูงสุด ทำให้เขาคิดว่าหลัวเฟิงคือภัยคุกคามที่มากสำหรับเขา การที่เป็นศิษย์ของอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือเขา ทำให้จักรพรรดิเพลิงไม่สามารถที่จะหยุดเรื่องนี้ได้
จักรพรรดิเพลิงกังวลเกี่ยวกับพี่ใหญ่ของเขาน้อยที่สุด พลังของเขาห่างไกลจากเขา ส่วนน้องสามเขาเก็บไว้ที่นิ้วเท้า
“ข้ามาที่นี่เพื่อเกราะพลัง อาจารย์ได้สั่งกับข้าไว้ว่าให้มาเอาไปจากเจ้า ถ้าข้ามีพลังขับเคลื่อนมันได้”
“เกราะพลังเป็นหนึ่งในสมบัติที่แท้จริงสูงสุดของจักรวาล” จักรพรรดิเพลิงจ้องตาหลัวเฟิง
“พลังของมันไร้ขีดจำกัด แล้วเจ้าก็เพียงอมตะ เจ้ายังอ่อนแอเกินกว่าจะปล่อยพลังของมัน เจ้าจะเสียมันไปถ้าตกอยู่ในการครอบครองของเจ้า”
“เพื่อประโยชน์ของเจ้าและเกราะพลัง เจ้าควรจะฝึกฝนพลังของเจ้าไปก่อน มันไม่ได้สายเกินไปที่เจ้าจะได้รับเกราะพลังเมื่อเจ้าเป็นอัศวิน”
“ข้ายินดีที่จะดูแลแทนเจ้า แล้วเมื่อเจ้าได้เป็นอัศวิน ข้าจะส่งมันให้กับมือของเจ้าทันที”