ตอนที่ 1137 : คางคกทอง
รูปแบบที่หนึ่งของ ปีกซื่อหวู๋ คือการผันผวนของพื้นที่และเวลา
รูปแบบที่สองของ ปีกซื่อหวู๋ คืออาณาจักรทอง หากคิดจากพลังของมันนั้น หลัวเฟิง ชอบมันมาก ยังไงซะความต่างระหว่าง เจ้าแห่งจักรวาล กับเขานั้นก็คือความสามารถควบคุมอวกาศและเวลา ยกตัวอย่างเช่นการล่าและการต่อสู้ที่เคยเสียเปรียบสำหรับเขา แต่จุดอ่อนตอนนี้ได้ถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว
“รัศมี 80 ปีแสง” หลัวเฟิง พูดขึ้น “แม้แต่สมบัติที่แท้จริงประเภทขอบเขตอย่าง แม่น้ำพันสมบัติ ก็ไม่ได้ทรงพลังแบบนี้ ถ้ารูปแบบที่สองแข็งแกร่งแบบนี้ ข้าคิดไม่ออกเลยว่ารูปแบบที่สามเป็นยังไง…”
หลัวเฟิง เริ่มทำการตรวจสอบ ปีกซื่อหวู๋ ด้วยพลังอมตะของเขาจนครอบคลุมไปทั่วทุกนิ้วของปีก มันมีรูปปั้นที่สลักเอาไว้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาโดยชัดเจนกว่าเดิม 1,000 เท่าจากที่ตาเปล่าเห็น หลัวเฟิง มองดูมันแล้วรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที เขาเข้าใจว่าพลังสูงสุดของ ปีกซื่อหวู๋ หรืออย่างน้อยก็ในรูปแบบที่สามของภาพสลักใน ปีกซื่อหวู๋ นั้นยังไม่สมบูรณ์
“ชัดแล้วว่า ปีกซื่อหวู๋ ยังคงขาดส่วนประกอบอีกอยู่ อย่างน้อยมันก็คือในส่วนของรูปปั้นที่ได้สลักเอาไว้ ที่ซึ่งมีส่วนที่ภาพสลักบางส่วนยังหายไป ไม่ว่าข้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเปิดใช้รูปแบบที่สามของมัน การเปิดใช้รูปแบบที่สามนั้นข้าต้องทำตามข้อกำหนดสองอย่าง อย่างแรกคือความเข้าใจกฎที่ต้องสูงขึ้นมากในการศึกษาภาพสลัก อย่างที่สองคือหาส่วนประกอบที่หายไปของ ปีกซื่อหวู๋ เพื่อทำให้มันเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบ”
หลังจากที่ทำการหลอมรวมกันครั้งหนึ่ง ปีกซื่อหวู๋ ได้ขึ้นไปเป็นสมบัติชั้นยอด หากเกิดการหลอมรวมกันอีกครั้ง…
“ปีกซื่อหวู๋ นั้นโดดเด่นจริงๆ แต่ข้าไม่รู้ว่าข้าจะหาส่วนที่หายไปได้จากที่ไหน” หลัวเฟิง คิด
เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่อง่าย ปีกซื่อหวู๋ เป็นของผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล มานาน แต่แม้แต่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล เองก็ไม่สามารถพบส่วนประกอบชิ้นอื่นได้ และเขาไม่ได้สร้าง ปีกซื่อหวู๋ ขึ้นมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้รายละเอียดมากนัก
หลัวเฟิง ใช้พวกมันมานาน แล้วอีกอย่างสิ่งมีชีวิตมากมายในจักรวาลก็ไปรวมตัวกันที่ดวงดาวดั้งเดิม หลัวเฟิง ได้พบกับอัศวินเทียนหยาง โดยบังเอิญ ซึ่งทำให้เขารู้ถึงส่วนประกอบอย่างอื่นของ ปีกซื่อหวู๋…ปีกแสง
แต่หลายปีมานี้เมื่อ หลัวเฟิง ไปที่ดวงดาวดั้งเดิม เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงการเรียกของบางสิ่ง หากต้องการหาส่วนประกอบต่อไปงั้นความยากมันคงเพิ่มขึ้นจนไม่อาจคาดคิดได้
“แต่ความรู้สึกนี้มันแปลก การกำเนิดของ ปีกซื่อหวู๋ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่ดวงดาวดั้งเดิม หากเกิดขึ้นที่นั่นจริง งั้นดวงดาวดั้งเดิมก็ต้องบ่งบอกระดับของสมบัติได้ สมบัตินี้แบ่งเป็นหลายส่วนและการกำเนิดของมันก็ต้องเกิดขึ้นตามส่วนที่กระจายออกไป สิ่งที่ทุกคนได้มาเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบ แต่ทุกคนต่างก็เข้าใจความล้ำค่าของส่วนประกอบแต่ละชิ้น อัศวินเทียนหยาง และอาจารย์ของข้าได้รับปีกแต่ละอันไป แต่พวกเขาไม่ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของส่วนประกอบสมบัติที่แท้จริงชิ้นนี้ ตอนอาจารย์มอบมันให้กับข้า เขาบอกว่าในจักรวาลแล้ว เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เคยเห็น ปีกซื่อหวู๋ ไม่มีใครที่เคยเห็น ปีกซื่อหวู๋ มาก่อน”
“อืม” หลัวเฟิง พูดกับตัวเอง “ข้าต้องถามอาจารย์อีกครั้ง ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเขาพบ ปีกซื่อหวู๋ ที่ไหน”
หลัวเฟิง ตัดสินใจที่จะหาส่วนประกอบอื่นของ ปีกซื่อหวู๋ หากพลังของรูปแบบที่สองยังแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วรูปแบบที่สามจะทรงพลังขนาดไหนกัน…?
หลัวเฟิง คาดหวังกับคำตอบนี้
“ได้เวลากลับไปแล้ว”
ฉัวะ!
หลัวเฟิง หายไปในห้วงอวกาศซึ่งเงียบสนิทดังเช่นเดิม ปัญหาเดียวคือห่างออกไปนั้นกาแล็คซี่เองก็กำลังหายไปด้วย
อายุของผู้ยิ่งใหญ่นั้นยืนยาวจนพวกเขาคิดว่าเป็นนิรันดร์ เวลาส่วนใหญ่ผ่านพ้นไปอย่างสงบสุข แต่ความสงบสุขนี้…ถูกใช้เพื่อเตรียมตัวในการต่อสู้ในอนาคตซึ่งเหมือนจะบ้าคลั่งมากกว่าเดิม!
การต่อสู้นี้ก็เพื่อเผ่าพันธุ์, อำนาจและตัวเอง!
“ข้าไม่เชื่อว่า วิหารแห่งการแจกแจง จะยังไม่เปิด”
หลัวเฟิง คาดหวังกับการเปิดของ วิหารแห่งการแจกแจง ยังไงซะมันก็เป็นสมบัติที่แท้จริงประเภทขอบเขต…มีแค่หอคอยดวงดาวเท่านั้นที่เหนือกว่ามัน สมบัติชิ้นอื่นๆ นั้นเทียบไม่ได้กับเกราะพลัง และสมบัติทั่วไป ต่างก็อ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด
มีครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้สมบัติที่แท้จริงอย่างนั้นมา เป็นธรรมดาที่มันจะดูท้าทายสำหรับ หลัวเฟิง
ตอนนั้น หลัวเฟิง กำลังบ่มเพาะเส้นทางสัตว์อสูรด้วยซึ่งต้องการให้เขาศึกษาแผนภาพสลัก เขาได้เลื่อนการศึกษาหอคอยดวงดาวออกไปก่อน เพราะร่างสามนี้ดูซับซ้อนจนน่าตกใจ นี่ชัดแล้วว่ามันระดับสูงกว่าที่เขาเคยศึกษามาก่อนหน้านี้มาก มีแค่พวกที่เข้าใจกฎที่ซับซ้อนและแผนภาพสลักเท่านั้นที่จะเข้าใจมันได้
มันก็ 165 ปี มาแล้วตั้งแต่ที่ หลัวเฟิง ได้กลายเป็น ผู้นำทางช้างเผือก
ภายในพื้นที่ลับของดินแดนเทพอสูรบรรพกาล ในพื้นที่บนเกาะโบฮีเนียล นั้นมีตัวตนที่ถูกห้อมล้อมด้วยออร่าจากแม่น้ำห้าสี หลัวเฟิง ยืนอยู่ใจกลางวังและมองไกลออกไป เขาเห็นลานตรงหน้าวังของเจ้าของเกาะ ในเสี้ยวพริบตา
ฉัวะ!
เขาก็ได้มาถึงน้ำพุแห่งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปยังดินแดนแห่งการสืบทอด
ไม่นานเขาก็ได้ก้าวออกมาจากด้านหลังน้ำพุ
ข้ารู้แล้วว่าจะใช้เทคนิคร้ายกาจของ เจ้าแห่งจักรวาล ยังไง และข้าก็มีหัวใจของเทพอสูร เขาคิด
การบ่มเพาะเส้นทางสัตว์เทพอสูรนั้นสามารถเสร็จสิ้นได้ด้วยความเร็วที่น่ากลัว!
อีกอย่างแล้วข้าโชคดี ที่มีดินแดนแห่งการสืบทอดที่ซึ่งข้ารับการสืบทอดได้เสมอ ทำให้ประสิทธิภาพนั้นสูงขึ้นไปอีก
หลัวเฟิง รู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาเข้ามาในดินแดนแห่งการสืบทอดนี้จะต้องใช้พลังงานจำนวนมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมดินแดนแห่งการสืบทอดถึงได้มีการควบคุมจำนวนของคนที่เข้ามาได้
ปกติแล้วมีแค่พวกที่เข้ามาใหม่นั้นจะได้รับการสืบทอดไปครั้งหนึ่งฟรีๆ เวลาอื่นแล้วทุกคนต้องทำการแลกเปลี่ยน โอกาสในการเข้าและสืบทอดจากดินแดนแห่งการสืบทอด คนอื่นๆ ส่วนมากแล้วได้แต่แลกเปลี่ยนมัน แต่มีปีหนึ่งตอนที่ หลัวเฟิง คลั่งกับการต่อสู้มากมายจนทำการต่อสู้ไปทั้งหมด 620,000 ครั้ง….มันทำให้เขาได้คะแนนเกียรติยศมากมายซึ่งสามารถใช้แลกเปลี่ยนโอกาสในการเข้าสืบทอดได้ ปกติแล้วคนเราต้องมีความเข้าใจก่อนจะเข้ารับการสืบทอด ดังนั้นพลังงานที่ใช้ในการสืบทอดจึงมีจำกัดในแต่ละครั้ง
“หลัวเฟิง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหูของ หลัวเฟิง และดังก้องในหัว
“หือ?” หลัวเฟิง ที่ยืนอยู่ข้างน้ำพุได้หันกลับไปมองขึ้นไปยังท้องฟ้า
ฮัวะ!
แสงหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาจากส่วนที่เข้มข้นของแม่น้ำห้าสี และเข้าครอบคลุมทุกอย่างภายใต้มัน มันเคลื่อนไหวเข้ามาล้อมรอบตัว หลัวเฟิง เอาไว้ ที่ปลายแสงนี้มีเสาแสงที่ทำการครอบคลุมตัว หลัวเฟิง อยู่ เมื่อมองที่ปลายอีกด้านดีๆ แล้ว หลัวเฟิง ก็พบว่ามันจมลึกลงไปในแม่น้ำห้าสี จนไปถึงวังเทพอสูร
“วังเทพอสูร?” หลัวเฟิง มองขึ้นไปและพบกับแสงหลากสีที่แยกจากกันเพื่อสร้างเส้นทางสำหรับเสาแสงให้ผ่านได้
“เทพอสูรบรรพบุรุษ” หลัวเฟิง ทักทายออกมา เขาจำเสียงนี้ได้ นี่คือเสียงของ บรรพบุรุษอสูรสองหน้า
“มากับข้า” เสียงนั้นพูดขึ้น
ทันใดนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ได้เข้าครอบคลุมตัวของ หลัวเฟิง เอาไว้
ซู่!
แรงนั้นได้พา หลัวเฟิง ออกจากเกาะโบฮีเนียล และส่งเขาไปตามเส้นทางแห่งแสง หลัวเฟิง บินจมลึกเข้าไปในแม่น้ำห้าสี ในทิศทางของวังเทพอสูร
ตอนนั้น หลัวเฟิง มีความเร็วมากกว่าแสง การมีความเร็วแบบนี้ได้ในจักรวาลหลักนั้นเป็นเรื่อง…ชัดแล้วว่ามีแค่เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดเท่านั้นที่สามารถควบคุมระดับนี้ได้ หลัวเฟิง ไม่ได้ขัดขืนแรงนี้ จากพลังของเขาแล้วเขาคงทำลายแรงที่บีบรัดตัวเขาได้ง่ายๆ
เมื่อบินมา เขาเห็นดวงดาวนับ 3,000 ดวงซึ่งแสดงโลกเทพ 3,000 แห่ง เขาเห็นทวีปถึง 72 ทวีปที่ซึ่งทุกทวีปนั้นกว้างขวางและดูแข็งแกร่ง จากนั้นเขาก็ได้บินผ่านวังบรรพบุรุษเทพ และวังเทพอสูรทั้งแปด โดยมีวังอื่นๆ อีก 16 วังรายล้อม
“ถึงแล้ว”
หลัวเฟิง ลงไปยืนที่ลานขนาดใหญ่ของวัง เมื่อมองมาที่วังเทพอสูรบรรพกาลจากเกาะโบฮีเนียลแล้ว วังแห่งนี้เหมือนดั่งหอคอยและสูงส่ง เมื่อมาถึงที่นี่ หลัวเฟิง ก็เข้าใจว่าขนาดของมันใหญ่เพียงไหน ทั้งวังกว้างไม่รู้จบพร้อมพลังอันแข็งแกร่ง นี่คือการเปิดมุมมองให้คนอย่าง หลัวเฟิง ที่เคยเห็นสมบัติที่แท้จริงมากมายมาแล้ว
“วังเทพอสูรบรรพกาล ต้องเป็นสมบัติที่แท้จริงชั้นยอดประเภทบิน” หลัวเฟิง คาดการณ์ “มันไม่เหมือนกับโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล! แม้แต่อาจารย์ของมนุษย์ก็ต้องถูกสยบ เขายากที่จะเทียบกับโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ได้”
“หลัวเฟิง เข้ามา” เสียงนั้นดังขึ้นมาจากภายในห้องโถงของวัง ด้านนอกห้องโถงนี้มียาม 8 คนในเกราะทองยืนอยู่ พวกเขาต่างก็เป็นอัศวินอวกาศ และจากพลังของสมบัติที่พวกเขามีอย่างเกราะ และอาวุธแล้วมันคือสมบัติที่แท้จริง ตอนนั้นอัศวินทั้งแปดต่างก็มองมาที่ หลัวเฟิง
“ได้” หลัวเฟิง ตอบกลับ
เขาเดินไปข้างหน้า และเดินไปถึงหน้าประตูของวังก่อนจะเดินต่อไปยังห้องโถง ในห้องโถงนั้นมีเสามากมายที่ยาวเหมือนกับไม่รู้จบ ทุกเสาแห่งนี้มีสัญลักษณ์สลักเอาไว้ที่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทุกเผ่าพันธุ์ มันมีรูปปั้นสลักภาพของมนุษย์, ทหารแมลง, เผ่าหุ่นยนต์…และมีของเผ่าอื่นๆ อีกมากมาย
บรรพบุรุษเทพอสูรสองหน้า นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่อยู่ไกลที่สุด เขามองมาที่ หลัวเฟิง และยิ้มออกมา “ตามข้อมูลที่มนุษย์เผยแพร่ออกมา เจ้าได้เลือกชื่อไว้แล้ว…ผู้นำทางช้างเผือก?”
“ใช่” หลัวเฟิง พยักหน้า
“ผู้นำทางช้างเผือก หลัวเฟิง เจ้าได้อยู่กับโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล มาสักพัก และเข้าร่วมองค์กรย่อยของเรา” บรรพบุรุษเทพอสูรพูดขึ้น “เจ้าอาจจะเป็น ผู้นำทางช้างเผือก แต่จักรวาลต้นกำเนิดได้บอกกับข้าว่า…เจ้ายังไม่ได้เป็น เจ้าแห่งจักรวาล เจ้าสามารถใช้เทคนิคร้ายกาจของ เจ้าแห่งจักรวาล ได้ก็เพราะเจ้ามีความสามารถซึ่งปรากฏขึ้นมาในจักรวาลหลักเป็นครั้งแรก”
หลัวเฟิง ผงะ โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ได้ประกาศให้รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้พิทักษ์แห่งจักรวาลกำเนิด!
แม้แต่ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล และองค์กรก็ยังบอกว่าจักรวาลกำเนิดนั้นถูกปกป้องโดย โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล…ก่อนหน้านี้เขาคิดจะรับการสืบทอดไปเรื่อยๆ บวกกับเขาได้สร้างเทคนิคขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือจากการศึกษา ดูเหมือนว่าข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล กับจักรวาลกำเนิดนั้นจะไม่เปิดเผย ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้เรื่องราวของกัน
“วันที่เจ้าได้เป็น เจ้าแห่งจักรวาล จะเป็นวันที่เจ้าจะได้เป็น ผู้พิทักษ์เทพอสูร ของเรา” บรรพบุรุษเทพ พูดขึ้นและมองไปที่ หลัวเฟิง จากนั้นก็ได้พูดต่อ “อย่าคิดมากไป ผู้พิทักษ์เทพอสูร ทุกคนของ โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล นั้นเป็น เจ้าแห่งจักรวาล ที่มีพลังอันแข็งแกร่ง เจ้าแห่งจักรวาล ทั่วไปนั้นไม่อาจจะได้ตำแหน่งนี้ไป ผู้พิทักษ์เทพอสูร ทุกคนจะมี เจ้าแห่งจักรวาล คอยรับคำสั่ง”
หลัวเฟิง พยักหน้า เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เจ้าแห่งจักรวาลบีคอน, เจ้าแห่งจักรวาลเก้ากว้างไกล…พวกเขาต่างก็เป็นตำนานในจักรวาล ความสามารถของเขาตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะเป็น ผู้พิทักษ์เทพอสูร และมีตำแหน่งเทียบเท่ากับคนที่เหลือได้
“เจ้าได้เข้าร่วมองค์กรย่อยของ โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล มานานแต่เจ้ากลับได้รับภารกิจเพียงครั้งเดียว” บรรพบุรุษเทพ มองไปที่ หลัวเฟิง “ตอนนี้ข้าจะมอบมันให้เจ้าอีก มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับมนุษย์และเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากขอบเขตมนุษย์ เจ้าจะรับภารกิจนี้หรือไม่?”
“หากมันไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และสหายของข้า ข้าก็ยินดีรับมัน” หลัวเฟิง พูดขึ้น
เขารับการสืบทอดมารนับครั้งไม่ถ้วนและได้รับความช่วยเหลือจาก บรรพบุรุษเทพ หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ บรรพบุรุษเทพ ถึงกับออกตัวปกป้องเขาจาก เจ้าแห่งปีศาจเสมือนจริง เป็นธรรมดาที่เขาจะทดแทนบุญคุณ
ฮัวะ!
แสงสีทองส่องประกายขึ้นและมาหยุดตรงหน้า หลัวเฟิง มันได้กลายเป็นรูปปั้นคางคกทองคำ โดยที่ตานั้นเป็นสีเทาดำ
“เอามันไปกับเจ้าและมุ่งหน้าไปยังขอบเขตนี้ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้ตาของคางคกเป็นสีแดงต้องถูกกำจัด” บรรพบุรุษเทพ มองไปที่ หลัวเฟิง “และเจ้าต้องตรวจสอบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น จักรวาลต้นกำเนิดได้ติดต่อมาหาข้า…มีบางอย่างเกิดขึ้นกับจักรวาลหลักของเรา”
หลัวเฟิง รับรูปปั้นนั้นมาและมองไปที่ตาของมัน พวกมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงงั้นเหรอ?
“บรรพบุรุษเทพ ตอนที่ตามันเปลี่ยนเป็นสีแดง ระยะห่างของสิ่งมีชีวิตที่ทำให้ตาเปลี่ยนสีนั้นอยู่ไกลแค่ไหน?” หลัวเฟิง ถาม “มันครอบคลุมพื้นที่ได้เท่าไหร่กัน?”
“ประมาณ 60 ล้านไมล์” บรรพบุรุษเทพ พูดขึ้น “ในตอนที่เจ้าประทับจิตวิญญาณลงไป ควบคุมมันและเจ้าจะรู้สึกได้ว่ามันเกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของใด หากเป็นสิ่งมีชีวิต มันก็ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร…เจ้าต้องกำจัดมันทิ้ง หากเจ้าไม่เต็มใจฆ่ามันด้วยมือเจ้าเอง งั้นก็ส่งสถานที่มาให้ข้า ข้าจะส่งคนอื่นไปจัดการ นี่คือเหรียญสื่อสาร อันที่ เก้ากว้างไกล ได้ให้เจ้าไว้ มันมีสิทธิ์เข้าถึงต่ำ เจ้าจะไม่สามารถติดต่อข้าโดยตรงหากใช้มัน ด้วยเหรียญนี้เจ้าจะได้ติดต่อข้าได้”
เหรียญสีทองได้ลอยมาหา หลัวเฟิง เขารับมันไว้ทันที ทำไมเหรียญทองคำนี้ถึงได้เหมือนเหรียญที่อาจารย์เขา ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ ทำขึ้นมา?
“ไปซะ” บรรพบุรุษเทพ สั่ง “เพื่อจักรวาลต้นกำเนิด ทุกชีวิตที่ทำให้ตาของมันเป็นสีแดงต้องถูกกำจัด ไม่มียกเว้น”
“เข้าใจแล้ว” หลัวเฟิง โค้งให้